admin
เนหะมีย์ 9-5 ครองคานาอัน
เนหะมีย์ 9:22-25
และพระองค์ได้ประทานอาณาจักรและประชากร และทรงกำหนดให้พวกเขาอยู่ทั่วไป
ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปครอบครองแผ่นดินสิโหน ของราชาเฮชโบน
และแผ่นดินโอก ของราชาบาชาน
พระองค์ได้ทวีจำนวนลูกหลานพวกเขาเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า
และพระองค์ทรงนำพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินที่พระองค์เคยบัญชา
ให้บรรพบุรุษของพวกเขาเข้าไปครอบครอง
ดังนั้น ลูกหลานจึงเข้าไป และครอบครองแผ่นดิน
และพระองค์ทำให้คนที่อยู่ก่อนหน้านั้นตกเป็นรอง
คือเหล่าคนคานาอัน และพระองค์ประทานแผ่นดินนั้นให้
พร้อมกับพระราชา และประชากรในนั้น และให้พวกเขาทำอย่างที่สมควร
และพวกเขาก็ได้ยึดเมืองที่มีป้อม แผ่นดินอันอุดม
และเข้าไปครอบครองบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยสิ่งดี
บ่อน้ำที่ขุดไว้แล้ว สวนองุ่น สวนมะกอก และต้นไม้ผลที่มีมากมาย
พวกเขากินอิ่มและกลายเป็นคนอ้วนท้วน มีความสุขกับสิ่งต่าง ๆ ที่ดีจากพระองค์
เนหะมีย์ 9-4 พระผู้ไม่ละทิ้ง
เนหะมีย 9:16-21
แต่พวกเขาและบรรพบุรุษของเรา ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง และคอแข็ง ไม่ยอมฟังพระบัญชาของพระองค์
พวกเขาปฏิเสธ ไม่ยอมเชื่อฟัง แล้วยังไม่สนใจกับการอัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทำท่ามกลางพวกเขา
แต่กลับทำคอแข็ง และตั้งผู้นำให้ตัวเอง เพื่อพาพวกเขากลับไปอียิปต์
แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่พร้อมจะอภัย
ทรงพระคุณและเมตตานัก
พระองค์ทรงกริ้วช้า และเต็มด้วยความรักมั่นคง
พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งพวกเขา
ทั้งที่พวกเขาได้ทำลูกวัวทองคำขึ้นมา และกล่าวว่า
“นี่เป็นพระเจ้าที่นำพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์”
ได้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจ น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
ด้วยความเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์มิได้ละทิ้งพวกเขาไว้ในถิ่นกันดาร
เสาเมฆ ของพระองค์ยังนำพวกเขาในเวลากลางวัน
เสาไฟที่นำเขาในเวลากลางคืนก็ไม่ได้จากพวกเขาไป
พระองค์ประทานพระวิญญาณเลิศของพระองค์ให้สอนเขา
และมิได้ยับยั้งมานาจากปากของเขา
พระองค์ประทานน้ำให้เขาดื่มเมื่อเขากระหาย
สี่สิบปีที่พระองค์ทรงดูแลรักษาพวกเขาในถิ่นกันดาร
พวกเขาไม่ขาดสิ่งใดเลย
เสื้อผ้าพวกเขาไม่ขาดไม่เก่า และเท้าของพวกเขาก็ไม่บวมช้ำ
เนหะมียห์ 9-3 ครั้งที่อียิปต์
เนหะมีย์ 9:9-12
และพระองค์ทรงเห็นว่า บรรพบุรุษของเราในอียิปต์ ถูกข่มเหง พระองค์ทรงยินเสียงร้องทูลของเขาที่ทะเลแดง
และพระองค์ได้แสดงหมายสำคัญ การอัศจรรย์ ต่อต้านฟาโรห์และข้าราชการ รวมทั้งประชาชนอียิปต์
เพราะพระองค์ทรงทราบว่า พวกเขาได้กระทำตัวต่อต้านบรรพบุรุษของเราอย่างก้าวร้าวดุดัน
และพระองค์ก็ได้สร้างพระนามของพระองค์ เป็นที่นับถือจนถึงวันนี้
และพระองค์ได้แยกน้ำทะเลต่อหน้าพวกเขา
เพื่อว่าพวกเขาได้เดินผ่านพื้นทะเลที่แห้ง
และพระองค์ได้เขวี้ยงผู้ที่ไล่ล่าเขาลงไปในทะเลลึก
ราวกับก้อนหินที่ลงไปยังก้อนน้ำพลังมหาศาล
พระองค์ทรงนำเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ
ทรงนำพวกเขาในเวลากลางคืนด้วยเสาไฟ เพื่อพวกเขาจะรู้ว่า ควรเดินไปอย่างไร
เนหะมีย์ 9-2 พระเจ้าผู้ทรงสร้าง
เนหะมีย์ 9:6-8
พระองค์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า
พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์
ทรงสร้างสวรรค์อันสูงสุด พร้อมกับดวงดาวทั้งปวงในจักรวาล
ทรงสร้างแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งในนั้น
ทรงสร้างทะเล และสรรพสิ่งในน้ำ
และพระองค์ทรงรักษาทั้งหมดนี้ไว้
บรรดาชาวสวรรค์ต่างนมัสการพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า
พระเจ้าผู้ทรงเลือกอับราม และนำเขาออกมาจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย
ประทานนามว่า อับราฮัมให้
พระองค์ทรงพบว่าใจของอับราฮัมนั้นสัตย์ซื่อต่อพระองค์
และได้ทำพันธสัญญากับเขาว่า
จะประทานดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิท ชาวอาโมไรต์ ชาวเปเรซ ชาวเยบุสแลชาวเกอร์กาชให้กับเขา
และพระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเที่ยงธรรม
เนหะมีย์ 9-1 วันที่อดอาหาร
เนหะมีย์ 9:1-5
ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนี้ ประชาชนอิสราเอลได้รวมตัวกัน อดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบ พวกเขาเอาดินใส่หัวตัวเอง
และพวกเขาก็ได้แยกตัวออกจากคนต่างชาติและยืนขึ้น สารภาพบาป และความผิดของบรรพบุรุษ
และพวกเขาได้ยืนขึ้นในที่ของตัวเอง
และอ่านจากหนังสือธรรมบัญญัติสามชั่วโมง
และอีกสามชั่วโมงพวกเขาก็สารภาพบาป และนมัสการพระเจ้าของพวกเขา
บนขั้นบันไดของคนเลวี มีเยชูอา บานี ขัดมีเอล เชบานิยาห์ บุนนี เชเรบิยาห์ บานีและเคนานียืนอยู่
เขาร้องเสียงดังต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขา
จากนั้น คนเลวีคือ เยชูอา ขัดมีเอล บานี เชเรบิยาห์ โฮดิอาห์ เชบานิยาห์ และเปธาหิยาห์ กล่าวว่า
“จงลุกขึ้น และถวายพระพรแด่พระเจ้าของท่านทั้งหลายตั้งแต่นิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล
ถวายพระพรแด่พระนามอันทรงพระสิริของพระองค์ ซึ่งเป็นพระนามสูงส่งเหนือพระพรและคำสรรเสริญใดๆ
เนหะมีย์ 8-4 เทศกาลอยู่เพิง
เนหะมีย์ 8:13-18
วันที่สอง หัวหน้าของตระกูลต่าง ๆ รวมทั้งปุโรหิตและเลวี
ต่างเข้ามารวมตัวกันต่อหน้าเอสรา เพื่อเรียนรู้สิ่งที่อยู่ในพระบัญญัติ
พวกเขาพบว่า มีข้อเขียนของโมเสสถึงอิสราเอลว่า
พวกเขาควรจะอยู่ในเพิงระหว่างเทศกาลเดือนที่เจ็ด
พวกเขาควรประกาศเรื่องนี้ ให้ทุกเมืองและในเยรูซาเล็ม
“จงออกไปตามเนินเขา และนำกิ่งมะกอก มะกอกป่า
และน้ำมันเขียว ใบอินทผลัม และใบไม้ที่ดก เพื่อมาสร้างเป็นเพิงตามที่เขียนไว้”
ดังนั้น ผู้คนจึงออกไปและนำใบไม้ต่าง ๆ มาสร้างเพิงให้ตัวเองบนหลังคาบ้านของตน
บ้างก็สร้างเพิงในลานบ้าน และที่ลานพระวิหารของพระเจ้า
รวมไปถึงลานข้างประตูน้ำ ลานข้างประตูเอฟราอิม
และประชาชนทั้งหมดที่ได้กลับมาจากการเป็นเชลย
จึงได้สร้างเพิง และอาศัยในเพิงนั้น
การทำเช่นนี้ ไม่ได้ทำมาตั้งแต่สมัยของโยชูวาลูกชายของนูน
พวกเขาจึงต่างยินดีกันยิ่งนัก
และแต่ละวัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่อยู่เพิง
เอสราจะอ่าน พระบัญญัติของพระเจ้าให้พวกเขาฟัง
พวกเขาฉลองเทศกาลกัน 7 วัน และในวันที่แปดจึงมีการประชุมเหล่าประชาชนตามที่มีในกฎนั้น
เนหะมีย์ 8-3 ดีใจกับพระวจนะ
เนหะมีย์ 8:9-12
และเนหะมีย์ผู้ว่าราชการ และเอสราผู้เป็นอาจารย์และปุโรหิต
รวมทั้งเลวีที่ช่วยสอนประชาชนนั้น กล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า
“วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์ แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของพวกเจ้า อย่าคร่ำครวญ หรือร่ำไห้”
เพราะคนทั้งหลายได้ร้องไห้เพราะพวกเขาได้ยินพระวจนะของพระเจ้า
แล้วเขากล่าวอีกว่า
“จงไปเถิด ไปกินไขมันและดื่มเหล้าองุ่นหวาน
และส่งอาหารไปให้คนที่ไม่มีอะไรพร้อม วันนี้ เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
และอย่าโศกเศร้าไป เพราะว่า ความยินดีในพระเจ้าเป็นกำลังของพวกเจ้า”
ดังนั้น คนเลวีก็ปลอบใจผู้คน กล่าวว่า
“จงสงบนิ่ง เพราะวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์ อย่าได้โศกเศร้าไปเลย”
และคนทั้งหลายก็ไปหาอาหารกิน ดื่ม ส่งอาหารให้คนอื่น
และต่างพากันยินดีเป็นอันมาก เพราะพวกเขาเข้าใจคำที่ได้ประกาศแก่พวกเขานั้น
เนหะมีย์ 8-2 ผู้ช่วยอธิบาย
เนหะมีย์ 8:5-8
ต่อหน้าประชาชนทั้งปวง เอสราเปิดหนังสือ…
ทุกคนเห็นเพราะว่าเขายืนอยู่สูงกว่าคนอื่น
พอเขาเปิดหนังสือนั้น ทุกคนก็ยืนขึ้น
และเอสราได้ถวายพระพรแด่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ผู้คนตอบว่า “อาเมน อาเมน” โดยยกมือขึ้น
และก้มศีรษะลงถึงดิน นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยังมีคนเลวีที่ช่วยให้ประชาชนได้เข้าใจพระบัญญัติของพระเจ้า
พวกเขาเดินไปหาคนที่ยืนอยู่ เลวีเหล่านี้คือ
เยชูอา บานี เชเรบิยาห์ ยามีน อักขูบ ชับเบธัย โฮดียาห์
มาอาเสอาห์ เคลิทา อาซาริยาห์ โยซาบาด ฮานัน เปไลยาห์
พวกเขาอ่านจากหนังสือ จากพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างกระจ่าง
และเขาก็แปลความหมายให้ด้วย ทำให้ผู้คนเข้าใจสิ่งที่เขาอ่าน
เนหะมีย์ 8-1 อ่านฟัง พระบัญญัติ
เนหะมีย์ 8:1-4
และประชาชนต่างมารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว ที่ลานเมืองหน้าประตูน้ำ
พวกเขาบอกให้เอสราผู้เป็นอาจารย์
นำหนังสือบัญญัติของโมเสสที่พระเจ้าทรงบัญชาแก่อิสราเอลมา
ดังนั้น เอสราจึงนำกฎหมายมาต่อหน้าที่ประชุม
ทั้งชาย หญิง และคนที่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาได้ยิน
ในวันแรกของเดือนที่เจ็ด
และเขาก็ได้อ่านบัญญัตินั้นที่ลานเมือง โดยหันหน้าไปทางประตูน้ำ
เอสราอ่านตั้งแต่เช้าตรู่จนเที่ยงวัน ต่อหน้าชายหญิง และคนที่เข้าใจได้
พวกเขาตั้งใจฟังพระบัญญัติ
เอสราผู้เป็นอาจารย์ยืนอยู่บนแท่นไม้ที่พวกเขาทำขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
คนที่ยืนข้างเอสราทางขวามือคือ มัทธีทิยาห์ เชมา อานายาห์ อุรีอาห์ ฮิลคียาห์ และมาเสอาห์
ส่วนทางซ้ายก็คือ เปดายาห์ มิชาเอล มัลคิยาห์ ฮาชูม ฮัชบัดดานาห์ เศคาริยาห์ และเมชุลลาม
เนหะมีย์ 7-2 ชื่อคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย
เนหะมีย์ 7:5-73
แล้วพระเจ้าของข้า ก็ทรงดลบันดาลใจข้า ให้รวบรวมขุนนางและข้าราชการ
และประชาชน ให้เข้ามาขึ้นทะเบียนสำมะโนครัวเชื้อสายของแต่ละตระกูล
และข้าพบหนังสือสำมะโนครับเชื้อสายของคนที่ได้กลับมาครั้งแรกนั้น
เขียนไว้ว่า
ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของประชาชนที่ได้กลับมาจากการเป็นเชลยครั้งที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้จับตัวไป
พวกเขากลับมายังเยรูซาเล็ม และยูดาห์ โดยกลับไปที่เมืองของตนเอง
พวกเขามากับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ อาซาริยาห์ ราอามิยาห์
นาหะมานี โมรเดคัย บิลชาน มิสเปเรท บิกวัย เนฮูม บาอานาห์
จากนั้นก็เป็นรายการพงศ์พันธ์ุอิสราเอล รวมทั้งจำนวนของแต่ละครอบครัวด้วย
โดยรวมประชาชน ปุโรหิต คนรับใช้ประจำพระวิหาร ข้าราชการของราชาซาโลมอน
ยังมีคนที่ไม่สามารถพิสูจน์ว่าตนเองเป็นคนอิสราเอลหรือไม่ จึงถือว่า เป็นคนธรรมดา
และตัดออกจากความเป็นปุโรหิต
และจะได้รับการพิสูจน์ทีหลังด้วยปุโรหิตที่ปรึกษากับอูริม และทูมมิม
เนหะมีย์นับคนรับใช้ต่าง ๆ นับไปถึงจำนวนของสัตว์เช่นม้า ล่อ อูฐ ลา ด้วย
จากนั้นได้บันทึกการถวายของประชาชน หัวหน้าตระกูล จนเสร็จสมบูรณ์
ในเดือนที่เจ็ด เหล่าคนที่เป็นปุโรหิต เลวี คนเฝ้าประตู นักร้อง ประชาชน ต่างก็อาศัยอยู่ในหัวเมืองของตนเอง
เนหะมีย์ 7-1 จัดยาม
เนหะมีย์ 7:1-4
ดังนั้น เมื่อกำแพงสร้างเสร็จ และข้าก็ได้ติดตั้งประตู
ยังแต่งตั้งหน้าที่ยามประตู นักร้อง และเลวีอย่างเรียบร้อย
ข้าจึงให้น้องชายคือ ฮานานี และอานันยาห์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการป้อม ดูแลนครเยรูซาเล็ม
เนื่องจากว่า เขาเป็นคนที่ซื่อตรงและเป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้ามากกว่าหลายๆ คน
ข้ากล่าวแก่เขาว่า
“อย่าเปิดประตูนครเยรูซาเล็มจนกว่าแดดจะร้อน
และขณะที่มีการเฝ้ายามอยู่นั้น ก็ให้ปิดประตู ลั่นดาลไว้
ให้แต่งตั้งยาม จากชาวเมืองเยรูซาเล็ม
โดยที่บางคนให้ดูแลประจำที่ บางคนก็ดูแลบริเวณใกล้ๆ บ้านของตน
นครนั้น กว้างขวาง แต่มีคนอยู่น้อย และยังไม่มีการสร้างบ้านขึ้นใหม่
เนหะมีย์ 6-3 เบื้องหลังโทบียาห์
เนหะมีย์ 6:15-19
ในที่สุด พวกเขาก็สร้างกำแพงสำเร็จในวันที่ยี่สิบห้า ของเดือนเอลูล
คิดแล้วเป็นเวลา 52 วัน
และเมื่อศัตรูของเราได้ยิน
ประชาชาติต่าง ๆ รอบเราต่างเกิดความกลัว อกสั่นขวัญหายเพราะพวกเขาเห็นว่า
งานนี้สำเร็จได้เพราะพระเจ้าทรงช่วยพวกเรา
ยิ่งกว่านั้น เหล่าผู้ใหญ่ของยูดาห์ได้ส่งจดหมายไปยังโทบียาห์
และโทบียาห์ก็เขียนจดหมายถึงพวกเขา
เนื่องจากว่า มีหลายคนในยูดาห์ได้ร่วมสาบานกับเขา
เพราะเขาเป็นลูกเขยของเชคานิยาห์ลูกชายอาราห์
และเยโฮฮานันลูกชายของเขาก็แต่งงานกับลูกสาวของเมชุลลุมลูกชายของเบเรคิยาห์
ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังกล่าวถึงความดีของโทบียาห์ต่อหน้าข้า และรายงานคำของข้าไปให้เขา
และโทบียาห์ก็ได้ส่งจดหมายมาขู่ข้าด้วย
เนหะมีย์ 6-2 พยากรณ์ข่มขวัญ
เนหะมีย์ 6:10-14
และเมื่อข้าเข้าไปในบ้านของเชไมยาห์ซึ่งเป็นลูกชายของเดไลยาห์ซึ่งก็เป็นลูกชายเมเหทาเบล เขาอยู่แต่ในบ้าน
เขากล่าวว่า
“เราไปพบกันที่พระวิหารของพระเจ้า ภายในพระวิหาร
ให้เราปิดประตูพระวิหารด้วย เพราะว่า พวกเขากำลังมาเพื่อจะสังหารท่าน พวกเขาจะมาฆ่าท่านกลางคืน”
แต่ข้ากล่าวว่า
“จะให้คนอย่างข้าหนีไปหรือ?
และคนอย่างข้าจะเข้าไปในพระวิหารเพื่อให้ชีวิตตัวเองรอดหรือ ไม่มีทางเสียหรอก ข้าจะไม่เข้าไป”
ข้ารู้ดีว่า พระเจ้าไม่ได้ส่งคนนั้นมา
แต่เขาได้กล่าวคำพยากรณ์เพื่อต่อต้านข้า โดยได้รับจ้างจากโทบียาห์และสันบาลลัท
เขาถูกจ้างมาเพื่อจัดการกับข้าด้วยคำพยากรณ์
เขาหวังทำให้ข้ากลัว และทำตามเขา ไปๆมาๆ ก็เป็นการผิดต่อพระเจ้าเพราะหนีเข้าไปในพระวิหาร
จากนั้นเขาก็จะส่งข่าวออกไป ทำให้ข้าเสียชื่อเสียง
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงจำการกระทำของโทบียาห์และสันบาทลัท ทุกอย่างที่เขาทำ และขอพระองค์ทรงจำผู้กล่าวคำหญิงชื่อโนอัดยาห์พร้อมกับผู้กล่าวคำคนอื่น ๆ ที่พยายามทำให้ข้ากลัว
เนหะมีย์ 6-1 จดหมายขู่
เนหะมีย์ 6:1-9
เมื่อสันบาลลัท โทบียาห์ เกเชมชาวอาหรับ และศัตรูคนอื่น ๆ ได้ข่าวว่า ข้าสร้างกำแพง และบัดนี้ไม่มีช่องใด ๆ เหลืออยู่ ตอนนั้นข้ายังไม่ได้ติดตั้งประตู
สันบาลลัทกับเกเชมได้เขียนจดหมายมาหาข้า
กล่าวว่า
“ขอให้ท่านมาเจอกับเราที่หมู่บ้านฮักเคฟิริม ในที่ราบโอโน”
แต่พวกเขาตั้งใจจะทำร้ายข้า
ข้าตอบไปว่า “ข้ากำลังทำงานใหญ่ ไม่สามารถลงมาพบได้
เรื่องอะไรที่งานจะต้องหยุดชะงักเพราะข้าต้องไปพบกับพวกท่าน?”
เขาส่งจดหมายอย่างนี้มาถึง สี่ครั้ง
และในที่สุด สันบาลลัทก็ส่งจดหมายครั้งที่ห้า
เป็นจดหมายเปิด…
ในจดหมายเขียนว่า
“ชนชาติต่าง ๆ รวมทั้งในเกเชมกล่าวว่า ท่านและพวกยิวตั้งใจที่จะกบฎ
ท่านจึงสร้างกำแพงขึ้น และจากรายงานก็บอกด้วยว่า ท่านตั้งใจที่จะยกตัวเป็นกษัตริย์
และท่านเองได้จัดผู้กล่าวคำขึ้นเพื่อประกาศเรื่องของท่านในเยรูซาเล็มว่า มีกษัตริย์อยู่ในยูดาห์”
เรื่องพวกนี้จะต้องถึงพระกรรณของพระราชาแน่นอน ถ้าอย่างนั้น เรามาคุยกันดีกว่า
ข้าจึงส่งจดหมายกลับไปว่า “ไม่มีสิ่งที่ท่านอ้างเกิดขึ้น เพราะท่านกุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเองทั้งนั้น”
พวกเขาต้องการขู่ให้เรากลัว โดยคิดว่า “พวกนั้นจะหยุดทำงาน และงานก็จะไม่สำเร็จ
แต่บัดนี้ ขอองค์พระเจ้าทรงเสริมกำลังแขนของข้าด้วย
เนหะมีย์ 5-3 ผู้ว่าการเนหะมีย์
เนหะมีย์ 5:14-19
ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่วันที่ข้าได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการในแผ่นดินยูดาห์
ตั้งแต่ปีที่ 20 ไปจนถึงปีที่ 32 ของการครองราชย์ของพระราชาอารทาเซอร์ซีสเป็นเวลา 12 ปีนั้น
ทั้งข้าและน้อง ๆ ของข้าก็ไม่ได้กินอาหารส่วนแบ่งของผู้ว่าการเลย
ผู้ว่าการคนอื่นๆ ก่อนข้านั้น ต่างก็เอาภาระหนักให้ประชาชนต้องแบก เอาเงิน 40 เชเขลต่อวัน
ลูกน้องของผู้ว่าเหล่านั้นก็ใช้อำนาจเหนือประชาชน
แต่ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะข้ายำเกรงพระเจ้า
ตัวข้าเองยังมุ่งมั่นทุ่มเทกับการสร้างกำแพง และเราก็ไม่ได้คิดจะครอบครองที่ดิน
คนรับใช้ของข้าก็รวมตัวกันมาเพื่อทำงานนั้น
ยิ่งกว่านั้น บนโต๊ะอาหารมีคนร่วมโต๊ะเสมอ 150 คน
นอกนั้นยังมีคนต่างชาติที่มาหาเราด้วย
แต่ละวันจะต้องจัดหาวัวหนึ่งตัว แกะหกตัว และเป็ดไก่อีก
ทุกสิบวันมีการเตรียมเหล้าองุ่นไว้เป็นจำนวนมาก
ทั้ง ๆ ที่ต้องการขนาดนี้ ข้าไม่เคยเรียกร้องอาหารส่วนของผู้ว่า
เพราะข้ารู้ว่า ถ้าทำอย่างนั้น ประชาชนก็ต้องแบกภาระหนัก
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้า ขอทรงระลึกถึงข้า และสิ่งทั้งปวงที่ข้าได้ทำเพื่อประชากรทั้งหลาย
เนหะมีย์ 5-2 คำสัญญาของเจ้าหนี้
เนหะมีย์ 5:6-13
เมื่อข้าได้ยินคำร้องเหล่านี้ ข้าโกรธมาก
ข้าคิดใคร่ครวญเรื่องนี้ ข้าจึงไปจัดการกับเหล่าคนชั้นสูงและข้าราชการ ข้ากล่าวกับพวกเขาว่า
“พวกท่านได้คิดดอกเบี้ยแบบขูดรีดขูดเนื้อจากพี่น้องของท่านเอง “
ข้าได้เรียกประชุมเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ กล่าวกับเขาว่า
“เท่าที่เราทำมาอย่างดีที่สุด เราได้นำพี่น้องชาวยิวกลับมา
พวกเขาถูกขายไปต่างแดน
แต่บัดนี้ ท่านกลับขายพี่น้องของท่านเพียงเพื่อให้พวกเขาถูกขายคืนมาให้เรา!”
พวกเขานิ่งเงียบอยู่ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ดังนั้นข้าจึงพูดว่า
“ท่านทำไม่ดีเลย ท่านควรที่จะเกรงกลัวพระเจ้า เพื่อว่าศัตรูจะไม่เยาะเย้ยเรามิใช่หรือ?”
ยิ่งกว่านั้น ข้า พี่น้องของข้า และคนรับใช้ก็ได้ให้พวกเขายืมเงินและข้าว
ขอเลิกการให้ยืมเพื่อเอาดอกเบี้ยเถอะ
วันนี้ ขอให้ท่านคืนที่นา สวนองุ่น และสวนมะกอก และบ้านเรือนให้เขา
รวมถึงดอกเบี้ยที่ได้เก็บจากเขาไป ไม่ว่าจะเป็นเงิน ข้าว เหล้าองุ่นหรือน้ำมัน”
พวกเขากล่าวว่า
“ตกลง เราจะคืนให้ และจะไม่เรียกร้องอะไรจากพวกเขา
เราจะทำอย่างที่ท่านบอก”
และข้าก็ได้เชิญปุโรหิตเข้ามาเพื่อให้เขาปฏิญาณว่าจะทำอย่างที่ได้กล่าวไว้
ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้สลัดชายเสื้อคลุมของข้า แล่าวว่า
“สำหรับคนที่ไม่รักษาสัญญา
ขอให้พระเจ้าทรงสลัดพวกเขาออกจากครอบครัว สลัดเขาออกจากทรัพย์สิน
ให้เขาหมดเนื้อหมดตัว!
คนทั้งหมดในที่ประชุมกล่าวว่า “อาเมน”
และต่างสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน
และจากนั้น พวกเขาก็ได้ทำตามที่ตนเองได้สัญญาไว้
เนหะมีย์ 5-1 กลายเป็นทาส
เนหะมีย์ 5:1-5
ตอนนี้ มีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและจากเหล่าภรรยาของพวกเขา เนื่องจากพี่น้องชาวยิว
เพราะมีคนกล่าวว่า
“ในเมื่อเรามีลูกชาย ลูกสาวมาก เราก็ต้องพยายามหาอาหารเพื่อจะประทังชีวิตของเราต่อไป”
ยังมีคนที่กล่าวว่า
“เราได้เอาไร่นา เอาสวน และบ้านของเราไปจำนอง เพื่อเราจะได้มีเมล็ดข้าวในช่วงที่กันดารอาหาร”
“เราได้ยืมเงินมาเพื่อจ่ายภาษีไร่นาและสวนให้กับพระราชา
แม้ว่าเลือดเนื้อของเราก็เป็นเหมือนเลือดเนื้อของพี่น้อง
ลูกของเราก็เป็นเหมือนลูกหลานของเขา
แต่เราต้องยอมให้ลูกชายและลูกสาวของเราไปเป็นทาส
และลูกสาวบางคนก็กลายเป็นทาส โดยที่เราไม่สามารถไถ่ตัวลูกคืนมา
เราทำไม่ได้ เพราะพวกเขาเอาที่ดินของเรา สวนของเราไปเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว”
เนหะมีย์ 4-4 วิธีการทำงาน
เนหะมีย์ 4:15-23
เมื่อศัตรูของเราได้ยินว่า เรารู้เรื่องหมดแล้ว
และพระเจ้าได้ทรงทำลายแผนการร้ายของพวกเขา
เราจึงกลับมาที่กำแพง ตามจุดต่าง ๆ ของพวกเรา
จากวันนั้นมา
คนงานของข้าครึ่งหนึ่งจะเข้าไปทำการก่อสร้าง
และอีกครึ่งก็ถือหอก โล่ ธนู และเสื้อเกราะ
ส่วนคนที่เป็นผู้นำก็จะสนับสนุนคนยูดาห์ ที่กำลังสร้างกำแพง
คนที่รับภาระนั้นก็จะทำงานมือหนึ่ง ถืออาวุธอีกมือหนึ่ง
คนทำงานก่อสร้างแต่ละคน จะมีดาบสะพายข้างๆ ตัวในขณะที่ก่อสร้าง คนที่เป่าแตรก็อยู่ข้างๆ ข้า
และข้ากล่าวแก่คนชั้นสูง และข้าราชการ รวมไปถึงคนทั้งปวงว่า
“งานนี้ก็ใหญ่ และกระจายตัวออกไปมาก
และเราต่างแยกกันไปทำงานตามจุดต่าง ๆ ของกำแพง อยู่กันห่างๆ
เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงแตร ก็ขอให้รีบมารวมตัวที่ตรงนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงต่อสู้เพื่อเรา”
ดังนั้น เราจึงทำงานต่อไป และครึ่งหนึ่งของคน ก็ถือหอกตั้งแต่เช้า จนกระทั่งมืดค่ำ ดาวปรากฏ
และข้าก็ได้กล่าวกับคนที่นั่นว่า
“ขอให้ทุกคนและคนรับใช้ของเขา พักอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มตอนกลางคืน
เพื่อว่าจะได้อยู่ยามให้ตอนกลางคืน และทำงานกันตอนกลางวัน”
ดังนั้น ทั้งข้า และพี่น้อง คนรับใช้ ยามที่ตามข้ามา
ต่างไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ละคนจะถืออาวุธไว้ที่มือขวา
เนหะมีย์ 4-3 ให้กำลังใจ
เนหะมีย์ 4:10-14
ในยูดาห์ มีการพูดกันว่า “คนที่รับภาระนั้นก็เริ่มหมดแรง
เพราะมีกองอิฐ หินมากมาย เราไม่สามารถที่จะสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ได้”
และศัตรูของเรากล่าวว่า
“เขาจะไม่รู้อะไรจนกว่า เรามาอยู่ท่ามกลางเขา และสังหารพวกเขา หยุดงานที่พวกเขาทำ”
ในเวลานั้นเอง คนยิวที่อยู่ใกล้ ๆ ก็มาหาเราจากทุกทิศทุกทาง และกล่าวกับเราถึงสิบครั้งว่า
“ท่านต้องกลับมาหาเรา”
ดังนั้น ในส่วนต่ำที่สุดของหลังกำแพง ซึ่งเป็นที่โล่ง
ข้าจึงจัดประชาชนแบ่งเป็นเผ่า พร้อมกับดาบ หอก และธนู
และเมื่อข้ามองไปและลุกขึ้น และกล่าวแก่คนชั้นสูง
และข้าราชการ รวมทั้งคนทั้งปวงว่า
“อย่ากลัวเขาเลย จงระลึกถึง พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่ากลัว
และสู้เพื่อพี่น้องของท่าน สู้เพื่อลูกชาย ลูกสาว ภรรยา และบ้านของท่าน”