มีคาห์ 3-1

และพระเจ้าตรัสว่า

“ส่วนเรื่องของผู้กล่าวพระคำให้เป็นเท็จ  ทำให้คนของเราหลงผิดไปนั้น    ใครให้ของดีกับเขา  เขาจะร้องก้องว่า “สันติสุข!!”

ส่วนคนที่ไม่มีอะไรให้พวกเขากิน  พวกเขาก็จะประกาศสงคราม ต่อสู้กับคนเหล่านั้น

ดังนั้น มันจะกลายเป็นกลางคืนสำหรับเจ้า  เพื่อว่าเจ้าจะมองไม่เห็น
ใช่แล้ว มันจะมืดสำหรับเจ้า จะไม่มีการทำนายใด ๆ เกิดขึ้น    และดวงอาทิตย์จะลับหายไปจากผู้กล่าวพระคำให้เป็นเท็จ   กลางวันจะกลายเป็นสีดำมิด

และคนที่ทำนายอนาคต จะต้องอับอาย หมอดูจะตกตะลึงหน้าแดงก่ำ ใช่…. เขาจะปิดปากตัวเองเพราะว่า ไม่มีคำตอบมาจากพระเจ้า

แต่เรา  มีคาห์  เรามีฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณของพระเจ้า มีความเที่ยงธรรมและพลัง เพื่อจะบอกให้ยาโคบรู้ถึงการล่วงละเมิด  บอกให้อิสราเอลรู้ถึงบาปของตน
ฟังนี่นะ  ขอร้องล่ะ  หัวหน้าแห่งวงศ์วานยาโคบและผู้ปกครองอิสราเอล ท่านผู้ซึ่งเกลียดชังและปฏิเสธความยุติธรรม คนที่บิดเบือนความจริง คนที่สร้างศิโยนขึ้นมาด้วยเลือด  สร้างเยรูซาเล็มขึ้นมาด้วยความชั่วร้าย   คนที่เป็นหัวหน้านั้นพิพากษาเพราะเห็นแก่สินบน และเหล่าปุโรหิตก็ทำหน้าที่ของตนเพื่อเงินเท่านั้น   แม้กระนั่นยังทำทีว่า พึ่งพิงพระเจ้า กล่าวว่า “พระเจ้าไม่ได้อยู่ท่ามกลางพวกเราหรอกหรือ?  จะไม่มีความชั่วร้ายตกมาที่เราเลย”

ดังนั้น ศิโยนจะถูกไถเหมือนไร่นา  เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง  และภูเขาแห่งพระวิหารของพระเจ้าจะเป็นป่ารกรุงรัง
คนที่เป็นผู้นำ แต่ทำทุกอย่างจากความตะกละความโลภ และยังได้หลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิด เขาทำให้คนอื่นตาบอด เขาเองจะมองอะไรไม่เห็น ไม่อาจรู้อนาคตได้อีก

แต่มีคาห์แตกต่างจากคนหลอกลวงเหล่านั้น เพราะเขาพูดออกมาด้วยฤทธิ์แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ คำพูดของเขาจึงมีอำนาจและเป็นจริง
เหล่าผู้นำคิดว่าตัวเองอยู่ฝ่ายพระเจ้า ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ตนเอง ดังนั้นประเทศบ้านเมืองจึงเสียหายเพราะผู้นำเลวร้าย