เอเสเคียล 20-2 เพื่อเห็นแก่นามของเรา

เอเสเคียล 20:8ข-17

และเรากล่าวว่า เราจะระบายความโกรธของเราเหนือเขา
และจะต่อสู้กับเขาด้วยความโกรธในแผ่นดินอียิปต์จนกว่าโกรธของเราจะมอดลงไป
แต่เราได้กระทำสิ่งที่เห็นแก่นามของเรา
เพื่อว่านามนั้นจะไม่เป็นมลทินในสายตาของเหล่าประชาชาติ  ในแผ่นดินที่คนของเราเข้าไปอยู่
เราจึงทำให้คนต่างชาติเหล่านั้นรู้จักเรา ด้วยการนำคนของเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

ดังนั้น เรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และนำพวกเขาเข้าไปในถิ่นกันดาร
เราได้ให้กฎเกณฑ์ของเราแก่พวกเขา
ทำให้พวกเขารู้จักข้อบังคับของเรา
ซึ่งใครก็ตามที่ทำตามนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ได้
ยิ่งกว่านั้น  เราได้ให้สะบาโตแห่งพวกเขา
เป็นสัญลักษณ์ระหว่างเรากับเขา
เพื่อเขาจะได้รู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชำระเขาให้บริสุทธิ์

Gathering Manna Exodus 16:14-31

แต่วงศ์วานอิสราเอลกลับดื้อดึงต่อเราในถิ่นกันดาร
พวกเขาไม่เดินตามกฎเกณฑ์ของเรา แต่ปฏิเสธกฎเหล่านั้น
ซึ่งเราบอกแล้วว่า หากเขาทำตาม เขาจะมีชีวิต
แล้ววันสะบาโตของเราก็ยังถูกเหยียดหยามอีกด้วย

 

แล้วเราจึงกล่าวว่า เราจะเทความโกรธของเราลงในถิ่นกันดาร
เพื่อจะทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไป
แต่เราก็กระทำเพื่อเห็นแก่นามของเรา เพื่อว่าจะไม่เป็นมลทินในสายตาของประชาชาติ
ที่ได้เห็นเรานำคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินนั้น

ยิ่งกว่านั้น เรายังได้สาบานกับพวกเขาในถิ่นกันดารว่า
เราจะไม่นำเขาเข้าไปในแผ่นดินที่เราให้แก่พวกเขา

ซึ่งเป็นแผ่นดินที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เป็นแผ่นดินที่ยอดเยี่ยม
เพราะพวกเขาปฏิเสธกฎของเรา และไม่เดินในข้อกฎหมายของเรา
พวกเขาทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
เพราะใจของเขาเดินตามรูปเคารพ
แต่อย่างไรก็ตาม เราจะยอมไว้ชีวิตของเขา
เราไม่ได้ทำลายเขาและกำจัดพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร

เอเสเคียล 20-1 ตาที่จับจ้อง

เอเสเคียล 18:1-8

ปีที่เจ็ด เดือนที่ห้า วันที่สิบ
มีผู้ใหญ่ของอิสราเอลได้พากันมาเพื่อขอคำปรึกษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
พวกเขานั่งต่อหน้าข้า
และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวแก่ผู้ใหญ่แห่งอิสราเอล กล่าวกับเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..เจ้ามาหาเราเพื่อถามเราอย่างนั้นหรือ?
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต… องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เจ้าจะไม่ได้ถามอะไรเราได้อีก

เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ ลูกชายของมนุษย์ เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ?
จงให้พวกเขารับรู้ถึงพฤติกรรมอันน่าสะอิดสะเอียนของบรรพบุรุษ
และกล่าวกับพวกเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
วันที่เราเลือกอิสราเอล เราสาบานกับวงศ์วานของยาโคบ
เราทำให้เขารู้จักเราในแผ่นดินอียิปต์
เรากล่าวว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ในวันนั้น เราสาบานที่จะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์
เขาไปในดินแดนที่เราเลือกไว้สำหรับพวกเขา
เป็นดินแดนที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง
แผ่นดินที่ยอดเยี่ยมที่สุด

egyptgods
และเรากล่าวกับพวกเขาว่า
จงทิ้งสิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งสายตาพวกเจ้าจับจ้อง
ทุกคน…อย่าทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยรูปเคารพของอียิปต์
เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
แต่พวกเขากลับดื้อดึงต่อเรา และไม่ยอมฟังเรา
ไม่มีสักคนที่ยอมทิ้งรูปเคารพซึ่งสายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่
พวกเขาไม่ยอมทิ้งรูปเคารพของอียิปต์ !

 

เอเสเคียล 19-2 ต้นองุ่นที่ถูกเผา

เอเสเคียล 19:10-14

แม่ของพวกเจ้าเป็นเหมือนเถาองุ่นในสวนองุ่น
ที่ปลูกไว้ริมน้ำ
มีผลดก และเต็มไปด้วยกิ่งก้าน
เพราะมีน้ำเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์

ลำต้นที่แข็งแรงกลายเป็นคทาของผู้ปกครอง
มันเติบโตสูงขึ้นไป ท่ามกลางต้นหนาม
มองเห็นมันได้เพราะความสูงของมัน
รวมทั้งกิ่งก้านสาขาของมันด้วย vi
แต่แล้วต้นองุ่นนั้นก็ถูกถอนขึ้นมาด้วยความโกรธ
ถูกเขวี้ยงทิ้งลงบนพื้นดิน
ลมตะวันออกก็พัดมาทำให้ผลองุ่นเหี่ยวแห้ง
เปลือกของมันแห้ง และลอกออกมา
ส่วนลำต้นที่แข็งแรงก็ถูกไฟเผา

บัดนี้ มันถูกปลูกลงในถิ่นกันดาร
ในแผ่นดินที่แห้ง และโหยหาน้ำ
ไฟก็แลบออกมาจากลำต้น และหน่อของมัน
ไฟผาผลาญผลองุ่นเสียหมด
บัดนี้ไม่เหลือลำต้นที่แข็งแรง
ไม่มีคทาที่จะปกครอง
นี่เป็นคำคร่ำครวญที่กลายเป็นการคร่ำครวญ

เอเสเคียล 19-1 คร่ำครวญเพื่อเจ้าชาย

เอเสเคียล 19:1-9

และเจ้า จงคร่ำครวญเพื่อเจ้าชายแห่งอิสราเอล
และกล่าวว่า …

แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน?
เธอเป็นเหมือนแม่สิงโต
เธอหมอบอยู่ท่ามกลางสิงห์  ท่ามกลางสิงห์หนุ่ม

เธอเลี้ยงดูลูกน้อย
และเธอได้นำลูกมาอีกตัวหนึ่ง
เลี้ยงจนกระทั่งมันเติบโต เป็นสิงห์หนุ่ม
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

ประชาชาติต่าง ๆ รู้เรื่องของมัน
และมันก็ตกหลุมพราง ถูกจับไป
มันถูกขอเกี่ยวไปถึงแผ่นดินอียิปต์

เมื่อเธอเห็นว่า เธอรออย่างไร้ผล
ความหวังไม่หลงเหลือ
เธอก็จึงเอาลูกสิงห์มาอีกตัว
เลี้ยงจนเป็นสิงห์หนุ่ม
มันเดินไปมาอยู่ท่ามกลางสิงห์ทั้งหลาย
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

singh

มันจับเหล่าแม่ม่ายของคนเหล่านั้น
มันทำให้เมืองต่าง ๆ ร้างเปล่า
ทั้งแผ่นดินและคนที่อยู่ในนั้นต่างหวาดหวั่นเพราะเสียงคำรามของมัน
และแล้ว ประชาชาติทั้งหลายก็ตั้งหน้าต่อสู้มัน
จากแคว้นต่าง ๆ รอบด้าน
พวกเขาโยนตาข่ายลงมาเหนือมัน
มันจึงถูกจับในหลุมพรางของพวกเขา
พวกเขาเอาขอเกี่ยวมันเข้าไปไว้ในกรง
นำไปยังกษัตริย์แห่งบาบิโลน
เขาขังมันไว้ในที่ๆ จะไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามของมัน
บนภูเขาแห่งอิสราเอล

เอเสเคียล 18-4 จงหันกลับมา

เอเสเคียล 18:25-32

“แต่เจ้ายังกล่าวว่า .. ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม..
จงฟังทางนี้ เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

เมื่อคนชอบธรรมหันจากความดีและทำการอยุติธรรม
เขาจะต้องตายเพราะเหตุนั้น
ที่เขาตายก็เพราะความอยุติธรรมที่เขาลงมือทำ

เช่นกัน เมื่อคนชั่วหันจากความชั่วที่เขาได้ทำ
และกลับมาทำสิ่งดี ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาก็ช่วยชีวิตตัวเองให้รอด
เพราะเขาได้พิจารณาแล้ว และหันจากการล่วงละเมิดทั้งปวกที่เคยทำ
เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน   เขาจะไม่ตาย

deathdai

แต่..วงศ์วานอิสราเอลยังกล่าวว่า
“ทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

ดังนั้น เราจะพิพากษาเจ้า วงศ์วานอิสราเอล
เราจะพิพากษาทุกคนตามการกระทำของแต่ละคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

จงกลับใจและหันออกจากการล่วงละเมิดของเจ้า
มิฉะนั้นความบาปผิดจะนำมาซึ่งหายนะ
เขวี้ยงความบาปทั้งปวงที่เจ้าทำ และ

และสร้างใจใหม่ วิญญาณจิตใหม่
ทำไมเจ้าจะต้องมาตายด้วย โอ้วงศ์วานอิสราเอล?
เพราะเราไม่มีความพอใจในความตายของใครสักคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เจ้าจงหันกลับมาและมีชีวิต

เอเสเคียล 18-3 มาตรวัดความเป็นความตาย

เอเสเคียล 18:19-24

แต่เจ้ากล่าวว่า “เหตุใดลูกจึงไม่สมควรจะรับความบาปผิดของพ่อเล่า?”

ก็ในเมื่อลูกชายได้ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาได้ระวังที่จะทำตามกฎเกณฑ์ของเรา  เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน

ชีวิตที่ทำบาปจะต้องตาย  ลูกชายจะต้องไม่รับผลแห่งความผิดของพ่อ
หรือพ่อ ก็ไม่ต้องรับโทษเพราะความผิดของลูกชาย
ความถูกต้องของคนชอบธรรมนั้นจะอยู่ที่ตัวเขา
ความชั่วร้ายของของคนชั่วก็จะอยู่ที่ตัวเขา

lady-liberty

แต่หากคนชั่วได้หันกลับจากความบาปที่เขาได้ทำ
กลับมารักษากฎเกณฑ์ของเรา
ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้องเมื่อไร
เขาก็จะมีชีวิต ไม่ต้องตาย
การล่วงละเมิดใด ๆที่เขาทำจะไม่ถูกนำกลับย้อนมาฟ้องร้องเขา
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เพราะความชอบธรรมของเขา

เรามีความพอใจในความตายของคนชั่วอย่างนั้นหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เราต้องการให้เขากลับใจจากความบาปและกลับมามีชีวิตมิใช่หรือ?
แต่เมื่อคนชอบธรรมหันจากทางแห่งความดี
และกลับไปทำสิ่งอยุติธรรม  ประพฤติตามความน่าสะอิดสะเอียนอย่างเดิม
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ความดีที่เขาเคยทำ ก็จะไม่มีการจดจำเอาไว้
และเขาก็จะต้องตายเพราะความคดโกง ความบาปผิดที่ได้กระทำ

 

 

เอเสเคียล 18-2 ทำผิดต้องชดใช้

เอเสเคียล 18:10-18

แต่หากชายผู้นี้ มีลูกชายที่เป็นโจร
หรือเป็นคนที่ทำให้คนอื่นต้องเลือดตก
หรือทำสิ่งใด ๆ ในทำนองนี้
แม้ว่าตัวเขาเองไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายเช่นนั้น
ลูกชายของเขาไปกินอาหารบนภูเขา
ไปเป็นชู้กับภรรยาของเพื่อนบ้าน
กดขี่คนยากจน คนขัดสน ทั้งปล้น
ไม่ยอมคืนของประกัน
และยังเงยหน้าบูชาเทวรูป ทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
ให้ยืมเพื่อหวังดอกเบี้ยสูง ๆ และเอากำไรเกินควร
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไหม?
เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป
การที่เขาทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้
เขาจะต้องตาย เลือดของเขาจะตกลงบนหัวของเขาเอง

kunjaemue

และหากว่า ชายคนนี้ มีลูกชายที่มองเห็นบาปทั้งหมดที่พ่อลงมือทำ
เขาเห็น แต่เขาไม่ได้ทำเหมือนพ่อของเขา
เขาไม่กินบนภูเขา หรือเงยหน้าบูชารูปเคารพ
ไม่ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน

เขาไม่ได้กดขี่ใคร  ไม่ได้เอาค่าประกันเพิ่ม

ไม่ได้ปล้นใคร  แต่กลับให้อาหารแก่คนที่หิว
คุลมผ้าให้คนที่เปลือยกาย  ไม่ยื่นมือไปทำความผิด

ไม่เอาดอกเบี้ยหรือกำไร   เชื่อฟังกฎของเขา
และเดินตามกฎเกณฑ์ของเรา
เขาจะไม่ต้องตายเพราะบาปของพ่อเขา เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน
แต่ส่วนคนที่เป็นพ่อ ที่ได้ทำการบีบบังคับ
ปล้นพี่น้อง และทำสิ่งที่ไม่ดีท่ามกลางคนของเขา
ดูเถิด… เขาจะต้องตายเพราะความผิดของเขา

 

เอเสเคียล 18-1 ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิต

เอเสเคียล 18:1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า
“มีนหมายความอย่างไร ที่พวกเจ้าใช้สุภาษิตอ้างถึงอิสราเอลว่า
พ่อกินองุ่นเปรี้ยว แต่ลูกกับเข็ดฟัน?
เพราะเรามีชีวิตอยู่ เจ้าจะไม่ได้ใช้สุภาษิตนี้อีกในอิสราเอล

eze18

“ดูเถิด วิญญาณทุกดวงเป็นของเรา
ทั้งวิญญาณของพ่อ และวิญญาณของลูกต่างก็เป็นของเรา
คนใดทำบาป คนนั้นก็ต้องตาย
แต่หากคน ๆ นั้น เป็นคนชอบธรรม
ทำความยุติธรรม และถูกต้อง
ถ้าคนนั้น ไม่ได้กินบนภูเขา หรือเงยหน้ามองเทวรูปของวงศ์วานอิสราเอล
ไม่ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน
ไม่ได้เข้าหาผู้หญิงในเวลาที่เธอมีรอบเดือน
หากเขาไม่ได้บีบบังคับใคร
แต่ได้คืนของประกันให้แก่คนที่เป็นหนี้เขา
ไม่ปล้นใครด้วยความรุนแรง แต่ให้อาหารแก่คนที่หิว
และคลุมผ้าให้กับคนที่เปลือยกาย

ไม่ได้ให้กู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยหรือขูดรีดผู้อื่น
แต่ได้หดมือ ไม่ทำสิ่งที่อยุติธรรม
แต่ทำความยุติธรรมระหว่างคนสองฝ่าย
ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา
และรักษากฎของเราอย่างสัตย์ซื่อ
คนนั้นคือคนชอบธรรม
เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

เอเสเคียล 17-3 อุปมาเรื่องอินทรีกับองุ่น (ต่อ)

เอเสเคียล 17:16-24

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า .. ตราบเท่าที่เรามีชีวิต
แน่นอน ในที่ซึ่งกษัตริย์องค์นั้นประทับอยู่ องค์ที่ทำให้เขาเป็นกษัตริย์
แต่เขากลับดูหมิ่นคำปฏิญาณของพระองค์
และหักพันธสัญญาที่มีกับพระองค์เสีย
เขาจะต้องตายในบาบิโลน
ฟาโรห์และกองทัพใหญ่โตของพระองค์ รวมทั้งคนอีกมากมาย
จะไม่ช่วยเขาทำสงคราม
แม้เมื่อมีการสร้างเชิงเทิน และก่อกำแพงขึ้นเพื่อทำลายชีวิตมากมายนั้น

เขาดูหมิ่นคำปฏิญาณด้วยการหักพันธสัญญา
และดูเถิด ในเมื่อเขาทำเช่นนี้ เขาจะไม่มีทางหนีพ้นไปได้

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต  และเขาได้ดูหมิ่นคำปฏิญาณของเรา
และได้หักพันธสัญญาของเรา
เราจะให้โทษนั้นตกเหนือหัวของเขา
เราจะเหวี่ยงตาข่ายของเราเหนือเขา และเขาจะติดกับของเรา
เราจะนำเข้าเข้าไปในบาบิโลน ไปสู่การพิพากษาที่นั่น
เรื่องที่เขาได้กบฎต่อเรา
กองทัพที่เขาได้เลือกไว้จะล้มลงด้วยดาบ
ผู้ที่รอดตายจะกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า  เราได้กล่าวไว้แล้ว

toncedars

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เราเอง เราจะเอากิ่งจากยอดต้นสีดาร์  และปลูกเอาไว้
เราจะหักยอด คือกิ่งอ่อนๆ ของมัน
และจะปลูกมันไว้บนภูเขาสูง
ใช่…บนเขาสูงแห่งอิสราเอล  เราจะปลูกมันไว้
เพื่อว่ามันจะแตกยอด และออกผล และกลายเป็นต้นสีดาร์ที่ทรงเกียรติ
ใต้ต้นนั้น จะเป็นที่อาศัยของนกทุกชนิด
ภายใต้เงาของกิ่งก้านนั้น นกทั้งหลายจะมาทำรัง
และต้นไม้ทั้งหลายในทุ่ง จะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เราจะทำให้ต้นไม้ใหญ่ต่ำลง
และทำให้ต้นที่ต่ำเตี้ยนั้นสูงขึ้น
เราจะทำให้ต้นที่เขียวเหี่ยวแห้งไป
และทำให้ต้นที่แห้งกลับงดงาม
เรา..องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้กล่าวไว้ และเราจะทำดังนั้น

เอเสเคียล 17-2 อุปมาเรื่องอินทรีกับองุ่น (ต่อ)

เอเสเคียล 17:9-15

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส   ..เจ้าจงกล่าวว่า  มันจะงอกงามดีไหม?
มันจะไม่ถอนรากของมันออก และตัดผลของมันไป
เพื่อให้มันเหี่ยวแห้ง
เพื่อว่าใบที่กำลังงอกก็จะเหี่ยวแห้งไป
ดูถิด มันถูกปลูกเอาไว้ และมันจะงอกงามดีหรือเปล่า?
มันจะไม่แห้งกรอบไปเมื่อลมตะวันออกพัดมา
แห้งเหี่ยวคาต้น คาร้านที่มันงอกขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?

angunhang

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาถึงข้า
“จงกล่าวกับวงศ์วานที่ดื้อดึง
..พวกเจ้าไม่รู้หรือว่า เรื่องนี้มีความหมายอย่างไร?
เจ้าจงบอกพวกเขาว่า
..ดูเถิด กษัตริย์แห่งบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม
กวาดทั้งกษัตริย์ และราชวงศ์ และนำไปยังบาบิโลน
และพระองค์ได้เอาคนหนึ่งในเชื้อพระองค์มา
และทำพันธสัญญากับเขา
ให้เขาปฏิญาณ (เหล่าคนใหญ่โตของแผ่นดินที่พระองค์กวาดมา
เพื่อว่าแผ่นดินนั้น จะไม่มีโอกาสเงยหน้าเงยตาขึ้นมาอีก
และให้พวกเขารักษาพันธสัญญานั้นไว้
เพื่ออาณาจักรของพระองค์จะยั่งยืน..)
แต่เขาผู้นั้นกลับกบฎต่อกษัตรยิ์โดยส่งทูตไปยังอียิปต์
เพื่อขอม้าศึกและกองทัพเข้ามาช่วย
มันจะเกิดผลอย่างนั้นหรือ?
คนใดที่ทำเช่นนั้นจะหนีรอดพ้นไปได้หรือ ?
เขาจะหักพันธสัญญาและหนีไปได้หรือ

เอเสเคียล 17-1 อุปมาเรื่องอินทรีกับองุ่น

เอเสเคียล 17:1-8

พระดำรัสของพระเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์ จงนำปริศนา และกล่าวเป็นคำอุปมาแก่วงศ์วานอิสราเอล
กล่าวว่า ..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
มีอินทรีใหญ่ตัวหนึ่งปีกใหญ่กว้าง และขนปีกยาว
ขนของมันทั้งมากมายและมีหลายสี

eze17

มันมายังเลบานอนและจิกยอดต้นสีดาร์
มันหักกิ่งที่เป็นยอดอ่อน และนำไปยังดินแดนที่มีการค้า
และวางมันไว้ในเมืองต่าง ๆ ที่มีพ่อค้า
จากนั้น มันก็เอาเมล็ดพืชของแผ่นดินไป และปลูกมันไว้ในดินที่อุดมยิ่ง
มันเอาเมล็ดไปวางไว้ริมธารน้ำที่มีน้ำสูงเต็มฝั่ง
มันวางมันไว้เหมือนกับกิ่งต้นหลิว
เมล็ดนั้นงอกขึ้นมา และกลายเป็นเถาองุ่นเลี้อยไปเตี้ย ๆ
กิ่งของมันหันไปหาตัวอินทรี ในขณะที่รากของมันยังอยู่ที่เดิม
ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเถาและงอกกิ่งออกมาและแตกใบ

จากนั้นมีอินทรีอีกตัวซึ่งมีปีกใหญ่ และขนมาก
ดูเถิด เถาองุ่นนั้นก็ให้รากของมันชอนไชมาหาอินทรีตัวนั้น
และแตกแขนงจากที่เดิมของมัน  เพื่อให้มันรดน้ำให้
มันถูกปลูกไว้ในดินดีริมน้ำอุดม เพื่อว่ามันจะได้งอกกิ่งก้านและออกผล
เป็นต้นองุ่นอันทรงเกียรติ

เอเสเคียล 16-7 พันธสัญญานิรันดร์

เอเสเคียล 16: 59- 63

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เราจะจัดการกับเจ้าตามการกระทำของเจ้า
เจ้าผู้ที่ดูหมิ่นคำปฏิญาณ และได้หักพันธสัญญาเสีย
แต่เรายังคงจำคำสัญญาณที่ให้ไว้กับเจ้าเมื่อเจ้ายังเยาว์
และเราจะสถาปนาพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า
แล้วเจ้าจะระลึกถึงหนทางของเจ้า และละอายใจ
เมื่อเจ้ารับเอาพี่สาว น้องสาวของเจ้าไป
โดยเรามอบเขาให้เป็นลูกสาวของเจ้า
แต่ไม่ใช่ตามพันธสัญญาที่เราให้ไว้กับเจ้า
เราจะสถาปนาพันธสัญญากับเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เจ้าจะระลึกได้และประหลาดใจ
และเจ้าจะไม่อ้าปากพูดอะไรอีกเพราะเจ้าเกิดความละอาย
ในตอนที่เราลบมลทินบาปของเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

jesus_on_cross_crucifixion
ดูซิ อย่างไรพระเจ้าก็ทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์
แม้ว่ามนุษย์จะคดโกง ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
ขนาดพวกเขาทำบาปมากกว่าสะมาเรียและโสโดม
พระเจ้ายังจะรื้อฟื้นพันธสัญญาของพระองค์กับเขา
คำว่า พระเจ้าจะทรงลบมลทินบาป … ทำให้เรารู้ว่า
พระเจ้าทรงรักและตั้งพระทัยจริง ๆ ที่จะให้พระบุตรของพระองค์
มาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อมนุษย์….

เอเสเคียล 16-6 เรื่องราวต่อมา …

เอเสเคียล 16: 53-58

เราจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้น ทั้งโสโดมและลูกสาว รวมทั้งของสะมาเรียและลูกสาว
และเราจะรื้อฟื้นเจ้าท่ามกลางพวกเขา
นั่นคือ เจ้าจะได้รับความอับอายและต้องละอายกับทุกสิ่งที่เจ้าได้ทำ
เจ้าจะกลายเป็นสิ่งปลอบใจพวกเขา

ส่วนพี่น้องสองสาวของเจ้า โสโดมและลูกสาวทั้งหลายจะกลับสู่สภาพเดิม
และสะมาเรียกับลูกสาวก็จะกลับสู่สภาพเดิม
เจ้าและลูกสาวของเจ้าจะกลับสู่สภาพเดิมphoto (2)

ยามที่เจ้ายะโสอยู่นั้น น้องสาวโสโดมของเจ้าถูกเจ้าเย้ยหยันเสมอมิใช่หรือ?
ใช่สินะ ก่อนที่ความชั่วร้ายของเจ้าถูกเปิดโปงขึ้นมา
บัดนี้เจ้ากลายเป็นที่ครหาของเหล่าลูกสาวของซีเรีย
และคนที่อยู่รอบข้าง
เจ้าเป็นที่ครหาของลูกสาวแห่งฟิลิสเตียและคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดูหมิ่นเจ้า
เจ้ารับบทลงโทษเพราะความชั่วร้าย และความน่าสะอิดสะเอียนที่เจ้าได้ทำลงไป
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 16-5 น้องดูดีกว่า

เอเสเคียล 16: 44-52

ดูเถิด ทุกคนที่ใช้สุภาษิต ก็จะใช้สุภาษิตนี้กับเจ้า
คือ ..แม่เป็นอย่างไร ลูกสาวก็เป็นอย่างนั้น..
เจ้าเป็นลูกสาวของแม่เจ้า แม่ของเจ้าเกลียดชังสามีของตน
เกลียดชังลูกๆ ของตน
เจ้าเองก็เป็นน้องสาวของพี่สาวที่จงเกลียดจงชังสามีและลูกๆ ของตน
แม่ของเจ้าเป็นชาวฮิทไทต์ ส่วนพ่อเป็นอาโมไรต์
พี่สาวของเจ้าเป็นสะมาเรียที่อาศัยกับลูกสาวทางเหนือของบ้านเจ้า
น้องสาวของเจ้าอาศัยทางใต้ คือโสโดมและบรรดาลูกสาวของเธอ
เจ้าไม่เพียงแต่เดินตามทางอันน่าชังของพวกเขาเท่านั้น
เพราะเพียงไม่นาน เจ้าก็กลายเป็นคนต่ำทรามมากกว่าพวกเขา

photo (1)

ตราบเท่าที่เรามีชีวิต องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
น้องสาวของเจ้ากับลูกสาวไม่ได้ทำสิ่งเลวเหมือนที่เจ้ากับลูกสาวทำ
ดูเถิด ความผิดของน้องสาวโสโดมก็คือ
ทั้งแม่และลูกต่างเย่อหยิ่งจองหอง
กินอาหารอย่างเหลือเฟือ ทิ้งๆ ขว้างๆ
มีชีวิตที่สุขสบายเหลือล้น แต่ไม่เคยช่วยคนยากจนเข็ญใจ
พวกเขายะโสและทำสิ่งที่น่ารังเกียจต่อหน้าเรา
เราจึงกำจัดออกไปเมื่อเราเห็นเช่นนั้น

สะมาเรียเองก็ไม่ได้ทำผิดถึงครึ่งของเจ้า
เจ้าได้ทำสิ่งต่ำทรามมากกว่าพวกเขา
ความชั่วร้ายของเจ้าทำให้เขาดูเป็นคนชอบธรรมไปได้
จงแบกรับความอับอาย  เจ้าเอง เจ้าได้ทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูดี
เมื่อเทียบกับความบาปต่ำช้าที่เจ้าได้ทำลงไป

เจ้าจงแบกรับความอับอาย
เพราะเจ้าเองได้ทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูเป็นคนดีไปได้

เอเสเคียล 16-4 ผลของรักไม่เลือก

เอเสเคียล 16:35-43

ดังนั้น  เจ้าผู้เป็นหญิงโสเภณี จงฟังคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เป็นเพราะเจ้าได้เทราคะของเจ้าออกมา
เจ้าเปิดเผยตัวเองในการที่เจ้าเป็นชู้กับบรรดาคนรักของเจ้า
และกับเหล่ารูปเคารพอันน่าสะอิดสะเอียน
และเป็นเพราะเลือดของลูก ๆ ที่เจ้ามอบให้กับเทวรูปเหล่านั้น
ดังนั้น ดูเถิด เราจะรวบรวมคนรักที่เจ้าชื่นชม
คนที่เจ้ารัก และคนที่เจ้าเกลียดทั้งหมด
เราจะรวบรวมพวกเขาให้เข้ามาต่อสู้เจ้าทุกด้าน
และจะเปลือยตัวเจ้าให้พวกเขาเห็นทั้งหมด

เพิ่งขุดพบในอิสราเอล ภาพจากhttp://www.vosizneias.com/
เพิ่งขุดพบในอิสราเอล ภาพจากhttp://www.vosizneias.com/

 

เราจะพิพากษาเจ้าดั่งผู้หญิงที่เล่นชู้ และทำให้เลือดตก
และจะนำเลือดแห่งความกริ้วและความหวงแหนมาเทใส่เจ้า
เราจะมอบเจ้าไว้ในมือของพวกเขา
และพวกเขาจะโยนแท่นบูชาและที่สูงของพวกเจ้าออกไป
พวกเขาจะฉีกเสื้อผ้าของเจ้า ยึดเครื่องประดับอันงดงามของเจ้า
ปล่อยให้เจ้าเปลือยหมดตัว
พวกเขาจะนำคนเป็นจำนวนมากมาต่อสู้เจ้า
จะเอาหินขว้างใส่เจ้า และหั่นเจ้าเป็นท่อน ๆ ด้วยดาบ
และเขาจะเผาบ้านของเจ้า และลงโทษเจ้าต่อหน้าผู้หญิงจำนวนมาก
เราจะทำให้เจ้าหยุดเล่นชู้ และเจ้าจะไม่ต้องให้ค่าจ้างอีกต่อไป
เราจะระบายความโกรธของเราลงบนเจ้า
ความหวงแหนของเราจะไปจากเจ้า
เราจะสงบและไม่โกรธอีกต่อไป
เพราะเจ้าไม่จำวันที่เจ้ายังเด็ก แต่ทำให้เราโกรธด้วยการประพฤติตัวเช่นนี้
ดังนั้น .. เราจะลงโทษเจ้าตามการกระทำลงบนหัวของเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เจ้าไม่ได้ทำตัวลามกเพิ่มเข้ากับความโสโครกของเจ้าหรอกหรือ?

เอเสเคียล 16-3 ไม่เอาค่าตัว

เอเสเคียล 16:23-34

หลังจากความชั่วร้ายทั้งหมดที่เจ้าทำ…
วิบัติ วิบัติแก่เจ้า!   องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เจ้าได้สร้างแท่นขึ้นมา และสร้างที่สูงตามลานเมืองสำหรับตัวเจ้าเอง

ทุกหัวถนน เจ้าได้สร้างที่สูง และทำให้ความงามของเจ้ากลายเป็นความน่าสะอิดสะเอียน
เสนอตัวให้กับใคร ๆ ที่เดินผ่านมา
ทวีการเล่นชู้ของเจ้า
เจ้ายังเล่นชู้กับชาวอียิปต์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่มักมาก
ทวีการเล่นชู้ของเจ้า  ยั่วให้เราโกรธ
ดูเถิด ดังนั้น เราจะยื่นมือของเราต่อต้านเจ้า
และลดดินแดนส่วนของเจ้าลง
และส่งเจ้าให้กับศัตรูที่ตะกละตะกรามของเจ้า
ลูกสาวของฟิลิสเตียยังละอายที่เจ้าทำตัวโสโครกเช่นนี้

เจ้ายังเล่นชู้กับคนอัสซีเรีย เพราะที่ทำมาแล้ว ก็ยังไม่พอ
ใช่  เจ้าเล่นชู้กับพวกเขา  แต่เจ้าก็ยังไม่พอใจ
เจ้าทวีการเล่นชู้ของเจ้ากับแผ่นดินพ่อค้า คือคนเคลเดีย
ขนาดนี้แล้ว  เจ้าก็ยังไม่พอ

goldcoins

ใจของเจ้านี่มันทุเรศจริง ๆ  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เพราะว่าเจ้าทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
เป็นการกระทำแบบอย่างของหญิงโสเภณีใจด้าน
สร้างแท่นบูชาขึ้นที่หัวถนนทุกแห่ง และทำที่สูงของเจ้าตามสี่แยกทุกแห่ง
แต่เจ้าก็ไม่เหมือนหญิงโสเภณี
เพราะเจ้าไม่สนใจค่าตัว
เจ้าเป็นภรรยาที่นอกใจสามี ยอมรับคนแปลกหน้าแทนที่จะรับสามีของตนเอง
ใคร ๆ ก็ให้ของขวัญแก่หญิงโสเภณี แต่เจ้ากลับให้ของขวัญชู้รักของเจ้า

เป็นสินจ้างเพื่อให้พวกเขาเข้ามาหาเจ้าจากทุกทิศทุกทางเพื่อเจ้าจะได้เล่นชู้
เจ้าจึงแตกต่างจากผู้หญิงอื่นในเรื่องนี้

ไม่มีใครเข้าหาเจ้าเพื่อให้เล่นชู้
แต่เจ้ากลับให้ค่าจ้างในการเล่นชู้ นี่ไง… เจ้าจึงแตกต่างจากพวกนั้น

 

เอเสเคียล 16-2 การขายตัวของเยรูซาเล็ม

เอเสเคียล 16:15-22

แต่เจ้ากลับวางใจในความงามของตนเอง และทำตัวเป็นหญิงขายตัว
เพราะความที่เจ้ามีชื่อเสียง เจ้าจึงขายตัวกับทุกคนที่ผ่านมา และเจ้าก็เป็นของคน ๆ นั้น

เจ้าเอาเสื้อผ้าของเจ้ามาส่วนหนึ่ง และทำเป็นแท่นบูชาที่มีสีสัน
แล้วเจ้าก็ขายตัวอยู่บนนั้น
ซึ่งไม่เคยมีใครทำเช่นนั้น  และก็ไม่ควรทำอย่างนั้นด้วย

ยิ่งกว่านั้นเจ้ายังเอาอัญมณี ทั้งจากทองคำและเงินซึ่งเราให้แก่เจ้า
ไปสร้างเป็นรูปมนุษย์ผู้ชาย และเจ้าก็เล่นชู้กับรูปเหล่านั้น

เจ้ายังเอาเสื้อผ้าปักของเจ้าคลุมมันไว้  วางน้ำมันและเครื่องหอมของเราไว้ต่อหน้ามัน
รวมไปถึงอาหารที่เราได้ให้แก่เจ้า เราได้เลี้ยงเจ้าด้วยแป้งอย่างดี และน้ำมันและน้ำผึ้ง
เจ้าได้วางสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องหอมที่พอใจ และก็เป็นอย่างนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

คนหลายชาติก็ทำการบูชายัญเด็กอย่างที่คนสมัยเอเสเคียลได้ทำเช่นกัน
คนหลายชาติก็ทำการบูชายัญเด็กอย่างที่คนสมัยเอเสเคียลได้ทำเช่นกัน

และเจ้าก็เอาลูกชายลูกสาวทั้งหลายที่เจ้าคลอดให้แก่เรา

นำไปเซ่นไหว้มันเพื่อให้มันผลาญชีวิตพวกเขา
การขายตัวของเจ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ
ที่เจ้าได้สังหารหมู่พวกเด็ก ๆ และยังเอาไปเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับรูปเคารพเหล่านั้น
ที่เจ้าทำสิ่งน่ารังเกียจและขายตัวเช่นนี้ เจ้ายังไม่จำวันที่เจ้ายังเด็ก
ที่เจ้ายังตัวเปล่าเล่าเปลือยนอนดิ้นอยู่ในกองเลือด

22 And in all your abominations and your whorings you did not remember fthe days of your youth, gwhen you were naked and bare, wallowing in your blood.

เอเสเคียล 16-1 ความงามของอิสราเอล

เอเสเคียล 16:1-8
พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าดังนี้
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย จงบอกให้เยรูซาเล็มได้รู้ถึงการกระทำอันน่าชังของเธอ
และกล่าวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เยรูซาเล็มดังนี้
บรรพบุรุษและกำเนิดของเจ้านั้น มาจากแผ่นดินของชาวคานาอัน
พ่อของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์ ส่วนแม่เป็นชาวฮิทไทต์
วันที่เจ้าเกิดมานั้น สายสะดือก็ไม่มีใครตัดให้ ไม่มีใครทำความสะอาดตัวเจ้า
ไม่มีใครเอาเกลือมาถูตัวเจ้า ไม่มีใครพันผ้าอ้อมให้ด้วย
ไม่มีใครสงสารเจ้าเลย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อเจ้าเพราะใจสงสาร
แต่เจ้ากลับถูกทิ้งไว้กลางทุ่ง เจ้าเป็นที่รังเกียจตั้งแต่วันที่เจ้าเกิด
jeru

และเมื่อเราเดินผ่านเจ้าไป และเห็นเจ้าดิ้นอยู่ในกองเลือดนั้น
เราได้พูดกับเจ้ากลางกองเลือดของเจ้าว่า “จงมีชีวิต”
ใช่ เราได้พูดกับเจ้ากลางกองเลือดของเจ้าว่า “จงมีชีวิต”
เราได้ทำให้เจ้าเติบโตงดงามเหมือนต้นไม้ในทุ่ง
และเจ้าก็เติบโตขึ้น สูง และเป็นสาวเต็มตัว
เจ้ามีหน้าอก และมีขนขึ้นมา แต่ตัวเจ้าก็ยังเปลือยเปล่า

เมื่อเราผ่านไปเห็นเจ้าอีกครั้ง ดูเถิด เจ้าอยู่ในวัยมีความรัก
และเราได้เอาชายเสื้อของเราปกคลุมเจ้าเพื่อไม่ให้เจ้าต้องเปลือย
เราได้ปฏิญาณ และทำสัญญากับเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศ…. และเจ้าก็เป็นของเรา
จากนั้น เราได้ใช้น้ำอาบเจ้าทั้งตัว ชำระเลือดออกจากตัวของเจ้า
และเจิมเจ้าด้วยน้ำมัน
เราให้เจ้าสวมเสื้อผ้าปัก และให้เจ้าสวมรองเท้าหนังอย่างดี
เราพันห่อเจ้าไว้ด้วยผ้าลินินอย่างดี และคลุมเจ้าด้วยผ้าไหม

เราตกแต่งเจ้าด้วยเครื่องประดับ และใส่กำไลข้อมือ และสร้อยคอ
เราสวมแหวนจมูกให้เจ้า รวมทั้งต่างหู รวมทั้งมงกุฎบนศีรษะเจ้า
ดังนั้น เจ้าจึงถูกตกแต่งด้วยทองและเงิน
และเสื้อผ้าของเจ้าก็ทำจากผ้าป่านลินินอย่างดี จากไหม และผ้าปัก
เจ้าได้กินแป้งอย่างดี น้ำผึ้ง และน้ำมัน
เจ้าเจริญขึ้น สวยงามมาก และเลื่อนเป็นชนชั้นราชวงศ์
และชื่อเสียงของเจ้าก็เลื่องลือไปเพราะความงามของเจ้า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะความงามอันเพียบพร้อมที่เราให้แก่เจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 15 เผาจนหมด

เอเสเคียล 15:1-8

และพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  ไม้องุ่นนั้นดีกว่าไม้อื่น ๆ อย่างไร?
หมายถึงเหล่ากิ่งองุ่นที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ในป่า
เขานำไม้องุ่นไปทำอะไรได้บ้างเล่า?
คนเขาเอาไม้นั้นไปทำที่แขวนหม้อไหอย่างนั้นหรือ?

ดูเถิด เขาทิ้งไม้เพื่อเอาไปทำเป็นฟืน
เมื่อไฟเผาไหม้ปลายกิ่งทั้งหมดแล้ว
ตรงกลางของมันก็เป็นถ่าน  แล้วเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีก?

thann

ดูเถิด เมื่อมันยังดีอยู่  ก็เอาไปทำอะไรไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น เมื่อไฟเผาไหม้มันจนกลายเป็นถ่าน
ยังเอาไปทำสิ่งของอะไรได้อีกหรือ ?

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ไม้องุ่นท่ามกลางไม้ในป่านั้น ถูกโยนเข้าไปเป็นเชื้อเพลิงฉันใด
เราก็จะทิ้งคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มฉันนั้น
เราจะตั้งหน้าต่อสู่พวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะหนีออกจากไฟไปได้  แต่ไฟก็จะตามไปเผาเขา
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อเราตั้งหน้าของเราสู้เขา
เราจะทำให้แผ่นดินเป็นที่ทิ้งร้าง
เพราะพวกเขาทำตัวไร้ความสัตย์
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้

 

เอเสเคียล 14-3 แม้เยรูซาเล็มก็ไม่เว้น

 

เอเสเคียล 14:12-

และพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย เมื่อแผ่นดินได้ทำผิดต่อเรา
ทำสิ่งที่ไร้ความสัตย์  และเรายื่นมือของเราต่อต้านเมืองนั้น
และจะทำลายเสบียงอาหาร และส่งความอดอยากเข้ามา
และเราจะตัดทั้งมนุษย์และสัตว์ออกจากเมือง​
แม้หากบุรุษทั้งสามคือ โนอาห์ ดาเนียล และโยบ อยู่ในเมืองนั้น
พวกเขาจะพ้นภัยแค่เอาชีวิตตัวเองรอดเพราะความชอบธรรมของพวกเขา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 “หากเราปล่อยให้สัตว์ป่าผ่านเข้าไปในเมือง  และมันทำลายเมือง
ทำให้เมืองกลายเป็นที่ร้าง ไม่มีใครกล้าผ่านเข้ามาเพราะสัตว์ป่าเหล่านั้น
แม้บุรุษทั้งสามจะอยู่ในเมืองนั้น พวกเขาก็ไม่อาจจะช่วยลูกชายลูกสาวของพวกเขาได้
ตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่    ชีวิตทั้งสามจะรอด
ส่วนแผ่นดินจะกลายเป็นที่ร้าง “

famine

“หรือหากว่าเราส่งโรคระบาดเข้ามา และเทความกริ้วของเราออกมาเป็นเลือด
ไม่ให้มีคนหรือสัตว์หลงเหลืออยู่ในเมือง
แม้ว่าโนอาห์  ดาเนียล และโยบจะอยู่ในเมืองนั้น
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต พวกเขาก็ไม่อาจจะช่วยลูกชายลูกสาวของเขาได้
พวกเขาจะแค่เอาชีวิตของตนรอดได้ด้วยความชอบธรรมของพวกเขา ”

“เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ตอนที่เราส่งการพิพากษาแห่งหายนะมาเหนือกรุงเยรูซาเล็มสี่ประการคือ
ดาบสังหาร  ความอดอยาก สัตว์ป่า และโรคระบาด เพื่อให้ทั้งคนและสัตว์ไม่เหลืออยู่เลยนั้น จะยิ่งหนักหนาสักเท่าใด

แต่ดูเถิดจะมีคนรอดชีวิตเหลือ ลูกชาย ลูกสาวจะถูกนำออกไป
ดูเถิด เมื่อพวกเขาออกมาหาเจ้า
และเจ้าได้เห็นหนทางและการกระทำของเขา
เจ้าจะรับการปลอบใจเนื่องจากหายนะที่เรานำมาเหนือเยรูซาเล็ม
เพราะทุกสิ่งที่เราได้นำมาเหนือนครนั้น

พวกเขาจะปลอบใจเจ้า เมื่อเจ้าเห็นหนทางและการกระทำของพวกเขา
เจ้าจะได้รู้ว่า ที่เราลงโทษพวกเขานั้น ไม่ใช่ไร้เหตุผลเลย…”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ