โฮเชยา 8-1

โฮเชยา 8:1-8

จรดแตรไว้บนริมฝีปากของเจ้าซิ  เพราะว่า ศัตรูกำลังมา เหมือนเป็นนกแร้งที่อยู่เหนือบ้านของพระเจ้า   เพราะว่า คนในบ้านได้หักพันธสัญญา และล่วงละเมิดบัญญัติของเรา นกแร้งนั้นเปรียบได้กับอัสซีเรียที่กำลังจะเข้ามาบุกโจมตีอย่างกระทันหัน

แล้วพวกเขาจะร้องหาเรา “พระเจ้าข้า เราชนอิสราเอลรู้จักพระองค์”  อิสราเอลได้ดูหมิ่น และปฏิเสธสิ่งดี ๆ   ดังนั้นศัตรูจะไล่ตามพวกเขา  อิสราเอลมักทำตัวเหมือนคนรู้จักพระเจ้าดี  แต่ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

เขาจะแต่งตั้งกษัตริย์ขึ้นมา  แต่ไม่ใช่เป็นกษัตริย์จากเรา  ไม่มีพรจากเรา  พวกเขาแต่งตั้งและถอดถอนเจ้านายโดยเราไม่ได้รับรู้   ยิ่งกว่านั้นยังสร้างรูปเคารพจากเงินและทองเพื่อว่าพวกเขาเองจะถูกทำลาย ช่วงหนึ่งของอาณาจักรเหนือ อิสราเอล พวกเขาแต่งตั้งกษัตริย์และลอบปลงชีพกษัตริย์เหล่านั้น   ซ้ำซากหลายครั้ง

เทวรูปวัวของสะมาเรียน่าชังยิ่งนัก  เรา …..  ความโกรธของเราเผาผลาญมัน  เมื่อไรที่พวกเจ้าจะได้มาถึงความบริสุทธิ์เสียที

เพราะเทวรูปวัวนี้มาจากอิสราเอล  ช่างทองได้ทำมันขึ้นมา มันจึงไม่ใช่พระเจ้า  เทวรูปของสะมาเรียจะถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ   และถูกเผา  สิ่งใดที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยมือ ไม่สามารถจะเป็นพระเจ้าได้  สิ่งนั้นต่ำกว่ามนุษย์เสียอีก

พวกเขาหว่านลม  จึงจะได้เกี่ยวลมพายุหมุน  ต้นข้าวหามีเมล็ดไม่ จึงไม่มีอาหาร ถึงจะมีเมล็ดออก คนแปลกถิ่นและคนต่างแดนจะเอาไปกินหมด  เขาหว่านลม ก็คือหว่านความชั่วร้าย โกงกิน คอรัปชั่น … เขาจะได้รับผลของสิ่งที่เขาทำลงไปนั้น…

อิสราเอลจะถูกกลืน  จริง ๆ บัดนี้ อิสราเอลก็เป็นเหมือนภาชนะที่ไร้ค่าท่ามกลางชนชาติทั้งหลายอยู่แล้ว

 

โฮเชยา 7-2

โฮเชยา 7:8-16

เอฟราอิมเข้าไปปะปนอยู่กับคนชาตินั้นชาตินี้   เป็นเหมือนขนมอบที่ไม่ได้พลิกด้าน   พวกเขาไม่พึ่งพระเจ้า  แต่ไปพึ่งชนชาติรอบ ๆ ข้างเขา ข้างหนึ่งไหม้ไปแล้ว แต่อีกข้างไม่สุก….
คนแปลกหน้าจึงสูบเอากำลังของเขาไป  แต่เขาก็ไม่รู้  เขาเริ่มมีผมหงอกประปราย แต่เขาก็ไม่รู้อีก อิสราเอลไม่สำนึกเลยว่า เขากำลังก้าวไปสู่ความตกต่ำ  อิสรภาพ และกำลังของประเทศชาติกำลังหายไป

ความยะโสของอิสราเอลมาปรักปรำเขา ต่อหน้าพวกเขา  แต่พวกเขาก็ไม่กลับมาหาพระเจ้า  ไม่แสวงหา ไม่ถามหาพระองค์  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เอฟราอิมก็เช่นกัน   เป็นเหมือนนกพิราบ ไร้ความคิดความเข้าใจ  พวกเขาไปหาอียิปต์  ไปหาอัสซีเรีย  เดี๋ยวก็เป็นมิตรกับอียิปต์และเดี๋ยวก็ไปหาอัสซีเรีย    หารู้ไม่ว่า วิธีนี้ไม่ได้นำความมั่นคงมาให้ประเทศชาติเลย  พวกเขาทำสิ่งที่ไร้สาระจริง ๆ

ขณะที่ไปนั่นเอง เราจะเหวี่ยงตาข่ายเหนือพวกเขา  จะนำเขาลงมาเหมือนนกในอากาศ  จะเฆี่ยนเขาตามที่พวกเขาเคยได้ยินมา

วิบัติมาถึงพวกเขาแล้ว  เพราะเขาสะเปะสะปะออกจากทางของเรา  พวกเขาจะพินาศ เพราะได้ดื้อดึง และล่วงละเมิดเรา  แม้เราจะไถ่เขาคืนมา แต่เขาก็ยังมุสากล่าวหาเรา

พวกเขาไม่ร้องหาเราจากหัวใจ  แต่กลับคร่ำครวญบนที่นอน  กัดฟัน เป็นทุกข์ ชุมนุมกันเพื่อข้าวและเหล้าองุ่นใหม่   เกิดกันดารอาหาร  แต่แทนที่จะมาหาพระเจ้า เขากลับไปเรียกร้องหาจากจ้าวบาอัล  ยังไงกันนี่

แม้ว่าเราจะได้ลงโทษพวกเขา และ ให้กำลังกับเขาใหม่  แต่พวกเขาก็ยังคิดและหาทางทำชั่วต่อต้านเรา

พวกเขาหันหลัง  เปลี่ยนไป  แต่ไม่ได้หันมาหาเรา   พวกเขาเป็นเหมือนคันธนูเบี้ยว  คันธนูเหล่านี้ไม่มีวันที่จะยิงได้ตรงเป้าเลย   มันใช้ไม่ได้ในการศึก

เจ้านายของพวกเขาจะตายด้วยดาบเพราะความยะโสและความปากร้ายของพวกเขาเอง   เขาจะถูกเหยียดหยาม เยาะเย้ยในแผ่นดินอียิปต์

 

โฮเชยา 7-1

โฮเชยา 7:1-7

เมื่อเราจะรักษาอิสราเอลนั้น ปรากฏว่า ความผิดของเอฟราอิมก็ถูกเปิดโปง  ความชั่วร้ายของสะมาเรีย  พวกเขาประพฤติคดโกง  เหล่ากองโจรเที่ยวปล้นล่าคนทั้งตามถนนและในบ้าน

แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้สำนึกว่า เราจำความชั่วร้ายของพวกเขาได้หมด  เวลานี้ การกระทำของพวกเขาล้อมรอบและพันตัวเขายุ่งเหยิง มันอยู่ต่อหน้าของเรา  คนที่ทำผิดบ่อย ๆ นั้น มักไม่คิดว่า ตนเองต้องรับผิดชอบต่อการผิดของตน

พวกเขาทำให้กษัตริย์พอใจกับความชั่วร้ายของเขา และให้เจ้าชายเพลิดเพลินกับการโกหกของเขา

พวกเขาทั้งหมดเป็นคนเล่นชู้  เร่าร้อนเหมือนไฟในเตาอบ  ในช่วง 20 ปี เท่านั้นเอง กษัตริย์ของอิสราเอล ถูกสังหารถึง 4 องค์

ในวันฉลอง  เจ้านายก็ป่วยเพราะฤทธิ์เหล้าองุ่น   กษัตริย์กลับร่วมมือกับคนนอกกฎหมาย ดูซิ  กษัตริย์กับสนุกสนาน และเป็นพวกเดียวกับคนร้าย  อย่างนี้ประเทศจะมั่นคง ตั้งอยู่ได้อย่างไร

เพราะพวกเขาทำใจให้พร้อม  ความโกรธของพวกเขากรุ่นอยู่ทั้งคืน  เช้ามามันก็กลายเป็นไฟที่เผาผลาญ

พวกเขาทุกคนร้อนเร่าเหมือนเตาอบ  และเขมือบผู้พิพากษาของเขา  กษัตริย์ของพวกเขาล้มลง แต่กระนั้น ไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาจะร้องเรียกหาเรา อิสราเอลลืมพระเจ้า เหมือนไม่มีพระองค์จริง ๆ!

 

โฮเชยา 6

โฮเชยา 6

กลับมา  ให้เรากลับมาหาองค์พระเจ้า  พระองค์ทรงฉีกเราออก เพื่อว่าพระองค์จะได้ทรงรักษาเรา พระองค์ทรงโบยตีเรา เพื่อว่า พระองค์จะทรงพัน และรักษาบาดแผลให้เรา

ผ่านไปสองวัน พระองค์จะทรงทำให้เรามีชีวิตอีกครั้ง  วันที่สาม พระอค์จะทรงทำให้เราฟื้นขึ้น เพื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์

ใช่… ให้เราพากเพียร พยายาม บากบั่นที่จะรู้จักพระเจ้า  เพราะการเสด็จออกมาของพระองค์นั้น แน่นอนเหมือนกับรุ่งอรุณ  และพระองค์จะทรงมาหาเราดั่งฝนที่กระหน่ำลงมา  ดั่งฝนปลายฤดูที่รดผืนโลก

เอฟราอิมเอ๋ย  เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี?
ยูดาห์เอ๋ย   เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี ?

ความรักไร้ใจของเจ้านั้น เป็นเหมือนหมอกบางยามเช้า  เป็นเหมือนน้ำค้างที่ระเหยหายไปแต่เช้าตรู่

ดังนั้นเราจึงแล่เขาเป็นชิ้น ๆ  ด้วยผู้กล่าวคำของเรา เราสังหารพวกเขาด้วยคำจากปากของเรา  คำพิพากษาของเรานั้น เป็นเหมือนแสงที่ส่องพุ่งออกมา

เพราะว่า เราประสงค์ที่จะได้ความรักมั่นคง และความดี ไม่ใช่เครื่องบูชา   เราประสงค์ที่เจ้าจะรู้จัก คุ้นเคยกับเรายิ่งกว่าเครื่องเผาบูชา

แต่พวกเขากลับล่วงละเมิด ฝ่าฝืนพันธสัญญาของเราเหมือนกับอาดัม และพวกเขาตลบตะแลงกับเรา

กิเลอาด เป็นเมืองของคนชั่ว  มีแต่รอยเท้าเลือด  กลุ่มปุโรหิตก็เป็นฆาตกร เข่นฆ่าผู้คนบนถนนตรงไปเมืองเชเคม พวกเขาชั่วร้ายรุนแรง เหมือนอย่างกลุ่มโจรที่ซุ่มอยู่เพื่อปล้น

เราได้เห็นสิ่งที่เลวร้ายในเอฟราอิม  … อิสราเอลเป็นมลทิน

ยูดาห์…. เจ้าก็เช่นกัน  มีทุ่งแห่งการพิพากษารอคอยเจ้าอยู่  เมื่อเรานำคนของเรากลับมาจากการเป็นเชลยอันเนื่องมาจากความผิดของพวกเขาเอง

 

โฮเชยา 5-2

โฮเชยา 5:8-15

เมื่อมีคำเรียกเอฟราอิมในข้อความต่อไปนี้ มีความหมายถึงคนอิสราเอลทางเหนือทั้งหมด  ทุก ๆ เผ่า…..

พระเจ้าตรัสผ่านโฮเชยาว่า

“ให้เป่าเขาสัตว์ในกิเบอาห์   เป่าแตรในรามาห์   เป่าเตือนภัยในเบธอาเวน   เมืองเหล่านี้จะเป็นเมืองต้น ๆ ที่นำความหายนะมาถึงพวกเขา

 

พวกเราตามเจ้าอยู่นะ เบนยามิน  เอฟราอิมจะกลายเป็นที่ร้างในวันแห่งการลงโทษ  เราจะทำให้ทุกเผ่าได้มั่นใจว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นแน่นอน

เจ้าชายแห่งยูดาห์มาเป็นเหมือนคนที่ถอนเสาหลักปักเขตแดนออกไป เราจะเทความกริ้วของเราเหนือพวกเขาเหมือนดั่งเทน้ำลงมาจนท่วมท้น  มาถอนเสาหลักเขตแดน ก็เหมือนมาทำลายเขตแดนที่พระเจ้าทรงกำหนดให้คนของพระองค์อาศัยอยู่  และมีความสุขกับสิ่งที่พระองค์ประทานให้

เอฟราอิมถูกกดขี่  ถูกบดขยี้เพราะถูกลงโทษ เพราะว่า พวกเขาดึงดันที่จะเดินตามความโสโครก
เราเป็นเหมือนแมลงที่กัดกินเอฟราอิม  เป็นเหมือนความเน่าเปื่อยของวงศ์วานยูดาห์  พระเจ้าตรัสเช่นนั้นเพราะกำลังทรงบอกว่า พระองคืเท่านั้นที่ทรงมีอำนาจจัดการพวกเขาให้หมดไป

เมื่อเอฟราอิมเห็นความเจ็บป่วยของตนเอง และยูดาห์ก็มีบาดแผล   เอฟราอิมจึงส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรีย   แต่กษัตริย์องค์นั้นไม่สามารถรักษาเจ้า ไม่สามารถทำให้แผลหายได้   กษัตริย์หลายองค์ของอิสราเอลและยูดาห์ ได้หันไปหากษัตริย์แห่งอัสซีเรีย  ยอมทำสารพัดให้  ในสมัยของราชาเมนาเฮม   ชัลลุม และอาหัส .. แต่กลับถูกอัสซีเรียกลับมาทำร้าย!   เพื่อน ๆ ลองกลับไปอ่านตามลิงค์นี้  อ่านเรื่องราวของราชาอาหัส  และเพื่อน ๆ จะเข้าใจว่า พำไมพระเจ้าจึงทรงต้องทิ้งพวกเขา ….

 

เพราะเราจะเป็นดั่งสิงโตต่อเอฟราอิม  เป็นเหมือนสิงโตหนุ่มต่อวงศ์วานของยูดาห์  รู้ไหมว่า พระเจ้าเท่านั้นทีจะเป็นผู้กุมอนาคตของแต่ละชนชาติ   ทั้งอิสราเอลและยูดาห์ครั้งนี้ เรียกได้ว่า ง่อยไปเลย

เรานะ  จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และจะเดินออกไปเสีย  เราจะ คาบพวกเขาไป  และจะไม่มีใครช่วยได้

 

เราจะกลับไปที่ของเรา จนกว่าพวกเขาจะยอมรับบาปผิดของตน และแสวงหาหน้าของเรา   ในความทุกข์ยากแสนสาหัสของพวกเขา  เขาจะดั้นด้นแสวงหาเรา พระเจ้าทรงกลับไปที่ของพระองค์  นั่นคือทรงไปรอให้เขากลับมาแสวงหาพระองค์อีกครั้ง

 

โฮเชยา 5-1

โฮเชยา 5:1-7
ได้อธิบายความหมายของพระคำพร้อม ๆ กันไป    เป็นตัวเอียงครับ


จงฟัง เหล่าปุโรหิต
ตั้งใจฟังให้ดี ลูกหลานอิสราเอล
หันหูของเจ้ามาเจ้านายเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย เพราะการพิพากษานี้มีไว้ให้พวกเจ้า

เพราะเจ้าเป็นกับดักอยู่ที่เมืองมิสปาห์ เป็นอวนรออยู่สำหรับเมืองทาโบร์

คนอิสราเอลกลายเป็นเหยื่อของปุโรหิตและเจ้านายทั้งหลาย ที่คอยดักจับเอาผลประโยชน์จากความไม่รู้ไม่เข้าใจของประชาชนเหล่านี้ พวกเจ้านายได้ไปกราบไหว้เทวรูป ทำการเผาบูชาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ทำให้คนอิสราเอลหลงผิดตามไป กลายเป็นคนไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าไปด้วย


และ คนที่กบฏก็เที่ยวไปสังหารผู้คนอย่างน่ากลัว พวกเขาเอาคนไปสังหารเพื่อบูชา…
พวกเขาได้ฆ่าลูกหลานเป็นเครื่องสักการะให้กับปีศาจเหล่านี้ แต่เราจะจัดการตีสอนพวกเขาทั้งหมด
เรารู้จักเอฟราอิม อิสราเอล ไม่ได้อยู่พ้นหูพ้นตาเรา เอฟราอิมเล่นชู้ อิสราเอลก็เป็นมลทิน การกระทำ พฤติกรรมของพวกเขาไม่ช่วยให้เขากลับมาหาพระเจ้าได้

เพราะว่า ในตัวนั้นมีวิญญาณแห่งการเล่นชู้  คือหัวใจที่เฝ้าแต่อยากจะไปกราบไหว้เทวรูปต่าง  ๆ พวกเขาไม่รู้จักพระเจ้า

ความเย่อหยิ่งของอิสราเอลนั้นปรากฏให้เห็นชัดตรงหน้า อิสราเอลและเอฟราอิม คืออาณาจักรทางเหนือ จะสะดุดในความผิดของตนเอง ยูดาห์ก็เช่นกัน อิสราเอลได้มีส่วนทำให้ยูดาห์ทางใต้หลงทาง เพราะเลียนแบบพิธีกรรมต่าง ๆ ที่อิสราเอลได้คิดประดิษฐ์ขึ้น


พวกเขาจะพยายามที่จะแสวงหาพระเจ้าพร้อมกับฝูงสัตว์ของพวกเขา แต่ก็ไม่พบพระองค์ พระเจ้าทรงเมินจากพวกเขาไป
พวกเขาได้ทรยศต่อองค์พระเจ้า มีลูกหลานจากคนต่างชาติเหล่านั้น

บัดนี้ เทศกาลขึ้นหนึ่งค่ำซึ่งเคยเป็นเทศกาลฉลองความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน จะเป็นผู้ผลาญพวกเขาไปพร้อมกับไร่นา เพราะพวกเขาได้เอาเทศกาลนี้เปลี่ยนไปเป็นพิธีบวงสรวงของชาวคานาอัน

โฮเชยา 4-2

โฮเชยา 4:11-19

พระเจ้าทรงเตือนว่า พระองค์จะทรงเอาความโอ่อ่าของเขาไป เปลี่ยนให้เป็นความอดสู เพราะปุโรหิตเลี้ยงชีวิตด้วยการรับของถวายบูชาไถ่บาปจากประชาชน
พระองค์ตรัสต่อไปว่า ความเข้าใจหายไปเพราะพวกเขามัวแต่ดื่ม คนของพระเจ้าไม่ได้มาหาพระองค์ แต่กลับไปเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว กลับไปขอความเห็นจากไม้ที่แกะเป็นเทวรูป
อย่างนี้ พระเจ้าทรงมองว่า เป็นหัวใจที่เล่นชู้! พวกเขาละทิ้งพระเจ้าเพื่อไปหาสิ่งเหล่านั้น
ตามสถานที่ต่าง ๆ ใต้ต้นไม้ บนที่สูง บนเนินเขา พวกเขาก็เอาเทวรูปไปวางไว้เกลื่อนกลาด
เวลาเจ้าทำสิ่งผิด ๆ เหล่านี้ เราไม่ได้ลงโทษ ลงทัณฑ์เจ้า ทั้งผู้หญิง และผู้ชายทำผิดเหมือน ๆ กัน ดังนั้น พวกที่ไม่ยอมเข้าใจ ไม่มีความเข้าใจจะพินาศ

วัวดื้อ... อิสราเอล www.bubee.net

อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเล่นชู้กับเทวรูปเหล่านั้น ก็อย่าให้ยูดาห์ทำตาม อย่าเขาไปในกิลกาล เบธาวาน เมืองแห่งเทวรูปทั้งปวง อย่าทำเป็นสาบานออกนามพระเจ้า
อิสราเอลดื้อมากเหมือนอย่างวัวสาวดื้อ พระเจ้าจะทรงเลี้ยงเขาอย่างเลี้ยงแกะในทุ่งกว้างได้รึ?
เอฟราอิมหรืออิสราเอลทางเหนือ ได้ผูกพันกับเทวรูป … ปล่อย ปล่อยเขาตามลำพังเสีย เขาเมาและปล่อยตัว เขาชอบความน่าละอายมากกว่าศักดิ์ศรี
พายุหมุนจะกวาดพวกเขาไป
เขาจะต้องอับอายเพราะแท่นบูชาที่เขาสร้างขึ้นมานั้น

โฮเชยา 4-1

โฮเชยา4:1-10

มาฟังเสียงของพระผู้เป็นเจ้า ลูกหลานอิสราเอล. พระเจ้าทรงมีสิ่งที่จะต้องกล่าวหาพวกเจ้า
เพราะว่าในแผ่นดิน ไร้ความซื่อตรง ไร้ความรักเมตตา ขาดความรู้ในพระเจ้า.
ไม่มีสิ่งดี มีแต่การสบถสาบาน การโกหก ฆาตกรรม การขโมย และการล่วงประเวณี มีความรุนแรง เลือดนองไม่หยุดหย่อน
ดังนั้นแผ่นดินจึงคร่ำครวญ. ผู้อาศัยบนแผ่นดินนั้นก็จะสลายไป สัตว์ทุ่ง นกในอากาศ. ปลาในทะเล จะพากันตายไป

Bubee.net

บัดนี้อย่าให้ใครมัวแต่กล่าวโทษกันไปมา. มัวแต่อ้างว่าตนไม่ผิด เพราะพวกเจ้าเป็นเหมือนคนที่ไปสู้กับปุโรหิต
เจ้าสะดุดหกล้มกลางวัน ส่วนผู้กล่าวคำพระเจ้าจอมปลอมจะสะดุดพร้อมกับเจ้าในเวลากลางคืน
และเราจะทำลายแม่ของเจ้า. คือประเทศที่เจ้าเป็นพลเมืองอยู่
ประชาชนของเราถูกทำลายก็เพราะพวกเขาขาดความรู้
เพราะพวกเจ้าไม่ยอมรับที่จะเรียนรู้ เราก็จะไม่ยอมรับเจ้าให้เป็นปุโรหิตของเรา
เพราะเจ้าลืมบทบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า. เราก็จะลืมลูกหลานของเจ้าเช่นกัน
ยิ่งมีปุโรหิตเพิ่มขึ้นมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งทำบาปต่อเรา. เราจะเปลี่ยนความโอ่อ่าของพวกเขาให้กลายเป็นความอัปยศ
เขาเลี้ยงชีวิตจากบาปของประชาชนของเรา. จากเครื่องบูชาที่ประชาชนนำมาถวายเพื่อไถ่บาป
ปุโรหิตเหล่านี้พอใจกับความบาปผิดของประชาชน
ปุโรหิตเป็นแบบไหน ประชาชนก็เป็นเหมือนกันแบบนั้น
เราจะลงโทษพวกเขา จะตอบสนองสิ่งที่พวกเขาลงมือทำ. ให้พวกเขากินไปเถอะ แต่จะไม่อิ่ม. เขาจะเล่นชู้(กับเหล่าพระเท็จ). แต่จะไม่มีวันรุ่งเรือง. เพราะพวกเขาได้ละทิ้งพระเจ้า ไปทำตัวเป็นโสเภณี

พระเจ้าทรงแจ้งให้คนอิสราเอลรับรู้ว่า เขาเป็นผู้ผิด และพระองค์ทรงเป็นผู้ฟ้องร้องเขาเอง. น่ากลัวสำหรับคนที่เป็นปุโรหิตพวกเขาพอใจที่คนทำผิด ยิ่งมากยิ่งดี พวกเขาจะได้ส่วนของเครื่องบูชามากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุเกิดเช่นนี้เป็นเพราะคนไม่รู้จักพระเจ้า ไม่รู้จักพระคำ น้ำพระทัยของพระองค์จริงๆจึงถูกหลอก ทำผิดไป ไถ่บาปไปวนเวียนอยู่เช่นนี้เรื่อยไป

โฮเชยา 3

โฮเชยา 3

พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้า โฮเชยาว่า

“จงแสดงความรักต่อภรรยาของเจ้าอีกครั้ง  แม้ว่ามีคนอื่นมาข้องแวะ และภรรยาของเจ้ายังมีชู้…. จงรักเธอเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรักอิสราเอล แม้ว่าพวกเขายังจะติดตามพระอื่น  และรักขนมที่ถวายพระเหล่านั้น”

พระเจ้าทรงตามอิสราเอลกลับมา  พระองค์ไม่ได้ทรงหันไปเลือกชนชาติอื่น  ดังนั้น พระองค์ทรงให้โฮเชยาได้ทำเช่นนี้เพื่อให้เห็นภาพความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนที่ละทิ้งพระองค์  ความรักของพระเจ้าที่มีต่อคนทรยศ..เหมือนกับความรักของพระคริสต์ที่มีต่อคนบาปอย่างพวกเรา  …. ทำไมพระเจ้าจึงทรงรักมากมายเช่นนี้นะ?

ข้าพเจ้าซื้อภรรยาคืนมาด้วยเงิน 15 เชเขล กับข้าวบาร์เลย์ 330 ลิตร   ดูเหมือนว่า โกเมอร์ได้กลายไปเป็นทาสในครัวเรือนอื่นแล้ว  และโฮเชยาได้ไถ่เธอคืนมาจากการเป็นทาส   ราคาที่ว่านี้ไม่แพงนัก  แสดงว่า โกเมอร์เองกลายเป็นทาสในเรือนที่ไม่ร่ำรวย  เธอไม่ได้รุ่งเรืองขึ้น แต่ตกต่ำลงมาก

แล้วบอกกับเธอว่า … “เธอจะต้องอยู่กับเราอีกหลายวัน  เข้าใจไหม  ต้องเลิกทำตัวไม่ดี  ไม่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น  แล้วเราจะอยู่กับเธอ”

 

เพราะคนอิสราเอลต่อไป จึงจะอยู่อย่างไม่มีกษัตริย์  ไม่มีเจ้านาย  ไม่มีการถวายเครื่องบูชาต่าง ๆ  ไม่มีจ้าว ไม่มีศาลในบ้านเป็นเวลานาน

หลังจากนั้น คนอิสราเอลจะกลับมาแสวงหาพระเจ้าของเขา  หาราชาดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา

พวกเขาจะมาหาพระองค์ด้วยตัวสั่น

กลับมาหาพระพรของพระองค์ในเวลาสุดท้าย

 


โฮเชยา 2-2

พระเจ้าจะทรงพาคนอิสราเอลเข้าไปในที่แห้งแล้ง และจะได้คุยกับพวกเขาให้รู้เรื่อง  ไม่มีอะไรมาทำให้เขาหันไปจากพระองค์   และจะทรงให้ความยากลำบากกลายเป็นวันแห่งความหวัง   พระองค์ทรงให้เห็นว่า ในพระทัยของพระองค์ส่วนลึกที่สุดนั้น คืออะไร

เพื่อน ๆ ครับ  พระเจ้าทรงเจ็บปวดเมื่อคนของพระองค์ทำผิด… แต่แล้ว พระองค์ก็ทรงหาทางให้พวกเขาได้กลับมาคืนดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า


โฮเชยา 2-1

แล้วพระเจ้าทรงเตือนสติให้อิสราเอล  ด้วยการกล่าวถึงนางโกเมอร์…. ซึ่ง ณ เวลานี้มีความหมายถึงอิสราเอลนั่นเอง  เพราะว่า การทำบาปต่อพระเจ้านั้น เปรียบได้กับภรรยาที่ไม่สัตย์ซื่อต่อสามี    และ สิ่งที่โฮเชยากล่าว ก็เป็นการ เปรียบเทียบทำนองนี้เป็นเรื่องเด่น….

เวลานั้นเอง ประชาชนอิสราเอลถูกทำร้ายจากกษัตริย์และชนชั้นสูง  คนยากจนถูกกดขี่ และคนมั่งคั่งก็ทำทุกอย่างตามใจของตนเอง.

 

โฮเชยา 1-2

การมีลูกคนที่สองของโกเมอร์… มันไม่ค่อยจะชอบมาพากลเสียแล้ว   เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของโฮเชยา  การที่ใช้ชื่อว่า ไร้เมตตา หรือโลรุหะมาห์ ในภาษาของเขานั้น  เหมือนจะบอกว่า โฮเชยาไม่รับว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก  เขาไม่มีความรู้สึกของความเป็นพ่อ เพราะเด็กคนนี้ไม่ใช่ของเขา  และชื่อนี้ก็เป็นการเตือนพวกเขาด้วยว่า พระเจ้าจะไม่ทรงเมตตาพวกเขา

ลูกคนที่สามนี่ซิ  ชื่อน่าสงสารสำหรับเด็ก  “ไม่ใช่คนของเรา หรือ โลอัมมี” เป็นชื่อที่จะเตือนว่า พระเจ้าจะไม่ทรงเป็นพระเจ้าของเขาอีกต่อไป

แม้ว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาลงโทษพวกเขา ตามที่พระองค์ตรัสไว้ล่วงหน้าตามชื่อของหนูน้อยโลอัมมี

แต่…. ในที่สุดพระองค์ก็จะทรงเมตตาพวกเขาอีก…

พระทัยของพระเจ้าไม่เหมือนมนุษย์  ไม่เหมือนเรื่องราวใด ๆ ในโลก

พระองค์ต้องทรงลงโทษเขา  แต่พระองค์ก็ทรงมีประสงค์ให้เขาได้สิ่งดีที่สุด
ตามที่พระองค์ปรารถนาจะให้แก่เขา    ในที่สุดการรับโทษจะกลายเป็นการรับเมตตา!

 

โฮเชยา 1-1

ระเจ้าทรงสั่งให้โฮเชยาไปแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่ง   แต่พระองค์ก็ทรงบอกเขาด้วยว่า  หญิงคนนี้เป็นคนเจ้าชู้   ซึ่งเราอาจจะสงสัยว่า ทำไมพระเจ้าจึงทรงให้เขาทำเช่นนั้น

พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะบอกถึงภาพของอิสราเอลที่ไปรัก บูชา พระอื่น ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเขามาตั้งแต่ต้น

อย่างไรก็ดีตอนที่เขาแต่งงานกันใหม่ ๆ และมีลูกคนแรกนั้น ก็ยังเป็นปกติทุกอย่าง   และเด็กชายคนนี้ก็เป็นลูกชายของโฮเชยาเอง

ส่วนการที่พระเจ้าจะทรงจัดการกับวงศ์วานของเยฮูนั้น  น่าจะกินความไปถึงการที่พระเจ้าจะทรงกำจัดราชวงศ์ทั้งหมดของอิสราเอลทางเหนือด้วย     เพราะว่า พวกเขารักที่จะหันกลับไปหาจ้าวบาอัลอย่างไม่ว่างเว้น   ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเตือนพวกเขามากมายขนาดไหนก็ตาม

ส่วนคำว่าหักธนูของอิสราเอลในหุบเขายิสเรเอลนั้น  ….. กำลังบ่งบอกว่า ระบบของจ้าวบาอัลจะต้องพ่ายแพ้ไป   อิสราเอลจะถูกพิพากษาในสถานที่ซึ่งพวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้านั้นเอง

 

 

แนะนำ โฮเชยา

เพื่อน ๆ ครับ   หนังสือเล่มต่อไปที่เราจะอ่านก็คือ โฮเชยา…..   เขาเป็นคนที่กล่าวคำของพระเจ้า ที่อยู่ยาวนานประมาณ 790-686  ปีก่อนคริสตศักราช  คิดว่าเขาเริ่มต้นกล่าวคำของพระเจ้าต่อชนอิสราเอล   ตอนปลายรัชสมัยของราชาเยโรโบอัมที่สอง  ราชาเศคาริยาห์ ราชาชัลลุม ราชาเมนาเฮม ราชาเปคาหิยาห์  ราชาเปคา  และราชาโฮเชยา (ชื่อเหมือนเขาเลย)

ชื่อโฮเชยานั้น  แปลว่า ความรอด  เขาแต่งงานและมีลูกสามคนชื่อ

ลูกชาย เกิดจากนางโกเมอร์ ชื่อ ยิสเรเอล  แปลว่า พระเจ้าทรงหว่าน
คนที่สองเป็นลูกสาวชื่อโลรุหะมาห์  แปลว่า ไม่ได้รับ ความสงสารและเห็นใจ
คนที่สามชื่อ โลอัมมี  แปลว่า ไม่ใช่คนของเรา

แปลกจริง  ชื่อที่มีความหมายเหล่านี้  ทำให้เกิดเรื่องราวอะไรขึ้น?

เขากล่าวถึงบาปของอิสราเอลที่ทำตามราชาเยโรโบอัมซึ่งเป็นราชาองค์แรกของอาณาจักรทางเหนือ     เขาเป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าสำหรับอาณาจักรเหนือคืออิสราเอล   เราจะได้เห็นพระเจ้าทรงเรียกคนของพระองค์ว่า อิสราเอล และเอฟราอิมบ่อย ๆ   เพราะเอฟราอิมเป็นเผ่าที่มีคนจำนวนมากที่สุดในบรรดาคนทั้ง 10 เผ่าที่อยู่ทางเหนือ  ดังนั้นบางครั้งจึงเรียกอาณาจักรอิสราเอลว่า เอฟราอิม   เราจึงต้องไม่สับสนกับการเรียกของพระเจ้า …..

ยากที่จะเขียนโครงสร้างของหนังสือโฮเชยา  เพราะว่า เดี๋ยวเขาก็กล่าวถึงบาป  เดี๋ยวก็พูดถึงการพิพากษาของพระเจ้า  และยังกล่าวถึงการที่พระเจ้าจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นมาใหม่ด้วย  คล้ายกับโยเอลและอาโมส

ภาพจากthehouslingfire.com

แม้ว่า โฮเชยา  โยเอล และอาโมส ต่างก็กล่าวถึงความดื้อดึงและความไม่เชื่อฟังพระเจ้าที่นำมาถึงการถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน     แต่ที่แปลกคือ พระเจ้าทรงให้โฮเชยาทำสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะทำ เป็นการแสดงถึงความรัก ความหึงหวงของพระองค์ที่มีต่อประชากรของพระองค์ด้วย   เราจะดูต่อไปว่า พระเจ้าทรงให้โฮเชยาทำอะไร

อาโมส 8-1

พระเจ้าไม่ทรงยกเว้นอิสราเอล

คนในอิสราเอล ไม่ต้องการอยู่กับพระเจ้า หรือเชื่อฟังพระองค์

สิ่งที่เขาต้องการคือ รีบ ๆ กลับไปทำธุรกิจโกงกินของเขาอย่างที่เคย

เขาเข้าใจว่า การโกง จะทำให้เขาร่ำรวย

แต่ลืมนึกถึงคนที่เขาโกง….   คนพวกนี้ คิดแบบนี้ได้อย่างไรกัน

พระเจ้าทรงแจ้งให้เขาทราบถึงความผิดบาปของเขา

แต่พวกเขาก็ยังไม่สนใจ…

เมื่อพระเจ้าทรงบอกในใจของเราว่า เราผิดอะไร

รีบสารภาพบาป และหันไปทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างรวดเร็วเลย…. จะปลอดภัยที่สุด

อาโมส 7-1

ดูซิว่า ครั้งนี้พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยด้วย เมื่ออาโมสทูลขอร้อง

อาโมสเห็นว่า หลังจากเสียภาษีให้กษัตริย์ไปแล้ว  พวกเขาปลูกพืชพันธุ์อีกครั้ง  และคราวนี้ก็ถูกทำลาย  จะมีไฟมาเผาผลาญพวกเขาด้วย……

ส่วนสายดิ่งมีความหมายว่า  คนอิสราเอลถูกสร้างขึ้นมาตามมาตรฐานที่พระเจ้าทรงวางไว้  คราวนี้พระเจ้าจะทรงวัดว่า เขาเดินตามมาตรฐานนั้นหรือเปล่า

คำบอกล่วงหน้าก็คือ  ศัตรูของอิสราเอลจะเข้ามากวาดผู้คนราวกับตั๊กแตนลงไร่นา  มันจะไม่เหลืออะไร

อาโมสกล่าวถึงสิ่งที่เห็นสามอย่างคือ  ตั๊กแตน  ไฟ และสายดิ่ง  สองอันแรกพระเจ้าทรงยอมที่จะให้ไม่เกิดขึ้น  แต่สิ่งที่สามนั้น พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย