สรุปย่อ นาฮูม

องค์พระเจ้าทรงแสนประเสริฐ

เป็นที่ลี้ภัยในยามยากลำบาก

ถอดความจาก นาฮูม 1:7

35-Nahum-Thai

บทสรุปย่อ นาฮูม

เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้อ่านพระคัมภีร์โดยมองเห็นภาพรวมโดยฟังจากดร.ทิม แมคกี

พร้อมกับดูโปสเตอร์ จะเข้าใจความหมายได้อย่างสมบูรณ์ ดูยูทูบที่

เนื่องจากไม่มีซับไตเติ้ลภาษาไทย โปรดดูคำแปลข้างล่าง

บทสรุปที่เป็นโปสเตอร์นี้ เราได้รับอนุญาตการแปลจาก ไบเบิลโปรเจกต์
โดยสามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาในคริสตจักร กลุ่มเซลต่าง ๆ ในชั้นเรียนรวีฯ
หรือการเรียนพระคัมภีร์ส่วนตัวได้โดยไม่ให้ใช้เพื่อการค้า

[email protected]

ขอบคุณสำหรับฟอนต์ไทยจาก ฟอนต์.คอม

ต่อไปเป็นข้อความอธิบายสคริปต์ของนาฮูม ต้องขออภัยที่ไม่สามารถใส่คำไทยลงไปในตัวคลิปยูทูป เนื่องจากทางยูทูปเองไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นแล้ว

0:02 The book of the prophet Nahum หนังสือของผู้เผยพระคำ นาฮูม
0:06 This short prophetic book is a collection of poems announcing the downfall of one หนังสือคำพยากรณ์เล่มสั้น ๆ นี้ เป็นการรวบรวมบทกวีประกาศการล่มสลายของ
0:10 of Israel’s worst oppressors, the ancient empire of Assyria and its capital city Nineveh. หนึ่งในศัตรูตัวร้ายของอิสราเอล  จักรวรรดิอัสซีเรียโบราณ และเมืองหลวงคือนีนะเวห์
0:16 The Assyrians arose as one of the world’s first great empires. อัสซีเรียรุ่งเรืองขึ้น เป็นหนึ่งในจักรวรรดิแรกๆ ที่ยิ่งใหญ่
0:19 And their expansion into Israel resulted in the total destruction and exile of the การขยายอาณาเขตเข้าไปในอิสราเอล ทำให้อิสราเอลล่มสลาย  เกิดการกวาด
0:24 northern kingdom and its tribes. คนจากอาณาจักรเหนือและเผ่าต่าง ๆ ไปเป็นเชลย
0:26 The Assyrian armies were violent and destructive on a scale that the world had never seen before. กองทัพอัสซีเรียโหดร้ายรุนแรงและก่อให้เกิดความหายนะที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน
0:31 And so Israel and its neighbors were awaiting the downfall of Assyria, ดังนั้น อิสราเอลและประเทศเพื่อนบ้านจึงรอคอยการล่มสลายของอัสซีเรีย
0:35 which eventually came in the year 612 BC. ซึ่งในที่สุด  ก็เกิดขึ้นก่อนคริสตศักราช 612 ปี
0:38 The Babylonians rose up and began a rebellion that overtook Nineveh  บาบิโลนเริ่มได้อำนาจและก่อการกบฏ ในที่สุดก็ชนะนีนะเวห์
0:42 and brought down the Assyrian Empire. และทำลายจักรวรรดิอัสซีเรีย
0:44 And so chapter 2 depicts the fall of Nineveh in vivid poetry. บทที่สองได้บรรยายถึงการแตกของกรุงนีนะเวห์อย่างชัดเจน
0:48 And chapter 3 then explores the downfall of the empire as a whole. บทที่สามได้สืบค้นดูการล่มสลายของจักรวรรดิโดยรวม
0:52 But, this book isn’t just an angry tirade against Israel’s enemies. แต่หนังสือนี้ ไม่ใช่เป็นหนังสือประณามศัตรูของอิสราเอลเท่านั้น
0:57 The introductory chapter shows us that there is way, way more going on here. บทแรกได้บอกเราว่า มีอย่างอื่นมากกว่านั้น
1:01 The book opens with an incomplete alphabet poem that begin by describing หนังสือเริ่มต้นด้วยบทกวีที่เริ่มด้วยพยัญชนะต่อเนื่องอย่างไม่สมบูรณ์   อธิบาย
1:06 a powerful appearance of God’s glory. การปรากฏของพระสิริของพระเจ้าที่เต็มด้วยฤทธิ์อำนาจ
1:08 It’s very similar to how the previous book, Micah, begin and how the next book, Habakkuk, is going to conclude. คล้ายคลึงกับหนังสือเล่มก่อนคือมีคาห์  และหนังสือเล่มต่อไปคือฮาบากุกก็จะสรุปให้
1:15 And it’s God, the all-powerful Creator, coming to confront the nations and bring His justice on their evil. และพระเจ้าผู้สร้างผู้ทรงอำนาจสูงสุด เสด็จมาประจัญกับประเทศต่าง ๆ  ทรงนำการพิพากษาลงโทษมาเหนือความชั่วของพวกเขา
1:21 And the poem opens by quoting from the famous line of God’s self-description บทกวีเปิดโดยอ้างถึง การที่พระเจ้าทรงอธิบายพระลักษณะของพระองค์เอง
1:26 after the golden calf incident, in the book of Exodus chapter 34, หลังจากเหตุการณ์วัวทองคำในหนังสืออพยพบทที่ 34
1:29 “The Lord is slow to anger, He’s great in power, He won’t leave evil unpunished.” “พระเจ้าทรงกริ้วช้า ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ พระองค์จะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล”
1:35 And so the rest of the poem goes back and forth, บทกวีตอนต่อมา ก็จะกลับไปกลับมา
1:37 contrasting the fate of the arrogant violent nations with the fate of God’s faithful remnant. ให้เราเห็นเคราะห์กรรมของประเทศที่รุนแรง กับอนาคตของผู้หลงเหลือที่ซื่อตรงต่อพระเจ้า
1:43 When God brings down all the arrogant empires, เมื่อพระเจ้าทรงนำจักรวรรดิที่ยโสให้ล้มลง
1:46 He will provide refuge for those who humble themselves before Him. พระองค์จะประทานที่ลี้ภัยให้กับคนที่ถ่อมตนต่อพระองค์
1:49 Now here’s what’s really interesting. ตรงนี้ น่าสนใจมาก
1:51 Is that you thought this book was only about Assyria คุณคิดว่า หนังสือนี้กล่าวถึงอัสซีเรียเท่านั้น
1:55 but Nahum actually nowhere mentions Nineveh or Assyria in chapter 1. แต่นาฮูม กลับไม่ได้กล่าวถึงนีนะเวห์ หรืออัสซีเรียในบทที่หนึ่งเลย
1:59 And when he describes the downfall of the bad guys, และเมื่อเขาพรรณาถึงการล่มสลายของผู้ร้าย
2:02 he uses Isaiah’s language  about the fall of Babylon เขาก็ใช้ภาษาของอิสยาห์ที่กล่าวถึงการล่มสลายของบาบิโลน
2:06 (which happened much later in history). (ซึ่งเกิดขึ้นจริงหลังจากนั้นนานมาก)
2:08 And not only that, Nahum also describes the downfall of the bad guys ไม่แต่เพียงเท่านั้น นาฮูมยังอธิบายถึงจุดจบของคนร้าย
2:12 as good news for the remnant of God’s people. ในฐานะที่เป็นข่าวดีของคนที่หลงเหลือของพระเจ้า
2:15 It’s a direct allusion to Isaiah’s good  news about the downfall of Babylon. เป็นการกล่าวถึงข่าวดีของอิสยาห์ตรงๆ เรื่องการล่มสลายของบาบิโลน
2:19 And so all these little details from Chapter 1, they come together to make a key point: และรายละเอียดเล็กๆ จากบทที่หนึ่ง ก็เข้ามารวมกันเป็นประเด็นหลัก
2:23 for Nahum, the fall of Nineveh is being presented as an example. สำหรับนาฮูม การล่มสลายของนีนะเวห์ถือเป็นตัวอย่าง
2:28 As an image of how God is at work in history in every age. เป็นภาพของการที่พระเจ้าทรงทำการของพระองค์ในทุกยุคทุกสมัย
2:32 How He won’t allow the arrogant or violent empires of our world to endure forever. พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้ความยโส หรือความรุนแรงของโลกยั่งยืนตลอดไป
2:38 So the message of Nahum is actually very similar to that of Daniel. ข่าวสารของนาฮูมนั้นคล้ายคลึงกับดาเนียล
2:41 Assyria stands in a long line of violent empires throughout history. อัสซีเรีย เป็นจักรวรรดิที่ใช้ความรุนแรงมาตลอดในประวัติศาสตร์
2:46 And Nineveh’s fate is a memorial to God’s commitment to bring down the violent and the arrogant in every age. ชะตากรรมของนีนะเวห์เป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่า พระเจ้าทรงมุ่งที่จะทำลายผู้ที่รุนแรงและยโสในทุกสมัย
2:54 With this perspective from the opening chapter, ด้วยมุมมองดังกล่าวจากบทแรก
2:56 the book then returns to its focus on Assyria. หนังสือก็กลับมาสนใจที่อัสซีเรีย
2:58 And so chapter 2 describes the Battle of Nineveh and the overthrow of the city in progressive stages. บทที่สองบรรยายถึงศึกของนีนะเวห์ และขั้นตอน ภาพของการที่เมืองถูกทำลาย
3:03 So first, we see the front line of Babylonian soldiers. อย่างแรก เราเห็นทัพหน้าของบาบิโลน
3:07 And then we read about the charge of the chariots. แล้วเราก็ได้อ่านเรื่องการจู่โจมโดยรถม้า
3:09 And then the chaos on the city walls as the city is breached. ความวุ่นวายปั่นป่วนที่กำแพงเมืองขณะที่เมืองกำลังจะแตก
3:12 Then the slaughter of Nineveh’s people. Then the plundering of the city. ต่อมาเป็นการสังหารหมู่ชาวเมืองนีนะเวาห์ ตามด้วยการปล้นสะดมเมือง
3:16 Chapter 3 goes on to describe the results of the city’s downfall for the empire as a whole. บทที่สาม  ได้เล่าถึงผลของการล่มสลายของเมือง ซึ่งหมายถึงการล่มของจักรวรรดิอัสซีเรียด้วย
3:21 So Nahum begins by  announcing a woe upon the city นาฮูมเริ่มด้วยการประกาศวิบัติเหนือเมือง
3:25 whose kings built it with the blood of the innocent. เมืองที่กษัตริย์สร้างขึ้นมาจากเลือดเนื้อของคนที่ไร้ความผิด
3:28 It’s an image of how injustice was built into the very system that made Assyria so successful. เป็นภาพของการที่ความ อยุติธรรมที่ฝังรากในระบบการปกครองที่ทำให้อัสซีเรียรุ่งเรือง
ติ3:34 But their violence has sown the seeds of their own destruction, and so Assyria will fall before Babylon. แต่ความรุนแรงนี้เอง เป็นตัวหว่านความหายนะของพวกเขา และทำให้อัสซีเรียล่มสลายก่อนบาบิโลน
3:40 The book concludes with a taunt against the fallen king of Assyria. หนังสือสรุปด้วยการเย้ยหยันกษัตริย์อัสซีเรียที่หมดอำนาจ
3:44 He’s stricken with a fatal wound. ท่านมีบาดแผลฉกรรจ์ถึงตาย
3:46 And from among all the nations, that he once oppressed, no one comes to help him. ไม่มีใครจากประเทศต่างๆ ที่กษัตริย์องค์นี้เคยกดขี่ เข้ามาช่วยเลย
3:51 Rather they sing and celebrate his destruction. ทุกคนต่างร้องเพลงฉลองที่เห็นหายนะของพระองค์
3:55 And that’s how the book ends. หนังสือจบลงอย่างนี้
3:58 Now this is a gloomy book. นี่เป็นหนังสือที่หดหู่..
4:00 But it’s important to see how Nahum’s message addresses แต่สิ่งที่สำคัญคือ ว่านาฮูมได้เน้น
4:03 the tragic and perpetual cycles of human violence and oppression in every age. ความโศกสลด และวัฏจักรของความรุนแรงและการกดขี่ของมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัย
4:08 Human history is filled with tribes and nations elevating themselves ประวัติศาสตร์โลกนี้เต็มด้วยการที่ชนเผ่าและประเทศต่าง ๆ พยายามยกฐานะของตนเอง
4:13 and using violence to take what they want, resulting in the death of the innocent. โดยใช้ความรุนแรงเพื่อขู่เข็ญเอาสิ่งที่ตนต้องการ  ส่งผลให้คนไร้ผิดต้องตาย
4:18 And the book of Nahum uses Assyria and Babylon as examples หนังสือนาฮูมใช้อัสซีเรียและบาบิโลนเป็นตัวอย่าง
4:21 to tell us that God is grieved. เพื่อบอกเราว่า พระเจ้าทรงเสียพระทัย
4:24 And that He cares about the death of the innocent. พระองค์ทรงห่วงใยความตายของคนไร้ผิด
4:26 And that His goodness and His justice compel Him to orchestrate the downfall of oppressive nations. และความดีและความยุติธรรมของพระเจ้า บังคับให้พระองค์จัดการกับประเทศที่กดขี่ข่มเหงประชาชน
4:32 And God’s judgment on evil is good news. การที่พระเจ้าทรงพิพากษาความชั่วนั้น เป็นข่าวดี
4:35 Unless, of course, you happen to be Assyria. ยกเว้นแต่ว่า คุณเป็นอัสซีเรีย
4:38 Which brings us all the way back to the conclusion of that opening poem in chapter 1. ซึ่งนำเรากลับไปสู่ข้อสรุปจากบทกวีในบทที่หนึ่ง
4:42 Which tells us that,  บทกวีบอกเราว่า
4:43 “The Lord is good and a refuge in the day of distress. He cares for those who take refuge in Him.” พระผู้เป็นเจ้าทรงประเสริฐ และทรงเป็นที่ลี้ภัยในวันยากลำบาก  พระองค์ทรงห่วงใยคนที่ลี้ภัยในพระองค์
4:50 And so the little book of Nahum invites every reader หนังสือนาฮูมเล่มสั้น ๆ นี้ ชวนให้ท่านผู้อ่านทุกคน
4:53 to humble themselves before God’s justice. ได้ถ่อมตนลงต่อความยุติธรรมของพระเจ้า
4:56 And to trust that, in His time, He will bring down the oppressors of every time and place. และเชื่อว่า ในเวลาของพระองค์ พระองค์จะทรงจัดการกับผู้กดขี่ไม่ว่าในยุคสมัยใด ที่ใด
5:02 And that’s what the book of Nahum is all about. และนี่คือเนื้อหาของหนังสือนาฮูม

นาฮูม 3-2

นาฮูม 3:11-

นาฮูมได้กล่าวคำล่วงหน้าให้ชาวเมืองนีนะเวห์รู้ว่า พวกเขาก็จะเป็นเหมือนเมืองเธเบส   เหมือนคนเมา เขาไม่สามารถจะสู้ศึกครั้งนี้ได้

เจ้าก็เช่นกัน เจ้าจะเมาและหาที่หลบซ่อน  เจ้าจะหาที่ลี้ภัยให้พ้นจากศัตรูของเจ้าเอง
และป้อมปราการของเจ้าจะเป็นเหมือนต้นมะเดื่อที่มีผลแรกของฤดู  เมื่อเขย่าต้น มันก็จะตกลงมาใส่ปากของคนกิน  แม้กระทั่งกำแพงที่ใหญ่โตของนีนะเวห์นั้น ไม่สามารถต้านทานศัตรูได้เลย มันจะเป็นด่านแรกที่ศัตรูเข้ามาโจมตี


ดูเถิด กองทัพของเจ้าเป็นทหารหญิงท่ามกลางเจ้า    ประตูแผ่นดินของเจ้าก็เปิดออกรับศัตรู   ไฟเผาไหม้ดาลประตูของเจ้า  ไม่ใช่เป็นทหารหญิง  แต่กลับกลายเป็นทหารชายที่กลัวลาน เหมือนผู้หญิง
รีบหาน้ำมาก่อนที่จะถูกล้อมเมือง    ทำให้ป้อมของเจ้าเข้มแข้ง  รีบไปหาดิน และย่ำผสมปูน    จับเอาแบบพิมพ์อิฐออกมา
จะมีไฟเผาเจ้า  และดาบจะฟันเจ้าทิ้งไป   มันจะกินเจ้าเหมือนกับจั๊กจั่น ดังนั้นเจ้าจงทวีคนของเจ้าขึ้นเหมือนจั๊กจั่น  ให้เหมือนฝูงตั๊กแตน

ถึงแม้จะเตรียมตัวอย่างไร ก็ไม่มีวันรอดพ้นไปได้   การเตรียมตัวนั้น ยังไร้ผล

เจ้าเพิ่มพ่อค้าของเจ้ายิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้า  จั๊กจั่นจะกางปีกออกและบินไป   นีนะเวห์เป็นเมืองการค้า  แต่การค้าที่ทำให้เมืองมั่งคั่ง ก็ยังไม่มีประโยชน์อันใด ในเวลาแห่งความวิบัตินั้น  มันหายกันไปหมด…

เจ้านายของเจ้าเป็นเหมือนตั๊กแตน  ธรรมาจารย์ของเจ้าเหมือนกับฝูงจั๊กจั่น
ซึ่งมาเกาะอยู่ที่รั้วในวันที่หนาวเหน็บ
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น  มันก็บินไป  ไม่มีใครรู้ว่า มันไปอยู่ที่ไหน

คนเลี้ยงแกะของเจ้าหลับใหล   โอ ราชาแห่งอัสซีเรีย ขุนนางของเจ้าก็ง่วงเหงาหาวนอน   ประชาชนของเจ้ากระจัดกระจายอยู่บนภูเขา ไม่มีใครรวบรวมเขาเข้ามา

ไม่มีการบรรเทาความเจ็บปวดของเจ้า  บาดแผลของเจ้าฉกรรจ์นัก คนที่ได้ยินข่าวเรื่องของเจ้าตบมือเยาะเย้ยเจ้า

เพราะทุกคนต่างสัมผัสความชั่วร้ายอันไม่หยุดหย่อนของเจ้ากันมาแล้วทั้งนั้น
นีนะเวห์เคยทำร้ายคนอื่นอย่างไร …เขาก็จะเจออย่างเดียวกัน

 

นาฮูม 3-1

วิบัติของนีนะเวห์

นาฮูม 3:1-10

วิบัติแก่เมืองที่โชกเลือด  มีแต่การมุสาและการปล้น   จับคนมาเป็นเหยื่ออย่างไม่สิ้นสุด

สำหรับประเทศ และเมืองที่ผู้นำมุสา และปล้นจากประชาชน มันไม่น่าจะมีอะไรเหลืออยู่แล้ว…. ประชาชนกลายเป็นเหยื่อของผู้นำ  ..ดูเหมือนว่า สมัยก่อน สมัยนี้ ไม่ได้มีอะไรต่างกันสักเท่าไร

เสียงแส้  และเสียงล้อรถหมุนดังสนั่น  เสียงม้าควบและรถรบ

พลม้าออกคำสั่ง  ดาบสะท้อนแสง   หอกเปล่งประกาย   นักฆ่ามากันเป็นกองทัพ   ศพกองพะเนิน  ซากศพมากมายสุดสายตา  พวกเขาวิ่งสะดุดร่างเหล่านั้น

นาูฮูมได้ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับนีนะเวห์  พวกเขาจะพังพินาศเพราะข้าศึกบุกเข้ามาอย่างไร

และยังมีกิจกรรมของคนขายตัวอีกไม่หมดสิ้น   เดินเฉิดฉายไปมาอย่าง และดููสวยพริ้งจนตะลึง  พวกเธอทรยศต่อชาติด้วยการขายตัว  เธอทรยศประชาชนด้วยเสน่ห์ของเธอ

ดูเถิด  เราเป็นศัตรูกับเจ้า  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงประกาศ

เราจะเปิดกระโปรงของเจ้าคลุมหน้าเจ้าเสีย  เพื่อว่า ชนชาติทั้งหลายจะได้เห็นความเปลือยเปล่าของเจ้า  และอาณาจักรทั้งหลายจะเห็นความน่าละอายของเจ้า    เราจะเขวี้ยงสิ่งสกปรกใส่เจ้า  และทำกับเจ้าด้วยความรู้สึกขยะแขยง   เราจะทำให้ใคร ๆ ก็เห็นเจ้า

พระเจ้าตรัสประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นศัตรูกับเขา  และความพินาศที่พระองค์จะทรงนำมานั้น ใคร ๆ ก็จะรู้ จะเห็นกันไปทั่ว

และทุกคนที่มองมายังเจ้าจะหลีกหนีเจ้า และกล่าวว่า
“นีนะเวห์เสียหายย่อยยับไปหมดแล้ว  ใครจะมาโศกเศร้ากับเธอเล่า?  ฉันจะไปหาคนปลอบใจเจ้าจากที่ไหน?

ไม่มีใครจะมาสงสารนีนะเวห์เลย  ต่างก็สมน้ำหน้า ใคร ๆ จะหนีเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนีนะเวห์

เจ้าดีกว่าเเธเบสที่นั่งอยู่ริมน้ำไนล์ มีน้ำอยู่รอบข้าง  มีทะเลเป็นป้อมปราการ และมีน้ำเป็นกำแพงอย่างนั้นหรือ?
คูชเป็นกำลังของเธอ  รวมทั้งอียิปต์ด้วย ทั้งสองเป็นกำลังไม่จำกัดของเธอ  ส่วนพุท และลิบยา ก็เป็นผู้ช่วยเธอ

แต่เธอกลับต้องถูกเนรเทศ  ไปเป็นเชลย  ลูกน้อยก็ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ตามหัวถนนทุกแห่ง   ผู้ชายที่มีเกียรติของเธอถูกโยนทิ้ง และวีรบุรุษต่างถูกล่ามโซ่

ในขณะที่เธเบส ในอีิยิปต์  มีแม่น้ำไนล์เป็นเหมือนกำแพงปกป้องเมืองไว้  และยังมีพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยเหลือ  แต่ถึงกระนั้น ในประวัติศาสตร์  เธเบสถูกโจมตีโดยอัสซีเรีย   ถูกปล้นและทำลายจนย่อยยับ  และทหารอัสซีเรียจับฉลากกันว่า ใครจะได้คนที่เก่ง มีความสามารถไปเป็นทาสของตน

 

นาฮูม 2

นาฮูม 2

นาฮูมมองเห็นล่วงหน้าว่า จะมีกองทัพใหญ่เข้ามาตีนีนะเวห์ และเขาก็บอกถึงเหตุการณ์ในรายละเอียดว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ในการกล่าวถึงความงามของยาโคบนั้น นาฮูมกำลังให้ชาวนีนะเวห์เข้าใจว่า ถ้าอิสราเอลจะรื้อฟื้นขึ้นมาได้  ก็เกี่ยวพันกับนีนะเวห์ด้วย

ผู้ที่ก่อกวนสร้างความปั่นป่วนได้ขึ้นมาต่อสู้เจ้า  จงรวบรวมคนให้ประจำที่ในป้อม  เฝ้าระวังถนน  แต่งตัวสำหรับการรบ  รวบรวมกำลังทั้งสิ้นของเจ้า

เพราะพระเจ้าทรงรื้อฟื้นความวิจิตรตระการของยาโคบ ให้กลับมาเหมือนความวิจิตรตระการของอิสราเอล   เพราะว่า ผู้ที่มาปล้น(ก่อนหน้านี้) ได้ปล้นมันไป และทำลายลูกหลานของเขา

การรบครั้งนั้น น่ากลัว  เรียกได้ว่า เป็นสงครามที่นองเลือดอย่างมาก
โลห์ของนักรบเป็นสีแดง และทหารก็สวมเสื้อรบสีเลือด   รถรบวิ่งมาพร้อมกับแสงแวบแปลบปลาบ  ในวันที่พระองค์ทรงรวบรวมกำลังพล  เขากวัดแกว่งหอกไม้ไซเปรส

รถรบวิ่งอย่างรวดเร็วบนถนน มันรีบวิ่งไป วิ่งมาผ่านสี่แยก  มันส่องเป็นประกายดั่งเปลวไฟ   วิ่งผ่านโฉบอย่างเร็วเหมือนสายฟ้า
พระราชาทรงจำข้าราชการของพระองค์ได้  พวกเขาสะดุดไปตามทาง ปีนกำแพงขึ้นไป  และตั้งหอคอยกันอาวุธขึ้น
แม้ว่านีนะเวห์จะเตรียมตัวพร้อมแล้ว  ถึงกระนั้นศึกครั้งนี้ก็สาหัสมาก


ประตูที่แม่น้ำเปิดออก  ราชวังก็ละลายไป  เหล่าสนมถูกเปลื้องผ้า ถูกจับออกไป ส่วนนางทาสก็คร่ำครวญ  โอดโอยเหมือนนกเขา  ทุบอกตัวเองร่ำไห้

นีนะเวห์เป็นเหมือนสระน้ำที่น้ำเหือดแห้งไป  “หยุด  หยุด!”  พวกเขาร้อง แต่ไม่มีใครหันกลับมา ปล้นเงิน  ปล้นทอง  ดูเหมือนว่า ทรัพย์สินมีค่านั้น ไม่หมดสักที     แม้เตรียมตัวดี  มีทหารพร้อม แต่ทหารเหล่านั้นเหมือนสระน้ำที่ไม่มีน้ำ  พวกเขาไร้ค่า ไม่สามารถต้านทานข้าศึกได้
ร้างแล้ว  ทั้งร้าง และพังพินาศไปหมด!
ใจสลาย  หัวเข่าสั่นระริก เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว   ใบหน้าของทุกคนซีดเผือด!   แล้วในที่สุด นีนะเวห์ก็ไม่เหลืออะไร

ถ้ำสิงโตอยู่ที่ไหน?
ที่ที่ลูกสิงโตกินเหยื่อ ที่ ๆ ลูกสิงโตไม่ถูกใครรบกวน?
พ่อสิงห์ฉีกเหยื่อให้ลูกจนพอให้ลูกกิน  มันรัดคอเหยื่อให้แม่สิงห์  มันหาอาหารมาให้จนเต็มถ้ำ  มีซากเนื้ออยู่ในโพรงของมัน
สิงโตเป็นเครื่องหมายของนีนะเวห์…. แต่มาบัดนี้ หาพวกเขาไม่เจอแล้ว
ดูเถิด  เราเป็นศัตรูกับเจ้า  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงประกาศ และเราจะเผารถรบของเจ้าควันขโมง  และดาบนั้นจะประหารสิงห์หนุ่มของเจ้า เราจะเอาเหยื่อของเจ้าไปจากโลก  และจะไม่ได้ยินเสียงของผู้สื่อสารทั้งหลายอีกต่อไป

 

นาฮูม 1-2

นาฮูม 1:7-15

เพราะเจ้าทรงดี  ทรงเป็นป้อมกำบังที่เข้มแข็งในวันยากเข็ญ  พระองค์ทรงรู้จักคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์   แต่พระองค์จะทรงทำให้ศัตรูของพระองค์ถึงจุดจบ สูญสิ้นไป

เจ้าวางแผนต่อต้านพระเจ้าอย่างไร?  พระองค์จะทำให้เจ้าถึงจุดจบ จะไม่มีการยุ่งยากเกิดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง
เพราะว่า พวกเขาเป็นเหมือนหนามที่เกี่ยวพันกัน  เหมือนกับคนเมาที่กำลังดื่ม   พวกเขาถูกเผาผลาญเหมือนกับตอข้าวที่แห้ง

ดูซิ  ความหายนะของนีนะเวห์จะจบภายในครั้งเดียว  ไม่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาอีก   ในประวัติศาสตร์นั้น  นีนะเวห์ถูกบุกจากกองทัพเปอร์เซีย  มีเดียน   อาหรับ และบาบิโลนมาพร้อม ๆกับในช่วงเวลานั้น มีน้ำท่วม ทำให้กำแพงเมืองนีนะเวห์ไม่แข็งแรงอีกต่อมัน มันพังลง ทำให้ศัตรูบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

นีนะเวห์จึงหายไปจากสายตาของชาวโลกเป็นเวลาหลายพันปี จนกระทั่ง ในปี 1840  จึงมีการขุดค้นพบเมืองนี้อีกครั้ง

มีผู้หนึ่งมาจากเจ้า  เขาวางแผนชั่วเพื่อต่อต้านพระเจ้า เป็นผู้คิดการที่ไร้ค่า
พระเจ้าจึงตรัสว่า  “แม้พวกเขาจะมีกำลังมาก มีจำนวนมาก เขาก็ยังจะถูกตัดออกและสูญไป   แม้ว่าเราจะทำให้เจ้าทุกข์ยาก  แต่เราจะไม่ทำให้เจ้าทุกข์ยากต่อไป
บัดนี้ เราจะเอาแอกของเขาออกจากเจ้า  และจะระเบิดเครื่องจำจองของเจ้าออกไป”

แล้วพระเจ้าหันมาตรัสกับอิสราเอลว่า  แม้ศัตรูของเขาจะมีพลังเพียงใด ทั้งอาวุธ  ทั้งผู้คน  แต่เมื่อพระเจ้าจะตัดเขาออกไป  เขาจะสูญสิ้นไปจริง ๆ  และพระเจ้าจะทรงยกแอกที่นีนะเวห์ได้ให้กับคนอิสราเอลนั้นออกไปด้วย ให้เขาไม่ตกเป็นเบี้ยล่างอีกต่อไป
พระเจ้าได้ประทานคำบัญชาเรื่องของเจ้าว่า “ชื่อของเจ้าจะไม่ถูกขยายออกไปจากวิหารของเจ้า  เราจะทำลายรูปปั้นสลัก และรูปหล่อโลหะ เราจะทำที่ฝังศพให้เจ้า  เพราะเจ้าชั่วร้าย”

พระเจ้าทรงบอกชาวเมืองนีนะเวห์ว่า เป็นเพราะเขาชั่วยิ่งนัก  พระองค์จะกำจัดพวกเขาออกไป ไม่มีชื่อเสียงอย่างเคยอีกต่อไป

ดูเถิด บนภูเขาทั้งหลาย  เท้าของคนที่นำข่าวดี เท้าของคนที่ประกาศสันติ!
ยูดาห์เอ๋ย จงรักษาเทศกาลของเจ้า และทำตามคำปฏิญาณของเจ้า  จะไม่มีคนชั่วร้ายผ่านเข้ามายังเจ้าอีก
เพราะเขาถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง   …

พระเจ้าทรงเตือนว่า คนที่นำข่าวดีเรื่องของพระองค์มานั้น ยังมาอยู่  และยูดาห์เองก็สมควรที่จะเชื่อฟังพระเจ้า มิใช่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วก็ทำเฉยเสีย

 

นาฮูม 1-1

นาฮูม 1:1-6

คำพยากรณ์กล่าวถึงเมืองนีนะเวห์   หนังสือนิมิตของนาฮูมแห่งเอลโขช

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่หึงหวง และทรงแก้แค้น  ทรงแก้แค้นด้วยพระพิโรธ

พระเจ้าทรงเอาคืนกับศัตรูของพระองค์ และทรงโกรธศัตรูของพระองค์
พระเจ้าทรงโกรธช้า และทรงฤทธิ์ยิ่งนัก  และพระองค์จะไม่ทรงงดโทษ
หนทางของพระองค์อยู่ในลมหมุนและพายุ  เมฆเป็นเพียงฝุ่นแห่งพระบาทของพระองค์
พระองค์ทรงห้ามทะเล  ทรงทำให้มันแห้งไป  พระองค์ทรงทำให้แม่น้ำทั้งปวงแห้ง  บาชานและคารเมลเหี่ยวแห้ง  ต้นงอกแห่งเลบานอนก็เฉา

เราสู้กับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไม่ได้ เหมือนกับที่เราสู้ภัยธรรมชาติไม่ได้

ภูเขาทั้งปวงสั่นสะเทือนเบื้องพระพักตร์พระองค์  เนินเขาถึงกับละลายไป
รวมไปถึงทั้งโลก และผู้อาศัยในโลก
ใครจะยืนต่อต้านพระพิโรธของพระเจ้าได้     ใครจะสามารถทนต่อ ความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ได้    ความโกรธของพระองค์ถูกเทลงมาเหมือนอย่างไฟ  และเหล่าหินผาก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

แค่ฟังคำของท่านนาฮูม  เราก็เกิดความกังวลใจ ความกลัวเสียแล้ว   ท่านนาฮูมกำลังกล่าวถึงอนาคตของเมืองนีนะเวห์   ดูเหมือนว่า ท่านจะพูดกับชาวเมืองนั้น ในช่วงเวลาที่เมืองกำลังรุ่งเรืองสุดขีด   ถ้าเราเป็นชาวเมืองนั้น  เราจะเชื่อท่านนาฮูมไหม?  เราจะทำอย่างไรดี?   ท่านนาฮูมพูดถึงความโกรธขององค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์   พระองค์ทรงโกรธอะไรพวกเขาหรือ?

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงหึงหวง  ….. โอ มันเป็นเรื่องใหญ่  ถ้าเรารักใคร และเขานอกใจเรา เราจะรู้สึกหวง …. พระเจ้าจะทรงแก้แค้น  แสดงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันทำให้พระเจ้าทรงแค้นเคือง   เหมือนกับที่พระองค์ทรงเจอกับคนอิสราเอลไหมนะ?   คนของพระองค์ แต่ไปกราบไหว้บูชาสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า..

คนที่ทำผิด พระเจ้าจะทรงลงโทษ แม้ว่า พระองค์ทรงโกรธช้า… ดังนั้น ตรงนี้ เราเห็นเลยว่า  บางครั้งเราทำผิด  แต่พระเจ้ายังทรงปล่อยเราไว้ ให้โอกาสเรากลับใจ  แต่แทนที่จะกลับใจ เรากลับสบายใจและทำผิดต่อไป   แบบนี้ อันตรายจริง ๆ

เรื่องข้างบน ทำให้เราเห็นว่า เราไม่อยากจะเจอพระพิโรธของพระเจ้าเลย

พระเจ้าเอง ไม่ทรงปรารถนาที่จะต้องลงโทษมนุษย์.. แต่พระองค์ทรงมีความเที่ยงธรรมอยู่  อย่าลืม  ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด….


 

แนะนำนาฮูม

นาฮูม
จำเล่มโยนาห์ได้ไหม…มีการกล่าวถึงเมืองนีนะเวห์อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเขียนในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตศักราช นาฮูมเขียนขึ้นราว ๆ สมัยของราชาโยสิยาห์ ปี 622 ก่อนคริสตศักราช นาฮูมพูดถึงเมืองนีนะเวห์เช่นกัน ครั้งโยนาห์นั้น ชาวเมืองนีนะเวห์กลับใจ พระเจ้าจึงทรงไม่ลงโทษพวกเขา แต่ร้อยปีต่อมา พวกเขากลับตกในความชั่วอีก นาฮูมได้ชักชวนให้เขากลับใจ คราวนี้ เขาไม่ยอมกลับใจ
อิสราเอลเองได้ทำผิดต่อพระเจ้าอย่างมาก จนกระทั่งพระเจ้าทรงใช้อัสซีเรียเข้ามาโจมตีสะมาเรียจนยับเยิน ในปี 722 ก่อนคริสตศักราช อัสซีเรียได้นำคนอิสราเอลไปเป็นเชลย แต่ถึงแม้ว่า พระเจ้าจะทรงใช้อัสซีเรียมาจัดการคนของพระองค์ มิได้หมายความว่า อัสซีเรียจะทำอะไรตามใจตนเองได้ หากเขาทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ดังนั้นอัสซีเรียที่ล่วงละเมิดจึงต้องเจอกับพระพิโรธของพระเจ้าเช่นกัน
เมืองนีนะเวห์มิได้เป็นเมืองเดียวในโลกโบราณที่เจอกับการพิพากษาของพระเจ้า แต่เมืองนี้เป็นเหมือนต้นแบบว่า ทุกแห่งที่มีความชั่วร้ายเกิดขึ้น ก็จะต้องถูกพระเจ้าพิพากษาลงโทษ และพระเจ้าทรงเป็นผู้แก้แค้นแทนคนของพระองค์ที่ถูกกดขี่ข่มเหง
เพื่อน ๆ ครับ ดูเหมือนว่า พระเจ้าทรงโกรธเกรี้ยวกับมนุษย์มาก แต่หากเราก้าวเข้าไปในโลกที่พระคัมภีร์กล่าวถึง และเห็นความชั่วร้ายที่เกิดขึ้น ความอยุติธรรม และการกดขี่คนยากจน กดขี่ลูกกำพร้า และทำร้ายผู้หญิงด้วยวิธีการต่าง ๆ   เราจะรู้สึกโกรธเช่นกัน


เมื่อพระเจ้าทรงเตือนว่าจะมีการลงโทษ คนที่ได้รับการเตือนจะต้องรีบเปลี่ยนชีวิต มีชีวิตที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ทำอะไรตามใจ คิดแค่ว่าคนอื่นไม่เดือดร้อนจะทำอะไรก็ได้ จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเราทำอะไร มันส่งผลกระทบให้คนรอบข้างเราทั้งนั้น
เรื่องของนาฮูม แม้เป็นเรื่องของโลกโบราณ แต่มันสอนเราให้รีบมีชีวิตใหม่ในพระเยซู พระเยซูคริสต์ทรงรับโทษบาปแทนพวกเราไปแล้วที่ไม้กางเขน แต่หากเราไม่เชื่อวางใจ และมอบชีวิตแด่พระองค์ การรับโทษบาปนั้นกลายเป็นโมฆะ