เอเสเคียล 2 การทรงเรียกเอเสเคียล

เอเสเคียล 2:1-10

และพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย  จงลุกขึ้น และเราจะพูดกับเจ้า”
ขณะที่พระองค์ตรัสนั้น  พระวิญญาณเสด็จเข้ามาในตัวข้า และทรงทำให้ข้ายืนขึ้น
ข้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราส่งเจ้าไปหาคนอิสราเอล
ไปยังชนชาติที่ดื้อดึง  พวกเขากบฎต่อเรา
พวกเขาและบรรพบุรุษได้ล่วงละเมิดเราจนกระทั่งทุกวันนี้
บรรพบุรุษของเขาทั้งไม่เกรงใจเราและดื้อด้าน

เราส่งเจ้าไปหาเขา และเจ้าจะพูดกับเขาว่า
‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘
และไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือทำเป็นหูทวนลมก็ตาม
พวกเขาจะรู้ว่า มีผู้กล่าวคำของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา

Ezekiel-2-10
และเจ้า บุตรของมนุษย์  ไม่ต้องกลัวเขาหรือคำของพวกเขา
แม้ว่าทั้งหนามใหญ่หนามเล็กจะอยู่กับเจ้า หรือเจ้าจะนั่งบนแมงป่อง
ก็ไม่ต้องกลัวคำของพวกเขา  ไม่ต้องหวาดหวั่นต่อพวกเขาเลย
เพราะพวกเขาเป็นคนดื้อด้าน
และเจ้าจะต้องกล่าวคำของเราแก่เขา ไม่ว่าเขาจะฟังหรือปฏิเสธก็ตาม
เพราะพวกเขาเป็นคนดื้อด้าน
“แต่เจ้า.. บุตรมนุษย์  เจ้าจงฟังสิ่งที่เราพูดกับเจ้า
เจ้าอย่าเป็นคนดื้อด้านเหมือนกับพวกเขา จงเปิดปากและกินสิ่งที่เราจะให้เจ้า”

เมื่อข้ามองไป ดูเถิด มีมือหนึ่งยื่นมาหาข้า
มือนั้นถือหนังสือม้วน
และหนังสือนั้นถูกคลี่ออกต่อหน้าข้า
มีคำเขียนไว้ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
เป็นคำคร่ำครวญ คำแสดงความโศกเศร้าและทุกข์ระทมใจ

 

เอเสเคียล 1-4 พระสิริของพระเจ้า

เอเสเคียล 1:22-28

เหนือศีรษะของเหล่าสิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่เหมือนโดมใหญ่
ส่องแสงออกมาราวกับผลึกแก้ว ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
สิ่งนั้นแผ่ออกไปเหนือศีรษะพวกเขา

ภายใต้แผ่นโดมกว้างใหญ่นั้น  ปีกของพวกเขากางออกกว้าง ชี้ไปหากัน
สิ่งมีชีวิตแต่ละตนใช้ปีกอีกคู่ปกปิดร่างของตน
และเมื่อพวกเขาเคลื่อนไป ก็มีเสียงดังกัมปนาทราวกับน้ำมากหลาย
เหมือนกับสุรเสียงขององค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
เป็นเสียงเหมือนกับเสียงของกองทัพ
เมื่อพวกเขายืนก็จะหุบปีกลง

และก็มีเสียงออกจากโดมกว้างใหญ่เหนือศีรษะของพวกเขา
เมื่อพวกเขายืนนิ่ง ก็จะหุบปีกลง
ด้านบนเหนือศีรษะของพวกเขาในโดมกว้างใหญ่นั้น
มีบัลลังก์มองดูแล้วเหมือนไพฑูรย์

แร่ไพฑุรย์ แข็งแกร่งเป็นที่สองรองจากเพชร
แร่ไพฑุรย์ แข็งแกร่งเป็นที่สองรองจากเพชร

ผู้ที่ประทับบนบัลลังก์นั้น มีรูปลักษณ์เหมือนกับมนุษย์
เหนือขึ้นไปจากเอวของท่าน ข้าเห็นเป็นดั่งโลหะที่ส่องประกาย
มีไฟอยู่รอบด้าน
ต่อลงมาจากเอวของท่าน ข้าเห็นว่าเป็นไฟ มีความเจิดจ้ารอบ ๆ ท่าน
ความสว่างเจิดจ้าที่เห็นนั้น เป็นเหมือนสายรุ้งที่อยู่บนเมฆในวันฝนตก
ภาพที่ข้าเห็นคือพระสิริของพระเจ้า
เมื่อข้าเห็นนั้นข้าก็ก้มศีรษะจรดดิน
… และข้าได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมา

เอเสเคียล 1-3 วงล้อพิศวง

เอเสเคียล 1:15-21

ภาพที่อธิบายในเรื่อง เพื่อน ๆ ลองจินตนาการดูนะครับ  ส่วนข้างล่างเป็นภาพของเพทายที่เรียกว่า beryl

ตอนนี้ ขณะที่ข้ามองดูสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
ข้าก็เห็นล้อบนแผ่นดินโลก อยู่ข้างๆ สิ่งมีชีวิตนั้น
แต่ละล้อนั้น อยู่กับแต่ละตน
สำหรับรูปร่างของล้อ และโครงสร้างของมันนั้น
ดูเหมือนเพทายที่ส่องประกาย
และล้อทั้งสี่นั้น เหมือนกัน  มีรูปร่าง โครงสร้างเหมือนว่า มันเป็นล้อสองชั้นซ้อนกัน
เมื่อมันไป ก็ไปตามทิศทางทั้งสี่โดยไม่ต้องหันหน้าเลย
ขอบของวงล้อนั้น สูงและน่ากลัว ริมขอบล้อนั้นมีดวงตาติดอยู่รอบ ๆ
และเมื่อสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไป ล้อก็ไปตามพวกเขา
เมื่อสิ่งมีชีวิตลอยขึ้นจากโลก  ล้อนั้นก็ยกขึ้นตามไปด้วย

Beryl

เมื่อไรที่พระวิญญาณประสงค์จะไป  พวกเขาก็ไป ล้อก็เคลื่อนไปกับพวกเขา
เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในล้อ
เมื่อสิ่งมีชีวิตทั้งสี่เคลื่อนไป  วงล้อนั้นก็เคลื่อนไปด้วย
เมื่อพวกเขายืน  ล้อก็หยุดนิ่ง
เมื่อพวกเขาลอยขึ้นจากผืนโลก ล้อก็ขึ้นตามไป
เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอยู่ในล้อนั้น

 

เอเสเคียล 1-2 สิ่งมีชีวิตประหลาด

เอเสเคียล 1:6-14

สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แต่ละตนมีใบหน้า 4 หน้า  แต่ละตนมี 4 ปีก
ขาของพวกเขาก็ตรง และส่วนเท้านั้น เป็นเหมือนกีบเท้าวัว
พวกเขาส่องแสงประกายราวกับทองเหลืองเงาวับ
ภายใต้ปีกนั้น ก็มีมือเหมือนมนุษย์
ทั้งสี่มีหน้าตา มีปีกอย่างที่อธิบายมานี่แหละ
ปีกนั้นจรดกัน  ทุกตนกำลังเคลื่อนไหวไปข้างหน้า โดยไม่หันซ้ายหันขวา

Book_of_Ezekiel
ส่วนหน้าของเขานั้น เป็นเหมือนใบหน้าของมนุษย์หนึ่งหน้า
มีใบหน้าเหมือนสิงห์ด้านขวา
มีใบหน้าเหมือนวัวด้านซ้าย
และด้านหลังเป็นหน้าแบบนกอินทรี
หน้าตาของพวกเขาเป็นอย่างนี้  ปีกของเขาก็กางขึ้น
ปีกของเขาจรดกัน โดยปีกอีกสองข้างก็คลุมตัวเขาอยู่
แต่ละตนเคลื่อนไหวตรงไปข้างหน้า
เมื่อใดที่พระวิญญาณไปไหน พวกเขาก็ตามไป ไม่มีการหันไปมาขณะที่ตามไปนั้น
สำหรับรูปร่าง ลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้น เป็นเหมือนถ่านไฟกำลังไหม้
เคลื่อนไหวไปมาระหว่างพวกเขากันเอง ไฟนั้นเจิดจ้า
และมีฟ้าผ่าออกมาจากไฟนั้นด้วย
สิ่งมีชีวิตนั้นเคลื่อนไหวพุ่งไปมาเหมือนกับแสงจากฟ้าผ่า

เอเสเคียล 1-1 เห็นนิมิตประหลาด!

เอเสเคียล 1:1-5

วันนั้น ข้าอยู่ที่ริมแม่น้ำเคบาร์ ท่่ามกลางเชลยที่ถูกกวาดมาจากแผ่นดินยูดาห์

เป็นวันที่ 5 เดือน 4 ปีที่ 30

ท้องฟ้าเปิดออกมา

เงยหน้าขึ้นไป ข้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า !!mekfai

 

เป็นวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งคำของพระองค์มายังปุโรหิตเอเสเคียล ลูกชายบูซี

แต่คำของพระเจ้าไม่ได้เลือกว่าจะมาในดินแดนไหน

ข้าอยู่ในแผ่นดินคนเคลเดีย  แต่ข้าก็ยังเห็นพระเจ้า ….

พระหัตถ์ของพระเจ้ามาอยู่เหนือข้า !

 

ข้ามองไป  มองไป  ตอนนั้นเอง มีลมพายุพัดมาจากทางเหนือ

พร้อมกับเมฆที่มีแสงสว่างรอบ

แถมยังมีไฟออกมาจากเมฆด้วย เี๋ดี๋ยวแวบ  เดี๋ยววาบออกมาจากเมฆนั้น

ดูไป ดูมา ก็เหมือนว่าเป็นทองเหลืองที่มีแสงแวบ

ที่ประหลาดกว่านั้นก็คือ มีร่างสัตว์สี่ตัวออกมา

แต่มันไม่ใช่สัตว์ธรรมดา  เพราะว่า มันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์!

ท่านเอเสเคียล ผู้เห็นนิมิตตระการ

ก่อนที่คนอิสราเอลเป็นเชลยอยู่ในกรุงบาบิโลนนั้น
พระเจ้าได้ทรงเรียกเอเสเคียลมาเป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้า
เพื่อจะตักเตือนคนของพระองค์ เช่นเดียวกับเยเรมีย์
และเมื่อพวกเขาต้องถูกกวาดไปเป็นเชลย
เอเสเคียลก็ได้ไปอยู่กับพวกที่เป็นเชลย ในเทลอาบิบ ริมแม่น้ำเคบาร์ซึ่งอยู่ทางใต้ของบาบิโลน

เชลยเหล่านี้ถูกกวาดต้อนมาในปี 597 ก่อนคริสตศักราช
มีทั้งราชาเยโฮยาคินและราชวงศ์ ประชาชน และช่างฝีมือทุกชนิด…
เอเสเคียลก็ยังเป็นผู้กล่าวคำปลอบใจพวกเขา
และยังได้กล่าวถึงอนาคตของอิสราเอลด้วย

โดยไมเคิล แอนเจลโล
โดยไมเคิล แอนเจลโล

เอเสเคียลเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ “เอเสเคียล”

เขามักพูดถึงพระวิหารของพระเจ้า การถวายเครื่องบูชา บาปและโทษของอิสราเอล   และพระสิริของพระเจ้า

คำที่เอเสเคียลพูดบ่อย ๆ คือ “เพื่อเขาจะได้รู้ว่า เราคือพระเจ้า”

 

เพราะพระเจ้าทรงจำเป็นที่จะต้องลงโทษคนที่ได้กระทำผิดต่อพระองค์

ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บาปของพวกเขานั้น รุนแรง

จนพระองค์ต้องให้เขาออกจากแผ่นดินที่พระองค์ทรงสัญญาให้เขาอยู่

แต่เอเสเคียลเองก็ได้ยืนยันว่า อิสราเอลจะได้รับการรื้อฟื้นแน่นอน