หลังจากที่ราชาดาวิดได้ทรงบัญชาทุกอย่างแล้ว ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตน
แต่ละวันจะมีประชาชนมาถวายเครื่องบูชา ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้ากันอย่างต่อเนื่อง
อาการที่จะไปหาพระอื่นอย่างที่เคยพลาดพลั้งมา ก็ไม่เกิดขึ้น
ทั้งนี้เพราะราชาดาวิดได้เป็นตัวอย่างที่ดี ประชาชนก็รักพระเจ้าด้วยสุดใจของพวกเขาตามอย่างที่ราชาดาวิดทรงรักพระเจ้าอย่างสุดใจ
วันหนึ่ง ราชาดาวิดทรงมองเห็นอะไรบางอย่างที่พระองค์ไม่สบายพระทัยมาก จึงทรงเรียกนาธัน ผู้กล่าวคำของพระเจ้าซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระองค์มาเข้าเฝ้า
“ท่านดูซิ เราเอง อยู่ในวังไม้สนสีดาร์ งดงามมาก ในขณะที่หีบพันธสัญญาของพระเจ้านั้นกลับอยู่ในพลับพลา เหมือนกับเป็นแค่บ้านชั่วคราว”
นาธันเข้าใจพระทัยของราชาดาวิดทันที พอจะเดาออกว่า พระองค์ทรงคิดอะไรอยู่
“ขอพระองค์ทรงทำตามที่พระองค์ดำริเถิดพะยะค่ะ เพราะพระเจ้าสถิตกับฝ่าพระบาท”
บางครั้งแม้นาธันจะเข้าใจหัวใจมนุษย์
แต่พระทัยพระเจ้านั้นเป็นอย่างไรล่ะ ? เหมือนกับราชาดาวิดหรือเปล่า?
คืนนั้นเอง พระเจ้าได้ตรัสกับนาธันชัดเจน เป็นคำตรัสที่ยาวมาก
“นาธัน เจ้าจงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราอย่างนี้…
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เจ้าไม่ใช่คนที่จะสร้างวิหารให้เราอยู่ ไม่เห็นหรือว่า เราไม่เคยอยู่ในวิหารเลย ตั้งแต่ครั้งที่เรานำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ จนทุกวันนี้”
จริงซิ… นาธันคิด
พระเจ้าทรงอยู่ในสวรรค์ และทรงมาพบโมเสสที่พุ่มไม้ซึ่งไหม้ไฟ แต่ก็ไม่ได้ถูกเผา
ยามที่คนอิสราเอลเดินทาง พระองค์ทรงอยู่กับเขาชัดเจนที่เสาเมฆ และเสาไฟ
เมื่อคนอิสราเอลเดินทางในถิ่นกันดาร พระเจ้าก็ประทับกับเขาให้เห็นชัดเจน พระองค์ไม่ทรงจำเป็นต้องอยู่ในวิหารใด ๆ
เมื่อพระองค์ให้สร้างหีบพันธสัญญา พระองค์ก็ทรงอยู่ในพลับพลาท่ามกลางพวกเขามาโดยตลอด
และบัดนี้ พระองค์ก็ทรงอยู่ในสวรรค์ และทรงอยู่ท่ามกลางคนอิสราเอลเช่นกัน
นาธันน้อมรับคำของพระเจ้า
“เจ้าก็รู้อยู่ว่า เราไปมากับคนอิสราเอล ไปมากับพลับพลาตลอด ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เราเคยพูดกับผู้รับใช้ของเราไหมว่า … เหตุใดเจ้าจึงไม่สร้างวิหารไม้สนสีดาร์ให้เรา?”
จริงซินะ พระเจ้าไม่เคยบัญชาให้สร้างอะไรนอกเหนือไปจากพลับพลาสมัยท่านโมเสส
แล้วยังไงกันนี่…
พระเจ้าจะตรัสอะไรต่อไป