เอสรา 6-2 ประกาศของดาริอัส

เอสรา 6:6-12

ดังนั้น ราชาดาริอัสจึงส่งสารมาสั่งให้ทัทเทนัย

ซึ่งเป็นผู้ว่าการอีกฟากของแม่น้ำ

เชธาร์ โบเซนัย กับข้าราชการอื่น ๆ ให้หลีกทาง
จงให้งานก่อสร้างพระวิหารดำเนินต่อไป
จงยอมให้ผู้ว่าการของชาวยิว และผู้ใหญ่ของชาวยิว
ช่วยกันสร้างพระวิหารในพื้นที่เดิม

 

ยิ่งกว่านั้น ราชาดาริอัสยังทรงออกราชกฤษฎีกาว่า
“เราออกราชกฤษฎีกามาเพื่อให้เจ้าทั้งหลาย
ทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้เพื่อผู้ใหญ่ของชาวยิว

 

จงมอบเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอย่างเต็มจำนวน
ต้องไม่ล่าช้า เอาเงินจากภาษีจากแว่นแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
และหากมีสิ่งจำเป็น
ไม่ว่าจะเป็นวัวผู้  แกะผู้   หรือแกะเพื่อใช้ในการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์
ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี  เกลือ เหล้าองุ่น หรือน้ำมัน
ตามที่เหล่าปุโรหิตแห่งเยรูซาเล็มร้องขอมา

ก็จงจัดให้ทุกวันอย่าให้ขาด
เพื่อว่าพวกเขาจะถวายเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัย
พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และจะได้อธิษฐานเผื่อพระราชาและราชโอรส

และเราขอประกาศว่า หากใครบิดพลิ้ว ไม่ทำตาม
เราจะดึงคานไม้ของบ้านคนนั้นออกไปอันหนึ่ง
และจะเสียบเขาด้วยไม้นั้น และบ้านของเขาจะกลายเป็นกองขยะ

ขอพระเจ้าผู้ทรงให้พระนามของพระองค์สถิตที่นั่น
ทรงทำลายกษัตริย์หรือประชาชนคนใดก็ตามที่
ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงประกาศนี้
หรือพยายามทำลายพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

 

เรา ดาริอัสเป็นผู้ออกกฤษฎีกา ขอให้ท่านทั้งหลาย
ทำตามคำสั่งนี้อย่างขยันขันแข็ง

เอสรา 6-1 สืบค้นเอกสาร

เอสรา 6:1-5

ดังนั้น ราชาดาริอัส จึงทรงสั่งให้มีการสืบค้น

จดหมายเหตุที่เคยทำในบาบิโลน

โดยพวกเขาไปค้นที่หอเก็บเอกสาร

และในเมือง ….. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นมีเดีย
พวกเขาก็ได้พบหนังสือม้วน ซึ่งมีบันทึกไว้ว่า

 

ในปีแรกของรัชสมัยราชาไซรัส
ราชาไซรัสได้ออกราชกฤษฎีกา
เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระวิหารของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม

จงสร้างวิหารนั้นขึ้นมาใหม่

เป็นสถานที่ซึ่งจะมีการถวายเครื่องบูชา
และจงให้รากฐานของวิหารนั้นคงอยู่
ให้อาคารสูง 60  ศอก กว้าง 60 ศอก
มีหินใหญ่สามชั้น และชั้นหนึ่งเป็นไม้
ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ให้ส่งจากพระคลัง

28-23

ยิ่งกว่านั้น  พวกภาชนะ เครื่องใช้ทองและเงิน
ซึ่งราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้นำมาไว้ในบาบิโลนนั้น
ก็ให้ขนกลับไปไว้ใช้ในพระวิหารเยรูซาเล็ม
ให้วางไว้ในที่เดิมของมัน
จะต้องเอาภาชนะเหล่านี้กลับไปในพระวิหารของพระเจ้า

 

เอสรา 5-3 เนื้อความในจดหมาย

เอสรา 5:11- 17

และพวกเขาตอบเราดังนี้

“เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน

เรากำลังสร้างพระวิหารใหม่ ซึ่งเคยมีมาก่อนหน้านี้
โดยราชายิ่งใหญ่แห่งอิสราเอลได้ทรงสร้างและทำสำเร็จด้วย
แต่บรรพบุรุษของเรา ได้ทำให้พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์พิโรธ

King_reads_letter_1337-231

พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาแก่ราชาเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
ราชาเคลเดียองค์นี้ได้ทำลายพระวิหาร
และนำคนเป็นจำนวนมากไปเป็นเชลยในบาบิโลน

อย่างไรก็ตาม ในปีแรกที่ราชาไซรัสครองบาบิโลน
พระองค์ได้ทรงออกราชกฤษฎีกาให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่
พวกเครื่องใช้ทอง เงินในพระวิหารที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์
ทรงยึดไปเก็บไว้ในวิหารเทพเจ้าของพระองค์ในบาบิโลน
ราชาไซรัสก็ทรงสั่งให้เอาออกมา

และส่งให้คนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ ชื่อท่านเชชบัสซาร์
โดยทรงสั่งให้นำเครื่องใช้เหล่านี้ กลับมาไว้ที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม

และทรงให้เราสร้างพระวิหารในที่เดิม
ท่านเชชบัสซาร์จึงเข้ามาวางรากฐานพระวิหาร ในกรุงเยรูซาเล็ม
การก่อนสร้างก็ทำต่อมาจนทุกวันนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ

ดังนั้น หากพระองค์ทรงเห็นดีด้วย ……..

ขอทรงสั่งให้มีการสืบค้นจดหมายเหตุของบาบิโลน
เพื่อหาหลักฐานที่ราชาไซรัสทรงสั่งให้สร้างพระวิหาร

ขอพระองค์ทรงวินิจฉัยเรื่องนี้

 

เอสรา 5-2 จดหมายฟ้องครั้งที่สอง

เอสรา 5:6-10

ต่อไปนี้เป็นสำเนาของสารที่ผู้ว่าการของอีกฟากของแม่น้ำชื่อทัทเทนัย
รวมทั้งเชธาร์โบเชนัย  กับ พวกของเขาที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
ส่งไปทูลราชาดาริอัส
มีใจความว่า

Decree of Darius

ขอองค์ราชาดาริอัสจงทรงพระเจริญ

ข้าพระบาททั้งหลายขอทูลรายงานให้ทรงทราบว่า
พวกเราได้ไปยังยูดาห์  ที่พระวิหารของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ตอนนี้ เหล่าคนทั้งหลายกำลังก่อสร้างพระวิหาร
พวกเขาใช้หินก้อนใหญ่ ๆ  บุผนังพระวิหารด้วยไม้
พวกเขาทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ
ตอนนี้ อาคารพระวิหารกำลังคืบหน้าไปมาก

พวกเราถามคนที่มีอายุว่า
“ใครเป็นคนอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ ?”
และยังได้ถามรายชื่อของคนทำงานมา
รายงานถวายพระองค์ด้วย ….

พวกเขาตอบเราอย่างนี้….

 

 

 

เอสรา 5-1

เอสรา 5:1-5

ส่วนผู้กล่าวคำของพระเจ้าคือ ฮักกัย และเศคาริยาห์ ซึ่งเป็นลูกชายของอิดโด
ก็ได้กล่าวคำของพระเจ้าแก่ชาวยิวที่อยู่ในยูดาห์และเยรูซาเล็ม
ในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงครองเหนือพวกเขา

แล้วเศรุบบาเบลลูกชายของเชอัลทิเอล กับเยชูวาลูกชายของโยซาดัก
ก็ลุกขึ้นและเริ่มลงมือก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม
ผู้กล่าวคำของพระเจ้าก็อยู่กับพวกเขา คอยสนับสนุน

picture

ในเวลาเดียวกัน ทัทเทนัย ซึ่งเป็นผู้ว่าของแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
และเชธาร์-โบเซนัย กับพวกของเขามาถามว่า
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างวิหารนี้จนสำเร็จ?”
และยังถามอีกว่า
“ใครเป็นคนสร้างพระวิหารนี้บ้าง บอกชื่อมา”
แต่พระเนตรของพระเจ้าทรงอยู่กับเหล่าผู้ใหญ่ของยิว
เขาไม่ได้หยุดการก่อสร้าง
จนกระทั่งพวกนั้นส่งสารไปยังราชาดาริอัส  และพระองค์ก็ทรงตอบกลับมา

เอสรา 4-4 ได้ผล

เอสรา 4:17-24

ต่อมาพระราชาจึงทรงตอบกลับมาว่า

ถึงเรฮูมและผู้บัญชาการทหาร
ถึงชิมชัย เลขานุการ และเหล่าคนที่อยู่ในสะมาเรีย
คนที่อาศัยอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรตีส

คำทักทายจากเรา
จดหมายที่ท่านส่งมานั้น  เราได้ให้คนแปลและอ่านให้ฟังแล้ว
และเราได้ให้มีการสืบค้น ก็พบว่า
ตั้งแต่ในอดีต เมืองนี้ได้แข็งข้อต่อกษัตริย์ทั้งหลาย
มักมีการต่อสู้ และการก่อความวุ่นวายต่าง ๆ เสมอมา
เมืองนี้เคยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ปกครอง
พวกเขาได้ปกครองทั่วแว่นแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
กษัตริย์เหล่านี้ได้รับบรรณาการ ภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

 

ดังนั้นจงตั้งกฎขึ้นมาเพื่อยับยั้งการทำงานของคนเหล่านี้
เพื่อว่าจะไม่มีการสร้างเมืองนี้ใหม่
จนกว่าจะมีคำสั่งจากข้า
ขออย่าให้เจ้าทำเฉยเมยในเรื่องนี้
จะปล่อยให้เรื่องนี้ทำให้พระราชาเสียหายได้อย่างไร?”

เมื่อมีการอ่านสารจากพระราชาถึงเรฮูมและชิมชัยรวมทั้งพวกของเขา
พวกเขาก็รีบไปหาคนยิวในกรุงเยรูซาเล็ม
และใช้กำลังบังคับให้พวกเขาหยุดสร้างเมืองใหม่
ดังนั้นงานสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็มจึงต้องหยุดชะงักไป
จนถึงปีที่สองของรัชสมัยราชาดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

เอสรา 4-3 เนื้อความในจดหมาย

เอสรา 4:13-16

ขอพระราชาทรงทราบว่า
หากนครนี้ได้ถูกสร้างใหม่ และกำแพงเมืองสำเร็จแล้ว
พวกเขาจะไม่ยอมส่งบรรณาการ  ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมถึง
ภาษีทั้งสิ้น  และแน่นอนที่รายได้ของพระคลังจะขาดหายไป

 

 ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก ChristArt.com
ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก ChristArt.com วาดโดยคุณ Richard Gunther

เป็นเพราะพวกเราได้รับเกลือจากราชวัง
ไม่สมควรที่พวกเราจะต้องเห็นพระราชาถูกหมิ่นพระเกียรติ
ดังนั้นเราจึงส่งจดหมายนี้มาถวายเพื่อกราบทูล
ขอพระองค์ทรงสั่งให้ตรวจดูรายงานสมัยพระราชบิดา
จากรายงานเหล่านั้น พระองค์จะทรงเห็นชัดว่า
นครนี้เป็นเมืองขบถ  เป็นอันตรายต่อพระราชาและแคว้นต่าง ๆ

เป็นเมืองที่จะแข็งข้อและสร้างความวุ่นวายมาตั้งแต่โบราณ
นี่เป็นเหตุผลที่เมืองนี้ถูกทิ้งร้าง
เราจึงขอแจ้งพระราชาว่า หากเมืองนี้มีการสร้างขึ้นมาใหม่
มีกำแพงเมืองล้อมรอบ

พระองค์ก็จะสูญเสียแคว้นที่อยู่ทางฟากนี้ของแม่นำ้

 

เพื่อน ๆ คิดว่าจดหมายฉบับนี้เป็นอย่างไรครับ

เด็ดขาดจริง ๆ  ว่าไม๊?

 

เอสรา 4-2 จดหมายฟ้อง

เอสรา 4:7-12

ในรัชกาลของราชาอาหะสุเอรัสนั้นเอง
ก็มีหลายคนร่วมกันตั้งข้อกล่าวหาคนอิสราเอล
พวกเขาคือ    บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอล

พวกเขาเขียนเป็นภาษาอารเมค
เมื่อจดหมายไปถึงพระราชาก็มีคนแปล….

King_reads_letter_1337-231

ผู้บัญชาการทหารเรฮูม และชิมชัย เลขานุการ
เขียนจดหมายถวายราชาอาหะสุเอรัส
กล่าวหาเยรูซาเล็มว่า

ผู้บัญชาการเรฮูม
ชิมชัย เลขานุการ
และผู้ร่วมกล่าวหาคือ เหล่าตุลาการ

ผู้ปกครอง
ข้าราชการ
ชาวเปอร์เซีย
บุรุษจากเอเรกและชาวบาบิโลน
บุรุษจากสุสาคือคนเอลาม
รวมทั้งชนชาติต่าง ๆ ที่อาชูร์บานิปาลผู้ทรงเกียรติ
ได้นำมาให้ตั้งหลักฐานในสะมาเรีย และพื้นที่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำยูเฟรตีส

 

(โดยสำเนาจดหมายที่เขานำขึ้นกราบทูล มีข้อความดังนี้)
กราบทูล ราชาอาหะสุเอรัส
จากบรรดาข้าราชการของพระองค์ที่อยู่อีกฝั่งของยูเฟรตีส

ขอถวายคำทักทาย
และบัดนี้ ขอกราบทูลว่า ชาวยิวที่ถูกส่งมาจากพระองค์นั้น
ได้มายังนครเยรูซาเล็ม
พวกเขากำลังสร้างเมืองขบถและชั่วร้ายขึ้นมาใหม่
พวกเขากำลังจะสร้างกำแพงสำเร็จ และได้ซ่อมแซมรากฐานของมัน

 

 

เอสรา 4-1 เจอศัตรู

เอสรา 4:1-6

เมื่อศัตรูของยูดาห์ และเบนยามินได้ข่าวว่า
คนที่กลับจากการเป็นเชลยนั้น กำลังสร้างพระวิหารของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
พวกเขาก็เข้ามาหาเศรุบบาเบล และหัวหน้าของครอบครัวทั้งหลาย

กล่าวว่า “ขอให้พวกเรามาช่วยท่านสร้าง
เพราะว่า เราก็นมัสการพระเจ้าเหมือนกับท่าน
และเราก็ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์มาตั้งแต่วันที่ราชาเอสารฮัคโดน แห่งอัสซีเรีย
ได้ส่งเรามาอยู่ที่นี่”

แต่เศรุบบาเบล เยชูวา และหัวหน้าครอบครัวแห่งอิสราเอล
กล่าวแก่เขาว่า
“ท่านไม่ต้องมาช่วยเราในการสร้างพระวิหารของพระเจ้าของเรา
เราเท่านั้น ที่จะสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ตามที่ราชาไซรัสแห่งเปอร์เซียได้บัญชาเราไว้”

แล้วคนพวกนั้นก็พยายามที่จะทำให้คนที่สร้างพระวิหารท้อถอย
ทำให้คนยูดาห์กลัว
และยังพยายามให้สินบนกับที่ปรึกษาเพื่อขัดขวางการสร้างพระวิหาร
ตลอดรัชสมัยของราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย
และพยายามไม่หยุดจนรัชสมัยของราชาดาริอัสแห่งเปอร์เซียด้วย

ในรัชสมัยของราชาอาหสุเอรัส  ช่วงต้นรัชการนั้นเอง
พวกเขาก็เขียนข้อกล่าวหาต่อต้านชาวยูดาห์ และชาวนครเยรูซาเล็ม

 

เอสรา 3-2 สร้างพระวิหารขึ้นใหม่

เอสรา 3:7-13

ดังนั้น พวกเขาจึงมอบเงินให้กับช่างก่อปูน และช่างไม้
เขาเตรียมอาหาร น้ำ และนำ้มันให้แก่ชาวซีโดนและไทระ
เพื่อให้พวกเขาช่วยขนส่งลำต้นสีดาร์มาทางทะเล ขึ้นท่ายัฟฟา
จำนวนตามที่พวกเขาได้รับอนุญาตจากราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย

ในปีที่สองหลังจากพวกเขาเดินทางมายังพระวิหารของพระเจ้าในนครเยรูซาเล็ม
เดือนที่สอง เศรุบบาเบล ลูกชายของเชอัลทิเอล และเยชูวา ลูกชายของโยซาดัก
พร้อมกับคนอื่น ๆ ทั้งปุโรหิต และเลวีทั้งหมดที่พ้นจากการเป็นเชลยมานั้น
พวกเขาแต่งตั้งเลวีที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป
เพื่อดูเลงานในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

Laying foundations of temple

และเยชูวาพร้อมกับลูกชาย และพี่น้อง
ขัดมีเอล พร้อมกับลูกชาย
ลูกชายของยูดาห์ ช่วยกันดูแลการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า
รวมไปถึงลูกชายของเฮนาดัด
กับเหล่าเลวี ลูกชาย และพี่น้องชายของพวกเขา

และเมื่อผู้ก่อสร้างได้วางฐานรากของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ปุโรหิตที่สวมเสื้อเต็มยศ ก็ได้เดินออกมาพร้อมกับแตร
คนเลวีลูกชายของอาสาฟ เดินออกมาพร้อมฉาบเพื่อสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ตามแบบอย่างของราชาดาวิดแห่งอิสราเอล
พวกเขาร้องเพลง สรรเสริญและโมทนาพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า

“เพราะพระเจ้าทรงดี  และความรักมั่นคงของพระองค์ต่ออิสราเอล
ดำรงอยู่ตลอดกาล”

คนทั้งหลายร้องตะโกนเสียงดังมากขณะที่พวกเขาสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะเวลานั้น พวกเขาได้วางรากฐานของพระวิหารแล้ว
แต่ยังมีปุโรหิต และเลวี และหัวหน้าครอบครัวที่สูงอายุ คนที่เคยเห็นพระวิหารแรก
ได้ร้องไห้เสียงดังเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นว่า รากฐานของพระวิหารถูกวางเอาไว้

ถึงแม้มีคนมากมายร้องเสียงดังเพราะความยินดี

ทำให้พวกเขาไม่อาจแยกเสียงแห่งความยินดีออกจากเสียงร้องไห้ได้
เพราะว่า คนตะโกนก็ส่งเสียงดังมาก  และเสียงของพวกเขาก็ได้ยินได้จากที่ไกล….

เอสรา 3-1 เริ่มถวายเครื่องบูชาต่าง ๆ

เอสรา 3:1-6

เดือนที่เจ็ด

เหล่าคนอิสราเอลต่างเข้ามาอยู่ในเมืองต่าง ๆ
…แล้วพวกเขาก็มารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวในนครเยรูซาเล็ม

แล้วเยชูวา ลูกชายของโยซาดัก
และปุโรหิตที่ร่วมงานกับเขา
รวมทั้งเศรุบบาเบล ลูกชายของเชอัลทิเอล กับญาติ ๆของเขา
พวกเขานั้น ร่วมกันสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
โดยตั้งใจที่จะถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระองค์
ตามที่เขียนไว้ในบัญญัติของโมเสส  ผู้รับใช้ของพระองค์

 from "The Book of Books in Pictures", Julius Schnorr von Carolsfeld, Verlag von Georg Wigand, Liepzig: 1908
from “The Book of Books in Pictures”, Julius Schnorr von Carolsfeld, Verlag von Georg Wigand, Liepzig: 1908

พวกเขาตั้งแท่นนั้นไว้บนฐานเดิม
เป็นเพราะพวกเขากลัวประชาชนที่อยู่ในแผ่นดินนั้น
พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าบนแท่นนั้น
ทั้งเช้า และเย็น
และพวกเขาก็ได้ฉลองเทศกาลอยู่เพิงตามบทบัญญัติ
ถวายเครื่องเผาบูชาประจำวันตามจำนวนที่ระบุไว้แต่ละวัน

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็จะถวายเครื่องบูชาตามปกติ
ทั้งเครื่องบูชาสำหรับวันหนึ่งค่ำ
และเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
รวมไปถึงมีการถวายเครื่องบูชาตามใจสมัครแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

 

จากวันแรกของเดือนที่เจ็ด
พวกเขาเริ่มถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระเจ้า
แม้ว่าขณะนั้น ยังไม่ได้วางรากฐานของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

 

เอสรา 2-2 สรุปจำนวน

เอสรา 2:64-70

 

หัวหน้าครอบครัวที่กลับมาคือ 42,360 คน  ที่นับนั้นยังไม่รวมผู้หญิงกับเด็ก

ยังมีคนรับใช้ชายหญิงอีก  7,337 คน

มีนักร้องชายหญิง 200 คน

ม้า 736 ตัว

ล่อ  245  ตัว

อูฐ   435   ตัว

ลา 6,720   ตัว

เอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79479&type=mm

 

เอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79479&type=mm
เอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79479&type=mm

 

คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวบางคน
ก็ได้ถวายสิ่งของต่าง ๆ ตามความตั้งใจของพวกเขา
เพื่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าตรงบริเวณเดิม
พวกเขาต่างถวายตามกำลัง ตามความสามารถ  โดยได้รวมเป็น

ทองคำ  ถึง 500  กิโลกรัม!
เงิน 2.9   ตัน!
เสื้อของปุโรหิตอีก  100  ชุด

ทั้งปุโรหิต คนเลวี ประชาชนบางส่วน  นักร้อง คนเฝ้าประตู

และคนรับใช้ในพระวิหารต่างเข้าอาศัยในเมืองของตนเอง

ส่วนคนอื่น ๆ นอกจากนั้น ก็กลับไปอยู่ในเมืองของตน

 

เพื่อน ๆ ครับ ของถวายนั้นมากมายจริง ๆ
นี่ยังมีคนที่ไม่กลับมาจากบาบิโลนอีกนะครับ
คนเหล่านั้นที่ปักหลักในบาบิโลน เป็นเพราะชีวิตของพวกเขาก็สบาย
มีเงินทอง มีฐานะ   ส่วนคนที่กลับมานั้น
ดูเหมือนว่า จะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงนำใจให้พวกเขากลับมา

 

เอสรา 2-1 คนที่กลับมา

เอสรา 1:-63  โดยย่อ

ต่อไปนี้เป็นประชาชนที่ได้กลับไปยังเยรูซาเล็ม
คนเหล่านี้ ถูกเนบูคัดเนสซาร์  ราชาแห่งบาบิโลนนำตัวไปเป็นเชลย
เขาได้กลับมายังเยรูซาเล็ม แคว้นยูดาห์ ตามบ้านเกิดของตน
โดยที่มาพร้อมกับเศรุบบาเบล  เยซูอา  เนหะมีย์  เสไรอาห์
เรเอไลยาห์  โมรเดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม  และบาอานาห์

scenes20from20the20return20from20exile

จำนวนที่เขากลับมานั้น แบ่งเป็นตระกูล  แล้วก็มีรายละเอียดของหัวหน้าตระกูล
เพื่อน ๆ คิดดูซิครับว่า จากจำนวนที่พูดถึงนั้น เขานับแค่หัวหน้า… แล้วคนในตระกูลนั้นอีกจะมีเท่าไร อย่างเช่น

ลูกชายของปาโรช … 1272 คน  สมมติแต่ละคนมีครอบครัวด้วย… ต้องบวกไปอีกมากมายเลยล่ะ

 

 

และยังแบ่งเป็นชาวบ้านชาวเมือง

ปุโรหิต

คนเลวี

คณะนักร้อง

ยามเฝ้าประตูพระวิหาร

ผู้ช่วยงานในพระวิหาร

กลุ่มข้าราชบริพารของซาโลมอน

ยังมีคนที่เดินทางมาจากเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บาบิโลน

เป็นคนที่ไม่มีหลักฐานว่าเป็นคนอิสราเอล  พร้อมกับปุโรหิตด้วย
แต่เป็นปุโรหิตที่หาหลักฐานลำดับวงศ์ตระกูลไม่ได้
จึงถูกห้ามกินอาหารบริสุทธิ์ของปุโรหิต
จนกว่าจะมีการพิสูจน์ในแบบของปุโรหิตเสียก่อน

 

แล้วรวมไปรวมมาได้เท่าไร  ต่อกันพรุ่งนี้ครับ

 

เอสรา1-2 คนที่พระเจ้าทรงเร้าใจ

เอสรา 1: 5-11

แล้วเหล่าหัวหน้าครอบครัวของเผ่ายูดาห์ เบนยามิน  ทั้งปุโรหิต และเลวี

ทุกคนที่พระเจ้าทรงเร้าใจให้ไปสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็ม
และทุกคนที่อยู่กับพวกเขาต่างก็ช่วยโดยจัดหาเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ทำด้วยเงิน ทอง
และข้าวของ ฝูงสัตว์   ภาชนะอันมีค่า นอกเหนือจากของที่ให้ด้วยความสมัครใจ

ไซรัส ราชาแห่งเปอร์เซีย ประทานเครื่องใช้ต่าง ๆ ของพระวิหาร
ที่เนบูคัดเนสซาร์ได้นำมาจากเยรูซาเล็ม และเอาไปเก็บไว้ในวิหารเทพเจ้า

Ezra 1 6 - Returning from captivity-2

ไซรัส ราชาแห่งเปอร์เซีย ได้ให้ขุนคลังคือ มิทเรดาท
นำของเหล่านี้ มาส่งให้กับเชชบัสซาร์ซึ่งเป็นหัวหน้าของคนยูดาห์
ของดังกล่าวมีรายการดังนี้
ชามทองคำ    30 ใบ   ชามเงิน   1000 ใบ
กระทะเงิน    29   ใบ    อ่างทองคำ   30 ใบ
อ่างเงิน       410  ใบ   เครื่องใช้อื่น ๆ อีก 1000 ชิ้น

 

โดยเท่ากับเครื่องใช้ทองและเงินรวมเป็น 5400  ชิ้น
เมื่อเหล่าเชลยออกจากบาบิโลน มุ่งหน้ามายังเยรูซาเล็ม
เชชบัสซาร์ก็นำของเหล่านี้ไปด้วย

เอสรา 1-1 ประกาศสร้างพระวิหาร

เอสรา 1: 1-4

ปีแรกของราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย
ด้วยว่าดำรัสมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านเยเรมีย์ ว่าคำของพระองค์จะต้องสำเร็จ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเร้าพระทัยของราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย
เพื่อว่าพระองค์จะได้ประกาศเรื่องนี้ไปทั่วราชอาณาจักรของพระองค์
และได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร

712613488_tonnel.gif

ราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย ตรัสว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งปวงในโลกให้แก่ข้า
และพระองค์ทรงมอบงานให้ข้าได้สร้างวิหารของพระองค์ในเยรูซาเล็ม แคว้นยูดาห์
สำหรับคนที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้าซึ่งเป็นคนของพระองค์
ขอองค์พระเจ้าทรงอยู่ด้วยกับเขา
ให้พวกเขาเดินทางไปยังเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ในแค้วนยูดาห์
และสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอลขึ้นมาใหม่
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประทับในเยรูซาเล็ม
และให้ทุกคนในพื้นที่ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่นั้น
ช่วยในการสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็มด้วยการมอบเงิน ทอง
และข้าวของ ฝูงสัตว์ นอกเหนือไปจากของถวายตามความสมัครใจ “

แนะนำหนังสือเอสรา

หนังสือเอสรานี้ เขียนโดยท่านเอสรา  (เอสรา 7:11-26)
เขาเป็นลูกหลานของอาโรนซึ่งเป็นมหาปุโรหิตตั้งแต่สมัยของโมเสส

ดังนั้น เขาจึงเป็นทั้งปุโรหิตและอาลักษณ์
เขาเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ให้นำคนอิสราเอลกลับมาจากการเป็นเชลยในบาบิโลน
ช่วงนั้นเป็นเวลาที่อาณาจักรเปอร์เซียเรืองอำนาจแทนบาบิโลน
บทที่ 1-6 เล่าเรื่องการกลับมาครั้งที่หนึ่ง นำโดยเศรุบบาเบล
โดยได้รับคำสั่งจากกษัตริย์ไซรัส
พวกเขากลับมาและสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ (538–515 ปีก่อนคริสตศักราช)
กินเวลาประมาณ 23  ปี
ต่อมาบทที่ 7-10 เล่าเรื่องที่เอสรานำคนกลับมาครั้งที่สอง
ประมาณ 458 ปีก่อนคริสตศักราช

ezra

 

หนังสือเอสราทำให้เราเห็นการเชื่อมต่อของประวัติศาสตร์ชนชาติยิว
กษัตริย์ถูกถอด ประชาชนกลายเป็นเชลย  ไม่มีประเทศยูดาห์ที่มีกษัตริย์ปกครอง
เอสราช่วยให้เห็นการรวมตัวใหม่อีกครั้ง
การต่อสู้เพื่อจะสร้างชาติขึ้นมาใหม่ สร้างเมืองและพระวิหารที่ถูกทำลายไป
พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขาตลอดเหตุการณ์เหล่านี้

และสิ่งที่เกิดขึ้นคือการปฏิรูปฝ่ายวิญญาณ
มีการเปลี่ยนแปลง ผู้คนไม่ติดตามพระอื่นอีกแต่ตั้งใจจะติดตามพระเจ้าเท่านั้น