อิสยาห์ 37-2

อิสยาห์ 37:5-12 

ดังนั้นเมื่อข้าราชการของราชาเฮเซคียาห์ไปหาอิสยาห์   อิสยาห์จึงกล่าวกับเขาว่า “ไปบอกเจ้านายของเจ้า … พระเจ้าตรัสดังนี้  อย่ากลัวคำที่เจ้าได้ยิน

กษัตริย์อัสซีเรียส่งคนหนุ่ม ๆ มาเพื่อกล่าวคำดูหมิ่นเรา  ดูเถิด เราจะใส่วิญญาณหนึ่งเข้าไปในเขา เพื่อว่าเขาจะได้ยินข่าวลือและกลับไปแผ่นดินของเขาเอง  และเราจะให้เขาต้องตายด้วยดาบในแผ่นดินของเขา”

กษัตริย์อัสซีเรียองค์นี้คือ เซนนาเคอริบ   สิ่งที่ร้ายกับตัวเซนนาเคอริบเองคือ การที่ดูหมิ่นองค์พระผู้เป็นเจ้าเที่ยงแท้  และพระองค์ทรงคาดโทษเขาไว้ให้เห็นชัดเจน  

กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน
กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน

เพราะเขาได้ยินว่า พระองค์ออกจากเมืองลาคิชไปแล้ว รับชาเคห์จึงกลับไปเฝ้ากษัตริย์อัสซีเรีย และพบว่ากษัตริย์กำลังต้องสู้กับเมืองลิบนาห์  …
แต่กษัตริย์อัสซีเรียเองได้ยินว่า ทีรหะคาห์ กษัตริย์แห่งคูช … กำลังออกมาสู้กับพระองค์

เมื่อได้ยินดังนั้นจึงส่งสารมาหาราชาเฮเซคียาห์ว่า

อย่าให้พระเจ้าที่ท่านวางใจหลอกท่านว่า  นครเยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือของกษัตริย์อัสซีเรียอย่างข้า …
ดูซิ  ท่านก็ได้ยินข่าวมาแล้วว่า กษัตริย์อัสซีเรียได้ทำอะไรกับแผ่นดินรอบข้างบ้าง  ทำลายจนหมด  แล้วท่านจะได้รอดไปอย่างนั้นหรือ?
พระเจ้าของชาติต่าง ๆ  ช่วยอะไรได้บ้าง  ประเทศที่พ่อของข้าทำลาย ไม่ว่าจะเป็นโกเซน  ฮาราน  เรเซฟ และชนเอเดนที่อยู่ในเทอัสสาร์
แล้วกษัตริย์เหล่านี้ไปอยู่กันที่ไหนแล้ว?  ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ฮามัท กษัตริย์แห่งอารปัด  กษัตริย์แห่งเมืองเสฟารวาอิม  กษัตริย์แห่งเฮนา และกษัตริย์แห่งอิฟวาห์

อิสยาห์ 20

อิสยาห์ 20

อิสยาห์เตือนให้อิสราเอลรู้ว่า อย่า อย่าได้พึ่งมนุษย์ แต่ต้องพึ่งพระเจ้าเท่านั้น

sargon-inscription1

ในปีที่ราชาซาร์กอนแห่งอัสซีเรียส่งผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด  มาถึงเมืองอัชโดดและยึดเมืองนั้นได้… พระเจ้าตรัสแก่อิสยาห์บุตรชายอามอสว่า

“ไป… ไปแก้ผ้ากระสอบออกจากเอวของเจ้า  ถอดรองเท้าออกด้วย” เขาก็ทำอย่างที่พระเจ้าทรงสั่ง  

ตอนนี้อิสยาห์จึงถอดเสื้อนอกคือเสื้อกระสอบ   แต่เขาไม่ได้เดินเปลือยกายทั้งตัวนะ    เขาไม่ใส่เสื้อคลุมตัวนอก เท่านั้น เขาคงเดินไปตามถนนแบบเปลือยล่อนจ้อนไม่ได้   เพราะเพียงแค่ไม่มีเสื้อคลุมนอก ก็เหมือนไม่ได้ใส่อะไรในสายตาของผู้คน 

พระเจ้าตรัสอีกว่า

“อิสยาห์ผู้รับใช้ของเราเดินเปลือย เท้าเปล่าถึงสามปี เป็นสัญญาณและลางบอกเหตุให้แก่อียิปต์และเอธิโอเปียอย่างไร  เช่นกัน ราชาแห่งอัสซีเรียจะนำเชลยจากอียิปต์และเอธิโอเปียออกไป ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ เดินตัวเปลือย เท้าเปล่า  ก้นของเขาก็เปิดโล่ง นี่แหละความเปล่าเปลือยของอียิปต์

พระเจ้าทรงให้อิสยาห์ทำเช่นนั้น มีความหมายถึงสภาพที่ถูกดูหมิ่นอย่างรุนแรงและตกต่ำเป็นที่สุด     

เขาทั้งหลายจะท้อถอยและอับอาย เป็นเพราะเอธิโอเปียความหวังของเขา  และอียิปต์ความโอ้อวดของเขา… และผู้ที่อาศัยอยู่ตามเมืองชายทะเลจะกล่าวในวันนั้นว่า “ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่เราหวังว่าจะช่วยเรา  คนที่เราหนีไปหาเพื่อให้พ้นจากกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และเราล่ะ เราจะหนีไปอย่างไร?”

อิสยาห์ 19-3

อิสยาห์ 19:18-25

ในวันนั้นจะมีเมือง 5 เมืองในอียิปต์ที่พูดภาษาของคนคานาอัน  และสาบานว่าจะเป็นพันธมิตรกับพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  หนึ่งในเมืองนี้ มีชื่อว่า เมืองแห่งการทำลายล้าง

ในวันนั้นจะมีแท่นบูชาสำหรับพระเจ้าในแผ่นดินอียิปต์ และเสาเพื่อพระเจ้าณ เขตแดน  มันจะเป็นสัญลักษณ์และพยานถึงพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพในแผ่นดินอียิปต์  เมื่อพวกเขาร้องต่อพระเจ้า เนื่องจากมีคนมาเคี่ยวเข็ญ พระเจ้าจะทรงส่งผู้ช่วยและผู้ปกป้องมา และช่วยเหลือพวกเขาให้รอดพ้น

และพระเจ้าจะทรงให้ชาวอียิปต์ได้รู้จักพระองค์   และชาวอียิปต์จะรู้จักพระองค์ และนมัสการด้วยเครื่องบูชา และเครื่องถวายบูชา  และพวกเขาจะปฏิญาณตนต่อพระเจ้า และกระทำตามนั้น

และพระเจ้าจะทรงตีอียิปต์  ตีแล้วรักษาไป  และพวกเขาจะหันกลับมาหาพระเจ้า และพระองค์จะทรงฟังคำขอเมตตาจากพวกเขา และพระองค์จะทรงรักษาเขาให้หาย

ภาพจาก tikkunministries.org
ภาพจาก tikkunministries.org

ในวันนั้น จะมีถนนหลวงสายตรงจากอียิปต์สู่อัสซีเรีย  และอัสซีเรียจะเข้ามายังอียิปต์  อียิปต์ก็เดินทางไปอัสซีเรีย   ชาวอียิปต์และชาวอัสซีเรียจะนมัสการพระเจ้าด้วยกัน

ในวันนั้น อิสราเอลจะมาเป็นที่สามกับอียิปต์และอัสซีเรีย  เป็นพระพรท่ามกลางประชาชาติในโลกนี้   คนที่พระเจ้าทรงอวยพระพร กล่าวว่า ความสุขจงมีแก่ชาวอียิปต์ คนของเรา   ชาวอัสซีเรียกิจแห่งมือเรา และอิสราเอลมรดกของเรา

อิสยาห์ 14-5

อิยาห์ 14:24-27

คำกล่าวถึงอัสซีเรีย

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพได้ทรงปฏิญาณไว้ “สิ่งที่เราวางแผนไว้ จะสำเร็จผล  และสิ่งที่เรามุ่งหวัง จะยืนมั่นคง เราจะทำลายคนอัสซีเรียในแผ่นดินของเรา  และบนภูเขาของเรา เราจะย่ำพวกเขาให้อยู่ใต้เท้าของเรา

แอกของเขาออกจะไปจากเขา  ภาระของเขาจะไปจากบ่าของเขา

นี่เป็นความมุ่งหมาย ซึ่งเป็นความมุ่งหมายสำหรับคนทั่วโลก

และนี่เป็นพระหัตถ์ที่ยื่นออกมาเหนือประชาชาติทั้งปวง

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ ทรงประสงค์ ใครจะมาทำลายได้ล่ะ?

อาณาจักรอัสซีเรีย ปีที่ 900-600 ก่อนคริสตศักราชภาพจากbible-history.com
อาณาจักรอัสซีเรีย ปีที่ 900-600 ก่อนคริสตศักราช
ภาพจากbible-history.com

พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงเหยียดออกมา  ผู้ใดจะหันกลับได้?

พระคัมภีร์ตอนนี้ ทำให้เราได้เห็นว่า พระเจ้าทรงอยู่เหนือความต้องการของกษัตริย์ และผู้ปกครองใด ๆ   พระองค์ทรงมีแผนอย่างไร ก็จะทรงทำเช่นนั้น   

ก่อนหน้าที่จะกล่าวถึงอัสซีเรีย  พระเจ้าทรงกล่าวถึงราชาแห่งบาบิโลนที่จะตกต่ำลง ซึ่งมีความหมายถึงลูซิเฟอร์  ผู้ที่เคยมีอำนาจสูงนัก แต่แล้วในอนาคต เขาจะต้องตกลงไปสู่เบื้องล่่าง 

พอย้อนกลับมาอัสซีเรีย   อิสยาห์ได้ย้ำถึงการที่อัสซีเรียเองจะถูกพระเจ้าพิพากษาลงโทษ  และเมื่อพระเจ้าทรงตั้งพระทัยจะทำสิ่งนี้ ก็ไม่มีใครห้ามพระองค์ได้ 

 

 

 

อิสยาห์ 10-3

อิสยาห์ 10:12-15
เมื่อพระเจ้าทรงทำราชกิจของพระองค์บนภูเขาศิโยนและในนครเยรูซาเล็มเสร็จสิ้นแล้ว

พระองค์จะทรงลงโทษคำกล่าวอันโอหัง และดวงตาอันยะโสของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย
ความเย่อหยิ่งของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียนั้น แสดงออกมาด้วยคำพูดและดวงตา  พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง และประทานคุณแก่คนที่ถ่อมใจลง  ดังนั้นเราคงพอเดากันได้ว่า กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจะเจออะไร  

เพราะกษัตริย์ตรัสว่า “ข้าได้ทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จด้วยกำลังของข้า ด้วยสติปัญญาอันปราชญ์เปรื่องของข้าเอง
ข้าได้ย้ายอาณาเขตของพวกเขา และปล้นทรัพย์สินของพวกเขาทั้งหมด
ข้าได้เสยคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ลงมาเหมือนอย่างวัวตัวผู้
มือของข้าได้กว้านเอาทรัพย์สมบัติของชาติทั้งหลาย เหมือนกับฉวยรังนก
เหมือนกับคนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ในรัง
ข้าได้รวบรวมทั้งโลกมาอย่างนี้ และไม่มีใครบังอาจขยับปีก หรือเปิดปาก หรือส่งเสียงร้องสักนิด”

KING-SARGON

กษัตริย์ซาร์กอนที่สอง กับเจ้านายองค์หนึ่ง

เมื่อได้ฟังคำของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย   พวกเขาไม่สงสัยสักนิดว่า กษัตริย์องค์นี้คิดอย่างไรกับตัวพระองค์เอง   กษัตริย์ทรงมองว่า ไม่มีใครเป็นยอดคนเก่งไปกว่าพระองค์เองอีกแล้วในโลก  และสามารถสยบได้ทุกชาติเสียด้วย

อิสยาห์ 10-2

อิสยาห์ 10:5-11

อา… อัสซีเรีย วิบัติแก่เจ้าซึ่งเป็นไม้พลองแห่งความกริ้วของเรา  ไม้เท้าที่อยู่ในมือเจ้านั้นคือความโกรธเกรี้ยวของเรา
เราได้ใช้อัสซีเรียไปต่อสู้กับประเทศที่ไร้พระเจ้า  ไปต่อสู้กับคนที่เราโกรธ เพื่อที่จะไปริบเอาทรัพย์สิน และปล้นเอามา  และเพื่อจะย่ำคนเหล่านั้นดั่งเหยียบโคลนเลนที่อยู่บนถนน
พระเจ้าทรงใช้อัสซีเรียเป็นเหมือนไม้พลองและไม้เท้าของพระองค์ ไปจัดการคนที่ไม่เชื่อฟังพระองค์   ในความเป็นจริงแล้ว  อัสซีเรียก็เป็นชนชาติที่โหดเหี้ยมไม่น้อยทีเดียว    และพระเจ้าก็ทรงใช้เขาตามที่พระองค์ทรงประสงค์
พระเจ้าทรงประกาศวิบัติให้กับประเทศที่พระองค์ทรงใช้!!

เพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่า พระเจ้าทรงใช้บาบิโลนมาจัดการกับยูดาห์ในปี 605-686 ก่อนคริสตศักราช  แล้วพระเจ้าก็พิพากษาโทษบาบิโลนในเวลาต่อมาด้วย 

ที่จริงแล้ว(อัสซีเรีย)ไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้คิดเลยว่าจะทำลาย  ไม่ได้คิดว่าจะทำให้หลายประเทศล้มหายตายจากไป  เพราะพวกเขากล่าวว่า “ผู้บัญชาการกองทหารของเรา ก็เป็นทหารไปหมดแล้วมิใช่หรือ?”
เมืองคาโน(ในบาบิโลน) ก็ราบคาบเหมือนเมืองคารเคมิช(ที่แม่น้ำยูเฟรติส)มิใช่หรือ?
เมืองฮามัท(ทางเหนือของซีเรีย) ก็เป็นเหมือนเมืองอารปัด(ซึ่งเป็นเมืองเพื่อนบ้าน) มิใช่หรือ?
เมืองสะมาเรีย(ในอิสราเอล) ก็เป็นเหมือนเมืองดามัสกัส(ในซีเรีย)มิใช่ไรหรือ?

แม้ว่าอัสซีเรียจะไปทำศึกกับประเทศต่าง ๆ   พวกเขาไม่รู้ว่า ตนเองกำลังทำการที่พระเจ้าใช้…. ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังมีความผิดอยู่นั่นเอง

assyriatobattle

มือของเราไปแตะต้องอาณาจักรแห่งรูปเคารพ  ในที่ ๆ รูปเคารพเหล่านั้นยิ่งใหญ่กว่ารูปเคารพในเยรูซาเล็มและสะมาเรีย (ประเทศเหล่านี้ไม่อาจจะสู้อัสซีเรียได้เลยสักประเทศเดียว!)

แล้วเราจะไม่สามารถที่จะจัดการกับนครเยรูซาเล็มกับรูปเคารพในนั้น เหมือนกับที่เราทำกับเมืองสะมาเรียและรูปเคารพหรอกหรือ?

อัสซีเรียกำลังโอ้อวดว่า เขาใหญ่กว่าใคร ๆ   แม่ทัพของเขากลายเป็นกษัตริย์ในเมืองโน้นเมืองนี้   พวกเขาเก่งกว่าประเทศไหน  ๆ   และพวกเขาคิดว่า พระเจ้าแห่งอิสราเอลเป็นเหมือนกับรูปเคารพนิ่ง ๆ เหล่านั้น 

ผู้ที่อยู่ฝ่ายเรา ๓๒-๑

2 พงศาวดาร 32:1-8

ต่อมาไม่นานนัก    กษัตริย์แห่งอัสซีเรียผู้เรืองพระนาม คือเซนนาเคอริบยกกองทัพใหญ่มาบุกยูดาห์  หวังจะยึดเอาเป็นเมืองขึ้น  เมื่อยกทัพมาแล้ว ก็สั่งให้ตั้งค่ายทหารล้อมหัวเมืองที่มีป้อมหลาย ๆ เมือง โดยกษัตริย์เซนนาเคอริบนี้ทรงมีพระทัยแน่วแน่จะยึดนครเยรูซาเล็มและเมืองอื่น ๆ ให้ได้

“ราชาแห่งอัสซีเรียเข้ามาบุกเราแบบโถมเข้ามาล้อมหลาย ๆ เมืองพร้อมกัน”  ราชาเฮเซคียาห์ตรัสกับเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

“พะยะค่ะ  และทรงตั้งพระทัยว่าจะยึดเอานครของเราด้วย  ข้าพระบาทได้ส่งคนไปสืบมาแล้ว”

“เอาอย่างนี้  พวกเขายังไม่ได้ล้อมเมืองเรา  เราต้องจัดการปิดตาน้ำนอกเมืองทุกแห่ง  มิฉะนั้น  เมื่อพวกเขามาล้อมเรา  ก็จะมีน้ำอุดมสมบูรณ์”

“เรายอมไม่ได้พะยะค่ะ  ถ้าพวกเขามีน้ำอย่างมากมายเช่นเรามี เขาก็จะเข้มแข็งและอาจตีพวกเรายับได้”

ทั้งพระราชาและข้าราชการได้วางแผนปิดตาน้ำรอบเมืองที่มีอยู่ บ่อน้ำเหล่านี้ มีไว้ให้ประชาชนได้ใช้ในการทำกสิกรรมนอกเมืองอยู่แล้ว

ดังนั้นทั้งทหาร  ข้าราชการ และประชาชนทั่วไปจึงเข้ามาช่วยกันถมลำธาร ปิดตาน้ำทั้งหมด ไม่ให้เป็นประโยชน์แก่กษัตริย์อัสซีเรีย  ทรงทำให้มีอุโมงค์น้ำเข้ามาในเมือง

อย่างไรประชาชนในเมืองยังจะมีน้ำใช้ตลอดเพราะมีอุโมงค์นำน้าเข้ามา

ภาพจาก  http://biblicalstudies.info/hezekiah/hezekiah.htm

พระราชาทรงรีบที่จะรวบรวมคนมาซ่อมกำแพงที่เคยปรักหักพัง และยังสร้างหอคอยขึ้นมา   สร้างกำแพงขึ้นมาอีกชั้น และทำให้ป้อมมิลโลของนครดาวิดแข็งแรงขึ้นอีก

เท่านั้นยังไม่พอ  ยังทรงสั่งสร้างอาวุธอีกหลายอย่าง รวมทั้งโล่มากมาย

“พวกเราต้องรีบทำอาวุธให้ทันก่อนที่ศัตรูจะมาบุกรุกเรา” นายทหารชั้นผู้ใหญ่คุยกับหัวหน้าช่างที่ทำอาวุธ

“ขอรับ  ข้าและเหล่าช่างเหล็กไม่ได้นิ่งนอนใจ  พวกเรารู้ว่า เรื่องนี้สำคัญมาก  ขอท่านวางใจพวกเราเถอะ”

พระราชายังทรงห่วงอีกเรื่อง

“ขอให้ท่านรวบรวมชาวเมืองมาที่ลานเมืองด่วน”   ราชาเฮเซคียาห์ตรัสสั่งคนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการ

และเมื่อประชาชนมาพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วพระองค์ก็ทรงกล่าวคำที่ให้กำลังใจกับประชาชน …..

“ขอให้ท่านทุกคนเข้มแข็ง และกล้าหาญ  อย่ากลัว อย่าไปเกรงกษัตริย์แห่งอัสซีเรียหรือกองทัพใหญ่โตที่มาด้วยนั้น  เพราะว่า ผู้ที่อยู่ฝ่ายเรานั้น มีกำลังมากกว่าพวกเขายิ่งนัก

พวกเขาเป็นกำลังของร่างกาย เนื้อหนังที่เรามองเห็น  แต่กำลังของเรานั้นคือ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา  พระองค์จะทรงช่วยเรา และจะทรงต่อสู้ศัตรูนี้ให้เรา”

“แด่พระเจ้าจอมโยธา…..พวกเราน้อมนมัสการพระองค์!!”

เสียงประชาชนตอบพระราชาดังสนั่นเมือง

ประชาชนรู้แล้วว่า ผู้ที่ฝ่ายเขาคือองค์พระเจ้า  แล้วเขาจะกลัวศัตรูไปทำไม….