จุดจบอามาซิยาห์ ๒๕-๖

2 พงศาวดาร 25:20-28

ราชาเยโฮอาชทรงเตือนราชาอามาซิยาห์ว่า  ไม่ควรคิดจะมาสู้รบกัน เพราะจะแพ้แน่นอน  แต่อามาสซิยาห์ไม่ฟัง  ไม่พอใจ    ตั้งใจแล้วนี่นาว่า จะต้องรบกัน  ก็ออกมารบให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย   ลึก ๆ  ราชาอามาซิยาห์มั่นใจว่า พระองค์จะทรงชนะ

แต่ การที่ราชาอามาซิยาห์ดึงดันเช่นนี้ เป็นเพราะพระเจ้าจะทรงมอบอามาซิยาห์เองไว้ให้กับศัตรู    เนื่องจากได้หันไปหาพระแห่งเอโดม แทนที่จะเชื่อและวางใจพระเจ้า

กษัตริย์จากเหนือและใต้ ได้เผชิญหน้ากันที่ เบธเชเมธ  แต่ฝ่ายอามาซิยาห์กลับพ่ายแพ้ หนีหัวซุกหัวซุน

“เตือนแล้ว  ข้าเตือนเจ้าแล้วว่า อย่ามาหือกับข้า”  ราชาเยโฮอาช ตรัสกับอามาซิยาห์

“คุมตัวกลับไปเยรูซาเล็มเดี๋ยวนี้  เราจะให้มันพาเราไปเก็บข้าวของ  เงินทองที่มันสะสมไว้”…..  ราชาเยโฮอาชสั่งแม่ทัพ

เมื่อมาถึงนครเยรูซาเล็ม

ทหารอิสราเอลทางเหนือได้รับคำสั่งที่แปลกมาก

“พวกเจ้าไปพังกำแพงเมืองลงมา   แล้วเราราชาอามาซิยาห์มาดูด้วย  ริบทองคำ เงิน ในพระวิหาร  ในวังมาให้หมด  อย่าให้เหลือ”

“แล้วอย่าลืมจับตัวประกันคนสำคัญไปด้วย  พวกนี้จะได้ไม่มาโอหังกับข้าอีก”

ภาพจาก thebiblerevival.com

ดูเหมือนว่า เขาจะทิ้งราชาอามาซิยาห์ไว้ในนครเยรูซาเล็ม กับวังและพระวิหารที่ไร้เครื่องใช้สอย  ในที่สุด อามาซิยาห์หนีไปเมืองลาคีช    แต่เขาก็ตามพระองค์ไปและประหารพระองค์ที่นั่น

ยังดีที่เอาพระศพกลับมาเก็บไว้ในถ้ำเดียวกับบรรพบุรุษของพระองค์

 

 

เตือนแล้วนะ… ๒๕-๔

2 พงศาวดาร 25:17-20

หลังจากที่ชนะศึกเอโดมไม่นาน  ราชาอามาซิยาห์ก็ทรงคิดว่า พระองค์น่าจะทำศึกอีกครั้ง  คราวนี้ จะทำศึกกับราชาเยโฮอาชแห่งอิสราเอลทางเหนือ   พระองค์ทรงปรึกษากับข้าราชบริพาร และแม่ทัพ  ทุกคนต่างมีความเห็นว่า น่าจะรบชนะ  เพราะตอนนั้น เราชาเยโฮอาชไม่มีกองทัพใหญ่ เหมือนยูดาห์   พระองค์ส่งสารไปว่า

“มาเถอะ  ให้เราทั้งสองมาต่อสู้กัน”

เมื่อราชาเยโฮอาชได้รับสารนั้น  ก็ทรงไม่พอพระทัย  แต่ไม่ได้ต้องการที่จะทำสงครามกับยูดาห์  จึงให้คนส่งสารตอบกลับมาว่า

“ต้นหนามแห่งเลบานอน  ส่งสารมาหาต้นสีดาร์แห่งเลบานอน กล่าวว่า จงยกบุตรสาวของท่านให้แต่งงานกับลูกชายของเรา… “

ราชาเยโฮอาชได้เปรียบเทียบราชาอามาซิยาห์ว่าเป็นเพียงต้นหนาม  ส่วนเยโฮอาชเป็นสนสีดาร์ที่งดงาม  สารของเยโฮอาชจบลงที่ว่า

“พอดีมีสัตว์ป่าในทุ่งตัวหนึ่งเดินผ่านมา  และย่ำต้นหนามนั้นจนราบ  ท่านอามาซิยาห์คิดว่า … ดูซิข้าได้โจมตีเอโดมสำเร็จ… และท่านก็โอ้อวด    แต่เราขอเตือนท่านว่า  อยู่กับบ้านสบาย ๆ เถอะ  ทำไมต้องเหิมเกริมให้มามีเรื่องต่อสู้ แล้วเจอกับอันตรายที่จะทำให้ท่านล้มลงไปเล่า   ไม่เฉพาะตัวท่านเท่านั้น  แต่ทั้งยูดาห์ด้วย”

ราชาเยโฮอาชเตือนราชาอามาซิยาห์ในสารนั้น

แต่อามาซิยาห์ไม่ฟัง

กลับโกรธ….  พร้อมที่จะออกไปสู้กับราชาเยโฮอาช   คิดว่า ตนเองเก่งกล้าสามารถ

อามาซิยาห์หาทราบไม่ว่า

นี่เป็นมาจากพระเจ้า เพราะว่า อามาซิยาห์ได้ดูหมิ่นพระองค์ด้วยการไปกราบไหว้นมัสการเทวรูปแห่งเอโดม ซึ่งเป็นพระของศัตรู…..

ความโง่เขลาของอามาซิยาห์เกิดขึ้นและจะนำไปสู่หายนะ  เพราะว่า ไม่ฟังคำเตือนดี ๆ ของราชาเยโฮอาช  พระเจ้าจะทรงปล่อยให้อามาซิยาห์เข้าสู่สงครามกับอิสราเอล  เทวรูป…นำอามาซิยาห์ไปสู่การตัดสินใจที่โง่เขลา ….และแน่นอน พระราชาจะได้ชิมผลของการตัดสินใจนั้น

คำเตือนที่ไร้ผล ๒๕-๓

แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้นกับราชาอามาซิยาห์

แทนที่จะขอบคุณพระเจ้ากับการปราบชาวเสอีร์จนอยู่มือ  ราชาอามาซิยาห์กลับนำรูปเคารพของศัตรูมาตั้งเป็นพระ  ทั้งกราบไหว้ นมัสการรูปเหล่านั้น และเผาเครื่องหอมถวายด้วย

ใครกัน ที่ยุให้พระราชาทำเช่นนี้

แต่จะใครยุแหย่ก็ตาม  ราชาอามาซิยาทรงตัดสินใจได้ว่า พระองค์จะทรงทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือสิ่งที่จะนำหายนะมาสู่พระองค์
พระเจ้าทรงกริ้วต่อการกระทำของอามาซิยาห์

พระองค์เป็นผู้ประทานชัยชนะให้กับเขา  แต่เขากลับหันไปหาพระของศัตรู!! นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่มันก็เป็นไปแล้ว….

พระเจ้าจึงทรงใช้ผู้กล่าวคำของพระองค์ไปเฝ้าราชาอามาซิยาห์


“ทำไมเจ้า จึงแสวงหาพระของชนชาติที่ไม่สามารถช่วยตนเองให้พ้นมือของเจ้าได้?” เขาทูลพระราชาว่า พระเจ้าตรัสอย่างไร   เป็นคำถามที่แทงใจราชาอามาซิยาห์  มันทำให้เห็นว่า พระองค์นั้นทรงโง่เขลาเพียงใด

“ข้าแต่งตั้งให้เจ้าเป็นที่ปรึกษาข้ารึ  เจ้าจึงมาพูดอย่างนี้  หยุดเดี๋ยวนี้!”  ราชาอามาซิยาห์ทรงกริ้วยิ่งนักที่ถูกกล่าวหา

“พะยะค่ะ”  ผู้กล่าวคำของพระเจ้าคนนั้นจึงหยุดพูดไปสักพัก

แต่แล้วเขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ข้าพระบาทรู้ว่า  พระเจ้าทรงตั้งพระทัยจะทำลายพระองค์อย่างแน่นอน    เพราะพระองค์ทรงกระทำเยี่ยงนี้ และไม่ได้ฟังคำปรึกษาของข้าพระบาท”

“ไป  ไปให้พ้นหน้าข้า… เจ้าคงไม่อยากตายนะ”

เขาจึงรีบออกไปจากพระพักตร์พระราชาโดยไม่รีรอ…

 

เงินที่เสียเปล่า ๒๕-๒

2 พงศาวดาร 25:5-10

ต่อมา ราชาอามาซิยาห์ได้รวบรวมทหารจำนวนมากมายจากยูดาห์  โดยแบ่งเป็นกองร้อย กองพันตามเผ่าซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนเผ่ายูดาห์ และเบนยามิน  โดยมีคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป เกณฑ์ได้ถึง 300,000  คนที่มีความสามารถในการใช้อาวุธทั้งหอก และโล่ พร้อมที่จะสู้ศึก

มีทหารมากมายขนาดนี้  แต่ราชาอามาซิยาห์ยังไม่ค่อยจะมั่นพระทัย

“ข้าจะทำอย่างไรดี  จะบุกเอโดมด้วยคนเพียงแค่นี้”…..  จึงมีคนบางคนในราชสำนักเสนอความเห็น “เห็นทีเราต้องมีทหารรับจ้างเข้ามาสมทบพะยะค่ะ”

ดังนั้นพระองค์จึงไปจ้างทหารรับจ้างจากอิสราเอล ใช้เงินไป 100 ตะลันต์ โดยได้ทหารมา 100,000 คน!

พระองค์พอพระทัยมาก

“ทีนี่เราก็มีทหาร 400,000 คน  น่าจะพอ พอที่จะช่วยให้เราชนะเอโดมได้ไม่ยากนัก”

แต่ขณะที่พระองค์กำลังทรงวางแผน ปรึกษากองทัพและข้าราชการของพระองค์  ก็มีคนมาขอเข้าเฝ้า

“ข้าแต่พระราชา  ขอพระองค์อย่าทรงปล่อยให้กองทัพอิสราเอล  ร่วมทำสงครามกับพระองค์เลย  เพราะว่า พระเจ้ามิได้ทรงอยู่กับทัพอิสราเอลที่มาจากเผ่าเอฟราอิมพวกนี้”

“แต่ขอพระราชาโปรดเสด็จไป  และทำสงคราม  เหตุใดพระองค์จึงทรงคิดว่า พระเจ้าจะทรงเหวี่ยงพระองค์ต่อหน้าต่อตาศัตรูเหล่านั้นล่ะ?

ขอพระราชาจงทรงพระเจริญ

พระเจ้าทรงฤทธิ์ที่จะช่วย หรือทิ้งขว้างไปตามพระทัยพระองค์”

 

“แต่ ท่านผู้กล่าวคำของพระเจ้า  ….” ราชาอามาซิยาห์เริ่มเสียดาย  “จะทำอย่างไรกับเงิน 100 ตะลันท์ที่ข้าให้พวกเขาไปแล้วล่ะ?”

ชายผู้ที่รับใช้พระเจ้ามาตอบว่า
“พระเจ้าทรงสามารถที่จะประทานแก่พระองค์  มากมายกว่านี้หลายเท่านัก”

อามาซิยาห์จะเชื่ออย่างไรดี

เชื่อผู้กล่าวคำของพระเจ้า  แล้วเสียเงิน 100 ตะลันท์ไปฟรี  ๆ

หรือจะดื้อดึงเอาคนเหล่านี้เข้ามาช่วยรบ….

ทรงต้องตัดสินใจนานพอควร

ทรงถามข้าราชการ และนายทหาร ซึ่งต่างก็มีความเห็นหลากหลายมาก

ในที่สุด
“เจ้าไปสั่งผู้บัญชาการทหารของอิสราเอล ให้เขากลับบ้านไปได้  ส่วนเงินนั้นข้าให้ไปเลย”

โอ้โห…. การตัดสินใจครั้งนี้มันยอดจริง ๆ

กล้าเชื่อพระเจ้า…… กล้าเชื่อว่า พระเจ้าจะประทานชัยชนะให้!!