เอเสเคียล 34-4 คำสัญญาสันติสุข

เอเสเคียล 34:25-31

เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติสุขกับพวกเขา
และจะไล่สัตว์ร้ายออกไปจากแผ่นดิน
เพื่อว่า พวกเขาจะได้อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในถิ่นกันดาร
และสามารถนอนในป่าได้อย่างปลอดภัย
เราจะทำให้พวกเขาและสถานที่รอบ ๆ เนินเขาของเราเป็นพระพร

และเราจะส่งฝนลงมาตามฤดูของมัน  จะเป็นฝนแห่งพระพร
ต้นไม้ในทุ่งก็จะออกผลของมัน
แผ่นดินจะเกิดพืชพันธ์ต่างๆ และจะมีความปลอดภัยในแผ่นดินของเขา
และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราทำลายแอกบนบ่าของพวกเขา

และจะกู้พวกเขาจากมือของคนที่จับเขาไปเป็นทาส
พวกเขาจะไม่เป็นเหยื่อของบรรดาประชาชาติต่อไป
สัตว์ร้ายบนแผ่นดินก็จะไม่เขมือบพวกเขาอีกต่อไป
พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย
ไม่มีใครสักคนที่ต้องกลัว
เราจะให้พวกเขามือแผ่นดินทำการเกษตรเพื่อว่า
พวกเขาจะไม่ต้องหิวโหยอีกต่อไป
จะไม่ต้องถูกประชาชาติทั้งหลายดูหมิ่นเยาะเย้ยอีกต่อไป

ไร่มะม่วงทางเหนือของกาลิลี ถ่ายภาพโดย פואד מועדי  /http://commons.wikimedia.org/wiki/
ไร่มะม่วงทางเหนือของกาลิลี ถ่ายภาพโดย פואד מועדי /http://commons.wikimedia.org/wiki/

และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงอยู่กับพวกเขา
และพวกเขา คือวงศ์วานอิสราเอลจะเป็นคนของเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
และเจ้าจะเป็นคนเลี้ยงแกะของเรา
แกะที่เป็นมนุษย์บนผืนหญ้าของเรา
และเราคือพระเจ้าของเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 

เอเสเคียล 34-3 แกะกับแพะ

เอเสเคียล 34:17-24

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“สำหรับเจ้า  ฝูงสัตว์ของเรา  ดูเถิด เราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแพะ
ระหว่างแกะผู้และแพะผู้
ไม่พอหรือที่เจ้าได้กินหญ้าเขียวสด
แล้วเจ้าก็มาเหยียบย่ำทุ่งที่เหลือด้วยเท้าของเจ้า?
ไม่พอหรือที่เจ้าได้ดื่มน้ำใสสะอาด
แต่เล้วเจ้าก็ไปทำให้มันขุ่นด้วยเท้าของเจ้า?
แกะของเราจะต้องกินหญ้าที่พวกเจ้าเหยียบย่ำ
และต้องดื่มน้ำขุ่นด้วยเท้าของเจ้าอย่างนั้นหรือ?

Parable of Sheep and Goats

ดังนั้น  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับพวกเขาว่า
ดูเถิด.. เราเองจะเป็นผู้พิพากษาระหว่างแกะอ้วนและแกะผอม
เพราะเจ้าเอาไหล่ ข้างตัวของเจ้าไถแกะของเรา
เจ้าเอาเขาของเจ้าไล่แกะที่อ่อนแอ จนพวกมันต้องกระจัดกระจายไปทั่ว
เราจะช่วยกู้ฝูงแกะของเรา
พวกมันจะไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป

และเราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ
เราจะให้มีผู้เลี้ยงคนหนึ่ง คือ ดาวิดผู้รับใช้ของเรา

และเขาจะเลี้ยงพวกมัน และเป็นผู้เลี้ยงของพวกมัน
และเรา  องค์พระผู้เป็นเจ้า จะเป็นพระเจ้าของพวกมัน
ผู้รับใช้ของเราคือดาวิดจะเป็นเจ้าชายเหนือพวกมัน
เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า  ได้ตรัสไว้แล้ว”

เอเสเคียล 34-2 เราจะเลี้ยงดู

เอเสเคียล 34:11-16

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ดูเถิด เราเองจะเป็นผู้ตามแกะเหล่านั้น

เราจะตามหาลูกแกะของเราดั่งคนเลี้ยงที่เฝ้าตามหาแกะที่กระจัดกระจายไป
และเราจะช่วยพวกมันจากที่ต่าง ๆ ที่มันต้องกระเจิดกระเจิงไปในวันที่มืดมิดเต็มด้วยเมฆ
และเราจะนำพวกเมันออกมาจากผู้คน
และรวบรวมพวกมันมาจากพื้นที่ต่าง ๆ
และเราจะนำพวกมันกลับไปยังแผ่นดินของมัน
และเราจะเลี้ยงมันบนภูเขาแห่งอิสราเอล
ริมลำธารน้ำ   ในแผ่นดินที่มีคนอาศัย
เราจะเลี้ยงพวกมันด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี
ที่ ๆ พวกมันจะเล็มหญ้าคือบนภูเขาสูงแห่งอิสราเอล
มันจะนอนลงในทุ่งที่อุดม
มันจะกินหญ้าเขียวขจีบนภูเขาสูงแห่งอิสราเอล

merino_sheep_grazing_source-wikimedia-commons
merino_sheep_grazing_source-wikimedia-commons

เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา และเราจะทำให้มันนอนลง
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เราจะตามหาตัวที่หลงหาย และเราจะนำตัวที่พลัดฝูงกลับมา
เราจะพันบาดแผลให้ตัวที่บาดเจ็บ
เราจะทำให้ตัวที่อ่อนแอเข้มแข็งขึ้น
ตัวที่อ้วนและแข็งแรงเราจะทำลายเสีย
เราจะเลี้ยงมันด้วยความยุติธรรม

 

เอเสเคียล 34-1 ต้านผู้เลี้ยงอิสราเอล

เอเสเคียล 34:1-6

คำขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย   จงกล่าวคำต่อต้านผู้เลี้ยงของอิสราเอล
จงกล่าวแก่เหล่าคนเลี้ยงแกะ  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
อา… บรรดาคนเลี้ยงแกะแห่งอิสราเอลที่คอยแต่เลี้ยงตัวเอง
เจ้าควรที่จะเลี้ยงแกะมิใช่หรือ?
เจ้ากินไขมัน  เจ้าสวมเสื้อขนแกะ
เจ้าได้ฆ่าแกะตัวอ้วน ๆ แต่ไม่เลี้ยงดูแกะเลย
ตัวที่อ่อนแอ เจ้าก็ไม่ช่วยให้แข็งแรงขึ้น
ตัวที่ป่วย  เจ้าก็ไม่รักษา
ตัวที่บาดเจ็บ เจ้าก็ไม่ได้พันแผลให้
ตัวที่เตร็ดเตร่ไป เจ้าก็ไม่นำกลับมา
ตัวที่หลงทางเจ้าก็ไม่ตามหา
เจ้าเลี้ยงมันด้วยความโหดร้าย ใจดำ
lost

ดังนั้นมันจึงกระจัดกระจายไป
เพราะว่าไม่มีผู้เลี้ยง
มันกลายเป็นอาหารของสัตว์ป่า
แกะของเรากระเจิดกระเจิงไป
มันเร่ร่อนไปตามเนินเขาและบนภูเขาสูง

ลูกแกะของเรากระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินโลก
โดยไม่มีใครตามหา แสวงหาพวกมันเลย

เอเสเคียล 33-3 ฟังเท่านั้น

เอเสเคียล 33:23-33

พระวจนะของพระเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย คนที่อาศัยอยู่ในที่ร้างแห่งอิสราเอลมักพูดว่า
..อับราฮัมเป็นเพียงมนุษย์คนเดียว  แต่เขายังได้ครอบครองแผ่นดิน
เราซิ เป็นคนจำนวนมาก แผ่นดินนี้ก็ต้องมอบให้เราครอบครอง
ดังนั้น เจ้าจงกล่าวแก่พวกเขาว่า ..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

เจ้าได้กินเนื้อพร้อมกับเลือด และยังเงยหน้ามองรูปเคารพและหลั่งเลือด
เจ้ายังสมควรที่จะได้ครอบครองแผ่นดินอีกหรือ?
เจ้าหวังพึ่งในดาบ เจ้าทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
เจ้าแต่ละคนทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน
เจ้ายังสมควรได้ครอบครองแผ่นดินหรือ?

จงกล่าวแก่พวกเขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น
เพราะเรามีชีวิตอยู่  เหล่าคนที่อยู่ในที่ร้างเหล่านี้จะต้องล้มลงด้วยดาบ
และใครก็ตามที่อยู่ตามทุ่งโล่ง  จะเป็นอาหารของสัตว์ป่า
คนที่อยู่ตามป้อม หรือในถ้ำก็จะตายด้วยโรคระบาด
และเราจะทำให้แผ่นดินนี้ร้างเปล่า กลายเป็นที่ไร้ค่า
เพื่อว่าความยะโสที่เคยมีจะได้จบลงเสียที
ภูเขาทั้งหลายในอิสราเอลจะกลายเป็นที่ร้างซึ่งไม่มีใครเดินทางผ่านเข้ามา

แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราได้ทำให้แผ่นดินร้างเปล่า เป็นที่ไร้ค่า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาได้กระทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน

ezekiel

ส่วนเจ้า ลูกชายของมนุษย์  คนจะซุบซิบเรื่องเจ้าตามกำแพง ตามประตูบ้าน
พูดกับพี่น้องของเขาว่า “มา มาฟังคำที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”
และพวกเขาจะมาหาเจ้า และนั่งต่อหน้าเจ้าเหมือนกับคนของเรา
พวกเขาจะฟังคำของเจ้า แต่จะไม่ทำตาม
เพราะพวกเขาจะกระทำสิ่งที่พวกเขาพูดตามราคะของพวกเขา
ใจของเขาคิดแต่จะได้

และดูเถิด เขามองเจ้าว่า เป็นเหมือนคนที่ร้องเพลงแห่งราคะด้วยเสียงไพเราะ
และเล่นดนตรีอย่างชำนาญ
เพราะพวกเขาจะได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด แต่เขาจะไม่ทำตาม
และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น  มันจะเกิดขึ้นแน่
พวกเขาก็จะสำนึกได้ว่า มีผู้กล่าวคำของพระเจ้าเคยมาอยู่ท่ามกลางพวกเขา

เอเสเคียล 33-2 ทำไมเจ้าต้องมาตาย?

เอเสเคียล 33:10-20
“และเจ้า..ลูกชายของมนุษย์  จงกล่าวแก่วงศ์วานอิสราเอล
เจ้าได้กล่าวว่า .. แน่นอนที่การกล่วงละเมิดและความบาปของเราก็ตกอยู่กับเรา
และเราก็ถูกกัดกร่อนไปเพราะบาปเหล่านั้น
แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร?..
เจ้าจงกล่าวกับพวกเขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า
เพราะเรามีชีวิตอยู่ เราไม่ได้มีความพอใจในความตายของคนชั่ว
แต่เราพอใจที่เขาจะหันจากทางแห่งความชั่วและมีชีวิต
จงหันกลับมา  หันกลับมาจากทางชั่วของเจ้า
ทำไมเจ้าจะต้องมาตายเล่า วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย?”

just

“และเจ้า ลูกชายของมนุษย์ จงกล่าว
ความชอบธรรมของคนชอบธรรมจะไม่ช่วยเขาเวลาเขาล่วงละเมิด
และความชั่วร้ายของคนชั่วนั้น
เขาจะไม่ล้มลงหากว่าเขาหันจากความชั่วร้ายของเขา
คนชอบธรรมไม่สามารถอยู่ได้ด้วยความชอบธรรมของเขา เมื่อเขาทำบาป

แม้ว่าเราจะกล่าวกับคนชอบธรรมว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้
แต่หากเขาเชื่อในความดีของเขา แล้วหันไปทำความอยุติธรรม
ก็จะไม่มีก่ีจดจำถึงความชอบธรรมของเขาเลย
แต่เขาจะต้องตายเพราะการอยุติธรรมของเขา

และเช่นกัน แม้ว่าเราจะกล่าวกับคนชั่วว่า “เจ้าต้องตายแน่”
แต่หากเขาหันจากความบาป และทำสิ่งที่ยุติธรรม ถูกต้อง
หากคนชั่วได้ชดใช้  และคืนสิ่งที่เขาได้ขโมยมา และเดินในทางที่ถูกต้อง
ไม่ทำการอยุติธรรม เขาก็จะมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ตาย
ความบาปที่เขาได้ทำจะไม่ถูกนำมาใช้ลงโทษเขา
เมื่อเขาได้ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง เขาจะมีชีวิตอยู่

“แต่คนของเจ้ายังกล่าวว่า ..หนทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
ในขณะที่ทางของพวกเขานั่นแหละที่ไม่ยุติธรรม

เมื่อคนชอบธรรมหันจากความชอบธรรมของเขาและกระทำการอยุติธรรม
เขาจะต้องตายเพราะมัน
และเมื่อคนชั่วหันจากความชั่วของเขา และกระทำสิ่งที่ชอบธรรม ถูกต้อง
เขาก็จะมีชีวิต
แต่เจ้าก็ยังกล่าวว่า ..ทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
โอ วงศ์วานอิสราเอล เราจะพิพากษาเจ้าแต่ละคน ตามทางที่เจ้าเดิน

เอเสเคียล 33-1 ยามแห่งอิสราเอล

เอเสเคียล 33:1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามายังข้า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวแก่คนของเจ้า กล่าวว่า
หากเรานำดาบมายังแผ่นดิน
และประชาชนในแผ่นดินนั้น นำชายคนหนึ่งมาจากท่ามกลางพวกเขา
และทำให้ชายคนนั้นเป็นยามแห่งแผ่นดิน
และหากเขาเห็นดาบกำลังมุ่งหน้ามายังแผ่นดิน
แล้วเขาก็เป่าแตร และเตือนประชาชน
ดังนั้น ใครที่ได้ยินเสียงเตือนของแตร
และไม่ได้สนใจคำเตือนนั้น
ดาบก็จะมาถึงและนำเขาออกไป
เลือดของเขาจะตกบนหัวของเขาเอง

shofar
เขาได้ยินเสียงของแตร แต่ไม่ได้สนใจคำเตือน
เลือดของเขาจะตกอยู่บนเขา
แต่หากเขาได้รับคำเตือน เขาก็จะช่วยชีวิตตนเองไว้ได้

แต่หากยามได้เห็นดาบมา
แล้วไม่ได้เป่าแตรเตือน ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการเตือน
ดาบก็มา และสังหารพวกเขาทุกคน
คนนั้นจะถูกนำออกไปด้วยความบาปผิดของเขา
แต่เลือดนั้นเราจะมาทวงเอาจากมือของยามเฝ้าแผ่นดิน

ดังนั้น  ลูกชายของมนุษย์
เราได้ทำให้เจ้าเป็นยามแห่งวงศ์วานอิสราเอล
เมื่อใดที่เจ้าได้ยเนเสียงจากปากของเรา
เจ้าก็จะให้คำเตือนสติจากเรา

หากเรากล่าวแก่คนชั่วว่า โอคนชั่วร้าย เจ้าจะต้องตายแน่นอน
แล้วเจ้าไม่เตือนให้พวกเขาหันจากทางชั่วนั้น
เขาคนนั้น ก็จะตายเพราะความบาปของตน
แต่เลือดของเขาเราจะมาทวงเอาจากมือของเจ้า

แต่หากเจ้าได้เตือนให้คนชั่วหันจากทางของเขา
และเขาไม่ได้หันจากทางนั้น
เขาจะต้องตายในความบาปของเขา
แต่เจ้าจะได้ทำให้ตนเองรอด

 

เอเสเคียล 32-4 สภาพของผู้แพ้

เอเสเคียล 32:24-32

เอลามก็อยู่นั่น รวมทั้งมวลชนทั้งหมดอยู่รอบ ๆ หลุมฝังศพของเขา
ทุกคนถูกสังหารด้วยดาบ พวกเขาลงไปในโลกเบื้องล่าง

ไปอยู่กับคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต คนที่ทำให้แผ่นดินคนเป็นต้องหวาดหวั่น
และพวกเขาต้องแบกรับความอายพร้อมกับคนที่ลงไปในหลุมนั้น

พวกเขาทำให้เธอนอนลงท่ามกลางคนที่ถูกสังหาร และมวลชนทั้งหลาย
พวกเขาอยู่รอบ ๆ มีหลุมศพอยู่รอบ ๆ   เหล่าคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและถูกสังหารด้วยดาบ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาทำให้แผ่นดินของคนเป็นต้องหวาดหวั่น
พวกเขาถูกกำหนดให้อยู่กับพวกที่ถูกสังหาร

เมเชลกับทูบัลก็อยู่ที่นั่น พร้อมกับมวลชนของเขา
หลุมศพอยู่รอบ ๆ พวกเขา  ทุกคนไม่ได้เข้าสุหนัต
และถูกสังหารด้วยดาบ
พวกเขาสร้างความหวาดกลัวให้แก่แผ่นดินของคนเป็น

พวกเขาไม่ได้นอนอยู่กับคนที่ทรงพลัง
คือคนที่ล้มลงท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
เขาลงไปในแดนคนตายพร้อมกับอาวุธสงครามของพวกเขา
ดาบนั้นถูกวางไว้ใต้หัวของพวกเขา
และความบาปผิดก็อยู่ในกระดูกของพวกเขา
เพราะว่าแผ่นดินของคนเป็นต่างหวาดกลัวคนทรงพลังเหล่านี้

แต่สำหรับเจ้า เจ้าจะแตกหักและนอนท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
พร้อมกับคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ

 

เอโดมอยู่ตรงนี้ พร้อมกับราชาและเจ้าชายทั้งหลาย
พวกเขาก็ถูกวางไว้กับคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ แม้ว่าจะมีอำนาจมาก
พวกเขานอนกับคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต กับคนที่ลงไปในหลุมลึก

เจ้าชายทางเหนืออยู่ที่นั่น  ทุกพระองค์
รวมทั้งคนไซดอนที่ลงไปด้วยความอับอายพร้อมกับคนที่ถูกสังหาร
เพราะความหวาดหวั่นที่พวกเขาทำให้เกิดขึ้นเพราะความเก่งกาจของพวกเขา

พวกเขานอนลงไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เข้าสุหนัต
พร้อมกับคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ และต้องมารับความอาย
พร้อมกับคนที่ลงไปในหลุมนั้น
เมื่อฟาโรห์เห็นเขาเหล่านั้น  เขาจะได้รับคำปลอบใจจากมวลชนของเขา
ฟาโรห์พร้อมกับกองทัพหลวง ถูกสังหารด้วยดาบ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

fire-flames-yellow-orangeเพราะเราได้หว่านความกลัวลงไปในแผ่นดินของคนเป็น
และเขาจะถูกวางไว้ท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
คนที่ถูกสังหารด้วยดาบ
ทั้งฟาโรห์และประชากรของเขา …
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 32-3 อาลัยอียิปต์

เอเสเคียล 32:17-22

ในปีที่สิบสอง เดือนที่สิบสอง วันที่สิบห้า
พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย จงร้องคร่ำครวญเพื่อมวลชนมากมายของอียิปต์
จงส่งพวกเขาลงไป ทั้งตัวเขาและลูกสาวของประชาชาติที่สง่างาม
ส่งพวกเขาลงไปยังโลกเบื้องล่าง
ไปอยู่กับคนที่ได้ลงไปก่อนหน้านั้น

..เจ้าสวยงามกว่าใครหรือ?
จงลงไปนอนพักกับคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต..
พวกเขาจะตกลงไปอยู่กับคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ
อียิปต์จะถูกส่งไปให้ดาบ จะถูกลากไปพร้อมกับมวลชนอียิปต์
หัวหน้าผู้ที่ทรงพลังพร้อมกับผู้ช่วยของเขาจะพูดถึงอียิปต์
จากที่ลึกของแดนคนตายว่า
..พวกเขามาแล้ว พวกเขานิ่งอยู่ เหล่าคนที่ไม่เข้าสุหนัต ถูกสังหารด้วยดาบ..
images

“อัสซีเรียอยู่ที่นั่น พร้อมกับพวกของเขา หลุมศพของเขาก็อยู่รอบ ๆ
ทุกคนถูกสังหาร ล้มลงด้วยดาบ
หลุมศพของเขาอยู่ที่ไกลมากในหลุมนั้น
คนของพวกเขาก็อยู่รอบ ๆ หลุมศพของเขา
ทุกคนถูกสังหาร ล้มลงด้วยดาบ
คนเหล่านี้เคยทำให้แผ่นดินของคนเป็นต้องหวาดกลัว

เอเสเคียล 32-2 อียิปต์ที่ร้างเปล่า

เอเสเคียล 32:9-16

เราจะทำให้หลายคนทุกข์ใจ
เมื่อเรานำความหายนะของเจ้าไปยังประชาชาติทั้งหลาย
ไปยังประเทศที่เจ้าไม่รู้จักมาก่อน
เราจะทำให้คนเป็นจำนวนมากเห็นเจ้าแล้วก็ตกใจ
และ กษัตริย์ทั้งหลายจะขนหัวลุกเพราะความหวาดกลัวเนื่องจากเจ้า
เมื่อเราจะแกว่งดาบของเราเหหนือเขา
ในวันที่เจ้าพินาศนั้น พวกเขาจะตัวสั่นตลอดเวลา เพราะห่วงชีวิตของตนเอง

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ดาบของกษัตริย์แห่งบาบิโลนจะมาเหนือเจ้า
เราจะทำให้คนของเจ้าเป็นจำนวนมากล้มลงด้วยดาบของผู้มีอำนาจ
พวกเขาต่างเป็นประชาชาติที่โหดเหี้ยมยิ่ง

พวกเขาจะทำให้ความยะโสของอียิปต์ต้องพินาศไป
ประชากรของอียิปต์ก็จะย่อยยับตามไปด้วย
เราจะทำลายสัตว์ของพวกเขา จากริมน้ำมากหลาย
จะไม่มีเท้าของมนุษย์คนใดมาก่อกวนน้ำนั้นได้อีก
จะไม่มีกีบของสัตว์ใดมากล้ำกราย

ภาพจาก www.virtualtourist.com
ภาพจาก www.virtualtourist.com

แล้วจากนั้นเราจะทำให้น้ำใสสะอาด
และทำให้แม่น้ำไหลราวกับน้ำมัน
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เมื่อเราทำให้ดินแดนของอียิปต์ร้างเปล่า
และเมื่อทุกอย่างที่เคยมีนั้น สูญไป
เมื่อเราทำลายล้างคนที่อยู่ในนั้น
เมื่อนั้น พวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

นี่เป็นบทคร่ำครวญที่คนจะร้องเพื่ออียิปต์
ลูกสาวของชาติต่าง ๆ จะร้องให้อียิปต์ และกองกำลังของพวกเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าชีวิตตรัสเช่นนั้น

เอเสเคียล 32-1 คร่ำครวญเพื่อฟาโรห์

เอเสเคียล 32:1-8

ในปีที่สิบสอง เดือนสิบสอง วันที่หนึ่งของเดือน
พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย จงคร่ำครวญเพื่อฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์ กล่าวแก่เขาว่า
..ท่านมองว่า ตนเองเป็นดั่งสิงโตเจ้าป่าแห่งประชาชาติทั้งหลาย
แต่ท่านเป็นเหมือนมังกรในทะเล
ท่านโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำของท่าน
ทำให้น้ำปั่นป่วนด้วยเท่าของท่าน
ทำให้น้ำในแม่น้ำต้องขุ่นกันไปทั่ว

mungkon

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
..เราจะโยนอวนของเรามาคลุมเจ้าไว้
พร้อมกับคนเป็นจำนวนมาก
และเขาจะลากเจ้าขึ้นมาด้วยอวนของเรา
และเราจะเขวี้ยงเจ้าลงบนพื้นดิน
เราจะเหวี่ยงเจ้าลงบนทุ่งโล่ง
เราจะทำให้นำในอากาศมาทำรังบนเจ้า
และเราจะให้สัตว์ร้ายทั้งหลายในโลกกินเจ้าจนอิ่มหนำ

เราจะสับเนื้อของเจ้าโปรยลงไปบนภูเขาต่างๆ
และทำให้หุบเขาเต็มด้วยซากของเจ้า
เราจะทำให้แผ่นดินและภูเขาเนืองนองไปด้วยเลือดของเจ้า
และเนื้อของเจ้าจะอยู่เต็มลำธาร

เมื่อเราทำให้เจ้าสาบสูญไปนั้น เราจะปกคลุมสวรรค์
และทำให้ดวงดาวมืดไป
เราจะปกคลุมดวงอาทิตย์ด้วยเมฆ
และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง
แสงระยิบระยับบนท้องฟ้าจะมืดไปสำหรับเจ้า
และแผ่นดินของเจ้าจะเต็มด้วยความมืด..
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 

เอเสเคียล 31-3 ที่กล่าวมานี้ คือฟาโรห์

เอเสเคียล 31:15-18

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

ในวันที่ต้นสีดาร์ลงไปยังแดนคนตาย เราให้เกิดการคร่ำครวญไว้ทุกข์
เราจะให้ที่ลึกปกคลุมมันไว้ จะยับยั้งสายน้ำ
ก้อนน้ำจำนวนมหาศาลจะถูกหยุด
เราคลุมเลบานอนด้วยความโศกเศร้าเพื่อมัน
เพราะมัน ต้นไม้ในทุ่งต่างเหี่ยวแห้งไป

ภาพ   The Fall of the Damned  โดย  Peter Paul Rubens
ภาพ The Fall of the Damned โดย Peter Paul Rubens

เราทำให้ประชาชาติต้องสั่นสะเทือนเพราะเสียงล้มลงของมัน
เมื่อเราเขวี้ยงมันลงไปที่แดนคนตาย
เหล่าต้นไม้ในอีเดน
พืชพันธุ์ที่ดีที่สุดในเลบานอนจะได้น้ำ
และจะได้รับการปลอบประโลมใจในโลกเบื้องล่างนั้น

พวกมันก็ลงไปในแดนคนตายกับมัน ไปยังคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ
ใช่….คนที่เป็นแขนขาของมัน
เหล่าคนที่ อาศัยอยู่ใต้ร่มเงาท่ามกลางชนชาติต่าง ๆ

เจ้าเป็นเหมือนใคร..ในความตระการ ในความยิ่งใหญ่ท่ามกลางพันธุ์ไม้แห่งอีเดน
เจ้าจะถูกนำลงไปยังโลกเบื้องล่าง พร้อมกับต้นไม้ทั้งหลายในอีเดน
เจ้าจะนอนอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
พร้อมกับเหล่าคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ

ที่กล่าวมานี้ คือฟาโรห์และประชากรทั้งหมดของเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 

เอเสเคียล 31-2 อียิปต์ล่ม

เอเสเคียล 31:10-14

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เพราะมันสูง และชูยอดของมันสูงเสียดเมฆ
ใจของมันเย่อหยิ่งเพราะความสูงของมัน
เราจะมอบมันไว้ให้กับผู้ที่ยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติทั้งปวง
เขาจะจัดการตามความโหดร้ายของมัน

toncedar2
เราได้โยนมันออกไปแล้ว
คนต่างชาติ ซึ่งเป็นประเทศที่โหดเหี้ยมกว่าใคร ได้ตัดมันลงและทิ้งมันไป
กิ่งของมันตกลงบนภูเขา และตามหุบเขา
ก้านของมันก็หักอยู่ตามห้วยน้ำของแผ่นดิน
และคนทั้งหลายก็จะไปจากร่มเงาของมัน ทิ้งมันเว้

นกในอากาศได้อาศัยอยู่ตามลำต้นที่หักโค่นลงมา
สัตว์ป่าทั้งหลายก็อาศัยอยู่ตามลำกิ่งก้านของมันด้วย

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อว่า ต้นที่อยู่ริมน้ำจะไม่สามารถเติบโตขึ้นมาจนสูงเสียดเมฆ
เพื่อว่าต้นที่ได้น้ำจะไม่สูงเกินไป
เพราะทั้งหมดจะต้องตาย ลงไปยังเบื้องล่างของแผ่นดินโลก
ท่ามกลางลูกหลานของมนุษย์ พร้อมกับคนที่ลงไปยังหลุมลึก

 

เอเสเคียล 31-1 ความงามของอียิปต์

เอเสเคียล 31:1-9

ในปีที่สิบเอ็ด เดือนที่สาม ในวันแรกของเดือน
พระคำของพระเจ้ามายังข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวแก่ฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์ และคนของเขาว่า

..ในความยิ่งใหญ่ของท่าน ท่านเป็นเหมือนใคร?
ดูเถิด อัสซีเรีย เป็นดั่งสีดาร์แห่งเลบานอน
มีกิ่งก้านที่งดงาม และร่มเงาเหมือนป่าไม้
สูงส่งดั่งหอคอย  เทียมเมฆ
น้ำก็หล่อเลี้ยงมัน  ความลึกทำให้มันสูงขึ้น
ทำให้น้ำในแม่น้ำไหลรอบ ๆ ที่ปลูกมันไว้
และส่งสายน้ำออกไปให้กับต้นไม้ในทุ่งทั้งหมด
ดังนั้นมันสูงเหนือต้นไม้ทุกต้นในทุ่งนั้น
กิ่งของใหม่ใหญ่ขึ้น ก้านของมันก็ยาวขึ้น
เพราะน้ำที่มาเลี้ยงมันtonCedar Tree

นกทั้งหลายจากท้องฟ้าก็สร้างรังบนกิ่งของมัน
ใต้กิ่งก้านสาขานั้นก็มีเหล่าสัตว์ในทุ่งมาออกลูกหลาน
ใต้ร่มเงานั้นก็มีประเทศที่ยิ่งใหญ่หลายประเทศ
ความยิ่งใหญ่ของมันนั้นงดงาม เพราะความยาวของกิ่งก้าน
รากของมันก็หยั่งลึกลงไป ยังสายน้ำเต็ม

ต้นสีดาร์ในสวนของพระเจ้ายังสู้มันไม่ได้
หรือต้นสนสามใบก็ยังไม่เท่าก้านของมัน
ต้นปอเองก็เทียบมันไม่ได้
ไม่มีต้นไม้ใดในสวนของพระเจ้าที่มีความงามเทียบเท่ามัน

เราทำให้มันงดงามด้วยกิ่งก้านมากมายของมัน
ต้นไม้ทั้งหลายในเอเดน สวนของพระเจ้าต่างอิจฉามัน

เอเสเคียล 30-4 ตกเป็นของบาบิโลน

เอเสเคียล 30:20-26

ในปีที่สิบเอ็ด เดือนแรก วันที่เจ็ดของเดือน
พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย เราได้หักแขนของฟาโรห์
กษัตริย์แห่งอียิปต์ และดูเถิด แขนยังไม่ได้รับการดูแล
ไม่ได้มีการพันบาดแผลเพื่อจะช่วยให้แขนนั้นสามารถยกดาบขึ้นมาได้อีก

Pharaohs Chariots Image by Flickr User Nick Thompson, CC License = Attribution, Noncommercial, Share Alike
Pharaohs Chariots Image by Flickr User Nick Thompson, CC License = Attribution, Noncommercial, Share Alike

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสดังนี้
ดูเถิด.. เราต่อสู้กับฟาโรห์ กษัตริย์แห่งอียิปต์ และเราจะหักแขนของเขา
ทั้งแขนที่ยังแข็งแรงอยู่ และแขนที่หักอยู่ด้วย
และเราจะทำให้ดาบหล่นจากมือของเขา
เราจะทำให้คนอียิปต์ กระจัดกระจายไปตามประเทศต่าง ๆ
ทำให้พวกเขาระหกระเหินไปตามที่ต่าง ๆ
และเราจะทำให้แขนของกษัตริย์แห่งบาบิโลนเข้มแข็งขึ้น
เราจะเอาดาบของเราใส่มือเขา
แต่เราจะหักแขนของฟาโรห์
เขาจะร้องครวญครางต่อหน้ากษัตริย์แห่งบาบิโลน
เหมือนกับคนที่บาดเจ็บอย่างหนัก

เราจะทำให้แขนของฟาโรห์เข้มแข็ง
แต่แขนของฟาโรห์จะหมดแรงไป
และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราเอาดาบของเราใส่มือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน
และเขาก็ยื่นมือออกทำลายแผ่นดินอียิปต์
และเราจะทำให้คนอียิปต์กระจัดกระจายไปตามประเทศต่าง ๆ
ตามพื้นที่ต่างๆ ของประเทศเหล่านั้น
แล้วเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 30-3 การทำลายล้างอียิปต์

เอเสเคียล  30:13-19

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เราจะทำลายเทวรูปทั้งหลาย และทำให้รูปแห่งเมมฟิสสิ้นสุดลง
จะไม่มีเจ้าชายจากแผ่นดินอียิปต์อีกต่อไป
เราจะทำให้ท้้งแผ่นดินเกิดความกลัว
เราจะทำให้เมืองปัทโรสร้างเปล่า
และเผาเมืองโศอันเสีย
เราจะพิพากษาลงโทษเมืองเธเบส
เราจะเผาอียิปต์  เมืองเปรูเซียมจะอยู่ในความทรมานยิ่ง
เมืองเธเบสจะถูกก่อกวน
และเมือง เมมฟิสจะต้องเผชิญกับศัตรูกลางวันแสกๆ

thebeseige

เหล่าคนหนุ่มของเมืองออน และเมืองไพ เบเซทจะล้มลงเพราะดาบ
พวกผู้หยิงจะถูกจับไปเป็นเชลย
กลางวันที่เมืองเทปานเหสจะกลายเป็นมืดมิด
เมื่อเราทำลายแอกของอียิปต์
และความเย่อหยิ่งในอำนาจก็จะสิ้นสุดลง
อียิปต์จะถูกปกคลุมด้วยเมฆ
ลูกสาวของเธอจะถูกจับเป็นเชลย
ดังนั้น เราจะพิพากษาอียิหต์
แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 30-2 คร่ำครวญเพื่ออียิปต์

เอเสเคียล 30:6-12

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
คนที่สนับสนุนอียิปต์จะล้มลง
และความเย่อหยิ่งในอำนาจก็จะหล่นลงมา
จากมิกโดลไปถึง สิเอเน
พวกเขาจะล้มลงภายในอียิปต์ด้วยดาบ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

Men_fighting2_0

และอียิปต์จะกลายเป็นที่ร้าง ท่ามกลางประชาชาติที่ร้างเปล่า
และเมืองต่าง ๆ ก็จะอยู่ท่ามกลางเมืองที่ถูกทิ้งให้ร้างไป
และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราจุดไฟให้อียิปต์
และเหล่าคนที่ช่วยอียิปต์ต่างก็แตกสลาย
ในวันนั้น จะมีผู้ส่งข่าวจากเราเดินทางเรือ
เพื่อให้คนชาวคุชตกใจ และพวกเขาจะระทมยิ่งนัก
ในวันที่เวลาแห่งเคราะห์กรรมของอียิปต์มาถึง
เพราะดูเถิด วันนั้นจะมาถึงจริง ๆ

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เราจะทำให้ประชากรของอียิปต์สิ้นสุดไปด้วยน้ำมือของ
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน

ตัวเขาและคนของเขานั้น เป็นชนชาติที่ทารุณโหดร้ายที่สุด
ในบรรดาประชาชาติทั้งหลาย
เขาจะถูกนำมาเพื่อจะได้ทำลายแผ่นดินนั้น
พวกเขาจะใช้ดาบต่อสู้กับอียิปต์​
ทำให้แผ่นดินนั้นเต็มด้วยศพของคนที่ถูกสังหาร
เราจะทำให้แม่น้ำไนล์แห้งเหือดไป
เราจะขายแผ่นดินให้กับคนชั่วร้าย
ทำให้แผ่นดินและสารพัดที่อยู่ในนั้น ร้างเปล่าไป
โดยน้ำมือของคนต่างแดน
เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้กล่าวไว้แล้ว

 

 

เอเสเคียล 30-1 วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 30:1-5

พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
จงกล่าวคำของเรา ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้

“จงคร่ำครวญ  โธ่เอ๋ยวันนั้น
เพราะวันนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้ว
วันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาใกล้
เป็นวันแห่งเมฆหมอก

ภาพจาก http://tenpatenpa.wordpress.com/
ภาพจาก http://tenpatenpa.wordpress.com/

เป็นวันของเคราะห์กรรมแห่งประชาชาติ
ดาบจะมายังอียิปต์
ความทุกข์ทนจะมายังคูช
เมื่อเหล่าคนที่ถูกฆ่าต้องล้มลงในอียิปต์

และความมั่งคั่งของเธอนั้น ถูกขนออกไป
รากฐานก็ถูกรื้อถอนเสียแล้ว
คูช และพูต   ลูดและอาระเบียทั้งสิ้น
และลิเบีย และคนในแผ่นดินที่อยู่ในสนธิสัญญา
จะต้องล้มไปพร้อม ๆ กันด้วยดาบ

 

 

เอเสเคียล 29-4 ค่าแรงของเนบูคัดเนสซาร์

เอเสเคียล 29:17-21

ในปีที่ยี่สิบเจ็ด เดือนแรก วันแรกของเดือน
พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึง

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ได้นำกองทัพบุกเมืองไทระอย่างหนัก
ทุกคนถูกโกนหัวล้าน
และทุกหัวไหล่ถลอกปอกเปิก
แต่บาบิโลนกลับไม่ได้อะไรตอบแทนจากไทระ
เพื่อค่าแรงงานในการเข้ามาบุกเมืองนี้

armyภาพจากhttp://www.heritage-history.com/books/church/storieseast/zpage248.gif

 

 

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
.. ดูเถิด​ เราจะมอบแผ่นดินอียิปต์ให้แก่บาบิโลน
และเขาจะนำเอาความมั่งคั่งของอียิปต์ไป
เขาจะปล้นทร้พย์ จะริบของไปด้วย
นั่นจะเป็นค่าจ้างสำหรับกองทัพของเขา

เราได้มอบแผ่นดินอียิปต์ให้กับเขาเป็นค่าแรงที่เขาได้ลงแรงไป
เพราะเขาได้ทำงานเพื่อเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

ในวันนั้น เราจะเขาสัตว์งอกขึ้นมาเพื่อวงศ์วานอิสราเอล
และเราจะเปิดปากเจ้า ให้พูดกับเขาทั้งหลาย
เพื่อเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

 

 

 

 

เอเสเคียล 29-3 อนาคตอียิปต์

เอเสเคียล 29:13-16

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
เมื่อสิ้นสุดปีที่สี่สิบ
เราจะรวบรวมคนอียิปต์จากแผ่นดินที่พวกเขากระจัดกระจายไปอาศัยอยู่
และเราจะรื้อฟื้นความสมบูรณ์ของอียิปต์
นำพวกเขากลับมายังแผ่นดินปัทโรส
ซึ่งเป็นแผ่นดินต้นกำเนิดของพวกเขา

egypt - map
และพวกเขาจะเป็นอาณาจักรที่ต่ำต้อย
เป็นอาณาจักรที่ต่ำต้อยที่สุด และจะไม่สามารถเผยอตัวขึ้นมาได้
และเราจะทำให้เขาเป็นประเทศเล็ก
ที่ไม่สามารถไปครอบครองใครได้อีก
จะไม่เป็นที่ไว้วางใจของวงศ์วานอิสราเอลอีกต่อไป
ทำให้พวกเขาสำนึกถึงความผิดบาปของตน
เมื่อหันไปพึ่งพาอียิปต์
และเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า