2 พงศาวดาร 29:7-11
ราชาเฮเซคียาห์ทรงมองไปรอบ ๆ พระวิหาร พระองค์ตรัสว่า “ดูซิ บรรพบุรุษของเราไม่ได้สัตย์ซื่อต่อองค์พระเจ้า และยังทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระองค์ ได้ละทิ้งพระเจ้า ……”
“เท่านั้นยังไม่พอ ได้ปิดประตูประวิหาร และดับตะเกียง ดับมดยอบ และเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าก็ห้ามไม่ให้ทำในวิหารอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วย แล้วเห็นไหมล่ะ … พระเจ้าทรงกริ้วทั้งยูดาห์และอิสราเอล พระองค์ทรงทำให้พวกเราเจอสิ่งที่น่าหวาดกลัว เราเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด เรากลายเป็นคนที่ใคร ๆ ก็นินทา เยาะเย้ย”
ทุกคนที่ฟังพระราชาตรัส รู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก
“พวกท่านก็เห็นด้วยตาแล้ว ภาพที่คนของเรา ทั้งพ่อก็ถูกฆ่าฟันอย่างทารุณ เลือดนองแผ่นดิน ลูกชาย ลูกสาว ภรรยาของพวกเราต้องตกไปเป็นเชลย… “
“พระราชาทรงทราบทุกสิ่ง ขอพระองค์ทรงบอกเราด้วยว่า จะทำอย่างไร” คนหนึ่งทูล
“นี่ไง.. เราอยากทูลขอพระเจ้า ขอทำพันธสัญญากับพระองค์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อว่า ความกริ้วของพระองค์จะได้หันไปจากเรา ลูกชายของเราเอ๋ย….” พระราชาทรงหันมามองรอบ ๆ ข้างพระองค์
“ตอนนี้ พวกเจ้าก็อย่าทำเฉย เพราะพระเจ้าทรงเลือกให้พวกเจ้ายืนต่อพระพักตร์ของพระองค์ เพื่อจะปรนนิบัติพระองค์ เพื่อที่จะรับใช้พระองค์ เพื่อเผาเครื่องหอมถวายพระองค์”
พระราชาทรงหาทางที่จะให้ความกริ้วของพระเจ้าหายไป
พวกเขาจะตอบสนองพระประสงค์ของพระราชาอย่างไรกันดี ?