2 พงศาวดาร 30:12-15
นอกจากจะมีคนทางเหนือเตรียมตัวเข้ามาร่วมนมัสการพระเจ้าแล้ว คนชนเผ่ายูดาห์เองก็มีหัวใจที่จะทำตามคำเชิญชวนของพระราชารวมทั้งเจ้าชายตามเมืองต่าง ๆ อย่างเต็มใจ
เป็นความเต็มใจจากส่วนลึกที่พระเจ้าประทานให้พวกเขา
ดังนั้น เดือนที่สอง ใกล้ถึงเวลากำหนด จึงมีคนเดินทางเข้ามายังนครเยรูซาเล็มมากมาย เพื่อจะร่วมในเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ
“โอ้ย ทำไมคนมากมายเช่นนี้?”
“นั่นซิ พวกเราไม่เคยมีคนเข้ามาในเมืองหลวงจำนวนมหาศาลอย่างนี้มาก่อน ต้องคอยดูแลความปลอดภัย และความสะอาดให้มาก ๆ นะท่าน”
เมื่อถึงวันนัดหมาย พวกเขาก็อยู่ร่วมนมัสการพระเจ้า และยังทำสิ่งที่ไม่คาดฝัน
พวกเขาไปเอาแท่นบูชาเทวรูปต่าง ๆ ที่ยังคงค้างอยู่ในนครเยรูซาเล็มออกมา
“ท่านแน่ใจหรือว่าจะทำลายมัน ไม่เกรงใจคนอื่นเลยหรือ”
“ยิ่งกว่าแน่ใจ จะมีเวลาไหนที่เรามีโอกาสทำลายเทวรูปซึ่งพระเจ้าทรงชังได้ดีกว่าเวลานี้อีก ท่านก็รู้นี่นาว่า เทวรูปเหล่านี้แหละ นำให้คนหลงผิด และทำให้พระเจ้าเองทรงเมินพระพักตร์จากพวกเรา”
“เราต้องเตรียมนครนี้ให้สะอาด ไม่มีสิ่งโสโครกอย่างนี้ เพื่อว่า การนมัสการของเรานั้น จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะช่วยท่านด้วยแล้วกัน ส่งเสานั่นมา!”
พวกเขายังขนเครื่องใช้สำหรับเผาเครื่องหอมของสถานบูชาเหล่านี้ออกมาและพากันไปทิ้งที่หุบเขาขิดโรน ซึ่งเป็นที่ ๆ รับขยะ ขี้เถ้าของสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังของนครเยรูซาเล็ม
“ข้ารู้สึกโล่งใจ”
“ข้าก็เหมือนกัน ไปเถอะ เราไปร่วมพิธีปัสกากัน”
วันนั้น เป็นวันที่สิบสี่ของเดือนที่สอง เมื่อพวกเขาเข้าไปในลานพระวิหาร ก็เห็นเหล่าเจ้าหน้าที่กำลังฆ่าเจ้าแกะน้อยที่น่าสงสารจำนวนไม่น้อย
วันนั้นเอง ทั้งปุโรหิตและเลวีต่างมีเกิดความรู้สึกละอายใจมาก
พวกเขาหัวใจเต้นด้วยความทุกข์ “ทำไมข้าจึงสกปรกในใจ? ไม่มีใครมองเห็นใจของข้าก็จริง แต่พระเจ้าทรงเห็นทุกอย่าง”
“ดูซิว่า ผู้คนธรรมดากลับมีความกระตือรือร้นในพระเจ้ายิ่งกว่าพวกเรา นำของโสโครกทั้งหลายในเมืองออกไปทิ้งจนหมด”
การที่แกะถูกฆ่าเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปพวกเขา…. ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่า บาปในชีวิตของพวกเขานั้น มันมีโทษร้ายแรงเพียงใด