สรุปย่อ นาฮูม

องค์พระเจ้าทรงแสนประเสริฐ

เป็นที่ลี้ภัยในยามยากลำบาก

ถอดความจาก นาฮูม 1:7

35-Nahum-Thai

บทสรุปย่อ นาฮูม

เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้อ่านพระคัมภีร์โดยมองเห็นภาพรวมโดยฟังจากดร.ทิม แมคกี

พร้อมกับดูโปสเตอร์ จะเข้าใจความหมายได้อย่างสมบูรณ์ ดูยูทูบที่

เนื่องจากไม่มีซับไตเติ้ลภาษาไทย โปรดดูคำแปลข้างล่าง

บทสรุปที่เป็นโปสเตอร์นี้ เราได้รับอนุญาตการแปลจาก ไบเบิลโปรเจกต์
โดยสามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาในคริสตจักร กลุ่มเซลต่าง ๆ ในชั้นเรียนรวีฯ
หรือการเรียนพระคัมภีร์ส่วนตัวได้โดยไม่ให้ใช้เพื่อการค้า

[email protected]

ขอบคุณสำหรับฟอนต์ไทยจาก ฟอนต์.คอม

ต่อไปเป็นข้อความอธิบายสคริปต์ของนาฮูม ต้องขออภัยที่ไม่สามารถใส่คำไทยลงไปในตัวคลิปยูทูป เนื่องจากทางยูทูปเองไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นแล้ว

0:02 The book of the prophet Nahum หนังสือของผู้เผยพระคำ นาฮูม
0:06 This short prophetic book is a collection of poems announcing the downfall of one หนังสือคำพยากรณ์เล่มสั้น ๆ นี้ เป็นการรวบรวมบทกวีประกาศการล่มสลายของ
0:10 of Israel’s worst oppressors, the ancient empire of Assyria and its capital city Nineveh. หนึ่งในศัตรูตัวร้ายของอิสราเอล  จักรวรรดิอัสซีเรียโบราณ และเมืองหลวงคือนีนะเวห์
0:16 The Assyrians arose as one of the world’s first great empires. อัสซีเรียรุ่งเรืองขึ้น เป็นหนึ่งในจักรวรรดิแรกๆ ที่ยิ่งใหญ่
0:19 And their expansion into Israel resulted in the total destruction and exile of the การขยายอาณาเขตเข้าไปในอิสราเอล ทำให้อิสราเอลล่มสลาย  เกิดการกวาด
0:24 northern kingdom and its tribes. คนจากอาณาจักรเหนือและเผ่าต่าง ๆ ไปเป็นเชลย
0:26 The Assyrian armies were violent and destructive on a scale that the world had never seen before. กองทัพอัสซีเรียโหดร้ายรุนแรงและก่อให้เกิดความหายนะที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน
0:31 And so Israel and its neighbors were awaiting the downfall of Assyria, ดังนั้น อิสราเอลและประเทศเพื่อนบ้านจึงรอคอยการล่มสลายของอัสซีเรีย
0:35 which eventually came in the year 612 BC. ซึ่งในที่สุด  ก็เกิดขึ้นก่อนคริสตศักราช 612 ปี
0:38 The Babylonians rose up and began a rebellion that overtook Nineveh  บาบิโลนเริ่มได้อำนาจและก่อการกบฏ ในที่สุดก็ชนะนีนะเวห์
0:42 and brought down the Assyrian Empire. และทำลายจักรวรรดิอัสซีเรีย
0:44 And so chapter 2 depicts the fall of Nineveh in vivid poetry. บทที่สองได้บรรยายถึงการแตกของกรุงนีนะเวห์อย่างชัดเจน
0:48 And chapter 3 then explores the downfall of the empire as a whole. บทที่สามได้สืบค้นดูการล่มสลายของจักรวรรดิโดยรวม
0:52 But, this book isn’t just an angry tirade against Israel’s enemies. แต่หนังสือนี้ ไม่ใช่เป็นหนังสือประณามศัตรูของอิสราเอลเท่านั้น
0:57 The introductory chapter shows us that there is way, way more going on here. บทแรกได้บอกเราว่า มีอย่างอื่นมากกว่านั้น
1:01 The book opens with an incomplete alphabet poem that begin by describing หนังสือเริ่มต้นด้วยบทกวีที่เริ่มด้วยพยัญชนะต่อเนื่องอย่างไม่สมบูรณ์   อธิบาย
1:06 a powerful appearance of God’s glory. การปรากฏของพระสิริของพระเจ้าที่เต็มด้วยฤทธิ์อำนาจ
1:08 It’s very similar to how the previous book, Micah, begin and how the next book, Habakkuk, is going to conclude. คล้ายคลึงกับหนังสือเล่มก่อนคือมีคาห์  และหนังสือเล่มต่อไปคือฮาบากุกก็จะสรุปให้
1:15 And it’s God, the all-powerful Creator, coming to confront the nations and bring His justice on their evil. และพระเจ้าผู้สร้างผู้ทรงอำนาจสูงสุด เสด็จมาประจัญกับประเทศต่าง ๆ  ทรงนำการพิพากษาลงโทษมาเหนือความชั่วของพวกเขา
1:21 And the poem opens by quoting from the famous line of God’s self-description บทกวีเปิดโดยอ้างถึง การที่พระเจ้าทรงอธิบายพระลักษณะของพระองค์เอง
1:26 after the golden calf incident, in the book of Exodus chapter 34, หลังจากเหตุการณ์วัวทองคำในหนังสืออพยพบทที่ 34
1:29 “The Lord is slow to anger, He’s great in power, He won’t leave evil unpunished.” “พระเจ้าทรงกริ้วช้า ทรงฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ พระองค์จะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล”
1:35 And so the rest of the poem goes back and forth, บทกวีตอนต่อมา ก็จะกลับไปกลับมา
1:37 contrasting the fate of the arrogant violent nations with the fate of God’s faithful remnant. ให้เราเห็นเคราะห์กรรมของประเทศที่รุนแรง กับอนาคตของผู้หลงเหลือที่ซื่อตรงต่อพระเจ้า
1:43 When God brings down all the arrogant empires, เมื่อพระเจ้าทรงนำจักรวรรดิที่ยโสให้ล้มลง
1:46 He will provide refuge for those who humble themselves before Him. พระองค์จะประทานที่ลี้ภัยให้กับคนที่ถ่อมตนต่อพระองค์
1:49 Now here’s what’s really interesting. ตรงนี้ น่าสนใจมาก
1:51 Is that you thought this book was only about Assyria คุณคิดว่า หนังสือนี้กล่าวถึงอัสซีเรียเท่านั้น
1:55 but Nahum actually nowhere mentions Nineveh or Assyria in chapter 1. แต่นาฮูม กลับไม่ได้กล่าวถึงนีนะเวห์ หรืออัสซีเรียในบทที่หนึ่งเลย
1:59 And when he describes the downfall of the bad guys, และเมื่อเขาพรรณาถึงการล่มสลายของผู้ร้าย
2:02 he uses Isaiah’s language  about the fall of Babylon เขาก็ใช้ภาษาของอิสยาห์ที่กล่าวถึงการล่มสลายของบาบิโลน
2:06 (which happened much later in history). (ซึ่งเกิดขึ้นจริงหลังจากนั้นนานมาก)
2:08 And not only that, Nahum also describes the downfall of the bad guys ไม่แต่เพียงเท่านั้น นาฮูมยังอธิบายถึงจุดจบของคนร้าย
2:12 as good news for the remnant of God’s people. ในฐานะที่เป็นข่าวดีของคนที่หลงเหลือของพระเจ้า
2:15 It’s a direct allusion to Isaiah’s good  news about the downfall of Babylon. เป็นการกล่าวถึงข่าวดีของอิสยาห์ตรงๆ เรื่องการล่มสลายของบาบิโลน
2:19 And so all these little details from Chapter 1, they come together to make a key point: และรายละเอียดเล็กๆ จากบทที่หนึ่ง ก็เข้ามารวมกันเป็นประเด็นหลัก
2:23 for Nahum, the fall of Nineveh is being presented as an example. สำหรับนาฮูม การล่มสลายของนีนะเวห์ถือเป็นตัวอย่าง
2:28 As an image of how God is at work in history in every age. เป็นภาพของการที่พระเจ้าทรงทำการของพระองค์ในทุกยุคทุกสมัย
2:32 How He won’t allow the arrogant or violent empires of our world to endure forever. พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้ความยโส หรือความรุนแรงของโลกยั่งยืนตลอดไป
2:38 So the message of Nahum is actually very similar to that of Daniel. ข่าวสารของนาฮูมนั้นคล้ายคลึงกับดาเนียล
2:41 Assyria stands in a long line of violent empires throughout history. อัสซีเรีย เป็นจักรวรรดิที่ใช้ความรุนแรงมาตลอดในประวัติศาสตร์
2:46 And Nineveh’s fate is a memorial to God’s commitment to bring down the violent and the arrogant in every age. ชะตากรรมของนีนะเวห์เป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่า พระเจ้าทรงมุ่งที่จะทำลายผู้ที่รุนแรงและยโสในทุกสมัย
2:54 With this perspective from the opening chapter, ด้วยมุมมองดังกล่าวจากบทแรก
2:56 the book then returns to its focus on Assyria. หนังสือก็กลับมาสนใจที่อัสซีเรีย
2:58 And so chapter 2 describes the Battle of Nineveh and the overthrow of the city in progressive stages. บทที่สองบรรยายถึงศึกของนีนะเวห์ และขั้นตอน ภาพของการที่เมืองถูกทำลาย
3:03 So first, we see the front line of Babylonian soldiers. อย่างแรก เราเห็นทัพหน้าของบาบิโลน
3:07 And then we read about the charge of the chariots. แล้วเราก็ได้อ่านเรื่องการจู่โจมโดยรถม้า
3:09 And then the chaos on the city walls as the city is breached. ความวุ่นวายปั่นป่วนที่กำแพงเมืองขณะที่เมืองกำลังจะแตก
3:12 Then the slaughter of Nineveh’s people. Then the plundering of the city. ต่อมาเป็นการสังหารหมู่ชาวเมืองนีนะเวาห์ ตามด้วยการปล้นสะดมเมือง
3:16 Chapter 3 goes on to describe the results of the city’s downfall for the empire as a whole. บทที่สาม  ได้เล่าถึงผลของการล่มสลายของเมือง ซึ่งหมายถึงการล่มของจักรวรรดิอัสซีเรียด้วย
3:21 So Nahum begins by  announcing a woe upon the city นาฮูมเริ่มด้วยการประกาศวิบัติเหนือเมือง
3:25 whose kings built it with the blood of the innocent. เมืองที่กษัตริย์สร้างขึ้นมาจากเลือดเนื้อของคนที่ไร้ความผิด
3:28 It’s an image of how injustice was built into the very system that made Assyria so successful. เป็นภาพของการที่ความ อยุติธรรมที่ฝังรากในระบบการปกครองที่ทำให้อัสซีเรียรุ่งเรือง
ติ3:34 But their violence has sown the seeds of their own destruction, and so Assyria will fall before Babylon. แต่ความรุนแรงนี้เอง เป็นตัวหว่านความหายนะของพวกเขา และทำให้อัสซีเรียล่มสลายก่อนบาบิโลน
3:40 The book concludes with a taunt against the fallen king of Assyria. หนังสือสรุปด้วยการเย้ยหยันกษัตริย์อัสซีเรียที่หมดอำนาจ
3:44 He’s stricken with a fatal wound. ท่านมีบาดแผลฉกรรจ์ถึงตาย
3:46 And from among all the nations, that he once oppressed, no one comes to help him. ไม่มีใครจากประเทศต่างๆ ที่กษัตริย์องค์นี้เคยกดขี่ เข้ามาช่วยเลย
3:51 Rather they sing and celebrate his destruction. ทุกคนต่างร้องเพลงฉลองที่เห็นหายนะของพระองค์
3:55 And that’s how the book ends. หนังสือจบลงอย่างนี้
3:58 Now this is a gloomy book. นี่เป็นหนังสือที่หดหู่..
4:00 But it’s important to see how Nahum’s message addresses แต่สิ่งที่สำคัญคือ ว่านาฮูมได้เน้น
4:03 the tragic and perpetual cycles of human violence and oppression in every age. ความโศกสลด และวัฏจักรของความรุนแรงและการกดขี่ของมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัย
4:08 Human history is filled with tribes and nations elevating themselves ประวัติศาสตร์โลกนี้เต็มด้วยการที่ชนเผ่าและประเทศต่าง ๆ พยายามยกฐานะของตนเอง
4:13 and using violence to take what they want, resulting in the death of the innocent. โดยใช้ความรุนแรงเพื่อขู่เข็ญเอาสิ่งที่ตนต้องการ  ส่งผลให้คนไร้ผิดต้องตาย
4:18 And the book of Nahum uses Assyria and Babylon as examples หนังสือนาฮูมใช้อัสซีเรียและบาบิโลนเป็นตัวอย่าง
4:21 to tell us that God is grieved. เพื่อบอกเราว่า พระเจ้าทรงเสียพระทัย
4:24 And that He cares about the death of the innocent. พระองค์ทรงห่วงใยความตายของคนไร้ผิด
4:26 And that His goodness and His justice compel Him to orchestrate the downfall of oppressive nations. และความดีและความยุติธรรมของพระเจ้า บังคับให้พระองค์จัดการกับประเทศที่กดขี่ข่มเหงประชาชน
4:32 And God’s judgment on evil is good news. การที่พระเจ้าทรงพิพากษาความชั่วนั้น เป็นข่าวดี
4:35 Unless, of course, you happen to be Assyria. ยกเว้นแต่ว่า คุณเป็นอัสซีเรีย
4:38 Which brings us all the way back to the conclusion of that opening poem in chapter 1. ซึ่งนำเรากลับไปสู่ข้อสรุปจากบทกวีในบทที่หนึ่ง
4:42 Which tells us that,  บทกวีบอกเราว่า
4:43 “The Lord is good and a refuge in the day of distress. He cares for those who take refuge in Him.” พระผู้เป็นเจ้าทรงประเสริฐ และทรงเป็นที่ลี้ภัยในวันยากลำบาก  พระองค์ทรงห่วงใยคนที่ลี้ภัยในพระองค์
4:50 And so the little book of Nahum invites every reader หนังสือนาฮูมเล่มสั้น ๆ นี้ ชวนให้ท่านผู้อ่านทุกคน
4:53 to humble themselves before God’s justice. ได้ถ่อมตนลงต่อความยุติธรรมของพระเจ้า
4:56 And to trust that, in His time, He will bring down the oppressors of every time and place. และเชื่อว่า ในเวลาของพระองค์ พระองค์จะทรงจัดการกับผู้กดขี่ไม่ว่าในยุคสมัยใด ที่ใด
5:02 And that’s what the book of Nahum is all about. และนี่คือเนื้อหาของหนังสือนาฮูม