ราชานักก่อสร้าง ๘-๑

2 พงศาวดาร 8:1-10

ราชาซาโลมอนทรงสร้างพระวิหารใน 7 ปี  และพระราชวังอีก 13 ปี รวมเป็น 20 ปีที่พระองค์ทรงปกครองประเทศไปพร้อม ๆ กับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่

แต่มันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น  พระองค์ยังทรงสร้างหัวเมืองต่าง ๆ ที่ราชาฮีรามได้ถวาย   และก็มีเมืองที่ฮีรามถวายคืนมาด้วย  ราชาซาโลมอนเคยให้หลายเมืองกับราชาฮีราม  แต่พระองค์ไม่ประสงค์เมืองเหล่านั้น เพราะเป็นเมืองที่ไม่เจริญเลย  ราชาซาโลมอนทรงส่งคนอิสราเอลไปอยู่ตามหัวเมืองเหล่านั้น   และทรงสร้างสิ่งที่ทรงเห็นว่าเหมาะสม

นายช่างฮีรามกับราชาซาโลมอน  ภาพผลงาน J.J. Scheuchzer 1731

พระองค์ทรงสร้าง  สร้าง  และสร้าง  ตามเมืองขอบเขตรอบนอกออกไป    แม้กระทั่งเมืองในถิ่นที่แห้งแล้งมากอย่างเช่นเมืองทัดโมร์   เมืองที่พระองค์ทรงสร้างจะเป็นเมืองที่มั่นคง มีทั้งกำแพง  ประตู ดาลที่เข้มแข็ง  ยากที่ศัตรูจะเข้ามารุกรานได้

นับได้ว่า เป็นราชาแห่งการก่อสร้างจริง ๆ

ทรงสร้างเมืองที่ใช้เป็นคลังหลวง

เมืองที่จะเก็บรถรบ

เมืองสำหรับพลม้า

ตรงนี้เองที่น่าสนใจ…. พระเจ้าทรงสั่งไม่ให้ผู้ปกครองอิสราเอลสะสมรถรบ พลม้าสำหรับตัวเอง  แต่ดูเหมือนว่า ราชาซาโลมอนจะไม่ได้สนพระทัยคำสังห้ามนี้   ทรงมีม้า  และรถรบ รวมทั้งพลม้ามากมาย  เหล่านี้ จะสร้างปัญหาให้กับพระราชาไหม?

ความที่ทรงเป็นคนฉลาดมาก  พร้อมกับมีแรงงาน  มีทรัพย์มากมายเพียงพอ   ดังนั้น ไม่ว่าทรงคิดอะไรเกี่ยวกับเมือง ก็จะทรงจัดการเรื่องนั้นได้อย่างเรียบร้อย สำเร็จเสร็จสิ้นไปเสียทุกเมือง

พระเจ้าทรงอวยพระพรราชาซาโลมอนและประชาชนของพระองค์

มีเมืองที่ไหน ก็มีงานที่นั่น    มีทั้งนายงาน  และคนแรงงาน ซึ่งนำมาจากชาวฮิตไทท์  อาโมไรต์  เปเรซี  ฮีไวต์  และเยบุส
คนอิสราเอลส่วนใหญ่จะทำงานเป็นข้าราชการ  เป็นนายทหาร  เป็นพลม้าของพระองค์   พระองค์ทรงมีข้าราชการชั้นผู้ปกครองตามเมืองต่าง ๆ   250  คน

 

ชีวิตสองด้าน ๗-๓

2 พงศาวดาร 7:19-22

พระเจ้าทรงเตือนราชาซาโลมอนให้อยู่ในทางของพระองค์  และพระองค์จะทรงทำตามสัญญาของพระองค์ทุกอย่าง

แต่เหรียญมีสองด้าน

ชีวิตมีดี มีร้าย

โลกมีทุกข์และสุข

มนุษย์เชื่อฟัง และต่อต้านพระเจ้า…..

พระเจ้าตรัสต่อไปว่า

“แต่หากเจ้าหันไปจากทางของเรา ละทิ้งพระบัญญัติและกฎเกณฑืที่เราได้บอกเจ้าไว้  แล้วเจ้าหันไปบูชาพระอื่น  นมัสการพระเหล่านั้น  …..”

เป็นไปได้อย่างไร ราชาซาโลมอนทรงแอบคิดในใจ  พระเจ้าทรงดีที่สุด  ข้าจะหันไปจากทางของพระองค์รึ?  เป็นไปไม่ได้..!!!

หายนะของเยรูซาเล็ม โดย David Roberts 1850

“หากเจ้าทำเช่นนั้น  เราจะถอนรากพวกเขาออกไปจากแผ่นดินที่เรามอบให้เจ้า!  และวิหารที่เจ้าสร้าง และถวายแก่เรานี้  เราจะเหวี่ยงมันไปให้ไกลสายตาของเรา  เราจะทำให้วิหารนี้กลายเป็นคำที่คนพูดกันทั่ว  มันจะกลายเป็นคำอ้างถึง  เป็นสุภาษิตของคนทั่วไปที่ผ่านมาเห็น   พวกเขาจะประหลาดใจและกล่าวว่า…  ทำไมพระเจ้าจึงทรงทำต่อแผ่นดินและพระวิหารเช่นนี้?  ….

จะมีคนตอบให้ว่า .. เป็นเพราะพวกเขาละทิ้งพระเจ้า  พระเจ้าของบรรพบุรุษซึ่งทรงนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์   พวกเขาได้ยึดถือพระอื่นและนมัสการพระเหล่านั้น   รับใช้พระอื่นเหล่านั้น

พระเจ้าจึงทรงนำหายนะมาสู่พวกเขา …. “

 

พระเจ้าทรงเตือนราชาซาโลมอนไว้ล่วงหน้าแล้ว   พระองค์จะทรงใส่พระทัยหรือไม่นะ?

 

คืนที่พระเจ้าทรงเยี่ยม ๗-๒

2 พงศาวดาร 7:11-18

ราชาซาโลมอนได้สร้างพระวิหารของพระเจ้า และราชวังของพระองค์เสร็จสมบูรณ์  ไม่มีสิ่งใดตกบกพร่อง วางแผนไว้อย่างไร ก็ทำตามนั้น   เป็นความสำเร็จที่ผู้คนกล่าวขานถึงความงาม ตระการของพระวิหารทั่วแผ่นดิน   และยังเลื่องลือไปยังประเทศต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ   แม้ประเทศไกล ก็ได้ยินเรื่องราวของพระวิหารนี้

หลังจากงานถวายพระวิหารผ่านไปแล้ว

พระเจ้าทรงมาเยี่ยมราชาซาโลมอนในเวลากลางคืน  ราชาซาโลมอนดีพระทัยมาก  ทรงน้อมองค์ฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัส
“เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า   และเราได้เลือกสถานที่แห่งนี้ ให้เป็นที่ ๆ ประชากรอิสราเอลจะถวายเครื่องบูชาต่อเรา
เมื่อเราปิดฟ้า ทำให้ไม่มีฝน หรือเมื่อเราสั่งให้ตั๊กแตนมาเขมือบพืชผลไร่นา  หรือเมื่อเราส่งโรคระบาดมาท่ามกลางพี่น้องอิสราเอล ….  “   ดูเหมือนว่า คำตรัสของพระเจ้านั้นกำลังบอกราชาซาโลมอนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อคนเจอโรคระบาด  ภาพวาดโดยกุสตาฟ ดอเร่

“หากประชากรของเรา  ที่เรียกชื่อของพวกเขาตามนามของเรา จะถ่อมใจลง  อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา   ถ้าเขาจะหันจากทางแห่งความบาปร้ายของเขา เราจะยินเสียงของเขาจากสวรรค์    เราจะอภัยบาปให้เขา  และรื้อฟื้นรักษาแผ่นดินให้หายจากความหายนะ

ตาของเราจะเปิดอยู่  หูของเราจะคอยฟังคำอธิษฐานที่พวกเขามาร้องทูลในสถานที่นี้ เพราะเวลานี้  เราได้เลือกและได้ชำระวิหารนี้ เพื่อว่านามของเราจะอยู่ในวิหารนี้ตลอดไป     ตาของเรา ใจของเราจะอยู่ที่นี่เสมอไป

ส่วนเจ้า  ถ้าเจ้าเดินตามรอยของดาวิด พ่อของเจ้า   ทำทุกสิ่งตามที่เราได้บัญชาไว้ และรักษากฏบัญญัติของเรา  เราก็จะสถาปนาเจ้าบนบัลลังก์ และเราจะให้คำสัญญาเหมือนกับที่ให้กับพ่อของเจ้าว่า   เจ้าจะไม่ขาดชายสักคนที่จะปกครองอิสราเอล”

พระเจ้าทรงเป็นห่วงใยที่จะย้ำให้ราชาซาโลมอนทำในสิ่งที่ถูกต้อง

พระเจ้าทรงเป็นห่วงใยที่จะบอกวิธีแก้ไข เมื่อเกิดเหตุร้าย

พระองค์ทรงบอกชัดเจนว่า  สิ่งร้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาหันจากทางของพระองค์ และใช้ชีวิตอย่างชั่วร้ายต่อพระองค์  ต่อตัวเอง และผู้อื่น

พระเจ้าทรงรู้ว่า  พวกเขาไม่สามารถที่จะดำเนินตามพระบัญญัติของพระองค์ได้อย่างครบถ้วน  จะมีวันหนึ่งที่พวกเขาหันไปจากทางของพระองค์

 

พระสิริก็ลงมา ๗-๑

2 พงศาวดาร 7:1-10

เมื่อราชาซาโลมอนทรงอธิษฐานจบ  ทุกคนในที่นั้นก็ต้องตะลึง  ….. เพราะ

ชิ้วววววว    ซ  ซซซ ซซ !!!!

ไฟจากสวรรค์เบื้องบน  ลงมาเผาเครื่องบูชา และสัตวบูชาทันที!

พระสิริของพระเจ้าแผ่กระจายเต็มพระวิหาร

แม้ปุโรหิต ก็เข้าไปในพระวิหารไม่ได้เลย   มองไม่เห็นอะไร เพราะพระสิริของพระเจ้าแน่นอยู่ในบรรยากาศนั้น !

ไฟจากสวรรค์ลงมาเผาเครื่องบูชา


“เพราะว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่นิรันดร์”

 

 

 

เสียงของผู้คนที่อยู่ในพระวิหารร้องออกมาพร้อมกัน  เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  พวกเขากราบซบหน้าลงถึงดินทุกคน

วันนั้น ราชาซาโลมอนถวายสัตวบูชาเป็นวัว 22,000  ตัว   และแกะอีก 102,000 ตัว   โอ… จะมากอะไรปานนั้น  มิน่า  จึงต้องการเลวี และคนทำงานในพระวิหารมากมายเหลือเกิน

การถวายครั้งนี้เป็นเครื่องหมายว่า ทั้งพระราชาและประชากรของพระองค์ ได้ถวายพระวิหารให้เป็นของพระเจ้า

บรรยากาศวันนั้นสง่างาม  ทรงเกียรติ และเต็มด้วยความชื่นชมยินดี

เหล่าปุโรหิต  เลวี  นักร้อง ต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดใจ

เสียงเพลงกระหึ่มทั่วบริเวณ   ดังออกไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม

ชาวเมืองตั้งใจฟังเสียงเพลงสรรเสริญพระเจ้า  และพวกเขาก็น้อมใจลงสรรเสริญพระเจ้าพร้อมไปกับเหล่านักร้อง  นักดนตรีเหล่านั้น

 

กว่าสิบวัน  ที่คนอิสราเอลและพระราชาอยู่ในงานนี้ด้วยกัน เป็นชุมชนใหญ่โตมาก    เมื่อถึงวันสุดท้าย  ประชาชนลาราชาซาโลมอนกลับยังถิ่นฐานของตนเอง

“ขอบคุณพระเจ้า   ขอบคุณพระเจ้า   พระเจ้าทรงดีต่อเรามากเหลือเกิน”

ชนอิสราเอลต่างชื่นบานยินดีสำหรับความดี    ที่พระเจ้าได้ทรงมอบให้แก่ราชาดาวิด  ผู้ที่ตั้งพระทัยจะสร้างพระวิหาร  ทั้งแก่ราชาซาโลมอนและพวกเขาทุกคน

 

เมื่อต้องเป็นเชลย ๖-๕

2 พงศาวดาร 6:34-39

“ยังมีอีกเรื่องที่ข้าทาสของพระองค์จะทูลขอ

อาจมีสักวันหนึ่งที่คนอิสราเอลต้องออกไปทำสงครามในที่ไกล ๆ  พระองค์เจ้าข้า  เมื่อพวกเขาอธิษฐานต่อพระองค์หันหน้ามาทางเมืองเยรูซาเล็มที่พระองค์ทรงเลือกไว้นี้  เมื่อพวกเขาหันตรงมาที่พระวิหารแห่งพระนามของพระองค์   ขอพระองค์ทรงเมตตา

ขอทรงสดับฟังเขาจากฟ้าสวรรค์  และขอให้สิทธิแห่งความเป็นประชากรของพระองค์นั้น คงอยู่

เมื่อพวกเขาต้องไปเป็นเชลย  ถูกปฏิบัติราวสัตว์ใช้งาน……

พระองค์เจ้าข้า มนุษย์ทำบาปเสมอ  ดังนั้น  หากเขาได้ทำบาปต่อพระองค์  และพระองค์ทรงกริ้ว   พระองค์ทรงมอบเขาไว้ในมือของศัตรูกลายเป็นเชลย… ในแผ่นดินของศัตรู

ขอพระเจ้าทรงเมตตา  หากเขาสำนึกผิดจากแผ่นดินไกล และกลับใจ

เมื่อพวกเขาสำนึกผิดและวิงวอนต่อพระองค์  จากแผ่นดินที่เขาเป็นเชลยนั้น

เมื่อพวกเขาทูลอ้อนวอนต่อพระองค์ว่า  … ข้าทาสทั้งหลายได้ทำบาป ทำชั่วร้าย ทำการอธรรมต่อพระองค์….

เมื่อพวกเขากลับมาหาพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิต สิ้นสุดใจ

และอธิษฐานตรงมาที่แผ่นดินนี้  ตรงมาที่พระวิหารนี้

พระเจ้าข้า   ขอทรงโปรดสดับคำอธิษฐานของพวกเขา จากสรวงสวรรค์ จากที่ประทับของพระองค์

ขอพระองค์โปรดให้สิทธิแห่งความเป็นประชากรของพระองค์นั้น ยังคงอยู่

ขอพระองค์เมตตา  ประทานอภัยให้พวกเขา”

 

เมื่อราชาซาโลมอนอธิษฐานเผื่อประชากรของพระองค์แล้ว

พระองค์ทรงหันพระทัยมุ่งมายังที่ ๆ  พระองค์ทรงอยู่พร้อมกับประชากรอีกเป็นจำนวนมาก

“ข้าแต่พระเจ้า

ขอพระเนตรทรงดู  ขอพระกรรณทรงยินคำอธิษฐานแห่งพระวิหารนี้

ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงลุกขึ้นเสด็จไปยังที่ประทับของพระองค์

ทั้งพระองค์  และหีบแห่งอำนาจสูงสุด

ขอให้ปุโรหิตสวมใส่ความรอด

ให้คนของพระองค์  ยินดีในความดีของพระองค์

พระเจ้าข้า   ขออย่าทรงหันใบหน้าของผู้ทรงเจิมไปเสีย

ขอทรงระลึกถึงความรักมั่นคงที่ทรงมีต่อดาวิด  ผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด!”

 

ราชาซาโลมอนได้อธิษฐานเพื่อประชากรของพระองค์   คนต่างด้าว  และที่สุด พระองค์ทรงเชิญพระเจ้าเสด็จเข้ามาประทับในพระวิหาร   คำอธิษฐานที่ได้บันทึกไว้นี้  ทำให้เรารู้ว่า  เราควรอธิษฐานเผื่อคนอื่น  และห่วงใยผู้อื่นอย่างไร

ราชาซาโลมอนผู้ได้เขียนสุภาษิต  และปัญญาจารย์   ผู้ทรงสติปัญญา ไม่ได้อธิษฐานขอความมั่งคั่งเลย

พระองค์ทรงขอเพื่อคนทั้งหลายจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องกับพระเจ้า   และยังอธิษฐานขอทางแก้ไขเมื่อพวกเขาทำผิดต่อพระองค์

 

คำอธิษฐานนี้….. ดีจริง ๆ

 


 

คำทูลเพื่อคนต่างด้าว ๖-๔

2 พงศาวดาร 6:32-33

ยังมีอีกเรื่องที่ราชาซาโลมอนทรงคิดถึง  และทรงอธิษฐานต่อพระเจ้า

นั่นคือ เรื่องของคนต่างด้าว  คนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล  ซาโลมอนจะใช้ให้พวกเขาทำงานสร้างพระวิหาร เป็นคนสกัดหิน เป็นคนขนไม้ ทำงานหนักต่าง ๆ    พวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พระวิหารสำเร็จ   ตลอดเวลาที่ทำงานกับพวกเขา กว่า 7 ปี   ราชาซาโลมอนเองทรงสัมผัสชีวิตของพวกเขา  ทรงเห็นความตั้งใจของพวกเขาในการทำงาน       ราชาซาโลมอนก็ทรงทราบดีว่า พระเจ้าทรงสร้างพวกเขามาเช่นกัน

จากคำอธิษฐานนี้ จะเห็นว่า ราชาซาโลมอนทรงคิดอย่างไรกับพวกเขา  ไม่ได้ทรงเหยียดหยามพวกเขาดั่งทาส   ไม่ได้ทรงคิดกับพวกเขาเหมือนเป็นมนุษย์อีกชนชั้น   แต่กลับขอพระเจ้าทรงเมตตาพวกเขา

 

 

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  ยังมีคนต่างด้าวซึ่งไม่ใช่คนอิสราเอล ประชากรของพระองค์อีก

พวกเขามาจากที่ ๆ ไกล

พระองค์เจ้าข้า  … เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

เพื่อเห็นแก่พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
เพื่อเห็นแก่พระกรที่พระองค์ทรงยื่นออกมา

ขอทรงโปรดสดับฟังจากฟ้าสวรรค์    เมื่อพวกเขามาอธิษฐาน ณ พระวิหารนี้

ขอทรงตอบตามที่พวกเขาทูลขอ

เพื่อว่า ชนชาติต่าง ๆ ในแผ่นดินโลกนี้ จะได้รู้จักพระนาม  และยำเกรงพระนามของพระองค์เหมือนอย่างที่คนอิสราเอลยำเกรงพระองค์

เพื่อเขาจะได้ทราบว่า พระวิหารนี้ เรียกกันด้วยพระนามของพระองค์…”

คำอธิษฐานนี้ น่าสนใจจริง

ราชาซาโลมอนปรารถนาให้คนต่างด้าวได้รู้จักและนับถือองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนคนอิสราเอล !!

 

คำอธิษฐานล่วงหน้า ๖-๓

2  พงศาวดาร 6:26-31

นอกจากว่า ราชาซาโลมอนจะทรงเป็นห่วงว่า อนาคต คนอิสราเอลจะทำบาปต่อพระเจ้า  เป็นเหตุให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อศัตรูยังไม่พอ

พระองค์ทรงเป็นห่วงอีกหลายเรื่อง  ทรงอธิษฐานต่อไปว่า

“เมื่อประชากรทำบาปต่อพระองค์  ทำให้สวรรค์ปิด  ไม่มีฝนตกลงมา   พระองค์ทรงให้เขาได้รับความทุกข์ใจซึ่งเป็นผลจากบาปของพวกเขา    และพวกเขาได้กลับใจ หันจากความบาปทั้งปวง กลับมารับพระนามของพระองค์  และอธิษฐานจากพระวิหารนี้

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดฟังจากสวรรค์  และอภัยบาปให้กับผู้รับใช้ของพระองค์  และประชากรอิสราเอลทั้งปวง    เมื่อพระองค์ทรงสอน แนะนำทางที่ดีให้กับพวกเขาแล้ว  ขอประทานฝนรดแผ่นดินที่พระองค์ประทานให้พวกเขา”

คำอธิษฐานของพระราชานั้น  ประชาชนก็ฟังอยู่เช่นกัน  นี่เป็นทั้งคำอธิษฐานและคำเตือนสติจากพระราชาที่มีต่อประชาชน

ราชาซาโลมอนยังทรงนึกถึงวันเวลายากลำบากที่อาจเกิดอย่างไม่คาดคิด…. แม้ในคำอธิษฐานของพระราชาเรายังเห็นได้ว่า พระองค์ทรงรอบคอบ  รอบรู้ ทรงมองการณ์ไกล  พระองค์ไม่เชื่อว่า คนอิสราเอลจะเป็นคนดีไปได้ตลอดไป     แต่พระองค์ทรงเชื่อในความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนอิสราเอล

“ข้าแต่พระเจ้า
วันหนึ่ง  อาจเกิดการกันดารอาหารขึ้น    อาจมีโรคระบาด  โรคพืช  โรคราน้ำค้าง  หรือมีตั๊กแตนเข้ามาเขมือบพืชผล  อาจมีศัตรูเข้ามาล้อมเมือง  และโรคร้ายในหมู่ประชากร

พระเจ้าข้า  ขอพระองค์ทรงโปรดสดับฟังจากสวรรค์ เมื่อพวกเขาร้องทูลพระองค์จากพระวิหารนี้

พระเจ้าข้า  พวกเขาแต่ละคน ย่อมเข้าใจถึงความเจ็บปวด ความทรมานที่เกิดขึ้น   ดังนั้น ขอพระเจ้าทรงโปรดฟังเขา ขอทรงอภัยบาปให้  และจัดการกับเขาตามการกระทำของเขา   พระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้จิตใจภายใน   ทรงรู้ว่า เขาคิดอะไรอยู่

พระองค์เจ้าข้า  ทั้งนี้ เพื่อว่าเขาจะได้ยำเกรงพระองค์  และเดินในหนทางของพระองค์  ตลอดวันเวลาที่พระเจ้าได้ให้เขาได้อยู่ในแผ่นดินที่ประทานแก่บรรพบุรุษของเขา “

ราชาซาโลมอน ทรงมองเห็นว่า ในวันข้างหน้านั้น ยังมีอะไรหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้   ในรัชสมัยของราชบิดา ก็มีแต่สงคราม และการต่อสู้มากมาย  ส่วน ในสมัยของพระองค์เองมีความสงบ  ประชากรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

แต่ใครจะรู้อนาคตว่า  จะดีหรือร้าย?…  พระราชาทรงอธิษฐานเพื่อพวกเขาตั้งแต่วันนี้  มันน่าจะปลอดภัยกว่า

 

คำอธิษฐานของพระราชา ๖-๒

2  พงศาวดาร 6:12-25

ราชาซาโลมอนทรงคุกเข่ากางพระหัตถ์ออก   ต่อหน้าคนอิสราเอลบนปะรำทองเหลืองที่กลางงาน  ตรัสว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพระใด ๆ เป็นเหมือนพระองค์ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือแผ่นดินเบื้องล่าง
พระองค์ทรงรักษาคำมั่นสัญญา
ทรงแสดงความรักอันมั่นคงต่อราชาดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินในทางของพระองค์อย่างสุดใจ

วันนี้ ทุกอย่างที่พระองค์ทรงสัญญานั้น ได้สำเร็จลงทั้งสิ้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล
ขอให้พระวจนะของพระองค์ ดำรงอยู่ตามที่พระองค์ได้ตรัสแก่ราชาดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
ที่ลูกหลานของราชาดาวิดจะดำเนินชีวิตต่อพระพักตร์ของพระองค์อย่างที่ราชาดาวิดได้ทรงดำเนินมานั้น
และที่ราชาดาวิดจะไม่ขาดชายที่จะนั่งบนบัลลังก์อิสราเอลจำเพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

อีกจินตนาการในวันนั้นที่ถวายพระวิหาร  ภาพเอื้อเฟื้อจาก dsmedia.org

เพราะว่าสวรรค์อันกว้างใหญ่ไพศาลยังไม่อาจรับพระองค์ไว้ได้
พระเจ้าข้า  พระวิหารที่ได้สร้างขึ้นมานี้    ยิ่งไม่อาจรับพระองค์ไว้ได้
ขอพระองค์โปรดฟังคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์
ขอทรงสดับฟังเสียงร้อง และคำอธิษฐาน
เพื่อว่า พระเนตรของพระองค์จะทรงมองพระวิหารนี้ ทั้งกลางวันและกลางคืน     พระองค์ได้ตรัสว่า จะตั้งพระนามของพระองค์ไว้ที่พระวิหารนี้    และเพื่อว่าพระองค์จะทรงฟังคำอธิษฐานของข้าทาสและประชากรอิสราเอลเมื่อพวกเขาอธิษฐานจากที่นี่

พระเจ้าข้า  ณ สรวงสวรรค์  ขอพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐาน และขอพระองค์อภัยบาปทั้งสิ้นของเรา

ขอพระองค์ทรงพิพากษาผู้กระทำผิด และทรงแจ้งความบริสุทธิ์ของคนชอบธรรมจากแท่นบูชานี้

พระเจ้าข้า หากประชากรอิสราเอลทำผิดต่อพระองค์ แล้วพ่ายแพ้ศัตรู และเขาได้หันกลับมาหาพระองค์ รับพระนามของพระองค์ และอธิษฐานวิงวอนขออภัยจากพระวิหารนี้  ขอพระเจ้าโปรดทรงฟังจากสรวงสวรรค์และอภัยบาปเขา  และขอทรงนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่บรรพบุรุษของเขา”……

ทำไมพระราชาทรงอธิษฐานเช่นนี้?

ราวกับว่า พระองค์ทรงรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประชากรอิสราเอลในอนาคต!!

 

มอบถวายพระวิหาร ๖-๑

2 พงศาวดาร  6:1-10

เมฆหมอกเต็มอยู่ในพระวิหารจนปุโรหิตไม่สามารถปรนนิบัติหน้าที่ได้    พวกเขาล้มลง  ก้มลงกราบพระเจ้าที่เขาไม่เห็น     ทุกคนต่างตะลึงกับการประทับอยู่ของพระเจ้า    หลายคนรู้สึกเหมือนจะตายเพราะความที่พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่น   พวกเขาเข้าใจแล้วว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะเห็นพระองค์ได้   แค่รู้ว่า พระองค์ประทับอยู่ที่ตรงนี้ก็มากเกินกว่าที่จะรับไหว!!!

ราชาซาโลมอนทรงอยู่ข้างนอกพระวิหาร พร้อมกับประชาชนเป็นจำนวนมาก   พระองค์ตรัสด้วยสุรเสียงดังก้องว่า

“พระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะประทับในความมืดทึบ
ข้าทาสของพระองค์   ได้สร้างพระวิหาร เพื่อเป็นที่ประทับของพระองค์
เพื่อว่าพระองค์จะสถิตอยู่ตลอดไป”

ประชาชนทั้งปวงน้อมลงกราบ…. ทุกคนปรารถนาให้พระวิหารนี้เป็นที่ประทับของพระองค์หรือ?

พวกเขารู้อยู่ในใจว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าวิหารนี้มากมายนัก แม้ฟ้าสวรรค์ยังรองรับพระองค์ไม่หมด….
พวกเขาไม่อาจเอาพระเจ้ามาไว้ในพระวิหาร เหมือนกับที่เอาหีบพันธสัญญาของพระองค์มาไว้ในพระวิหารนั้น

แต่การสร้างพระวิหาร คือการแสดงการถวายเกียรติพระเจ้าด้วยสุดจิต  สุดใจ สุดความคิด และสุดกำลัง ของราชาดาวิดและซาโลมอน เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักเคารพที่มีต่อพระองค์   ขอถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทั้งหมดที่มีอยู่   พระราชาและประชาชนพร้อมใจกันที่จะถวายเกียรติสูงสุดแด่พระเจ้า ……

ภาพได้รับความเอื้อเฟื้อจาก lavistachurchofchrist.org

ราชาซาโลมอนตรัสว่า

“สรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์ทรงทำตามคำสัญญาที่ตรัสกับราชบิดาของข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์ของพระองค์
พระองค์ได้ตรัสว่า

…..นับแต่วันที่เรานำประชากรของเราออกมาจากอียิปต์
เรามิได้เลือกเมืองใดเมืองหนึ่ง ในเผ่าใด ๆ เพื่อสร้างวิหารขึ้น
เรามิได้เลือกใครมาครองอิสราเอล

แต่บัดนี้ เราเลือกเยรูซาเล็มเป็นที่สร้างวิหารเพื่อนามของเรา
และเลือกดาวิดให้ปกครองประชากรอิสราเอลของเรา…..

ดาวิด ราชบิดาของข้าพเจ้า ตั้งพระทัยจะสร้างพระวิหารถวายแด่พระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล

แต่องค์พระเจ้าทรงห้ามไว้  ที่เจ้ามีใจจะสร้างวิหารให้เรานั้นก็ดีแล้ว
แต่เจ้าจะไม่ใช่ผู้ที่สร้างพระวิหาร  ผู้ที่จะสร้างคือบุตรชายของเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำตามพระสัญญาคือ

ให้ข้าพเจ้าครองบัลลังก์ต่อจากราชบิดา
และข้าพเจ้าได้สร้างพระวิหารนี้เพื่อพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล

วิหารนี้ให้เป็นที่วางหีบพันธสัญญา    ซึ่งภายใน มีพันธสัญญาที่พระเจ้าประทานแก่คนอิสราเอล”

สิ่งที่ราชาซาโลมอนตรัส  เหล่าคนอิสราเอลต่างก็รับไว้ในใจด้วยความนอบน้อม

 

 

 

วันที่ปุโรหิตล้ม ๕-๒

2 พงศาวดาร 5:10-14

ทายซิว่า มีอะไรอยู่ในหีบพันธสัญญาของพระเจ้า   ทำไมจึงสำคัญมากยิ่งนัก  ….

เป็นอะไรนะ?  ทองคำบริสุทธิ์หรือ?

คงไม่ใช่ เพราะในพระวิหารมีทองคำประดับอยู่ล้นเหลือ

หรือว่าเป็นเพชรน้ำเอก  เพชรก้อนโตที่เจียระนัยมาอย่างสวยงาม….

แต่ในพระวิหารก็มีอัญมณีประดับอยู่มากมายเช่นกัน

ของสิ่งนี้  ใส่ในหีบมานานแล้ว  ตั้งแต่สมัยโมเสส… พอจะนึกออกแล้วหรือยัง

ก็ชื่อ หีบพันธสัญญา  ….ในนั้น ต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพันธสัญญาของพระเจ้า

คิดออกแล้วใช่ไหม…

ในหีบนั้น มีแผ่นหินก้อนใหญ่สองก้อน   จารึกพระบัญญัติสิบประการไว้ ครั้งที่พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับคนอิสราเอลตอนที่พวกเขาออกมาจากอียิปต์ใหม่ ๆ    นี่เป็นเครื่องหมายที่บอกว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเขา  เขาเป็นประชากรของพระองค์ และเขาจะดำเนินตามพระประสงค์ของพระองค์   มีบัญญัติบอกทางแล้วว่า พวกเขาจะดำเนินชีวิตอย่างไร

จินตนาการของผู้วาด .... ภาพจาก pitts.emory.edu

เมื่อได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าเข้าไปในอภิสุทธิสถานแล้ว เหล่าปุโรหิตก็เดินออกมาจากพระวิหาร ส่วนเลวีที่เป็นนักร้อง ยืนอยู่ทางตะวันออกของแท่นบูชา

ไม่เฉพาะนักร้องเท่านั้น ยังมีนักดนตรี ใส่เสื้อผ้าป่าน ถือ ฉาบ พิณใหญ่  พิณเขาคู่ และคนแตรอีก 120 คน

พวกเขาร้องเพลงเสียงสนั่นบริเวณพระวิหาร  ดังออกไปในเมืองเยรูซาเล็ม  ผู้คนได้ยินเสียงดนตรี และเสียงร้องเพลงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

“เพราะว่า พระเจ้าประเสริฐยิ่งนัก

ความรักมั่นคงดำรงเป็นนิตย์

เพราะว่าพระเจ้าประเสริฐยิ่งนัก

ความรักมั่นคงดำรงเป็นนิตย์”

พวกเขาร้องเพลงย้ำให้คนทั้งหลายรู้ว่า ความรักของพระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงและยังดำรงอยู่เพื่อพวกเขาตลอดไป

ขณะที่กำลังร้องเพลงอยู่นั้น

มีเมฆแห่งพระสิริของพระเจ้าเต็มในพระวิหาร

จนปุโรหิตล้มลง ไม่อาจยืนต่อพระพักตร์ของพระเจ้าได้!

 

จากกระโจม สู่พระวิหาร ๕-๑

2 พงศาวดาร 5:1-9

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว  ราชาซาโลมอนก็ทรงเรียกประชุมบรรดาผู้ใหญ่ หัวหน้าเผ่าในอิสราเอล  หัวหน้าของตระกูลต่าง ๆ ในเยรูซาเล็ม   เพื่อจะเตรียมการอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้า ซึ่งขณะนั้น อยู่ในกระโจมซึ่งราชาดาวิดได้สร้างไว้

เหตุการณ์วันนี้ เป็นเรื่องสำคัญมาก  ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมาเป็นตัวแทนของคนอิสราเอลทั้งประเทศ   เพื่อให้เห็นสิ่งนี้ และจะกลับไปเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนในตระกูล  และเผ่าของพวกเขาได้รับรู้และสรรเสริญพระเจ้ากันต่อไป

วันนั้น ทั้งพระราชา และหมู่คนอิสราเอลถวายแกะและวัวมากมายจนนับไม่ไหว  สัตว์เหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องบูชาต่อไป

ในที่สุดพวกเขาก็ทำการนำหีบพันธสัญญาและเครื่องใช้ต่าง ๆ มาจากกระโจม

โดยที่พวกเขาทำอย่างถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดพลาดเลย

เหล่าคนเลวีใช้คานหามหีบขึ้นมา  เป็นคานที่ยาวมาก  และนำไปไว้ที่ห้องอภิสุทธิสถาน…. มีปุโรหิตเป็นผู้ที่นำเข้าไป

ภาพวาดโดย เจมส์ ทิสสอท

 

ในภาพนั้น คานยังยาวไม่พอ  เพราะพระคัมภีร์บันทึกว่า คานยาวเลยห้องอภิสุทธิสถานออกมา แสดงว่า ยาวกว่า 20 ศอก

เมื่อวางหีบพันธสัญญาไว้ ก็เท่ากับเครูปทองคำที่สร้างรออยู่ มีท่าทางที่กางปีกออกปกคลุมหีบพันธสัญญาไว้ เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก

วันนั้นเป็นวันที่ทุกคนต่างปลาบปลื้มใจ   พระวิหารโอ่อ่าตระการ การถวายเครื่องบูชาก็ยิ่งใหญ่ …. และวันนั้นเอง พวกเขายังได้พบสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน!!!

 

เครื่องใช้ในพระวิหาร ๔

2 พงศาวดาร 4

พระวิหารของพระเจ้า เป็นที่ ๆ คนอิสราเอลจะเข้ามาถวายเครื่องบูชา และนมัสการพระเจ้า มีอะไรบ้างนะที่เป็นของจำเป็นที่จะใช้ซึ่งราชาซาโลมอนได้เตรียมไว้

ราชาซาโลมอนทรงมีหุรามที่เป็นช่างจากราชาฮีราม  ไม่ว่าทรงต้องการอะไร  หุรามก็ทำให้ได้ทั้งหมด  เขาเอาสิ่งที่เป็นทองเหลืองไปเข้าเบ้าดินเหนียว ในที่ราบแถบแม่น้ำจอร์แดน แล้วขนกันมาที่พระวิหารนั้น

แท่นบูชาทองเหลือง 20x20x10  ศอก   เป็นแท่นมโหฬารที่กว้างยาวเท่ากับห้องอภิสุทธิสถาน!

มีอ่างใหญ่หล่อจากทองเหลือง เรียกขันสาคร ใช้ใส่น้ำเพื่อให้ปุโรหิตชำระร่างกาย    ขันนี้ จุน้ำได้ 66 กิโลลิตร หนา 1 ฝ่ามือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ศอก สูง 5 ศอก  โดยใต้ขอบ นั้นมีลายวัวศอกละ 10 ตัว หล่อเป็นเนื้อเดียวกัน  ขันสาครนี้ ตั้งบนวัวทองเหลือง 12 ตัว หันไป 4 ทิศ

มีหม้อ ทัพพี  อ่างประพรมด้านนอกด้วย  และยังมีอ่างอีก 10 ใบเพื่อบรรจุน้ำล้างเครื่องเผาบูชา

ภาพนี้จาก  Solomon’s Temple:ESV Study Bible ผ่านทาง www.souljournaler.blogspot.com

ในพระวิหารมีโต๊ะ 10 ตัว ทางทิศเหนือและใต้
อ่างประพรมทองคำอีก 100 ใบ
แท่นบูชาทองคำ
โต๊ะสำหรับวางขนมปัง
คันประทีปทองคำ ให้จุดตะเกียงมีไฟตลอดเวลา
กรรไกรตัดใส้ตะเกียง อ่างประพรม จานชาม กระถางไฟซึ่งทำจากทองคำทั้งหมด

เมื่อทำเสร็จแล้ว ราชาซาโลมอนก็นำทุกอย่างมาเก็บไว้ในคลังพระวิหารของพระเจ้า

 

พระวิหารที่ซาโลมอนทรงสร้าง ๓

2  พงศาวดาร 3

ลานนวดข้าวของโอรนัน … บนภูเขาโมริยาห์ในกรุงเยรูซาเล็ม  เป็นพื้นที่ซึ่งราชาซาโลมอนจะทรงสร้างพระวิหาร    พระองค์ครองราชย์มา 4 ปีแล้ว  และเวลานี้ เป็นเวลาที่พอเหมาะ การเตรียมไม้จากเลบานอนก็ครบถ้วนแล้ว

มีการขุดวางรากฐาน ยาว  60 ศอก กว้าง 20 ศอก (1 ศอกประมาณ 45 เซ็นติเมตร)   มุขด้านหน้ากว้าง 20 ศอก  สูง 20 ศอก

ภายในพระวิหารบุด้วยทองคำ

ห้องโถงทำจากไม้ที่บุด้วยทองคำเช่นกัน ตกแต่งเป็นลายต้นอินทผลัม  กับโซ่
รู้ไหมว่า ทั้ง คาน เพดาน วงกบประตู  ผนัง  ประตูพระวิหาร ล้วนบุทองคำทั้งหมด  นี่มันตระการตาจริง ๆ นะ

ภาพวาดโดย จอห์น มิลลาห์ วัตต์ ภาพจาก www.illustrationartgallery.com

ในห้องอภิสุทธิสถานบุด้วยทองคำ 21 ตัน  มีเครูปจำลองหุ้มทองคำ ช่วงกว้างของปีกรวม 20 ศอก  ทำให้ยาวติดผนังด้านหนึ่งไปยังผนังอีกด้าน   ยืนหันหน้าไปทางห้องโถง

ม่านทำด้วยผ้าลินินเนื้อดี ปักลวดลายเครูป ด้ายน้ำเงิน ม่วงแดง

หน้าหน้าพระวิหาร มีเสาหานสองต้น สูง 35 ศอก  หัวเสา 5 ศอก  ทำโซ่ระย้าติดไว้บนหัวเสา และทับทิม 100 ผลห้อยติดกับตาข่าย เสาด้านเนื้อเชื่อโบอาส  ด้านใต้ชื่อยาคีน

 

 

 

 

สาส์นจากราชาฮีราม ๒-๒

2  พงศาวดาร 2:11-18

ราชาฮีรามแห่งเมืองไทระทรงยินดีกับราชาซาโลมอนยิ่งนัก  ด้วยลายพระหัตถ์ทรงตอบกลับมาว่า
“พระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์จริง ๆ   พระองค์จึงทรงทำให้ท่านเป็นพระราชาเหนือพวกเขา

สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์ผู้ทรงสร้างท้องฟ้า และสวรรค์ รวมไปถึงแผ่นดินโลกนี้
พระองค์ผู้ได้ประทานโอรสที่เต็มด้วยความเข้าใจ สติปัญญา  และเฉลียวฉลาดแก่ราชาดาวิด
เป็นโอรสผู้จะทรงสร้างพระวิหารถวายพระองค์
และสร้างราชวังเพื่ออาณาจักรของพระองค์ “

ช่างเป็นจดหมายที่น่าประหลาดยิ่ง   ราชาฮีรามเป็นชาวต่างชาติที่ยกย่องพระเจ้าอย่างสูง   ทรงรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด น่าอัศจรรย์จริง!

“ข้าพเจ้าได้ส่งช่างฝีมือคนหนึ่งมาให้  เขาชื่อหุราม  เป็นยอดช่าง  เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของข้าพเจ้าเอง
บิดาเป็นคนชาวไทระ  แต่มารดาเป็นเผ่าดาน
หุรามผู้นี้  ชำนาญทั้งเรื่องทองคำ  เงิน  ทองเหลือง  เหล็ก หิน และไม้   ยังไม่พอ  เขายังเก่งเรื่องผ้าและการแกะสลักด้วย เขาสามารถทำทุกอย่างตามที่ออกแบบมา”

ภาพของอนุสาวรีย์ที่ฝังพระศพของราชาฮีราม จาก gutenberg

โอโห… จะหาคนอย่างนี้ในโลกช่างยากเหลือ   ในสมัยนี้ เราจะมีช่างทอง  ช่างเงิน ฯลฯ   แต่สารพัดช่างแบบนี้หายากจริง ๆ
“เขาจะทำงานกับช่างของท่าน ซึ่งเป็นช่างฝีมือของราชาดาวิด…

ส่วนข้าวสาลี  และเสบียงอื่น ๆ ที่ท่านกล่าวมานั้น ขอส่งไปให้คนที่จะทำงานรับใช้ท่านโดยตรง  และพวกเขาจะตัดไม้เท่าที่ท่านต้องการ จากเลบานอน  ส่งทางน้ำมาให้ผ่านเมืองจอปปา (ยัฟฟา)  เพื่อว่าจะได้ขนต่อไปยังเยรูซาเล็มโดยง่าย”

พอได้สาส์นตอบจากราชาฮีรามเช่นนี้

ราชาซาโลมอนก็ทรงดำเนินการต่อ  ด้วยการทำสำมะโนครัวคนต่างด้าวในแผ่นดิน  พบว่า มีอยู่  153,600 คน  ดังนั้นจึงแบ่งพวกเขาให้ทำงานขนของ สกัดหิน  และเป็นคนคุมงาน

 

 

สาส์นจากราชาซาโลมอน ๒-๑

2 พงศาวดาร 1:18-2:10

หลังจากนั้นมา ราชาซาโลมอนก็ยังได้สะสมรถม้า  และม้า รวมถึงพลรบอีกมากมาย ทั้งเอาไว้ขายต่อ และ เก็บกระจายไปตามหัวเมืองต่าง ๆ  และในเยรูซาเล็ม  มีทองคำมากมายในเมืองเยรูซาเล็ม  มีสนสีดาร์กลาดเกลื่อน  เรียกได้ว่า เป็นยุคที่รุ่งเรืองมากจริง ๆ

สิ่งก่อสร้างสองอย่างที่ราชาซาโลมอนจะทรงสร้างคือ ราชวัง และพระวิหาร โดยมีคนแบกหาม  70,000  คน   ช่างสกัดหิน 80,000 คน  และคนคุมงานอีก 3,600  คน  ใช้จำนวนมหาศาล

แต่.. การทำงานสร้างพระวิหารนี้ ต้องการช่างฝีมือเก่ง ๆ  คนอิสราเอลเอง ไม่ได้เก่งในการก่อสร้างและการตกแต่ง   แต่มีคนทางเหนือ คนชาวเมืองไทระ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้ฝีมือ ทำงานด้านโลหะต่าง ๆ

ดังนั้น ราชาซาโลมอนจึงส่งสาส์นไปหากษัตริย์ฮีราม

กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระ  มีน้ำใจดีต่อราชาดาวิดมาโดยตลอดเคยส่งวัสดุก่อสร้างมาให้ราชาดาวิดเพื่อสร้างวัง  ซึ่งแน่นอนราชาดาวิดก็ได้จ่ายค่าตอบแทนไปอย่างงดงามเช่นกัน

ราชาซาโลมอนส่งสาส์นไปหาราชาฮีราม

“ข้าแต่พระราชาฮีรามแห่งไทระ  ข้าพเจ้าซาโลมอน โอรสของราชาดาวิด ขอส่งความเคารพและความปรารถนาดีมาถวาย……

ด้วยข้าพเจ้ากำลังจะสร้างพระวิหารเพื่อพระนามของพระเจ้าของข้าพเจ้า  …. พระวิหารนี้มีเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าทุกเช้าเย็น ทุกวันสะบาโต และเทศกาลอื่น ๆ….

พระวิหารที่จะสร้างนี้ยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือพระอื่นใดทั้งหมด  แต่ใครเล่าจะสามารถสร้างที่ประทับสำหรับพระเจ้าองค์นี้  เพราะฟ้าสวรรค์ จักรวาลยังไม่อาจรองรับพระองค์ได้   ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะสร้างพระวิหารเพื่อพระองค์  ข้าพเจ้าคงสร้างได้แต่พระวิหารเพื่อเป็นที่บูชาพระองค์

ขอพระราชาแห่งไทระ โปรดส่งช่างฝีมือด้านทอง เงิน ทองเหลือง เหล็ก งานผ้า การทอผ้า ย้อมผ้า  ช่างแกะสลัก เพื่อทำงานกับช่างชาวอิสราเอลที่ราชบิดาของข้าพเจ้าเตรียมไว้

ขอโปรดส่งซุงไม้สนสีดาร์ ไม่สนอื่น ๆ และไม้ประดู่จากเลบานอนมาด้วย   คนของท่านเก่งในการตัดไม้  ข้าพเจ้าจะส่งคนไปทำงานกับคนของท่าน เพื่อจะได้ซุงพอเพียงทันเวลา

ข้าพเจ้าจะส่งข้าวสาลีตำ 4,400  กิโลลิตร  ข้าวบาร์เลย์ 4,400 กิโลลิตร   เหล้าองุ่น 440 กิโลลิตร  น้ำมันมะกอก 440 กิโลลิตรสำหรับคนงานเลื่อยซุงของท่าน  ….”

ราชาซาโลมอนยังทรงเขียนลายละเอียดอีกหลายอย่างเพื่อว่า  คนของราชาฮีรามจะได้เข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์

แล้วราชาฮีรามจะทรงทำให้อย่างที่ราชาซาโลมอนขอหรือไม่

 

 

 

 

 

การเริ่มต้นที่ดี ๑-๒

2 พงศาวดาร 1:10-17

คำทูลขอของราชาซาโลมอน เป็นสิ่งที่ทำให้พระเจ้าทรงยินดียิ่งนัก

“เพราะสิ่งที่อยู่ในใจของเจ้านี้เอง  เจ้าไม่ได้ขอทรัพย์สมบัติให้มากขึ้น  ไม่ได้ขอเกียรติยศ  หรือชีวิตของศัตรู  ชีวิตของคนที่เกลียดชังเจ้า  และเจ้าไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว

แต่เจ้าได้ขอสติปัญญา และความรู้  เพื่อว่าเจ้าจะได้ปกครองประชากรของเราอย่างเที่ยงธรรม และเจ้าไม่ได้ขอความรู้เพียงเพื่อตัวเจ้าเอง   ดังนั้น เราจะให้สติปัญญา และความรู้แก่เจ้า  เราจะให้ทั้งทรัพย์สมบัติ  ความมั่งคั่ง และเกียรติยศแก่เจ้าอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดก่อนเจ้าจะได้รับ

และภายหลัง ในอนาคต ก็จะไม่มีใครได้มากเหมือนเจ้าเลย”

ภาพจากhttp://rainingtruthsmallrain.wordpress.com

ซาโลมอนทรงปลาบปลื้มยิ่งนัก

พระองค์ทูลขอสติปัญญาเพื่อจะปกครองประเทศให้ดี

เพื่อจะได้เป็นกษัตริย์ที่ทรงธรรม  ประชาชนจะได้เดินในทางที่ถูกต้อง

พระเจ้าทรงพอพระทัย

และพระองค์ประทานเกินกว่าที่ขอเสียอีก

 

นี่เป็นการเริ่มต้นของรัชสมัยซาโลมอน

ราชบิดาได้ทรงเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม  แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เตรียมไว้นั้น หากราชาซาโลมอนเป็นกษัตริย์ที่ไร้ปัญญา ก็คงไม่อาจทำอะไรให้สำเร็จตามที่ทรงถูกกำหนดให้ทำ    และจะสามารถทำให้ทุกอย่างที่เตรียมไว้ไร้ประโยชน์ไปได้

 

พระเจ้าได้ประทานสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าสรรพสิ่งที่ราชบิดาเตรียมไว้ให้

นั่นคือสติปัญญาและความรู้ที่จะปกครองคนจำนวนมากมาย

สติปัญญาและความรู้ที่จะตัดสินคดีต่าง ๆ  อย่างเที่ยงธรรม

สติปัญญาและความรู้ที่จะจัดระบบการปกครองให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

สติปัญญาและความรู้ที่จะนำให้ประชาชนเดินตามพระเจ้าอย่างมั่นคง

 

เวลาเราเริ่มทำอะไร ตั้งแต่การเรียน การสอบ การทำงาน  การทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเพื่อน ๆ  …. หากเรามีสติปัญญาและความรู้จากพระเจ้าเหมือนอย่างราชาซาโลมอน….. มันจะยอดเยี่ยมมาก ๆ เลย

 

สิ่งที่ขอ ๑-๑

1   พงศาวดาร 1:1-9

การเริ่มต้นของรัชสมัยราชาซาโลมอนนั้น ยิ่งใหญ่  มีเกียรติ  ไร้ศึกสงครามทั้งปวง   ทำให้ประเทศมั่นคงและแผ่อำนาจไปรอบ ๆ  ทั้ง ๆ เป็นพื้นที่ไม่กว้างใหญ่เหมือนอย่างอียิปต์    ราชบิดาเองก็ได้ทรงเตรียมทุกอย่างไว้ให้ ทำสงครามปกป้อง และโจมตีไปเสียราบคาบหมดแล้ว

แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ทำให้ราชาซาโลมอนมั่นคงจริง ๆ  คือสิ่งที่พระคัมภีร์บันทึกไว้

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับซาโลมอน

และพระองค์ทรงทำให้ราชาซาโลมอนนั้นยิ่งใหญ่มาก”

 

ราชาซาโลมอนเริ่มต้นด้วยการนำประชาชน นายทหาร และผู้นำด้านต่าง ๆ ไปยังเมืองกิเบโอน  ณ ที่นั่น มีพลับพลาของพระเจ้าอยู่  มีแต่พลับพลา ส่วนหีบพันธสัญญาของพระเจ้านั้น ราชาดาวิดได้ทรงนำมาไว้ที่เยรูซาเล็มแล้ว   ราชาซาโลมอนได้ถวายเครื่องบูชาอย่างมโหฬารแด่พระเจ้า

ราชาซาโลมอนได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ   พระองค์ได้เข้ามาเฝ้าพระเจ้า และนมัสการพระเจ้าก่อนอื่นใด  ก่อนที่จะเริ่มต้นปกครองประเทศ

 

ภาพวาดโดย Luca Giordano 1634-1705

คืนนั้น พระเจ้าได้ทรงปรากฏต่อราชาซาโลมอน

มหัศจรรย์จริง!

พระเจ้าทรงมาพบราชาซาโลมอนตอนกลางคืน  เงียบ ๆ  ไม่มีคนมากมายเหมือนตอนกลางวันที่เหล่าประชาชนและพระราชาได้ถวายเครื่องบูชาอันยิ่งใหญ่

พระเจ้าไม่ได้ทรงมาเพราะเครื่องบูชามากมายนั้น

แต่พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะมอบบางอย่างให้กับพระราชา

“จงขอเรามาเถิด  เจ้าต้องการอะไรจากเราล่ะ  ขอมาได้เลย”

โอ…ช่างเป็นคำที่ให้กำลังใจมากจริง ๆ

 

ราชาซาโลมอนกราบทูลพระเจ้าว่า
“พระเจ้าข้า  พระองค์ได้ประทานความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่ให้กับราชบิดาของข้าทาส  และพระองค์เป็นผู้เลือกให้ข้าทาสเป็นกษัตริย์แทนราชบิดา….   ขอพระองค์โปรดให้พระสัญญาที่ประทานแก่ราชบิดานั้น สำเร็จทุกประการ

พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าทาสเป็นกษัตริย์ปกครองประชาชนมากมายนับไม่ถ้วน   ขอพระเจ้าโปรดประทานสติปัญญาและความรู้   เพื่อที่ข้าทาสจะได้ปกครองประชาชนของพระองค์อย่างดีที่สุดด้วยเถิด”

 

พระเจ้าไม่ได้ตรัสแก่ราชาซาโลมอนผู้เดียวเท่านั้น

เมื่อพระเยซูอยู่กับประชาชน และสาวกของพระองค์ พระองค์ก็ตรัสด้วยว่า “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วประตูจะเปิดให้กับเจ้า”   แล้วเราก็ทูลขอพระเจ้าได้อย่างราชาซาโลมอนเช่นกัน

 

 

ราชาดาวิดจนถึงพระเยซู ๒๙-๔

1 พงศาวดาร 29:21-30, 2 ซามูเอล 7

วันต่อมา ปุโรหิต  เลวี ได้นำวัวหนุ่ม 1000 ตัว  แกะผู้ 1000 ตัว  และลูกแกะตัวผู้อีก 1000 ตัว มาถวายเป็นเครื่องเผาบูชา

คิดดูซิว่า วันนั้นต้องเตรียมการมาตั้งแต่เช้าตรู่   แค่วัวตัวเดียวยังต้องใช้คนหลายคนช่วย  แล้วนี่มีสัตว์ 3000  ตัว  มันช่างมากมายจริง ๆ  พวกเขาได้ถวายทั้งเครื่องบูชาอื่น ๆ ด้วย

และหลังจากเสร็จพิธีเผาบูชาต่าง ๆ  แล้ว   คนทั้งเยรูซาเล็มก็จัดงานเลี้ยงฉลองด้วยความยินดีต่อพระพักตร์พระเจ้า

ต่อมาก็ได้สถาปนาซาโลมอนเป็นกษัตริย์ต่อจากราชาดาวิด  เป็นการสถาปนาครั้งที่สอง วันนั้น เจิมตั้งพระราชาใหม่ และท่านปุโรหิตศาโดก เป็นการเริ่มต้นรัชสมัยที่สงบเรียบร้อย  ทั้งประชาชน  แม่ทัพนายกอง  ข้าราชการต่างจงรักภักดีต่อซาโลมอน  ทำให้การปกครองเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบการปกครองประเทศก็เข้าสู่ที่ทาง

สิ่งที่สำคัญคือ

พระเจ้าได้ทรงเชิดชูซาโลมอนอย่างมากมาย ต่อหน้าคนอิสราเอล  พระเจ้าได้ประทานเกียรติสูงส่งให้กับราชาซาโลมอนอย่างที่ไม่มีกษัตริย์อิสราเอลเคยได้รับมาก่อนด้วย
ซาโลมอนทรงยิ่งใหญ่….และมีพระนามของพระองค์ลือเลื่องไปไกลยิ่งนัก….


ภาพวาดโดย เกอริท วาน ฮอนธอส (1590-1656) และคาร์ล บลอช (1834-1890)

ส่วนราชาดาวิดผู้ได้ปกครองอิสราเอลมา 40 ปี ก็สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระชรามาก  และราชาดาวิดทรงเห็นความยิ่งใหญ่ของราชโอรส ทรงได้ชื่นชมกับชีวิตที่ยืนนาน  เกียรติยศ และความมั่งคั่ง

ราชาดาวิดทรงเป็นราชาที่พระเจ้าทรงเลือกให้อิสราเอล    พระองค์เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงรักยิ่ง  และเป็นผู้ที่จะติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ    ราชาดาวิดทรงเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่  ทรงเขียนบทเพลงไว้มากมาย และทำให้ผู้เชื่อในพระเจ้าในสมัยต่อมา จนถึงพวกเราได้รับการบันดาลใจ  รับพลังใจจากบทเพลงของพระองค์ถ้วนหน้าทุกคน

ที่สำคัญ  พระเจ้าทรงกำหนดให้ราชาดาวิดองค์นี้  เป็นบรรพบุรุษของราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ องค์พระเยซูคริสต์  สมดังที่พระองค์เคยตรัสกับราชาดาวิดว่า

“เจ้าจะเป็นผู้เลี้ยงดู และเป็นผู้ปกครองอิสราเอล  ประชากรของเรา”

“วงศ์วานของเจ้า และอาณาจักรของเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดไปต่อหน้าเรา  บัลลังก์ของเจ้าจะยั่งยืนเป็นนิตย์”

และวันนี้ พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นราชาในหัวใจของคนในโลกหลายพันล้านคน…..

ทรงเป็นราชาในใจของเรา

วันหนึ่ง… วันขององค์พระเจ้า….ทุกเข่าจะต้องคุกกราบลงต่อพระเยซู

ทุกลิ้นจะรับว่า พระเยซูเป็นพระเจ้า

คำสรรเสริญของพระราชา ๒๙-๓

1 พงศาวดาร 29:14-19

ราชาดาวิดมิได้จบแค่นั้น พระองค์ยังทรงสรรเสริญพระเจ้าต่อไปอีก  ผู้คนต่างพากันชื่นชม และพวกเขาอยากที่จะได้ยินว่า พระราชาทรงกล่าวยกย่องพระเจ้าอย่างไร   พวกเขาจะสรรเสริญพระเจ้ากับพระราชา และเมื่อกลับไปบ้าน เขายังจะสรรเสริญพระองค์ต่อไป

“แต่ข้าทาสของพระองค์เป็นผู้ใด  ประชาชน ณ ที่นี้เป็นใคร  ที่เราจะมีความสามารถถวายแด่พระองค์ด้วยความเต็มใจอย่างที่เห็นนี้

พระเจ้าข้า  ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระองค์  ที่เราถวาย ก็เป็นของ ๆ พระองค์เท่านั้น

ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในโลกเหมือนเงา เป็นคนที่ผ่านเข้ามาในโลก ไม่มีอะไรยั่งยืน”

หลายคนแปลกใจที่พระราชาไม่ได้ทรงคิดว่า สิ่งของทองคำ เงิน เหล่านี้ไม่ยั่งยืน  และพระองค์ยังทรงเห็นว่า ชีวิตของคนเรานั้นสั้นนัก

ภาพถ่ายคนงานเหมืองทองจาก http://www.guardian.co.uk โดย Goran Tomasevic/Reuters

 

ทองคำที่พวกเขาขุดได้มาจากเหมืองทองเพื่อมาสร้างพระวิหารนั้น  ก็เป็นของพระเจ้าทั้งสิ้น

 

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า

ของมากมายเหล่านี้ ที่ได้จัดหามาเพื่อสร้างพระวิหารถวาย เพื่อพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์  จริงแล้ว  ก็มาจากพระหัตถ์ของพระองค์  ทุกสิ่งเป็นของพระองค์

พระเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ทดสอบจิตใจ  และทรงพอพระทัยในความเที่ยงธรรม

นอกจากที่ข้าทาสของพระองค์จะถวายด้วยเต็มใจแล้ว  ประชากรทั้งหลายก็ถวายด้วยความเต็มใจเช่นกัน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอับราฮัม  อิสอัค และยาโคบ  ของพระองค์ทรงเมตตารักษาให้ใจของเราเป็นเช่นนี้ตลอดไป  ให้พวกเขามีใจมั่นคงในพระองค์”

พระราชาทรงอธิษฐานขอเพื่อประชากร  และทรงอธิษฐานเพื่อโอรสซาโลมอนด้วย

“ขอพระเจ้าทรงช่วยให้ซาโลมอนมีความตั้งใจจริงในการรักษาพระบัญญัติของพระองค์  พระโอวาทและกฎเกณฑ์ของพระองค์  ให้เขาได้สร้างพระวิหารตามที่ได้เตรียมไว้จนถึงที่สุด”

แล้วราชาดาวิดทรงหันมาหาประชาชน

“จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านเถิด”

พระราชา และประชาชนทุกคนก้มลงกราบองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่เขามองไม่เห็นพร้อม ๆ กัน

คำสรรเสริญของพระราชา ๒๙-๒

1 พงศาวดาร 29:10-13

การถวายอันล้นเหลือ และความหวังที่จะได้มีพระวิหารของพระเจ้า  แม้ว่าต่อไปอาจจะไม่ได้อยู่จนเห็นพระวิหารเสร็จ  ทำให้ราชาดาวิดปลาบปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง    พระองค์จึงถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าต่อหน้าประชาชนที่มารวมกลุ่มกันอย่างมากมาย ด้วยสุรเสียงอันดังกังวานว่า

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   พระเจ้าแห่งอิสราเอล บรรพบุรุษของเรา
ขอถวายพระพรแด่พระนามของพระองค์จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
ความยิ่งใหญ่  อำนาจ  พระเกียรติ  ชัยชนะ และเดชานุภาพสูงสุดเป็นของพระองค์
เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ และในพื้นแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ราชอาณาจักรสูงสุดเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเหนือทุกสิ่ง
ความมั่งคั่ง และเกียรติยศมาจากพระองค์  พระองค์ทรงปกครองเหนือสรรพสิ่ง
ในพระหัตถ์ของพระองค์คืออำนาจและฤทธานุภาพ
จากพระหัตถ์ของพระองค์ คือที่มาแห่งเกียรติและกำลังของทุก ๆคน

ภาพถ่ายโลกอีกมุมจากอพอลโล 11 องค์การนาซา NASA.gov

บัดนี้ เราขอโมทนาขอบพระคุณพระองค์  พระเจ้าของเรา และสรรเสริญพระนามอันทรงสิริของพระองค์

ประชาชนทั้งหลายที่อยู่ในนั้น ต่างพากันสรรเสริญพระนามของพระเจ้า พร้อมไปกับราชาดาวิด

คำสรรเสริญพระเจ้ายังไม่จบ  แต่ดูแค่คำขึ้นต้นนี้ เราก็เห็นแล้วว่า ราชาดาวิดได้ตระหนักเสมอว่า ที่พระองค์ทรงยิ่งใหญ่  มีประชากรที่รักพระเจ้า และยังมีความหวังที่จะทำสิ่งดีอีกหลายสิ่งต่อไปได้นั้น  ทุกอย่างมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น

หากเราคิดเช่นนั้น และตระหนักอย่างจริงใจว่า พระเจ้าทรงเหนือทุกสิ่งในโลกและในชีวิตของเรา … เราจะมีความสุขยิ่งกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าใด