โยนาห์ 3-1

โยนาห์ 3:1-5

และพระเจ้าได้ตรัสกับโยนาห์อีกเป็นครั้งที่สอง “จงลุกขึ้น ไปยังเมืองนีนะเวห์ เมืองยิ่งใหญ่ และประกาศ ร้องบอกสิ่งที่เราบอกเจ้าไปนั้น”
ดังนั้นโยนาห์จึงลุกขึ้น เดินมุ่งหน้าไปยังเมืองนีนะเวห์ตามที่พระเจ้าตรัสสั่ง นีนะเวห์ เป็นเมืองใหญ่มากต้องใช้เวลา 3 วันเดินกว่าจะทั่วเมือง (เมืองนั้นกว้างยาวประมาณ 60 ไมล์)
ส่วนโยนาห์เองก็เริ่มเดินทางเข้าไปในเมือง วันนั้น เขาร้องว่า

“ท่านทั้งหลาย โปรดฟังทางนี้ อีก 40 วัน เมืองนีนะเวห์จะถึงหายนะ!”
เขาพูดอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
น่าแปลกมาก ชาวเมืองนีนะเวห์ฟังเสียงของเขา และพวกเขาก็เชื่อพระเจ้า ประกาศให้ชาวเมืองอดอาหาร ใส่เสื้อผ้ากระสอบเพื่อจะคร่ำครวญ พวกเขาสำนึกในความผิดต่าง ๆ ที่ได้ทำลงไป ชาวเมืองที่มาอดอาหารกันนั้น ตั้งแต่คนชั้นสูงจนถึงคนยากจนค่นแค้นที่สุด

ภาพเขียนโดย กุสตาฟ ดอเร่ (1832-1883)

โยนาห์ ซึ่งเป็นคนที่ดื้อดึงกับพระเจ้า เปลี่ยนนิสัยใจคอไปเสียแล้ว พอพระเจ้าตรัสสั่งเขาอีกครั้ง เขาก็ไม่โอ้เอ้อีก แต่มุ่งหน้าไปยังเมืองนีนะเวห์ทันที
การเดินทางเท้าครั้งนี้ น่าจะนานโขอยู่ เพราะต้องเดินเท้า ใช้เวลานานเท่าไรไม่ทราบ แต่ระหว่างทางนั้น โยนาห์คงมีโอกาสคิดอะไรอีกมากมาย …..
ที่จริง โยนาห์ไม่ใช่คนใหญ่โตอะไรเลย การเดินทางเข้าไปในเมืองนีนะเวห์ครั้งนี้ เปรียบเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง และยังต้องไปประกาศให้คนเหล่านั้นกลับใจใหม่ ไม่ดำเนินชีวิตชั่วร้ายอีกต่อไป คราวนี้เขาจะโดนหินขว้างหรือเปล่านะ?
แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด โยนาห์ร้องบอกให้คนกลับใจ
และผู้คนก็หันมาฟังเขา เมื่อเขาบอกว่า ภัยพิบัติกำลังจะมา ชาวนีนะเวห์ก็กลัว
และเขาก็เชื่อ! นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก โยนาห์ไม่ได้ทำให้เขาเชื่อ แต่พระเจ้าทรงบันดาลใจพวกเขา เมื่อได้ยินข่าวสารจากพระเจ้า เขาก็ถ่อมใจ ไม่ยะโสอีกต่อไป และเชื่อในพระองค์
ทั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะโยนาห์ที่เคยดื้อ เปลี่ยนใจเป็นเชื่อฟังพระเจ้า และทำทุกสิ่งตามที่พระองค์ทรงสั่ง…..