2 พงศาวดาร 10:6-11
ราชาเรโหโบอัม ราชโอรสของราชาซาโลมอน ทรงเติบโตมาท่ามกลางชีวิตของพระราชาที่มีฮาเร็มใหญ่โต แม้ว่า ราชบิดาของพระองค์จะทรงยิ่งใหญ่เป็นผู้ที่มีสติปัญญามาก รอบรู้ และเป็นที่นับถือของประชาชน แต่เรโหโบอัมก็ไม่ได้รับความฉลาดของราชบิดามาเลย และดูเหมือนว่า ยังมีเพื่อน ๆ ที่น่าจะเป็นลูก ๆ ของบรรดาสาวงามที่เป็นนางห้ามของราชบิดา หรือเป็นโอรสของมเหสีบางคน เรโหโบอัมไม่ได้รับการอบรมดีเหมือนกับที่ราชาดาวิดให้กับราชาซาโลมอน
น่าเสียดายจริง ๆ ที่เรโหโบอัมมีบุคลิกลักษณะ นิสัยใจคอที่แตกต่างจากราชบิดาและเสด็จปู่อย่างสิ้นเชิง
ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้หรือ?
ลองอ่านต่อไปซิว่า อะไรเกิดขึ้น
เมื่อเยโรโบอัมผู้นำของเผ่าทางเหนือมาขอร้องให้ราชาเรโหโบอัมลดภาระต่าง ๆ ของประชาชนลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเก็บภาษี การบังคับแรงงานซึ่งราชาซาโลมอนจะให้คนเข้ามารับราชการทำงานการก่อสร้าง ปีละกี่เดือนก็แล้วแต่
ตอนที่ราชาซาโลมอนทรงสร้างประเทศนั้น ประชาชนทั้งหลายก็เห็นด้วย และช่วยกันทำงานสร้างประเทศกันอย่างแข็งขัน มาเวลานี้ ทุกอย่างน่าจะลดลงได้แล้ว พวกเขาจะได้ทำมาหากินใช้ชีวิตเป็นปกติ
ราชาเรโหโบอัมทรงปรึกษาผู้ใหญ่ที่เคยอยู่งานกับราชาซาโลมอนว่า ควรทำอย่างไรกับคำขอของเยโรโบอัม
“ถ้าฝ่าบาททรงเมตตาเขา ทำให้เขาพอใจ ตรัสสิ่งดี ๆ ให้เขา พวกเขาก็จะรับใช้ฝ่าบาทตลอดไปพะยะค่ะ”
เรโหโบอัมทรงพยักหน้า
แต่แล้วก็ไม่ได้ทรงสนใจคำปรึกษาของผู้ใหญ่เหล่านั้น กลับไปถามคนหนุ่ม ๆ ที่เติบโตมาด้วยกันกับพระองค์ เป็นคนรุ่นใหม่ที่เที่ยวสนุกสนานกับพระองค์มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
“ฝ่าบาทน่าจะตรัสกับเขาว่า นิ้วก้อยของเรานั้นหนากว่าเอวของราชบิดาของเรา”
น่ากลัวจริง
ดูเหมือนว่า ราชาเรโหโบอัมก็ชอบคำแนะนำนี้
……ใช่สิ ที่ราชบิดาเคยวางภาระหนักให้กับประชาชน เราจะเพิ่มแอกให้อีก ดี ดี ที่ราชบิดาของเราเคยใช้ไม้เรียว เราจะใช้แส้แมงป่อง….. ราชาเรโหโบอัมทรงคิดและจะตอบประชาชนอย่างนั้น ….