ยอดพระราชา ๒๖-๒

2 พงศาวดาร 26:6-15

ความเจริญในสมัยของราชาอุสซียาห์นั้น ทำให้ประชาชนเริ่มสบายใจขึ้นมาก  ผู้คนอยู่ดีกินดี  ทำสงครามกับใครก็ชนะ

ที่ต้องทำสงครามก็เพราะในโลกโบราณนั้น หากอยู่เฉยนานไป ทหารก็จะอ่อนแอ  อาจถูกประเทศอื่นเข้ามาโจมตีได้

ราชาอุสซียาห์เองทรงเริ่มต้นต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย  ซึ่งมีความเก่งกาจในการรบเป็นอย่างยิ่ง

ภาพเขียนของไมเคิลแอนเจโล

พระองค์ทรงพังกำแพงเมืองกัททางใต้  เมืองยับเนห์และอัชโดด ยิ่งกว่านั้น ทรงสร้างเมืองในเขตแดนของคนฟิลิสเตียด้วย  นี่อาจหาญมากทีเดียว  ทำให้คนทั้งหลายมองว่า พระองค์ทรงเข้มแข็งในการทหาร

ที่ราชาอุสซียาห์เก่งอย่างนี้ได้  ก็เพราะพระเจ้าทรงช่วยพระองค์ ในการทำสงครามกับคนฟิลิสเตีย  คนอะราเบีย และคนเมอูนิมด้วย   ไม่ว่าไปทำศึกครั้งใด พระเจ้าทรงอยู่ด้วย และทรงช่วยให้พระองค์ได้รับชัยชนะ

กลายเป็นว่าตอนนี้  คนชาวอัมโมนก็ต้องมาส่งส่วยให้กับราชาอุสซียาห์แห่งยูดาห์

พระนามอุสซียาห์กลายเป็นนามที่โดดเด่น   ประชาชาติในตะวันออกกลางต่างยกนิ้วให้   พวกเขาเห็นว่า พระองค์ทรงเข้มแข็งไม่แพ้กษัตริย์ที่เข้มแข็งแห่งราชวงศ์ยูดาห์ในอดีต

แน่นอน ราชาอุสซียาห์ย่อมรู้สึกกระหยิ่มอยู่บ้าง….
พระองค์ทรงสร้าง ซ่อมแซมป้อมนครเยรูซาเล็มให้แข็งแรง  และยังทรงไปดูเมืองอื่น ๆ รอบ ๆ ด้วย

 

พระราชาองค์นี้ไม่เฉพาะเก่งทางการต่อสู้เท่านั้น  แต่ยังดูแลบ้านเมือง ความเป็นอยู่ของราษฎร พระองค์ไม่ทรงทิ้ง  ทรงสร้างเมืองในทะเลทราย ขุดบ่อน้ำ   ทรงให้คนเลี้ยงสัตว์ ทำไร่องุ่น   ราชาอุสซียาห์รักการทำไร่ทำสวนไม่น้อยไปกว่าการปกครอง การทหาร   เป็นพระราชาที่ทรงทำงานรอบด้าน

พระองค์ทรงมีทหารในกองทัพถึง  307,500 คน    มีผู้บังคับบัญชา 2,600 คน แน่อน ยิ่งกองทัพใหญ่ ก็ต้องมีโล่ หอก ธนู  สลิง  เสื้อเกราะ หมวกเหล็ก มากมาย  นี่ทำให้คนมีงานทำอีก  เศรษฐกิจของประเทศก็ดีตามไปด้วย

และนี่เองทำให้มีการคิดค้นเครื่องกลเพื่อทำสงคราม  ประดิษฐ์อาวุธแปลกใหม่ที่ในโลกโบราณไม่เคยมีมาก่อน  เป็นเครื่องยิงลูกธนู และหินใหญ่ให้ไปไกล ๆ  อย่างนี้แล้ว  จะไม่ให้พระนามอุสซียาห์ระบือไปไกลได้อย่างไร