2 พงศาวดาร 33:10-13
จากการที่ราชามนัสเสห์ได้ทำสิ่งที่ดูหมิ่นต่อพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการเอาเทวรูปเข้าไปในพระวิหาร หรือการฆ่าลูกของพระองค์เองเพื่อบูชายัญ เหล่านี้ พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัย และพระองค์ก็ทรงใช้คนของพระองค์ มาเตือนพวกเขา แต่… ถึงเตือนเท่าไร พวกเขาก็ไม่ฟัง
สิ่งที่พระเจ้าทรงทำคือ พระองค์ทรงให้กองทัพอัสซีเรียเข้ามาบุกนครเยรูซาเล็ม !
และราชามนัสเสห์ก็ถูกจับตัวมัดด้วยโซ่ทองเหลืองและลากไปด้วยขอเหล็ก พวกเขาลากพระองค์ไปอย่างนั้นจนถึงบาบิโลน
ระยะทางระหว่างเยรูซาเล็มไปจนถึงบาบิโลนนั้น ใช้เวลานานมาก
มันเป็นเวลานานพอที่จะทรมานราชามนัสเสห์อย่างช้า ๆ และเจ็บปวด ทั้งจิตใจและร่างกาย พระองค์ถูกคนทั้งหลาย ถูกทหารชั้นผู้น้อยมองตามอย่างเหยียดหยาม
“พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ทำผิดต่อพระองค์ ผิดต่อพระองค์อย่างยิ่ง ข้าพระองค์ทำเหมือนกับว่า พระองค์ไม่มีในโลกนี้ ข้าพระองค์เป็นราชาแห่งยูดาห์ แต่บัดนี้ต้องมาเป็นเชลยที่ต่ำต้อย”
“ขอพระเจ้าทรงโปรดอภัยบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ไม่สมควรที่จะได้รับพระเมตตาของพระองค์เลย…”
ราชามนัสเสห์ที่เคยเย่อหยิ่ง จองหองต่อพระเจ้า กลับกลายมาเป็นอีกคน!
บางครั้ง ความทุกข์ยากมันก็ดีสำหรับชีวิต เพราะทำให้ตระหนักว่า ตัวจริงของเรานั้น ไม่สำคัญอะไรเลย เราต้องการพระเจ้าเสมอ พระองค์เท่านั้น ที่จะทรงทำให้เราพ้นความยากลำบากไปได้
พระเจ้าจะทรงฟังคำอธิษฐานของคนที่สำนึกผิด ที่ทำความผิดบาปอย่างร้ายแรงยิ่งไหม?
พระเจ้าจะทรงตอบราชามนัสเสห์ไหม?
ถ้าเราทำบาปร้าย และสำนึกผิด เราใจแตกสลาย… พระเจ้าจะทรงฟังเราหรือเปล่า?