เอเสเคียล7-1 สี่ทิศแห่งแผ่นดิน

เอเสเคียล 7:1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้า

“และเจ้า .. บุตรของมนุษย์  องค์พระผู้เป็น องค์พระเจ้าตรัสกับแผ่นดินอิสราเอลว่า

จุดจบ! จุดจบกำลังมาถึงทั้งสี่ทิศแห่งแผ่นดินโลก
บัดนี้ จุดจบมาถึงเจ้าแล้ว
และเราจะส่งความโกรธของเรามาเหนือเจ้า

4corners

เราจะพิพากษาเจ้าตามการกระทำของเจ้า

เราจะลงโทษให้สมกับการกระทำอันน่าสะอิดสะเอียนของเจ้า

ตาของเราจะไม่ยอมให้เจ้าหนีพ้นไป เราจะไม่มีความปรานี

แต่เราจะลงโทษเจ้าตามหนทางที่เจ้าเดิน

ในขณะที่ความน่าสะอิดสะเอียนยังอยู่ท่ามกลางเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า วิบัติแล้ววิบัติเล่า
ดูเถิด มันมาแล้ว  จุดจบมาแล้ว  จุดจบมาถึงแล้ว
และมันได้ตื่นขึ้นมาเพื่อสู้กับเจ้า
ดูเถิด มันมาแล้ว

เคราะห์กรรมของเจ้ามาพบเจ้าแล้ว
โอ คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน  เวลามาถึงแล้ว วันใกล้เข้ามา
เป็นวันแห่งความสับสนอลหม่าน

มิใช่วันแห่งการตะโกนอย่างมีความสุขบนภูเขา
บัดนี้ อีกไม่นาน เราจะเทความโกรธของเราลงบนเจ้า
เราจะให้ความกริ้วของเราสู้กับเจ้า
ใช่ เราจะพิพากษาเจ้าเพราะความน่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นของเจ้า
ตาของเราจะไม่เว้นใครเลย เราจะไม่มีความปรานีด้วย

เราจะลงโทษเจ้าตามหนทางของเจ้า
ในขณะที่ความน่าสะอิดสะเอียนยังอยู่ท่ามกลางเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้เฆี่ยน

เอเสเคียล 6-2 ถึงที่สุด

เอเสเคียล 6:8-14

“ถึงกระนั้น เราจะปล่อยให้เจ้าบางคนมีชีวิตอยู่
คือคนที่หนีจากดาบได้ และไปยังประเทศต่าง ๆ
เมื่อเจ้ากระจัดกระจายไปตามดินแดนต่าง ๆ
และคนของเจ้าเหล่านั้นที่หนีคมดาบไปได้
พวกเขาจะระลึกถึงเราในประเทศที่พวกเขาต้องไปเป็นเชลย

Sack_of_jerusalem
เขาจะเริ่มรู้ว่า ใจของเราแตกออกเพราะจิตใจแพศยาของพวกเขา
ทำให้เขาออกห่างจากเรา
รวมถึงสายตาแพศยาที่คอยเฝ้าหาแต่รูปเคารพของพวกเขา
และเวลานั้น พวกเขาจะเกลียดชังตนเอง  เพราะบาปที่ได้ทำ
เพราะความน่าสะอิดสะเอียนที่เกิดขึ้นจากตัวพวกเขาเอง
และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เราไม่ได้ไปพูดเปล่า ๆ ในเรื่องวิบัติที่เราจะนำมาสู่พวกเขา”

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าตรัสว่า
“จงตบมือของเจ้า และย่ำเท้า และกล่าวว่า
เป็นเพราะความชั่วร้ายอันน่าสะอิดสะเอียนของวงศ์วานอิสราเอล
เพราะพวกเขาจะต้องล้มลงด้วยดาบ ด้วยความอดอยากและโรคระบาด
คนที่อยู่ไกลจะตายเพราะโรคระบาด และคนที่อยู่ใกล้จะตายด้วยดาบ
คนที่เหลืออยู่ ถูกปกป้องเอาไว้ ก็จะตายด้วยความอดอยาก
เราจะเทความกริ้วของเราเหนือเขาดังนี้แหละ
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า


เมื่อคนที่ถูกฆ่านั้น ได้นอนตายท่ามกลางรูปเคารพ
ตายอยู่รอบ ๆ แท่นบูชา บนภูเขาสูงทุกลูก
บนยอดเขา ใต้ต้นไม้เขียว และใต้ต้นโอ๊กใบดกทุกต้น
พวกเขาตายในที่ ๆ พวกเขาถวายกลิ่นอันเป็นที่น่าพอใจแก่เทวรูปของพวกเขา
และเราจะยื่นมือของเราต่อสู้พวกเขา
ทำให้แผ่นดินต้องร้างเปล่า ไร้ค่า ในที่ๆ พวกเขาเคยอาศัยอยู่
จากถิ่นกันดารไปจนถึงริบลาห์
และเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 6-1 พังให้หมด!

เอเสเคียล 6:1-7

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า
“บุตรของมนุษย์เอ๋ย
ให้เจ้ามุ่งหน้าของเจ้าตรงไปยังผู้เขาทั้งหลายของอิสราเอล
และกล่าวโทษพวกเขา  กล่าวว่า
เหล่าภูเขาแห่งอิสราเอล..ทั้งเนินเขาทั้งปวง
ทั้งห้วยน้ำและหุบเขาทั้งหลาย

idols
ดูเถิด เรา เราเอง เราจะนำดาบมาเหนือเจ้า
และจะทำลายที่สูงของเจ้า
แท่นบูชาของเจ้าจะร้างเปล่า
แท่นเผาเครื่องหอมจะพังทลาย
และเราจะคนของเจ้าที่ถูกฆ่า จะถูกเราเหวี่ยงไว้ต่อหน้ารูปเคารพของพวกเขา
และเราจะวางศพของคนอิสราเอลต่อหน้ารูปเคารพของพวกเขา
เราจะกระจายกระดูกของพวกเขาไปรอบ ๆ แท่นบูชานั้น
ไม่ว่าพวกเจ้าไปอาศัยอยู่ที่ใด เมืองนั้นจะกลายเป็นเมืองร้าง
และที่สูงจะถูกทำลาย เพื่อว่าแท่นบูชาของเจ้าจะกลายเป็นซากปรักหักพัง
รูปเคารพทั้งหลายจะแตกหักออก และถูกทำลายสิ้น
แท่นเครื่องหอมถูกฟันทิ้ง  ผลงานของเจ้าจะถูกกวาดออกไป
คนที่ถูกฆ่าจะล้มตายท่ามกลางเจ้า
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า !” 

เอเสเคียล 5-4 ธนูแห่งความตาย

เอเสเคียล 5:13-17

“ด้วยวิธีนี้ ความกริ้วของเราจึงจะระบายออกไปหมด
และเราจะเทความโกรธของเราลงบนพวกเขา และเราจึงสงบ
และพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เรากล่าวด้วยความหวงแหนในยามที่เราระบายความโกรธลงเหนือเขา
ยิ่งกว่านั้น เราจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นความร้างเปล่า
และเป็นที่ ๆ ประเทศชาติทั้งหลายรอบๆ ตำหนิ ประนาม
รวมไปถึงคนที่เดินผ่านไปมา
เจ้าจะกลายเป็นที่ติเตียน และเป็นเกลียดชัง
เป็นคำเตือนและความสยดสยอง
ต่อบรรดาประเทศทั้งหลายรอบ ๆ เจ้า
เพราะการพิพากษาของเราต่อเจ้าด้วยความโกรธกริ้ว
และด้วยการตีสอนอันเกรี้ยวกราดของเรา
เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราได้พูดออกมาแล้ว

4F_flaming_arrows
เมื่อเราจะส่งลูกธนูแห่งความตาย คือการอดอยาก
ลูกธนูแห่งหายนะ ซึ่งเราจะส่งมาทำลายเจ้า
เราจะให้เจ้าอดอยากมากขึ้น มากขึ้น และทำให้เจ้าไม่มีอาหารเหลือเลย
เราจะส่งความอดอยากและสัตว์ร้ายมาจัดการกับเจ้า
มันจะเอาลูกของเจ้าไป
โรคระบาดและเลือดจะผ่านทะลุตัวเจ้า
เราจะนำดาบมาสู่เจ้า

เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราได้ลั่นวาจาไว้แล้ว

เอเสเคียล 5-3 กระจัด ก ร ะ จ า ย

เอเสเคียล 5:9-12

และเป็นเพราะสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของพวกเจ้า
เราจะทำกับเจ้าอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน
และเป็นสิ่งที่เราจะไม่ทำอีกต่อไป
พ่อ จะกินลูกของตัวเองท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย
ลูก จะกินพ่อของตนเอง
และเราจะพิพากษาเจ้า

jews scattered
คนที่มีชีวิตรอดท่ามกลางพวกเจ้า เราจะให้กระจัดกระจายไปตามทิศต่าง ๆ
องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าทรงประกาศ  “ดังนั้น  เรามีชีวิตอยู่ฉันใด
เป็นเพราะพวกเจ้าได้ทำให้พระวิหารของเราเป็นมลทิน
ด้วยสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน และการกระทำที่น่าสะอิดสะเอียนของเจ้า
เราจะเอาคืนจากเจ้า
ตาของเราจะไม่เว้นใคร และเราจะไม่สงสาร
หนึ่งในสามของพวกเจ้าจะล้มตายเพราะโรคระบาด
และจะเจอกับการกันดารอาหารท่ามกลางพวกเจ้า
หนึ่งในสามจะถูกสังหารด้วยดาบรอบตัวเจ้า
และอีกหนึ่งในสามนั้น เราจะให้กระจัดกระจายไปตามลมทุกทิศ
และเราจะชักดาบไล่ตามพวกเขาไป

 

เอเสเคียล 5-2 ไม่ยอมตามสักนิด!

เอเสเคียล 5:5-8

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าตรัสว่า นี่คือเยรูซาเล็ม
เราได้ตั้งให้เยรูซาเล็มเป็นศูนย์กลางของประชาชาติ
มีประเทศต่าง ๆ ห้อมล้อมเธอ
และเธอกลับดื้อดึงต่อกฎเกณฑ์ของเรา
โดยที่ได้ทำความชั่วร้ายยิ่งกว่าประชาชาติเหล่านั้น
ได้ทำสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายของเรายิ่งกว่าประชาชาติเหล่านั้น
พวกเขาได้ปฏิเสธ ไม่รับกฎของเรา ไม่เดินตามกฎหมายของเรา

 

ภาพจาก en.wikipedia.org
ภาพจาก en.wikipedia.org

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าตรัสว่า
เพราะเจ้านั้นระส่ำระสายยิ่งกว่าชาติต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบเจ้า
ไม่ได้เดินในกฎหมายของเรา หรือกฎเกณฑ์ของเรา
ทั้งยังไม่ทำตามกฎของประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบเจ้า
ดังนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า  แม้แต่เราจึงต่อต้านเจ้า
และเราจะพิพากษาเจ้าท่ามกลางประเทศต่าง ๆ เหล่านั้น

เอเสเคียล 5-1 เส้นผมสามส่วน

เอเสเคียล 5:1-4

และเจ้า บุตรของมนุษย์ เจ้าจงไปเอาดาบคม ๆ มา
และใช้มันต่างใบมีดโกนของช่างตัดผม
โกนหัวของเจ้า โกนหนวดของเจ้า
จากนั้นก็เอาไปชั่ง  และแบ่งผมของเจ้าเป็นส่วน ๆ

ภาพวาดโดยไมเคิล บูสกิง
ภาพวาดโดยไมเคิล บูสกิง

หนึ่งในสามส่วนนั้น ให้เจ้าเอาไปเผากลางเมือง
ในวันที่การล้อมเมืองสำเร็จ
อีกหนึ่งในสามส่วน ให้เจ้าโรยออกไปตามสายลม
และเราเองจะเป็นผู้เอาดาบไล่ตามมันไป
ผมอีกส่วนหนึ่งไม่มากนัก ให้เจ้าผูกติดไว้กับชายเสื้อคลุมของเจ้า
และจากตรงนี้ แบ่งมาส่วนหนึ่ง แล้วโยนลงไปในกองไฟให้ไหม้จนหมด
จากที่นั่น จะมีไฟมาสู่วงศ์วานอิสราเอล

เอเสเคียล 4-2 สภาพของการรับโทษ

เอเสเคียล 4:9-17

“และเจ้า จงเอาข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ ถั่ว  ถั่วเลนทิล ข้าวฟ่าง และ ข้าวเอมเมอร์
ใส่มันทั้งหมดเข้าไปในภาชนะเดียว และให้ทำขนมปังจากแป้งเหล่านั้น
ระหว่างที่เจ้าต้องนอนตะแคง 390 วันนั้น เจ้าจะกินอาหารนี้
และอาหารที่เจ้ากินจะต้องชั่งเป็นจำนวน 20 เชเคลต่อวัน (230 กรัม)
เจ้าจะกินอาหารนี้ วันแล้ววันเล่า
และน้ำเจ้าก็ต้องตวงด้วย เป็นครึ่งลิตรต่อวัน
เจ้าจะดื่มน้ำนี้วันแล้ววันเล่า
และเจ้าจะกินมันเหมือนกับกินขนมปังข้าวบาร์เลย์
เจ้าจะกินมันโดยย่างมันบนเชื้อเพลิงจากมูลของคนต่อหน้าเขาทั้งหลาย

4EZe4

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“นี่แหละ  คนอิสราเอลจะกินอาหารที่ไม่สะอาด
ในแผ่นดินที่เราเนรเทศเขาไป”
ข้ากล่าวว่า  “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า !
ดูเถิด ข้าพระองค์ไม่เคยทำตัวให้เป็นมลทิน
ตั้งแต่เป็นเด็กมาจนทุกวันนี้
ข้าไม่เคยกินอาหารจากสัตว์ที่ตายเอง
หรือสัตว์ที่ถูกฆ่าโดยสัตว์ร้าย
เนื้อที่เป็นมลทินไม่เคยเข้าปากของข้าพระองค์เลย”
และพระองค์ตรัสกับข้าว่า
“ถ้าอย่างนั้น เราจะอนุญาตให้เจ้าใช้มูลโคแทนมูลมนุษย์
ปิ้งขนมปังของเจ้า”
ยิ่งกว่านั้น พระองค์ตรัสกับข้าว่า
“บุตรมนุษย์เอ๋ย ดูเถิด  เราจะทำลายเสบียงของอาหารในเยรูซาเล็ม
พวกเขาจะต้องชั่งอาหารและกินด้วยความกังวลใจ
เขาจะต้องชั่งน้ำและกินด้วยความกลัว
พวกเขาจะผอมแห้งลงไปเพราะโทษที่เขาได้รับ

เอเสเคียล 4-1 คำบัญชาประหลาด

สสเอเสเคียล 4:1-8

“และเจ้า บุตรของมนุษย์ เจ้าจงเอาอิฐไปก้อนหนึ่ง
แล้ววางไว้ข้างหน้าเจ้า  จากนั้นให้แกะสลักนครหนึ่งเอาไว้
คือเยรูซาเล็ม ..  จากนั้นให้ล้อมนครนั้น และก่อกำแพงล้อมไว้ด้วย
ตั้งค่ายรอบ ๆ ก่อเชิงเทินเพื่อสู้กับนครนั้น   ตั้งเครื่องทะลวงไว้รอบด้าน

4ezekiel

 

 

และให้เจ้าจงไปเอาเหล็กแผ่นมา  วางแผ่นเหล็กนั้นระหว่างเจ้ากับเมือง
และหันหน้าของตัวเจ้าเข้าหาเมือง
ปล่อยให้มันอยู่ในสภาพเมืองที่ถูกล้อม
ค่อย ๆ รุกเข้าไป .. นี่เป็นหมายสำคัญสำหรับวงศ์วานอิสราเอล

แล้วจากนั้น ให้เจ้าเอนตัวลงตะแคงข้างซ้าย
วางการลงโทษของวงศ์วานอิสราเอลลงบนตัวเจ้า
เจ้านอนนานเท่าไร ก็เท่ากับเจ้าแบกการลงโทษของพวกเขาไว้นานเท่านั้น
เพราะเรากำหนดวันมาแล้ว เป็นจำนวน 390 วัน
เท่ากับจำนวนของปีที่พวกเขาถูกลงโทษ
เจ้าจะรับแบกโทษของพวกเขานานเท่านั้น

และเมื่อเจ้าทำจนครบ
เจ้าก็จะนอนตะแคงขวา และรับการลงโทษของวงศ์วานยูดาห์
เท่ากับ 40 วัน แต่ละวันมีความหมายถึง 1 ปี
เจ้าจะนอนหันหน้าไปที่การล้อมของเยรูซาเล็ม
ด้วยแขนเปล่า เจ้าจะกล่าวคำของพระเจ้าต่อต้านนครนั้น
ดูเถอะ เราจะเอาเชือกมัดเจ้า เพื่อว่าเจ้าจะหันไปมาไม่ได้
จนกว่าจะครบกำหนดวันล้อมเมืองของเจ้า

 

เอเสเคียล 3-4 เป็นใบ้ไปเสียแล้ว

เอเสเคียล 3:22-27

ที่นั่น พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้า
และพระองค์ตรัสแก่ข้าว่า
“จงลุกขึ้น  และออกไปที่หุบเขา เราจะพูดกับเจ้าที่นั่น”
ดังนั้นข้าจึงลุกขึ้น และเดินออกไปที่หุบเขา
และ ดูเถอะ พระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทับที่นั่น
เป็นเหมือนพระสิริที่ข้าเห็นที่แม่น้ำเคบาร์
ข้าจึงทรุดตัวลง ก้มหน้าติดดิน

“ไป  เข้าไปในบ้านและปิดประตูขังตัวเองไว้
และดูเถิด เจ้าบุตรมนุษย์  ดูเถอะ จะมีเชือกสำหรับมัดอยู่เหนือเจ้า
เจ้าจะถูกเชือกมัดไว้  เจ้าจึงออกไปท่ามกลางผู้คนไม่ได้

เราจะให้ลิ้นของเจ้าติดเพดานปาก
เพื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นใบ้ ไม่อาจตักเตือนพวกเขาได้
เพราะพวกเขาเป็นวงศ์วานที่ดื้อดึง
แต่เมื่อเราพูดกับเจ้า เราก็จะเปิดปากเจ้า
และเจ้าจะพูดกับเขาว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้”

คนที่จะฟัง ก็ให้เขาฟัง
คนที่ไม่ยอมฟัง ก็ปล่อยให้เขาเป็นไปอย่างนั้น
เพราะเขาเป็นวงศ์วานที่ดื้อดึง

เอเสเคียล 3-3 ต้องเตือนเขานะ

เอเสเคียล 3:16-21

เวลาผ่านไป 7 วัน พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าดังนี้
“บุตรมนุษย์เอ๋ย  เราได้ตั้งให้เจ้าเป็นยามเฝ้าประชาชนอิสราเอล

เมื่อไรที่เจ้าได้ยินคำจากปากของเรา  เจ้าจะต้องบอกคำเตือนเหล่านี้แก่พวกเขา
หากเรากล่าวกับคนชั่วว่า เจ้าจะต้องตายแน่นอน
แล้วเจ้าก็ไม่ได้เตือนพวกเขา
และไม่ได้เตือนให้เขาละทิ้งทางแห่งความชั่วร้ายเพื่อจะได้ช่วยชีวิตของเขาไว้
คนนั้นจะตายเพราะความบาปของตน
แต่เราจะมาเอาความผิดที่เจ้า
แต่หากเจ้าได้ตักเตือนคนชั่ว และเขาไม่ได้หันจากความชั่วร้าย
ไม่ได้ออกจากทางแห่งความชั่ว เขาก็จะตายเพราะบาปของเขาเอง
แต่เจ้าจะช่วยชีวิตของตัวเองให้รอด

Screen Shot 2014-02-17 at 5.49.39 PM

และอีกอย่างหนึ่ง หากคนชอบธรรมได้หันจากความถูกต้อง
และได้กระทำความอยุติธรรม

เราจะวางหินสะดุดไว้ต่อหน้าเขา  เขาจะตาย
เพราะว่าเจ้าไม่ได้เตือนเขา  เขาก็จะตายเพราะบาปของตน
ความชอบธรรมที่เขาเคยกระทำนั้น จะไม่มีใครจำได้
แต่เราจะเรียกร้องเอาเลือดของเขาจากมือเจ้า

แต่หากเจ้าได้เตือนสติคนชอบธรรมไม่ให้ทำบาป
และเขาก็ไม่ทำบาป เขาจะมีชีวิตอยู่
เพราะเขาได้รับคำตักเตือน และเจ้าเองก็จะช่วยชีวิตตัวเองให้รอด

 

 

เอเสเคียล 3-2 ฟังด้วยหู รับรู้ด้วยใจ

เอเสเคียล 3:8-15

ดูเถิด.. เราได้ทำให้หน้าของเจ้านั้นหนาด้านเหมือนกับหน้าของพวกเขา
และหน้าผากของเจ้าก็หนาด้านเหมือนกับหน้าผากของพวกเขา
เราได้ทำให้หน้าผากของเจ้าแกร่งดั่งเพชรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหินเหล็กไฟ

หินเหล็กไฟ
หินเหล็กไฟ

อย่าไปกลัวพวกเขา  อย่าท้อถอยเมื่อเห็นหน้าพวกเขา  เพราะพวกเขาเป็นคนที่ดื้อดึง
ยิ่งกว่านั้น พระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย  คำที่เรากล่าวแก่เจ้านั้น
เจ้าจะต้องรับมันไว้ในใจ ฟังด้วยหูของเจ้า
และไปยังคนที่ถูกเนรเทศออกมา ไปยังประชากรของเจ้า
พูดกับพวกเขา ..ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้…ไม่ว่าพวกเขาจะฟัง หรือไม่ยอมฟังก็ตาม”
แล้วพระวิญญาณทรงยกข้าขึ้น
ข้าได้ยินเสียงตามหลังมา เป็นเสียงแผ่นดินไหวใหญ่
“ถวายพระพรแด่พระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากสถานที่นี้ !”
มันเป็นเสียงของปีกเหล่าสิ่งมีชีวิตกางขึ้นแตะกัน และเป็นเสียงของ
วงล้อรอบ ๆ พวกเขา  และเป็นเสียงของแผ่นดินไหวใหญ่ด้วย
พระวิญญาณของพระเจ้าทรงยกข้าขึ้น และนำข้าออกไป
ข้าไปด้วยความขมในใจ ด้วยความร้อนผ่าวที่อยู่ในใจ
พระหัตถ์ของพระเจ้าวางอยู่เหนือข้าพเจ้าอย่างหนักหน่วงยิ่งนัก
และข้าก็มาถึงเหล่าคนที่เป็นเชลยซึ่งอาศัยริมแม่น้ำเคบาร์
ข้าอยู่นิ่งอย่างมึนงงเพราะสิ่งต่าง ๆ เต็มล้นในหัวใจของข้าอย่างนั้น 7 วัน

 

เอเสเคียล 3-1 กินหนังสือม้วน

เอเสเคียล 3:1-7

ยิ่งกว่านั้น พระองค์ตรัสกับข้าว่า
“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกินสิ่งที่เจ้าพบ กินหน้งสือม้วนนี้ แล้วก็ไป…
ไปพูดกับวงศ์วานอิสราเอล”
ดังนั้น ข้าจึงเปิดปาก  และพระเจ้าทรงทำให้ข้ากินหนังสือม้วนนั้นเข้าไป

และพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกินหนังสือม้วนนี้ให้อิ่ม”
ดังนั้น ข้าจึงกินมันเข้าไป พอมันอยู่ในปากของข้า
มันก็หวานราวน้ำผึ้ง…

ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล
ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล

แล้วพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงไปหาคนอิสราเอล
และกล่าวคำของเราแก่เขา
เพราะเจ้าไม่ได้ถูกส่งไปหาคนที่ไม่คุ้นกับภาษา
หรือไปหาคนที่ใช้ภาษายาก ๆ  แต่ให้ไปหาคนอิสราเอล
ไม่ได้ไปหาคนจำนวนมากที่ใช้ภาษาอื่น  ภาษาที่พูดยาก
เป็นคำที่เจ้าไม่เข้าใจ ..
หากเราส่งเจ้าไปหาคนเหล่านั้น พวกเขาคงจะฟังเจ้า
แต่เราส่งเจ้าไปหาอิสราเอลซึ่งเขาจะไม่ฟังเจ้า
เหตุเพราะเขาไม่ฟังเราก่อน
เพราะคนอิสราเอลทั้งปวงนั้น
เป็นคนหัวแข็งและดื้อดึงยิ่งนัก

เอเสเคียล 2 การทรงเรียกเอเสเคียล

เอเสเคียล 2:1-10

และพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย  จงลุกขึ้น และเราจะพูดกับเจ้า”
ขณะที่พระองค์ตรัสนั้น  พระวิญญาณเสด็จเข้ามาในตัวข้า และทรงทำให้ข้ายืนขึ้น
ข้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราส่งเจ้าไปหาคนอิสราเอล
ไปยังชนชาติที่ดื้อดึง  พวกเขากบฎต่อเรา
พวกเขาและบรรพบุรุษได้ล่วงละเมิดเราจนกระทั่งทุกวันนี้
บรรพบุรุษของเขาทั้งไม่เกรงใจเราและดื้อด้าน

เราส่งเจ้าไปหาเขา และเจ้าจะพูดกับเขาว่า
‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘
และไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือทำเป็นหูทวนลมก็ตาม
พวกเขาจะรู้ว่า มีผู้กล่าวคำของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา

Ezekiel-2-10
และเจ้า บุตรของมนุษย์  ไม่ต้องกลัวเขาหรือคำของพวกเขา
แม้ว่าทั้งหนามใหญ่หนามเล็กจะอยู่กับเจ้า หรือเจ้าจะนั่งบนแมงป่อง
ก็ไม่ต้องกลัวคำของพวกเขา  ไม่ต้องหวาดหวั่นต่อพวกเขาเลย
เพราะพวกเขาเป็นคนดื้อด้าน
และเจ้าจะต้องกล่าวคำของเราแก่เขา ไม่ว่าเขาจะฟังหรือปฏิเสธก็ตาม
เพราะพวกเขาเป็นคนดื้อด้าน
“แต่เจ้า.. บุตรมนุษย์  เจ้าจงฟังสิ่งที่เราพูดกับเจ้า
เจ้าอย่าเป็นคนดื้อด้านเหมือนกับพวกเขา จงเปิดปากและกินสิ่งที่เราจะให้เจ้า”

เมื่อข้ามองไป ดูเถิด มีมือหนึ่งยื่นมาหาข้า
มือนั้นถือหนังสือม้วน
และหนังสือนั้นถูกคลี่ออกต่อหน้าข้า
มีคำเขียนไว้ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
เป็นคำคร่ำครวญ คำแสดงความโศกเศร้าและทุกข์ระทมใจ

 

เอเสเคียล 1-4 พระสิริของพระเจ้า

เอเสเคียล 1:22-28

เหนือศีรษะของเหล่าสิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่เหมือนโดมใหญ่
ส่องแสงออกมาราวกับผลึกแก้ว ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
สิ่งนั้นแผ่ออกไปเหนือศีรษะพวกเขา

ภายใต้แผ่นโดมกว้างใหญ่นั้น  ปีกของพวกเขากางออกกว้าง ชี้ไปหากัน
สิ่งมีชีวิตแต่ละตนใช้ปีกอีกคู่ปกปิดร่างของตน
และเมื่อพวกเขาเคลื่อนไป ก็มีเสียงดังกัมปนาทราวกับน้ำมากหลาย
เหมือนกับสุรเสียงขององค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
เป็นเสียงเหมือนกับเสียงของกองทัพ
เมื่อพวกเขายืนก็จะหุบปีกลง

และก็มีเสียงออกจากโดมกว้างใหญ่เหนือศีรษะของพวกเขา
เมื่อพวกเขายืนนิ่ง ก็จะหุบปีกลง
ด้านบนเหนือศีรษะของพวกเขาในโดมกว้างใหญ่นั้น
มีบัลลังก์มองดูแล้วเหมือนไพฑูรย์

แร่ไพฑุรย์ แข็งแกร่งเป็นที่สองรองจากเพชร
แร่ไพฑุรย์ แข็งแกร่งเป็นที่สองรองจากเพชร

ผู้ที่ประทับบนบัลลังก์นั้น มีรูปลักษณ์เหมือนกับมนุษย์
เหนือขึ้นไปจากเอวของท่าน ข้าเห็นเป็นดั่งโลหะที่ส่องประกาย
มีไฟอยู่รอบด้าน
ต่อลงมาจากเอวของท่าน ข้าเห็นว่าเป็นไฟ มีความเจิดจ้ารอบ ๆ ท่าน
ความสว่างเจิดจ้าที่เห็นนั้น เป็นเหมือนสายรุ้งที่อยู่บนเมฆในวันฝนตก
ภาพที่ข้าเห็นคือพระสิริของพระเจ้า
เมื่อข้าเห็นนั้นข้าก็ก้มศีรษะจรดดิน
… และข้าได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมา

เอเสเคียล 1-3 วงล้อพิศวง

เอเสเคียล 1:15-21

ภาพที่อธิบายในเรื่อง เพื่อน ๆ ลองจินตนาการดูนะครับ  ส่วนข้างล่างเป็นภาพของเพทายที่เรียกว่า beryl

ตอนนี้ ขณะที่ข้ามองดูสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
ข้าก็เห็นล้อบนแผ่นดินโลก อยู่ข้างๆ สิ่งมีชีวิตนั้น
แต่ละล้อนั้น อยู่กับแต่ละตน
สำหรับรูปร่างของล้อ และโครงสร้างของมันนั้น
ดูเหมือนเพทายที่ส่องประกาย
และล้อทั้งสี่นั้น เหมือนกัน  มีรูปร่าง โครงสร้างเหมือนว่า มันเป็นล้อสองชั้นซ้อนกัน
เมื่อมันไป ก็ไปตามทิศทางทั้งสี่โดยไม่ต้องหันหน้าเลย
ขอบของวงล้อนั้น สูงและน่ากลัว ริมขอบล้อนั้นมีดวงตาติดอยู่รอบ ๆ
และเมื่อสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไป ล้อก็ไปตามพวกเขา
เมื่อสิ่งมีชีวิตลอยขึ้นจากโลก  ล้อนั้นก็ยกขึ้นตามไปด้วย

Beryl

เมื่อไรที่พระวิญญาณประสงค์จะไป  พวกเขาก็ไป ล้อก็เคลื่อนไปกับพวกเขา
เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในล้อ
เมื่อสิ่งมีชีวิตทั้งสี่เคลื่อนไป  วงล้อนั้นก็เคลื่อนไปด้วย
เมื่อพวกเขายืน  ล้อก็หยุดนิ่ง
เมื่อพวกเขาลอยขึ้นจากผืนโลก ล้อก็ขึ้นตามไป
เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอยู่ในล้อนั้น

 

เอเสเคียล 1-2 สิ่งมีชีวิตประหลาด

เอเสเคียล 1:6-14

สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แต่ละตนมีใบหน้า 4 หน้า  แต่ละตนมี 4 ปีก
ขาของพวกเขาก็ตรง และส่วนเท้านั้น เป็นเหมือนกีบเท้าวัว
พวกเขาส่องแสงประกายราวกับทองเหลืองเงาวับ
ภายใต้ปีกนั้น ก็มีมือเหมือนมนุษย์
ทั้งสี่มีหน้าตา มีปีกอย่างที่อธิบายมานี่แหละ
ปีกนั้นจรดกัน  ทุกตนกำลังเคลื่อนไหวไปข้างหน้า โดยไม่หันซ้ายหันขวา

Book_of_Ezekiel
ส่วนหน้าของเขานั้น เป็นเหมือนใบหน้าของมนุษย์หนึ่งหน้า
มีใบหน้าเหมือนสิงห์ด้านขวา
มีใบหน้าเหมือนวัวด้านซ้าย
และด้านหลังเป็นหน้าแบบนกอินทรี
หน้าตาของพวกเขาเป็นอย่างนี้  ปีกของเขาก็กางขึ้น
ปีกของเขาจรดกัน โดยปีกอีกสองข้างก็คลุมตัวเขาอยู่
แต่ละตนเคลื่อนไหวตรงไปข้างหน้า
เมื่อใดที่พระวิญญาณไปไหน พวกเขาก็ตามไป ไม่มีการหันไปมาขณะที่ตามไปนั้น
สำหรับรูปร่าง ลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้น เป็นเหมือนถ่านไฟกำลังไหม้
เคลื่อนไหวไปมาระหว่างพวกเขากันเอง ไฟนั้นเจิดจ้า
และมีฟ้าผ่าออกมาจากไฟนั้นด้วย
สิ่งมีชีวิตนั้นเคลื่อนไหวพุ่งไปมาเหมือนกับแสงจากฟ้าผ่า

เอเสเคียล 1-1 เห็นนิมิตประหลาด!

เอเสเคียล 1:1-5

วันนั้น ข้าอยู่ที่ริมแม่น้ำเคบาร์ ท่่ามกลางเชลยที่ถูกกวาดมาจากแผ่นดินยูดาห์

เป็นวันที่ 5 เดือน 4 ปีที่ 30

ท้องฟ้าเปิดออกมา

เงยหน้าขึ้นไป ข้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า !!mekfai

 

เป็นวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งคำของพระองค์มายังปุโรหิตเอเสเคียล ลูกชายบูซี

แต่คำของพระเจ้าไม่ได้เลือกว่าจะมาในดินแดนไหน

ข้าอยู่ในแผ่นดินคนเคลเดีย  แต่ข้าก็ยังเห็นพระเจ้า ….

พระหัตถ์ของพระเจ้ามาอยู่เหนือข้า !

 

ข้ามองไป  มองไป  ตอนนั้นเอง มีลมพายุพัดมาจากทางเหนือ

พร้อมกับเมฆที่มีแสงสว่างรอบ

แถมยังมีไฟออกมาจากเมฆด้วย เี๋ดี๋ยวแวบ  เดี๋ยววาบออกมาจากเมฆนั้น

ดูไป ดูมา ก็เหมือนว่าเป็นทองเหลืองที่มีแสงแวบ

ที่ประหลาดกว่านั้นก็คือ มีร่างสัตว์สี่ตัวออกมา

แต่มันไม่ใช่สัตว์ธรรมดา  เพราะว่า มันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์!

ท่านเอเสเคียล ผู้เห็นนิมิตตระการ

ก่อนที่คนอิสราเอลเป็นเชลยอยู่ในกรุงบาบิโลนนั้น
พระเจ้าได้ทรงเรียกเอเสเคียลมาเป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้า
เพื่อจะตักเตือนคนของพระองค์ เช่นเดียวกับเยเรมีย์
และเมื่อพวกเขาต้องถูกกวาดไปเป็นเชลย
เอเสเคียลก็ได้ไปอยู่กับพวกที่เป็นเชลย ในเทลอาบิบ ริมแม่น้ำเคบาร์ซึ่งอยู่ทางใต้ของบาบิโลน

เชลยเหล่านี้ถูกกวาดต้อนมาในปี 597 ก่อนคริสตศักราช
มีทั้งราชาเยโฮยาคินและราชวงศ์ ประชาชน และช่างฝีมือทุกชนิด…
เอเสเคียลก็ยังเป็นผู้กล่าวคำปลอบใจพวกเขา
และยังได้กล่าวถึงอนาคตของอิสราเอลด้วย

โดยไมเคิล แอนเจลโล
โดยไมเคิล แอนเจลโล

เอเสเคียลเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ “เอเสเคียล”

เขามักพูดถึงพระวิหารของพระเจ้า การถวายเครื่องบูชา บาปและโทษของอิสราเอล   และพระสิริของพระเจ้า

คำที่เอเสเคียลพูดบ่อย ๆ คือ “เพื่อเขาจะได้รู้ว่า เราคือพระเจ้า”

 

เพราะพระเจ้าทรงจำเป็นที่จะต้องลงโทษคนที่ได้กระทำผิดต่อพระองค์

ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บาปของพวกเขานั้น รุนแรง

จนพระองค์ต้องให้เขาออกจากแผ่นดินที่พระองค์ทรงสัญญาให้เขาอยู่

แต่เอเสเคียลเองก็ได้ยืนยันว่า อิสราเอลจะได้รับการรื้อฟื้นแน่นอน

 

เพลงคร่ำครวญ 5-2 ขออย่าทรงพิโรธตลอดไป

บทเพลงคร่ำครวญ 5:12-22

เหล่าผู้ปกครองทั้งหลาย ก็ถูกมัดมือแขวนเอาไว้
ไม่มีใครสนใจจะนับถือพวกผู้ใหญ่
คนหนุ่มถูกบังคับให้โม่แป้ง เด็กชายทั้งหลายก็เดินโซเซแบกฟืนเป็นมัด ๆ
คนชราทิ้งประตูเมืองที่เคยนั่งอยู่  คนหนุ่มก็ทิ้งเสียงดนตรีของตน
ความยินดีในหัวใจของเราหยุดไป การเต้นรำกลายเป็นการคร่ำครวญ
มงกุฎหล่นจากหัวของเรา

mapa3

วิบัติแก่พวกเรา
เพราะเราได้ทำบาป
เป็นเพราะเหตุนี้ หัวใจของเราจึงเจ็บป่วย
เพราะเหตุนี้ ดวงตาของเราจึงมืดมัวไป
เพราะภูเขาศิโยนซึ่งถูกทิ้งร้าง  มีหมาป่ามาเดินดุ่ม ๆ ดม ๆ

แต่พระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้า… พระองค์ทรงครอบครองนิรันดร์
บัลลังก์ของพระองค์ดำรงสืบต่อไปทุก ๆ ชั่วอายุคน
เหตุใดพระองค์จึงทรงลืมเราไปตลอดกาล?
เหตุใดพระองค์ทรงละทิ้งเราเป็นนานสองนาน?
ขอทรงโปรดรื้อฟื้นพวกเรา ให้เป็นเหมือนวันในอดีต
นอกเสียจากว่า พระองค์ทรงปฏิเสธเราอย่างไม่มีเยื่อใย
และยังทรงพิโรธเรารุนแรงเหลือเกิน