เยเรมีย์ 6-4 คนที่พระเจ้าปฏิเสธ

เยเรมีย์ 6:22-30
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“ดูเถอะ จะมีชนชาติหนึ่งลงมาจากแผ่นดินทางเหนือ
ชาติที่ยิ่งใหญ่ชาติหนึ่ง ถูกเร่งเร้าให้มาจากส่วนไกลที่สุดของโลก

พวกเขาสะพายธนู มือถือหอก โหดร้าย ไร้เมตตา
เสียงของเขาเหมือนเสียงทะเลคำราม
พวกเขาขี่ม้า เตรียมกระบวนทัพมาเพื่อต่อต้านลูกสาวแห่งศิโยน”

พอเราได้ยินข่าวเรื่องพวกเขานั้น มือของเราก็อ่อนแรงลงไป
ความท้อแท้สาหัสยึดเราไว้ เหมือนความเจ็บปวดของหญิงที่กำลังคลอดบุตร

อย่าออกไปในทุ่ง อย่าเดินไปตามถนน
เพระาศัตรูนั้นถือดาบ ความสยดสยองระบาดไปทุ่งหย่อมหญ้า

โอลูกสาวของคนของเราเอ๋ย จงสวมเสื้อผ้ากระสอบ จงกลิ้งเกลือกในกองเถ้าธุลี
จงคร่ำครวญไว้ทุกข์เหมือนกำลังสูญเสียลูกชายคนเดียวที่เจ้ามีอยู่
มันเป็นการคร่ำครวญที่ขมยิ่งนัก
เพราะผู้ที่มาปล้นนั้น โจมตีทันควันไม่ทันตั้งตัว

“เราทำให้เจ้าเป็นผู้ทดสอบแร่ท่ามกลางคนของเรา
เพื่อว่าเจ้าจะได้รู้และทดสอบหนทางของพวกเขา

Nguentalung

พวกเขาดื้อดึงอย่างร้ายกาจ! เที่ยวให้ร้ายป้ายสีไปทั่ว
พวกเขาเป็นเหมือนทองเหลืองและเหล็ก ต่างคดโกงทั้งสิ้น

เครื่องสูบลมของเขานั้นสูบอย่างรุนแรง เพื่อเผาตะกั่วให้หมดไป
การถลุงโลหะกลับไร้ประโยชน์ เพราะคนชั่วไม่ได้ถูกชำระให้บริสุทธิ์

ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า “แร่เงินที่ไม่มีใครเอง”
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิเสธพวกเขาแล้ว!

เยเรมีย์ 6-3 เส้นทางเก่าแก่

เยเรมีย์ 6:16-21
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า
“จงยืนอยู่บนถนนและมองดู
ให้ถามหาเส้นทางเก่าแก่ ค้นหาทางที่ดีว่ามันอยู่ที่ไหน
แล้วเดินไปตามทางนั้น เพื่อว่าใจเจ้าจะได้พัก”

ancway

แต่พวกเขากลับว่า “เราจะไม่เดินไปทางนั้น!”

ยิ่งกว่านั้น เราได้ตั้งยามไว้ให้พวกเจ้า กล่าวว่า
“จงสนใจเสียงแตร” แต่พวกเขากลับว่า “เราจะไม่สนใจ!”

ดังนั้น ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย จงฟัง
เหล่าพยานทั้งหลายเอ๋ย จงสังเกตสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา

แผ่นดินโลกเอ๋ย จงฟังเถิด มองดูซิ เพราะเราจะนำภัยพิบัติมาเหนือชนชาตินี้
เป็นผลมาจากแผนร้ายของพวกเขาเอง
เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจต่อดำรัสของเรา ละทิ้งบัญญัติของเรา

มีประโยชน์อะไรในการที่เจ้านำกำยานมาจากเมืองเชบา
หรือนำเครื่องเทศหอมหวานมาจากเมืองไกล
เราไม่รับเครื่องเผาบูชาเหล่านั้น
เราไม่ได้พอใจกับเครื่องบูชาทั้งหลายของเจ้า

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เราจะตั้งเครื่องกีดขวางไว้ต่อหน้าคนเหล่านี้ เพื่อพวกเขาจะได้สะดุดล้มลง
ทั้งพ่อและลูกชายจะล้มลงไปพร้อม ๆ กัน
เพื่อนบ้านและเพื่อน ๆ ก็จะพินาศไปด้วยกัน

เยเรมีย์ 6-2 ไม่รู้จักอาย

เยเรมีย์ 6:8-15

ขอเตือนเจ้านะ เยรูซาเล็ม
มิฉะนั้น เราจะหันไปจากเจ้าด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน
มิฉะนั้น เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นเมืองร้าง หาคนอาศัยไม่ได่้

ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“พวกเขาจะเก็บรวบรวมคนเมืองเยรูซาเล็มอย่างละเอียดเหมือนกับคนที่เก็บองุ่น
เหมือนกับที่คนเก็บองุ่นที่ย้อนกลับไปดูกิ่งก้านที่เก็บไปแล้วอีกครั้ง

ภาพจาก www.timesofisrael.com
ภาพจาก www.timesofisrael.com

แล้วเราจะพูดเตือนใครเพื่อเขาจะได้ฟังเล่า?
ดูเถิด หูของพวกเขาไม่ได้เข้าสุหนัต พวกเขาไม่ฟัง
ดูเถอะ เขากลับดูหมิ่นดูแคลนคำตรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า หาได้ชื่นชมกับพระดำรัสไม่

ดังนั้น ใจของข้าจึงเต็มด้วยพระพิโรธของพระเจ้า
ข้าเหน็ดเหนื่อยที่จะเก็บมันไว้ข้างใน
“จงเทมันออกมาเหนือเด็ก ๆ ตามถนน
เทลงบนคนหนุ่มที่เข้ามาชุมนุมกัน
ทั้งสามีและภรรยา จะถูกนำออกไปพร้อมกัน
คนชรา คนเฒ่าที่ใช้ชีวิตมาแสนนาน

บ้านของพวกเขาจะถูกยกให้คนอื่น
รวมทั้งที่นา และภรรยาของพวกเขาด้วย
เพราะเราจะยื่นมือออกมา ต่อต้านผู้ที่อาศัยในแผ่นดิน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้

จากคนที่เล็กน้อยสุด จนถึงคนที่ใหญ่โตที่สุด
ต่างมีใจโลภโมโทสัน ล้วนอยากได้แต่กำไร
ผู้กล่าวคำของพระเจ้า จนถึงเหล่าปุโรหิต
ต่างก็คดโกงทั้งสิ้น

พวกเขารักษาแผลของประชากรของเราแบบผักชีโรยหน้า
กล่าวว่า ‘สันติสุข สันติสุข’ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสันติสุขสักนิด

พวกเขาละอายกันบ้างไหมกับการที่ทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเหล่านี้?
เปล่าเลย พวกเขาไม่มียางอายสักนิด
ไม่รู้จักเลยว่า หน้าแดงเพราะความอายเป็นอย่างไร
ดังนั้น พวกเขาจะลงลงไปพร้อม ๆ กับคนอื่นที่ล้มลง
ในเวลาที่เราลงโทษเขา เขาจะถูกเหวี่ยงออกไป

เยเรมีย์ 6-1 ถูกทำลาย!

เยเรมีย์ 6:1-7

ชนชาวเบนยามินเอ๋ย   จงหนีไปหาที่ปลอดภัย  หนีจากกลางเมืองเยรูซาเล็ม
เป่าแตรเขาสัตว์ที่เมือเทโคอา  และยกสัญญาณขึ้นเหนือบ้านเบธฮัคเคเรม
เพราะความหายนะและการทำลายกำลังมุ่งลงมาจากทางเหนือ

เราจะทำลายสาวสวยหน้าอ่อนหวาน ลูกสาวของศิโยนเสีย!

บรรดาคนเลี้ยงแกะและฝูงแกะของเขาจะมาต่อสู้กับเธอ

จะตั้งกระโจมล้อมรอบเธอ และต่างหากินอยู่ในที่ของแต่ละคน
จงเตรียมทำสงครามต่อสู้เธอ

hole-destruction-of-jerusalem1วิลเลียม บราสลีย์ โฮล  เยรูซาเล็มถูกทำลาย

 

 

ลุกขึ้น!  เราจะโจมตีเวลาเที่ยง
วิบัติแล้วเรา  เพราะกลางวันล่วงไป เงายามค่ำทอดยาวออกไป

ลุกขึ้น!  เข้าไปโจมตีตอนกลางคืน  ทำลายราชวังให้สิ้นซาก!

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“ตัดต้นไม้ของเธอเสีย  และตั้งเนินต่อต้านนครเยรูซาเล็ม

มันเป็นเมืองที่ต้องถูกลงโทษ เพราะในเมืองนี้มีแต่การกดขี่บีบคั้น

เหมือนกับบ่อน้ำที่ยังเก็บน้ำเย็น ๆ ไว้เสมอ เมืองนี้ก็รักษาความชั่วของตัวเองให้สดใหม่ไม่หยุดหย่อน

ภายในเมืองจะได้ยินเรื่องความรุนแรงและการทำลาย
ความเจ็บป่วยและบาดแผลก็อยู่ต่อหน้าเราเสมอ

เยเรมีย์ 5-5 ไร้ความยุติธรรม!

เยเรมีย์ 5:26-32

“เพราะ… ท่ามกลางคนของเรา ก็พบคนชั่วร้ายที่ซุ่มอยู่เหมือนคนดักนก
เขาวางกับดัก และจับคนไป

บ้านของเขาเต็มด้วยการหลอกลวง  เหมือนกรงที่ขังนกไว้แน่น

ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งใหญ่ มั่งคั่ง

พวกเขากลายเป็นคนอ้วนพีนุ่มนิ่ง
ความชั่วร้ายของเขาไร้เขตจำกัด
เขาไม่พิพากษาคดีความของลูกกำพร้าอย่างยุติธรรม  ไม่ปกป้องสิทธิของคนขัดสน
เพื่อว่าเขาจะได้ร่ำรวยขึ้นจากการบิดเบือนการพิพากษา

sudan

แล้วจะไม่ให้เราลงโทษพวกเขาเพราะสิ่งเหล่านี้หรือ?” องค์พระเป็นเจ้าตรัส

“จะไม่ให้เราแก้แค้นชนชาติที่ชั่วร้ายขนาดนี้หรือ?”

มีนิ่งที่น่าสยดสยองและน่าสะพึงกลัวเกิดขึ้นในแผ่นดิน

ผู้มีหน้าที่กล่าวคำของพระเจ้า กลับมุสา
และเหล่าปุโรหิตก็ปกครองตามคำของเหล่าคนมุสา
คนของเราก็ช่างชอบวิธีการแบบนั้น

แต่พวกเจ้าจะทำอย่างไรล่ะ เมื่ออวสานมาถึง?

เยเรมีย์ 5-4 เหตุใดเจ้าจึงไม่ยำเกรงเรา?

เยเรมีย์ 5:19-25

และเมื่อประชาชนทั้งหลายุถามว่า “เหตุใดองค์พระเป็นเจ้าจึงทรงทำสิ่งเหล่านี้ต่อเรา?”

เจ้าจะตอบเขาว่า “ก็เป็นเหมือนอย่างที่เจ้าได้ละทิ้งเรา

และไปปรนนิบัติพระต่างชาติในดินแดนของเจ้า

เจ้าจะต้องปรนนิบัติคนต่างชาติในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของเจ้า!”

 

จงประกาศข่าวสารต่อไปนี้แก่ยูดาห์ และอิสราเอล

“จงฟังข้อความนี้  เจ้าคนโง่ ไร้สติ   คนมีตา แต่มองไม่เห็น  มีหูแต่ไม่ได้ยิน”

“เจ้าไม่เกรงกลัวเราหรือ?” พระเจ้าตรัส

“เจ้าไม่ตัวสั่นต่อหน้าเราหรือ?

เราเป็นผู้กำหนดชายฝั่งให้เป็นเขตแดนของทะเล  

มันเป็นสิ่งกีดขวางไม่ให้น้ำผ่านไปได้  

แม้ว่าคลื่นจะซัดเข้าไปหามัน แต่ก็ไม่อาจผ่านมันไป 

แม้คลื่นจะคำรามเท่าไร  ก็ข้ามไปไม่ถึง!

มิน่าละ พื้นผิว น้ำทะเลจึงมีรูปทรงที่สวยเหลือเกิน
เพราะพระเจ้าทรงกำหนดนี่เอง…..มิน่าละ พื้นผิว น้ำทะเลจึงมีรูปทรงที่สวยเหลือเกิน

 
แต่คนเหล่าหนี้กลับมีใจดื้อด้าน กบฎต่อเรา
พวกเขาหันหน้ากลับไป  และก็จากเราไป

ในใจของเขาไม่เคยพูดเลยว่า “มาทำใจให้ยำเกรงพระเจ้ากันเถอะ
พระองค์เป็นผู้ประทานฝนตามฤดู ทั้งฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู
และพระองค์ทรงรักษาวัฏจักรการเก็บเกี่ยวให้เรา

แต่ความชั่วของเจ้า ทำให้กฎเกณฑ์เหล่านี้เสียไป
และบาปของเจ้าก็กั้นสิ่งดีไปจากเจ้า

เยเรมีย์ 5-3 กองทัพโบราณ

เยเรมีย์ 5:12-18

พวกเขาพูดถึงเราผิด ๆ และกล่าวว่า ‘พระเจ้าไม่ทรงทำอะไร จะไม่มีหายนะมาถึงพวกเรา  พวกเราจะไม่เจอดาบสังหาร หรือความอดหยาก’

ผู้กล่าวคำของพระเจ้า ก็จะพูดลม ๆ แล้ง ๆ  จริงแล้ว คำของพระเจ้าไม่ได้อยู่ในตัวพวกเขา ดังนั้นหายนะจะตกอยู่กับพวกเขาเหล่านั้น”

 

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“เยเรมีย์เอ๋ย  เจ้าพูดเช่นนี้
ดูเถอะ เราจะทำให้คำของเราในปากของเจ้าเป็นไฟ   ผู้คนจะเป็นเหมือนไม้ และไฟจะเผาผลาญพวกเขา”

“ดูเถิด  เจ้าวงศ์วานอิสราเอล  เราจะนำชาติหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกลมาต่อสู้กับเจ้า”  พระเจ้าทรงประกาศ
ชาตินี้ เป็นชาติที่เข้มแข็ง  เป็นชาติที่สืบมาแต่อดีตกาล
เจ้าไม่รู้ภาษาของพวกเขา  เจ้าไม่อาจเข้าใจสิ่งที่เขาพูด

แล่งธนูของเขาเหมือนหลุมฝังศพที่เปิดอยู่  ทุกคนต่างเป็นนักรบ

kongtap

พวกเขาจะกลืนกินพืชพันธุ์ที่เจ้าเก็บเกี่ยว
จะกินอาหารของเจ้า
จะกินลูกชาย ลูกสาวของเจ้า
จะกินฝูงแกะ และฝูงโคของเจ้า
จะกินองุ่น และมะเดื่อของเจ้า

พวกเขาจะทำลายเมืองป้อมทั้งหมดที่เจ้าไว้วางใจด้วยดาบ!

แต่แม้ในเวลานั้น เราจะยังไม่ให้เจ้าถึงกาลอวสาน

เยเรมีย์ 5-2 หลายคดีเหลือเกิน

เยเรมีย์ 5:6-11

ดังนั้น สิงห์จากป่าจะมีเขมือบพวกเขา   หมาป่าจากถิ่นกันดารจะเข้ามาขย้ำเขา

เสือดาวจะมาเฝ้าดูเมือง ใครที่ออกมาจะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ

เพราะเขามีคดีล่วงละเมิดมากมายหลายคดี   การทรยศของเขาก็มโหฬารนัก !

“เราจะอภัยโทษเจ้าได้อย่างไร ลูกหลานของเจ้าละทิ้งเราและกลับไปกราบไหว้สิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าสักนิด?

เราได้เลี้ยงดูเขาให้อิ่มหนำ  แต่พวกเขากลับเล่นชู้  พากันมุ่งหน้าไปยังบ้านของหญิงขายตัว

พวกเขาเป็นเหมือนม้าอ้วนพีที่กำลังกลัดมัน  ร้องฮี้ ๆ อยากได้ภรรยาเพื่อนบ้านของตนเอง

อย่างนี้แล้ว จะไม่ให้เราลงโทษพวกเขาหรือ?”    พระเป็นเจ้าตรัส

“เราไม่สมควรจะแก้แค้นประชาชนแบบนี้หรือ?

marong

เดินไป  ไปตามแถวองุ่นที่ปลูกไว้  และทำลายมันเสีย  แต่อย่างทำลายมันจนหมด
ตัดกิ่งก้านออก  เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เพราะทั้งวงศ์วานอิสราเอล และยูดาห์ต่างทรยศต่อเราเป็นที่สุด! ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

 

 

เยเรมีย์ 5-1 หาคนดีไม่เจอ?

เยเรมีย์ 5:1-5

จงวิ่งขึ้นไปมาตามถนนในนครเยรูซาเล็ม
ให้มองหา และสังเกตเอาไว้
ให้ดูตามลานเมือง
ดูว่า เจ้าจะพบคนที่ยุติธรรมและซื่อตรงได้สักคนไหม
เพื่อว่า เราจะได้ให้อภัยแก่นครนี้!

แม้พวกเขาจะสาบานโดยใช้คำว่า “ตราบเท่าที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่”
แต่พวกเขาก็มุสาอยู่นั่นเอง

musa

 

 

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเนตรของพระองค์ค้นหาความจริงอยู่มิใช่หรือพระเจ้าข้า?
พระองค์ทรงตีเขาจนล้มพังพาบ
แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
พระองค์ทรงเผาผลาญพวกเขา
แต่พวกเขาไม่ยอมแก้ไขความผิดเหล่านั้น
พวกเขากระด้างกระเดื่องต่อพระองค์ ด้านชาแข็งยิ่งกว่าหิน
ไม่ยอมกลับตัวกลับใจ

ข้าจึงกล่าวว่า ” พวกเขาเป็นคนไม่รู้อะไร ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทางของพระเจ้า
ไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องการพิพากษาของพระเจ้า
เอาล่ะ ข้าจะไปหาคนใหญ่คนโต จะไปเตือนเขา
คนพวกนี้น่าจะรู้จักทางของพระเจ้า และเข้าใจการพิพากษาของพระเจ้า

แต่….

พวกเขาทุกคนกลับหักแอกกันไปหมดแล้ว
พวกเขากระชากโซ่ตรวนออกมาเสีย!

เยเรมีย์ 4-6 สวยไม่หยุด

เยเรมีย์ 4:27-31

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า  “แผ่นดินทั้งสิ้นจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ถึงอวสาน”

“ด้วยเหตุนี้ โลกจะคร่ำครวญ  ท้องฟ้าจะดำทมึน
เพราะเรากล่าวไว้แล้ว เรามุ่งมั่นให้มันเป็นอย่างนั้น
เราจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่หันกลับ
ชาวเมืองทั้งปวงต่างพากันหนีเมื่อได้ยินเสียงของทหารม้า และพลธนู
พวกเขาหนีเข้าไปในดงหนาม ปีนป่ายไปตามหินผา
เมืองทุกเมืองถูกทิ้งร้าง ไม่มีคนอาศัยอยู่ในเมืองเลย
และเจ้า  เจ้าผู้ถูกละทิ้ง เจ้ายังคงสวมชุดสีแดง  นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เหตุใดเจ้าจึงเขียนตาให้ดูโตขึ้น?
da
เจ้าพยายามเสริมความงาม ทั้งที่คนรักทั้งหลายต่างดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้า
พวกเขาพยายามจะฆ่าเจ้า
เราได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงกำลังคลอด
เสียงร้องเจ็บปวดรวดร้าวเพราะกำลังคลอดลูกคนแรก

เสียงร้องของลูกสาวแห่งศิโยน   เสียงที่ฟังเหมือนคนกำลังขาดใจ
เธอยื่นเหยียดแขนออกมา และร้องว่า
“คราวนี้ฉันพินาศแน่… ฉันกำลังจะหมดแรงต่อหน้าฆาตกร!”

เยเรมีย์ 4-5 เหลือแต่ความรกร้าง

เยเรมีย์ 4:23-26

ข้ากวาดตาไปบนแผ่นดิน  มีแต่ที่ร้างว่างเปล่า
ข้ามองไปบนท้องฟ้า หามีความสว่างไม่

ข้ามองไปยังภูเขา  ดูซิ  มันสั่นสะเทือนสะท้าน
เนินเขาทั้งหลาย เคลื่อนคลอนไปมา

ข้าเพ่งมอง  ดูเถอะ ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่สักคน
บรรดานกในอากาศนั้น ก็บินหนีไปสิ้น
ข้ามองดู  โอ… แผ่นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นทะเลทราย

Mtalaysai
ภาพจาก http://pompei-hotels.com

หัวเมืองทั้งหลายก็กลายเป็นซากปรักหักพังต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า
ใช่… ต่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์

เยเรมีย์ 4-4 คนที่โง่เขลา

เยเรมีย์ 4:19-22
เจ็บ  แสนเจ็บปวด ข้าบิดตัวด้วยความรวดร้าว
โอ.. กำแพงใจของข้า  ใจข้าเต้นไม่เป็นส่ำ
ข้าไม่อาจนิ่งเงียบอยู่ได้  เพราะได้ยินเสียงแตรศึก เสียงตะโกนให้เข้าสงคราม…

ภาพจาก es.123rf.com
ภาพจาก es.123rf.com

ความย่อยยับครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งประเทศถูกทิ้งให้ปรักหักพัง

ทันใดนั้น กระโจมของข้าก็ถูกทำลาย  ผ้ากระโจมขาดวิ่นในพริบตา

นานเท่าไรที่ข้าจะต้องเห็นธงของสงคราม?
นานเท่าไรที่ข้าจะต้องฟังเสียงแตรศึก?

เพราะคนของเรานั่นโง่เขลา พวกเขาไม่รู้จักเรา

เป็นเด็กที่ไร้ปัญญา ไม่มีความเข้าใจ

เก่งแต่ทำชั่ว  ที่จะทำดีนั้น หารู้ไม่!

เยเรมีย์ 4-3 ม้าที่เร็วกว่าอินทรี

เยเรมีย์ 4:11-18

ในเวลานั้น คนเหล่านี้และเยรูซาเล็มจะได้ยินคำกล่าวว่า
“ลมร้อนจากที่สูงโล่งในทะเลทราย พัดมายังลูกสาวของประชากรของเรา
ไม่ใช่เพื่อฝัดร่อน หรือทำความสะอาด มันเป็นลมแรงเต็มที่มาจากเรา
และเวลานี้ เราคือผู้ที่จะตัดสินพิพากษาพวกเขา

ดูเถิด  เขามาเหมือนกับเมฆ และรถม้าศึกของเขาก็เป็นเหมือนพายุหมุน
ม้าของเขานั้นวิ่งเร็วยิ่งกว่าอินทรี  วิบัติแก่พวกเรา เพราะเราถูกทำลายเสียแล้ว

ภาพจาก loadpaper.com
ภาพจาก loadpaper.com

โอ เยรูซาเล็ม จงล้างใจของเจ้าให้หมดจดจากความชั่วร้ายเสีย  เพื่อว่าเจ้าจะได้รอด
นานเท่าไรที่เจ้าจะปล่อยให้ความคิดชั่ววนเวียนอยู่ในตัวเจ้า?

เพราะมีเสียงประกาศจากดาน และเสียงประกาศก้องถึงความทุกข์ยากจากภูเขาเอฟราอิม
เตือนประเทศต่าง ๆ  แจ้งให้เยรูซาเล็มรู้ว่า เขากำลังมา
“เขาจะล้อมเข้ามาจากแดนไกล พวกเขาตะโกนก้องเข้าใส่หัวเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์
พวกเขาล้อมเมืองเหล่านั้นไว้ราวกับผู้เฝ้านา ไม่ให้หนีออกไปได้ เป็นเพราะอิสราเอลได้ดื้อดึงต่อเรา” องค์พระเป็นเจ้าประกาศ

ทางของเจ้า พฤติกรรมของเจ้า ได้นำสิ่งนี้มาเหนือเจ้า  นี่เป็นเคราะห์กรรมที่ขมขื่นลึกลงไปในขั้วหัวใจ!

เยเรมีย์ 4-2 หายนะจากทางเหนือ

เยเรมีย์ 4:5-8
จงประกาศในยูดาห์ และแจ้งให้ชาวเยรูซาเล็มรับรู้

“เป่าแตรให้ทั่วทั้งแผ่นดิน ร้องเสียงดัง กล่าวว่า

‘จงรวมตัวกัน และให้เราไปยังบรรดาเมืองที่มีป้อม’

Je4-2

จงตั้งธงเตือนศิโยน ให้ทุกคนหนีไปหาที่ปลอดภัย อย่าอยู่กับที่

เพราะว่า เราจะนำหายนะมาจากทางเหนือ เป็นวิบัติที่ยิ่งใหญ่นัก

สิงโตได้ออกมาจากดงหนามของมัน  ผู้ทำลายล้างประชาชาติได้ออกมาแล้ว

เขาออกมาจากที่ของเขา  เพื่อทำให้ดินแดนของเจ้ากลายเป็นที่ร้างเปล่า

เมืองทั้งหลายจะกลายเป็นซากปรักหักพังไม่มีคนอาศัยอยู่

 

เพราะเหตุนี้ เจ้าจงสวมเสื้อกระสอบ  คร่ำครวญโหยไห้

เพราะว่าความโกรธเกรี้ยวขององค์พระเป็นเจ้าไม่ได้หันไปจากเรา”

“ในวันนั้น”  พระเป็นเจ้าตรัส “ผู้กล้าจะทำให้กษัตริย์และข้าราชการ
เหล่าปุโรหิตจะตกใจและผู้กล่าวคำของพระเจ้าก็จะตะลึง …

และข้ากล่าวว่า “อา… ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงลวงคนเหล่านี้ และเยรูซาเล็ม

ว่า ..เจ้าทั้งหลายจะอยู่อย่างมีความสุข..

ในขณะที่จริง ๆ แล้ว ดาบกำลังมาถึงชีวิตของพวกเขา!”  

พระเจ้าทรงบอกให้เรียกคนเข้ามารวมกันในเมืองใหญ่  การเป่าแตรเป็นการเรียกรวมพลและเข้ามาตั้งหลักกันในเมืองที่มีป้อม

เมื่อใช้ธงเรียกเตือนแสดงว่า กำลังจะมีผู้เข้ามาโจมตี  พวกเขาจะต้องหาที่กำบัง หนีให้ทัน   สงครามนี้ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ แต่พระเจ้าทรงส่งเขามาจัดการคนของพระองค์

 ศัตรูนั้นเหมือนสิงโตเพื่อออกมาทำลาย  สิงโตนี้คือ บาบิโลนนั่นเอง  คนทุกชนชั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นสูงจะตกใจ ไม่นึกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เป็นเพราะมีผู้กล่าวคำเท็จมาลวงพวกเขาว่า  พวกเขาจะไม่เป็นอันตราย จะอยู่อย่างสบาย  ตรงนี้เองที่เยเรมีย์พูดเหมือนว่า พระเจ้าลวงคนของพระองค์  เปล่าเลย แต่เป็นคนกล่าวคำเท็จที่พวกเขาชอบฟังต่างหาก

เยเรมีย์ 4-1 ทรงเรียกให้กลับใจ

เยเรมีย์ 4:1-4

“โออิสราเอล หากเจ้าจะกลับมาหาเรา เจ้าก็จงกลับมาเสียที”พระเจ้าตรัส
“ถ้าเจ้าเอาสิ่งที่น่าชังออกไปให้พ้นเรา และไม่เตลิดไปจากเราอีกต่อไป
และหากเจ้าสาบานในความจริง ในความยุติธรรม และในความเที่ยงธรรมว่า
.. ตราบเท่าที่พระเป็นเจ้ายังทรงดำรงอยู่ ..
แล้วประชาชาติทั้งหลายต่างจะให้พรกันและกันในพระนามของพระองค์
และพวกเขาก็จะยกย่องพระองค์”

Je4-1
เพราะพระเป็นเจ้าตรัสแก่คนแห่งยูดาห์ และคนชาวเยรูซาเล็มว่า
“ให้เจ้าทุบดินที่ไถไว้จนแตก และอย่าหว่านเมล็ดพืชลงกลางหนาม
บุรุษแห่งยูดาห์ และชาวเมืองเยรูซาเล็มเอ๋ย
จงเข้าสุหนัตถวายแด่พระเจ้า จงตัดหนังปลายหัวใจของเจ้า
มิฉะนั้น ความกริ้วของเราจะระเบิดออกมาอย่างไฟ
และเผาไหม้ลามไปโดยที่ไม่มีใครจะดับได้
เป็นเพราะความชั่วแห่งพฤติกรรมทั้งหลายของเจ้า

เยเรมีย์ 3-5 คนทรยศ

เยเรมีห์ 3:19-25

“ข้ากล่าวว่า เราจะจัดให้เจ้าอยู่ท่ามกลางลูกชายของเราได้อย่างไร?
จะให้แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์  ให้เป็นมรดกที่สวยงามที่สุดในบรรดาประชาชาติทั้งปวง
และเราคิดว่า เจ้าจะเรียกเราว่า ‘พ่อ’ และจะไม่เลิกติดตามเราเลย
แต่.. ก็เหมือนกับภรรยานอกใจที่ทิ้งสามีของเธอไป  เจ้าเองก็ทรยศต่อเรา .. โอ คนอิสราเอล “ พระเจ้าตรัส

ได้ยินเสียงจากที่สูงบนภูเขา  เป็นเสียงร่ำไห้และร้องขอของลูกหลานอิสราเอล
เพราะว่า พวกเขาได้บิดเบือนหนทางของตน  พวกเขาลืมพระผู้เป็นเจ้าของเขา
“กลับมาเถอะ  ลูกชายที่ไม่ซื่อสัตย์
เราจะรักษาความอสัตย์ของเจ้า”
“ดูเถอะ พวกเรากลับมาหาพระองค์ เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา …

จริง ๆ แล้ว เนินเขา เหล่านั้น และพิธีบูชายัญอันลามกบนภูเขานั้น เป็นเพียงภาพลวงตา

ความจริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นความรอดพ้นของอิสราเอล
ตั้งแต่ที่เราเป็นเด็กมา  ความน่าละอายได้กลืนกินสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้ออกแรงสร้างมา
ฝูงแกะและฝูงสัตว์  บรรดาลูกชายและลูกสาว
ให้เรานอนลงด้วยความละอาย และให้ความไร้เกียรติของเรานั้นคลุมตัวเราไว้

Je3-5
เพราะว่าเราได้ทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เราและบรรพบุรุษของเรา
ตั้งแต่ที่เราเป็นเด็กมาจนกระทั่งทุกวันนี้
และเราไม่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

เยเรมีย์ 3-4 ผู้เลี้ยงที่เราพอใจ

เยเรมีย์ 3:14-17
และเราจะมอบผู้เลี้ยงที่เราพอใจแก่เจ้า  เขาจะเลี้ยงเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ

Je3-4
และเมื่อเจ้าเพิ่มจำนวนขึ้นในแผ่นดิน ในคราวนั้น เขาทั้งหลายจะไม่พูดอีกว่า
“หีบพันธสัญญาของพระเจ้า”  เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นในความคิดของเขา  มันจะไม่มีใครจำได้ หรือคิดถึงมันเลย
ในครั้งนั้น เขาจะเรียกกรุงเยรูซาเล็มว่า เป็นบัลลังก์ของพระเจ้า
และทุกประชาชาติจะเข้ามารวมตัวที่นั่น
ต่อพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม
และเขาจะไม่ตามใจชั่วร้ายของตนอีกต่อไป

ในวันเหล่านั้น วงศ์วานของยูดาห์จะเข้ามารวมกับวงศ์วานเยรูซาเล็ม
และพวกเขาจะมาจากดินแดนทางเหนือพร้อม ๆ กัน
มายังแผ่นดินที่เรามอบให้บรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก

เยเรมีย์ 3-3 จงกลับใจ กลับมา

เยเรมีย์ 3:11-14

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า
“อิสราเอลที่ไร้ความสัตย์ ได้แสดงตัวให้เห็นว่า เธอยังชอบธรรมกว่ายูดาห์ผู้ทรยศ
จงไปซิ  ไปประกาศคำเหล่านี้ให้แผ่นดินทางเหนือรับทราบ กล่าวเลยว่า

“อิสราเอลผู้ไร้ความสัตย์เอ๋ย จงกลับมา” พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“เราจะไม่มองเจ้าด้วยความโกรธ  เพราะว่า เรามีเมตตา “  พระผู้เป็นเจ้าตรัส

Jer3-3

“เราจะไม่โกรธตลอดไปเป็นนิตย์
ขอให้เจ้าได้ยอมรับผิดว่า เจ้าได้ดื้อดึงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเจ้าได้ไปประจบประแจงพระอื่น ๆ ใต้ต้นไม้เขียวสด
และเจ้าไม่ได้เชื่อฟังเสียงของเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส..

“จงกลับมา ลูกหลานที่ไร้ความเชื่อ “ พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียก
“เพราะเราเป็นนายของเจ้า และเราจะนำเจ้าหนึ่งคนจากเมือง
และสองคนจากครอบครัว  และนำเจ้ามายังศิโยน”

เยเรมีย์ 3-2 พี่น้องสองสาว

เยเรมีย์ 3:6-10

พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าในสมัยราชาโยสิยาห์ว่า
“เจ้าสังเกตเห็นใช่ไหมว่า  อิสราเอลขึ้นไปยังภูเขาทุกลูก
และที่ใต้ต้นไม้ใบเขียวทุกต้น พวกเขาก็ทำตัวเป็นหญิงโสเภณี?
และเราคิดว่า  หลังจากที่ทำอย่างนั้นแล้ว ก็จะกลับมา  แต่อิสราเอลไม่กลับมาเลย
ส่วนน้องสาวยูดาห์ที่ทรยศนั้นก็เห็นการเล่นชู้ของพี่สาวอิสราเอล
น้องสาวเห็นว่า ที่พี่สาวมีชู้ ไร้ความสัตย์ทำให้เราได้ไล่เธอออกไปพร้อมกับใบหย่า
แต่ยูดาห์น้องสาวทรยศก็ไม่กลัวสักนิด  เธอเองก็ได้ออกไปเล่นชู้ด้วย
Je3-2
และเป็นเพราะเธอเห็นว่า การกระทำของเธอนั้นไม่เสียหาย
เธอจึงทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เธอเล่นชู้กับหินและต้นไม้
และทั้งหมดนี้ น้องสาวยูดาห์ที่ทรยศก็ไม่ได้กลับมาหาเราด้วยสุดใจ
แต่แสร้งทำเป็นกลับตัวกลับใจ พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “

เยเรมีย์ 3-1 นั่งรอคนรัก

เยเรมีห์ 3:1-5

1 “ถ้าชายคนหนึ่ง ได้หย่าภรรยาไปแล้ว จากนั้นเธอก็จากเขาไปแต่งงานกับชายอื่น
เขาควรกลับไปหาเธออีกหรือ?
ถ้าเป็นอย่างนั้น แผ่นดินจะไม่ระบาดมลทินไปทั่วหรือ?
เจ้าเองได้ใช้ชีวิตราวกับโสเภณีกับคนรักมากมาย  แล้วตอนนี้เจ้าจะกลับมาหาเราหรือ?
เจ้าทำราวกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ ?” พระผู้เป็นเจ้าตรัส

มองไปรอบ ๆ ตามที่สูงโล่งซิ  เจ้าเห็นอะไร ? ที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่ได้ทำสิ่งสกปรกลามก?

je3_1

เจ้านั่งรอคนรักของเจ้าข้างทาง  อย่างคนอาหรับที่คอยปล้นในถิ่นกันดาร เจ้าได้ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยการบูชาพระปลอมของเจ้า
ดังนั้น ฝนจึงถูกระงับไม่ให้ตกลงมา  และฝนปลายฤดูจึงไม่มา
แต่เจ้าก็ยังมีหน้าผากแบบหญิงขายตัว   เจ้าทำตัวไม่ละอายราวกับว่าเจ้าไม่ได้ทำอะไร
เจ้าเพิ่งเรียกหาเราอยู่ไม่ใช่หรือว่า
‘พระบิดาของข้า พระองค์ทรงเป็นเพื่อนของข้ามาแต่เด็ก ๆ  พระองค์ทรงพิโรธตลอดไปหรือ?
พระองค์จะทรงกริ้วจนถึงที่สุดหรือ?’

ดูเถอะ เจ้าได้พูดออกมาแล้ว แต่เจ้ากลับทำความชั่วทุกอย่างที่เจ้าคิดออกมาได้”

เยเรมีย์เปรียบเทียบอิสราเอลเป็นเหมือนหญิงขายตัวที่ไปสมยอม และยอมตัวให้กับชาติอื่น ๆ  และพระ เทียมเท็จของชาติต่าง ๆ เหล่านั้น