เนหะมีย์ 2-2 พระราชาทรงอนุญาต

เนหะมีย์ 2:6-8

ขณะนั้น พระราชินีประทับข้าง ๆ พระราชา
และพระราชาตรัสกับข้าว่า
“เจ้าจะไปนานเท่าไร ?  จะกลับมาเมื่อไร?”

เมื่อข้าทูลวันเวลาที่กำหนด พระราชาก็ทรงพอพระทัยที่จะส่งข้าไป
เมื่อข้าทูลพระองค์ว่า
“หากเป็นที่พอพระทัยพระราชา
ขอทรงโปรดให้ข้าพระบาทนำพระราชสาส์นของพระองค์
ไปยังผู้ว่าในแคว้นแม่น้ำฟากโน้น
เพื่อว่าพวกเขาจะได้ยอมให้ข้าพระบาทเดินทางผ่านไปจนกว่าจะถึงยูดาห์

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1255

และพระราชสาส์นไปถึงอาสาฟ ซึ่งเป็นผู้ดูแลป่าไม้ของพระราชา
เพื่อว่าเขาจะได้มอบไม้ให้แก่ข้าพระบาทเพื่อสร้างเป็นคานสำหรับประตูป้อมของพระวิหาร
และกำแพงเมือง  และเพื่อสร้างบ้านที่ข้าพระบาทจะอาศัยอยู่”
และพระราชาทรงอนุญาตตามที่ข้าทูลขอ
เพราะว่า พระหัตถ์ดีเลิศของพระเจ้าทรงอยู่กับข้า

เนหะมีย์ 2-1 เนหะมีย์กับพระราชา

เนหะมีย์ 2:1-5

ในเดือนนิสาน ปีที่ยี่สิบของรัชกาลราชาอารทาเซอร์ซีส

เมื่อได้จัดเหล้าองุ่นถวายต่อพระพักตร์พระราชา
ข้าก็ได้ยกถ้วยเหล้าองุ่นถวายแด่พระองค์
ข้าไม่เคยมีใบหน้าโศกเศร้าต่อพระพักตร์ของพระองค์มาก่อน
และพระราชาตรัสกับข้าว่า

“เหตุใดหน้าตาของเจ้าเศร้าหมองนัก ในเมื่อเจ้าก็ไม่ได้ป่วยสักหน่อย?
หน้าตาแบบนี้ บ่งบอกว่า ในใจมีความทุกข์”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ข้าก็ตกใจกลัวมาก

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1254

ข้าทูลพระองค์ว่า
“ขอพระราชาทรงพระเจริญเป็นนิตย์
เหตุใดข้าพระบาทจะไม่โศกเศร้าพะยะค่ะ?
ในเมื่อเมืองที่ฝังศพบิดาของข้าพระบาทนั้น
กลายเป็นซากปรักหักพัง และประตูเมืองก็ถูกเผาทำลาย”
แล้วพระราชาตรัสต่อไปว่า
“เจ้าจะขออะไรล่ะ?”
ดังนั้น  ข้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทันที
และข้าก็ทูลพระราชาว่า
“หากเป็นที่พอพระทัยฝ่าพระบาท
และหากข้าพระบาทเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ​
ขอพระองค์ทรงส่งข้าพระบาทกลับไปแผ่นดินยูดาห์
เมืองที่ฝังศพบิดาของข้าพระบาท
เพื่อว่า ข้าพระบาทจะได้สร้างเมืองใหม่พะยะค่ะ”

เนหะมีย์ 1-3 คำทูลขอพระเมตตา

เนหะมีย์ 1:8-11

ขอพระองค์ทรงระลึกถึงพระบัญชาที่มีต่อโมเสส

moses
ตรัสว่า
หากเจ้าไม่ซื่อสัตย์ เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่าง ๆ

แต่หากเจ้ากลับมาหาเรา รักษาบัญญัติของเรา และทำตาม
แม้ว่าคนบางคนถูกเหวี่ยงไปจนสุดขอบฟ้า
เราก็ยังจะรวบรวมพวกเขากลับมายังที่ซึ่งเราได้เลือกไว้ เพื่อให้นามของเราประทับที่นั่น
พวกเขาเป็นผู้รับใช้ เป็นประชากรของพระองค์ที่ได้ทรงไถ่พวกเขาด้วยฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่
ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์

 

ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงเอียงพระกรรณฟังคำทูลวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์
ขอฟังคำทูลของผู้รับใช้ที่ยินดีจะยำเกรงพระนามของพระองค์

ขอพระองค์ประทานความสำเร็จให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้
ขอทรงเมตตาให้เขาต่อหน้ามนุษย์ด้วยพระเจ้าข้า”

ในเวลานั้น ข้าทำหน้าที่เป็นผู้เชิญถ้วยเสวยของพระราชา

 

เนหะมีย์ 1-2 คำสารภาพบาป

เนหะมีย์  1:5-7

ข้าทูลว่า

“โอ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งสวรรค์​

พระองค์ทรงยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม
พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์
และสำแดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักและรักษาบัญญัติของพระองค์

ขอพระกรรณของพระองค์ทรงฟัง
ขอพระเนตรของพระองค์มองดู
เพื่อฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1253

บัดนี้ ข้าพระองค์ได้อธิษฐานต่อพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน

เพื่อชนอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์​
ข้าพระองค์ขอสารภาพบาปของประชากรอิสราเอล
ที่ได้ทำบาปต่อพระองค์
ทั้งที่ข้าพระองค์ทำบาปและครอบครัวของบรรพบุรุษได้ทำลงไป

พวกเราได้ทำตัวคดโกงต่อพระองค์

ไม่รักษาคำบัญชาของพระองค์

ไม่รักษากฎเกณฑ์ที่พระองค์บัญชาไว้แก่โมเสส

 

เนหะมีย์ 1-1 รายงานเรื่องเยรูซาเล็ม

เนหะมีย์ 1:1-4

ต่อไปนี้เป็นคำของเนหะมีย์ ลูกชายฮาคาลิยาห์
ในเดือนคิสเลฟ ปีที่ยี่สิบ ขณะที่ข้าอยู่ในป้อมเมืองสุสา
ก็มีพี่น้องคนหนึ่งคือ ฮานานีได้มาพบข้าพร้อมกับชายบางคนจากยูดาห์
ข้าถามไถ่เกี่ยวกับคนยิวที่รอดชีวิตจากการเป็นเชลย
รวมทั้งเรื่องเยรูซาเล็มด้วย
และพวกเขาบอกข้าว่า
“คนที่เหลืออยู่ในแคว้นนั้น เป็นผู้ที่รอดชีวิตมาจากการเป็นเชลย
พวกเขาลำบากและมีความอับอายเหลือแสน
กำแพงเมืองเยรูซาเล็มก็ถูกทำลายยับเยิน
ประตูเมืองถูกวางเพลิงจนไม่มีชิ้นดี

nehem2

พอข้าได้ยินเรื่องราวอย่างนั้น
ข้าก็นั่งลง และร้องไห้ ไว้ทุกข์หลายวัน
ข้าอดอาหาร และอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

 

แนะนำ เนหะมีย์

แนะนำเนหะมีย์

ในขณะที่หนังสือเอสราเล่าเรื่องการสร้างพระวิหาร

เนหะมีย์ได้กลับเข้ามายังเยรูซาเล็มหลังเอสรา

หนังสือเนหะมีย์ บันทึกเรื่องราวของการสร้างกำแพงเมือง

nehe

 

หลังจากที่ต้องตกเป็นเชลยในบาบิโลน พระเจ้าทรงรื้อฟื้นนำคนอิสราเอลกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอน
พวกเขาจะต้องรื้อฟื้นสัญญาของเขากับพระเจ้า
ต้องทูลขอให้พระเจ้าทรงยกโทษ และมีชีวิตที่บริสุทธิ์ทั้งในชีวิตส่วนตัว และในสังคม
พระเจ้าได้ทรงใช้เอสรา ให้เป็นปุโรหิต ดูแลและสั่งสอน นำทางของคนอิสราเอล
ทรงใช้เนหะมียห์ให้เป็นผู้ปกครอง เพื่อนำให้คนอิสราเอลทำงานออกแรงในการสร้างเมือง สร้างชีวิตใหม่

ทั้งเอสรา และเนหะมีย์ต้องเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง เพราะการต่อต้านจากศัตรูมีมาไม่หยุดหย่อน

ชื่อของเนหะมีย์  มีความหมายว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลอบใจ”
เขาเป็นข้าราชการใกล้ชิดราชาอารทาเซอร์ซีส ประมาณปี 445 ปีก่อนคริสตศักราช

 

แม้ว่าเราอยู่ในยุคปัจจุบัน  แต่เนหะมีย์บอกเราชัดเจนว่า

  • พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานเสมอ
  • ทรงจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับงานที่พระองค์ทรงให้คนของพระองค์ลงมือทำ
  • พระองค์ทรงปกป้องคนของพระองค์
  • คนของพระเจ้าต้องซื่อสัตย์ รักษา ทำตามพระบัญญัติของพระองค์

เอสรา 10-3 ลงมือทำตามปฏิญาณ

เอสรา 10:10-44

และปุโรหิตเอสราก็ได้ยืนขึ้น กล่าวแก่พวกเขาว่า

“ ท่านทั้งหลายได้ละเมิดความเชื่อ แต่งงานกับหญิงต่างชาติ
เป็นการเพิ่มความผิดให้กับคนอิสราเอล
ดังนั้น บัดนี้ ขอให้ท่านได้สารภาพบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษ และทำตามพระประสงค์ของพระองค์เสีย
จงแยกตัวออกประชาชนชาติอื่นที่อยู่ในแผ่นดิน และแยกตัวออกจากภรรยาชาวต่างชาติ”

RH-EzraPreaching_DSC_0074

ประชาชนทั้งหลายตอบเสียงดังว่า
“เป็นดังนั้น พวกเราจะต้องทำตามอย่างที่ท่านกล่าว
แต่มีคนเป็นจำนวนมากมาย  และฝนก็ตกหนักในช่วงนี้
เราไม่อาจยืนอยู่ข้างนอกอย่างนี้ได้
และสิ่งนี้ก็ไม่อาจทำเสร็จได้ภายในวันสองวัน
เพราะเราทำบาปผิดเป็นอย่างมากในเรื่องนี้

ขอให้เหล่าเจ้าหน้าที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้กับที่ประชุม
ให้คนที่มีภรรยาเป็นชาวต่างชาตินั้น มาประชุมร่วมกันตามเวลาที่กำหนด
พร้อมกับผู้ใหญ่และผู้พิพากษาของทุกเมือง
จนกว่าพระพิโรธของพระเจ้าจะพ้นไปจากเรา “

 

แต่มีคนที่ไม่เห็นด้วย ต่อต้านเรื่องนี้ คือ โยนาธันลูกชาอาซาเฮลและยาไซอาห์ลูกชายทิกวาห์
โดยได้รับการสนับสนุนจากเมชุลลัมและชับเบธัยซึ่งเป็นเลวี

 

จากนั้นก็มีการบันทึกรายชื่อของคนที่ทำผิดในเรื่องนี้
จากกลุ่มปุโรหิต ซึ่งพวกปุโรหิตนี้ ได้ยกมือปฏิญาณตนว่า
จะเลิกภรรยาเหล่านั้น
และถวายเครื่องบูชาลบความผิด  เป็นแกะผู้จากฝูงคนละหนึ่งตัว

มีการบันทึกชื่อของคนกลุ่มคนเลวี  นักร้อง คนยามเฝ้าประตู
คนอิสราเอลทั่วไป ซึ่งได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ
และบางคนก็มีลูกกับหญิงเหล่านั้นด้วย

 

เอสรา 10-2 รวมประชาชน

เอสรา 10:6-8

แล้วเอสราจึงออกจากหน้าพระวิหารของพระเจ้า
เข้าไปในห้องของเยโฮฮานันลูกชายของเอลียาชีบ

เขาอยู่ในนั้นทั้งคืน ไม่กินอาหาร  ไม่ดื่มน้ำ
เพราะเขาเศร้าเสียกับความไร้สัตย์ของเหล่าคนที่เป็นเชลย

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1274

จากนั้นมีการประกาศทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็ม
มายังคนที่กลับมาจากการเป็นเชลยว่า
ให้มารวมตัวกันในเยรูซาเล็ม
และหากใครไม่ยอมมาภายในสามวัน
จะถูกริบทรัพย์ตามความเห็นชอบของเหล่าเจ้าหน้าที่กับผู้อาวุโส
และจะถูกไล่ออกจากชุมชนของคนที่เป็นเชลยด้วย

ภายในสามวัน คนยูดาห์และเบนยามินรวบรวมตัวกันที่เยรูซาเล็ม

ในวันที่ยี่สิบ เดือนเก้า
ประชาชนก็มานั่งรวมกันที่ลานพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

พวกเขาตัวสั่นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น และฝนก็ตกหนักด้วย

…..

เอสรา 10-1 การปฏิญาณตน

เอสรา 10:1-5

ขณะที่เอสรากำลังอธิษฐานและสารภาพบาปต่อพระเจ้า

เขาร้องคร่ำครวญ และทิ้งตัวลงต่อพระวิหารของพระเจ้า
คนทั้งหลายก็มารวมตัวกัน ทั้งชายหญิงและเด็ก
พวกเขามาอยู่กับเอสรา และร้องไห้อย่างขมขื่น
และเชคานิยาห์ ลูกชายเยฮีเอล ลูกชายเอลามได้กล่าวแก่เอสราว่า

ezra_reads_gallery
“เราได้ละทิ้งความเชื่อที่มีต่อพระเจ้าของเรา
และไปแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติ ซึ่งเป็นชนชาติที่อยู่ในแผ่นดินนี้
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังพอมีความหวังสำหรับอิสราเอล
ดังนั้น ขอให้เราทำสัญญากับพระเจ้า
เพื่อจะละทิ้งภรรยาและลูก ตามคำปรึกษาที่มาจากท่าน และ
คนที่ตัวสั่นเพราะพระบัญชาของพระเจ้า
และขอให้เราทำตามพระบัญญัติทุกประการ

จงลุกขึ้น  เพราะนี่เป็นงานของท่าน
และเราอยู่ข้างท่าน จงเข้มแข็งและทำสิ่งนั้นเถิด”

ดังนั้น เอสราจึงลุกขึ้น

และนำให้เหล่าผู้นำปุโรหิต เลวี และคนอิสราเอลทั้งปวง
ได้ปฏิญาณว่า พวกเขาจะทำสิ่งที่ได้กล่าวมา

ดังนั้น พวกเขาจึงปฎิญาณตน

 

เอสรา 9-4 คำอธิษฐานของเอสรา 3

9:13-15

และหลังจากที่พระเจ้าทรงให้หลายอย่างเกิดขึ้น
เพราะความบาป และความผิดที่ยิ่งใหญ่ของเรา
เราก็เห็นว่า พระเจ้าของเราได้ทรงลงโทษเรา
น้อยกว่าโทษที่เราสมควรจะได้รับ
และพระองค์ยังได้ประทานให้มีคนเหลืออยู่อย่างที่เห็น
แล้วเราจะละเมิดคำบัญชาของพระองค์อีกครั้ง
และแต่งงานปนเปไปกับเหล่าคนที่ทำสิ่งซึ่งน่าเกลียดน่าชังอย่างนั้นหรือ ?

Ezra-9-Ezra-Kneels-in-Prayer-m
พระองค์จะไม่ทรงโกรธเราจนกระทั่งทรงเผาผลาญเรา
เพื่อว่าจะไม่มีคนที่เหลืออยู่ ไม่มีใครที่หนีไปได้หรือ?
โอ… องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงตรง
เพราะว่า พวกเราเป็นคนที่พระเจ้าให้เหลืออยู่ ที่ได้หนีรอดมาได้อย่างที่เป็นทุกวันนี้
ดูเถิด เราอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์พร้อมกับความผิดของเรา
.. เพราะไม่มีใครจะยืนอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์ได้เพราะเหตุเหล่านี้ “

 

เอสรา 9-3 คำอธิษฐานของเอสรา 2

เอสรา 9:8-12

แต่บัดนี้  ชั่วระยะหนึ่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงความรักเมตตา
ทำให้เรามีคนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน และประทานที่ยึดมั่นคงภายในพระวิหายของพระองค์
เพื่อว่า พระเจ้าของเราจะทำให้เราตาสว่าง และประทานการรื้อฟื้นชีวิตในช่วงที่เราต้องเป็นทาส
เพราะว่า เราเป็นทาส
แต่พระเจ้าก็มิได้ทรงทิ้งให้เราตกอยู่เป็นทาสตลอดไป
แต่พระองค์ทรงยืนความรักมั่นคงของพระองค์มาเหนือเราต่อหน้าราชาแห่งเปอร์เซีย
เพื่อพระองค์จะทรงอนุญาตให้เกิดการรื้อฟื้นขึ้นมาเพื่อเราจะได้ตั้งพระวิหารของพระองค์ขึ้นมา
เพื่อซ่อมแซมส่วนที่ปรักหักพัง
และทรงปกป้องเราในยูดาห์และในเยรูซาเล็ม

ezra-kneels-in-prayer

และบัดนี้ พระเจ้าของเราทั้งหลาย
เราจะสามารถทูลอะไรต่อไปได้เล่า?
เพราะว่า เราได้ละทิ้งพระบัญญัติของพระองค์
พระบัญญัติที่พระองค์ได้ทรงบัญชาผ่านผู้กล่าวคำของพระองค์ว่า …

แผ่นดินที่เจ้าเข้าไปเพื่อยึดครองนั้น  เป็นแผ่นดินที่เป็นมลทินเพราะผู้คนที่อาศัยในแผ่นดินนั้น
จากความน่าเกลียดน่าชังที่เขากระทำ แผ่นดินจึงเป็นมลทินจากแนวเขตหนึ่งไปที่แนวเขตหนึ่ง

ดังนั้น เจ้าอย่ามอบลูกสาวของเจ้าให้ลูกชายของพวกเขา
และอย่าเอาลูกสาวของพวกเขามาให้ลูกชายของเจ้า
อย่าไปแสวงหาสันติ หรือความมั่งคั่งของพวกเขา
เพื่อว่า เจ้าจะได้เข้มแข็งและกินของดีจากแผ่นดิน
และจะได้ส่งต่อเป็นมรดกของลูกหลานของเจ้าตลอดไป”

 

เอสรา 9-2 คำอธิษฐานของเอสรา

เอสรา 9: 5-7

ในเวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็นนั้น  ข้าพเจ้าลุกขึ้นจากการอดอาหาร
เสื้อผ้าและเสื้อคลุมก็ฉีกขาดอยู่
ข้าพเจ้าได้คุกเข่าลงและยกมือขึ้นต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า  ทูลว่า

“ข้าแต่องค์พระเจ้าของข้าพระองค์ ..
ข้าพระองค์รู้สึกละอายใจ และร้อนใจเกินกว่าที่จะเงยหน้าหาพระองค์
พระเจ้าของข้าพระองค์
เพราะว่าความบาปของเรานั้น มันสูงเกินศีรษะของพวกเขา
และความผิดของเราก็ท่วมสูงถึงฟ้าสวรรค์

jEzr0906Dore_EzraInPrayer

จากบรรพบุรุษของเราจนถึงวันนี้ พวกเราอยู่ในความชั่วอันใหญ่หลวง
และเพราะความบาปเหล่านี้
ทำให้เรา  พระราชา ปุโรหิต ถูกมอบให้อยู่ภายใต้เหล่าราชาแห่งแผ่นดิน
มอบให้ดาบ การเป็นเชลย การปล้น และความน่าละอายอย่างยิ่ง อย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้

 

 

เอสรา 9-1 สิ่งที่ทำให้เอสราตะลึง

เอสรา 9:1-4

หลังจากที่ได้ทำเรื่องต่าง ๆ สำเร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาหาข้าพเจ้ากล่าวว่า
“คนอิสราเอล  ปุโรหิต และเลวี ไม่ได้แยกตัวพวกเขา
ออกจากประชาชนที่ทำสิ่งอันน่ารังเกียจซึ่งอยู่ในแผ่นดิน
คนเหล่านั้นคือ
คนคานาอัน ฮิทไทต์ เปริสซี และเยบูส  คนอัมโมน คนอียิปต์ และคนอาโมไรต์

 

สิ่งที่พวกเขาทำก็คือ เอาลูกสาวของคนเหล่านี้มาเป็นภรรยา
และให้ลูกชายของตนเองด้วย
ดังนั้น เชื้อสายอันบริสุทธิ์ก็ถูกผสมไปกับเหล่าคนที่อยู่ในแผ่นดิน
และเรื่องนี้ คนที่ทำบาปหนักมากที่สุดคือคนที่เป็นผู้ปกครองและเหล่าหัวหน้า”

ezra 9 - 3 i rent my garment and my mantle

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ฉีกเสื้อของตนเองและทึ้งผม
ทึ้งหนวดเคราของข้าพเจ้าเอง นั่งนิ่งตะลึงหวาดผวา

แล้วบรรดาคนที่ตัวสั่นเพราะพระคำของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
เพราะความไม่สัตย์ซื่อของเหล่าคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย
ก็มาอยู่ล้อมรอบข้าพเจ้า ในขณะที่ข้าพเจ้านั่งตะลึงอยู่จนกระทั่งถึงเวลา ถวายเครื่องบูชาเวลาเย็น

 

เอสรา 8-5 งานที่คืบหน้า

เอสรา 8:31-36

แล้ววันที่ 12  เดือนที่ 1 เราก็เดินทางจากแม่น้ำอาหะวา มุ่งหน้าไปยังเยรูซาเล็ม

พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือพวกเรา

พระองค์ทรงปกป้องเราจากศัตรูและโจรที่คอยซุ่มทำร้ายตามทาง

เรามาถึงเยรูซาเล็ม และอยู่ที่นั่น  3 วัน

วันที่สี่ เริ่มจากที่พระวิหาร  เราได้ชั่งเงินและทอง
เพื่อมอบให้กับ ปุโรหิตเมเรโมท ลูกชายของอุริยาห์
พร้อมกับเอเลอาซาร์ลูกชายฟิเนหัส
พร้อมกับคนเลวีคือ  โยซาบัท ลูกชายเยชูอา และ โนอัดยาห์ ลูกชายบินนุย

พวกเขานับและชั่งน้ำหนักทุกอย่าง และบันทึกเอาไว้ด้วย

05_Ezra_JPEG_1024

 

ภาพเอื้อเฟื้อจาก Free Bible images.org

ในเวลานั้น คนที่ถูกจับไป  คนที่กลับมาจากการเป็นเชลย
ก็ได้ถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอล
เป็นวัวผู้ 12 ตัวเพื่อคนอิสราเอลทั้งปวง
เป็นแกะผู้ 96 ตัว

เป็นลูกแกะอีก 77 ตัว
และยังถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเป็นแพะผู้  12  ตัว
ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

พวกเขายังได้นำบัญชาของพระราชาไปยังเสนาบดี
และผู้ครองแคว้นต่าง ๆ อีกฟากของแม่น้ำ
ทำให้พวกเขาได้คนเข้ามาช่วยในการสร้างพระวิหารเพิ่มเติม

เอสรา 8-4 ผู้ดูแลรักษา

เอสรา 8:24-30

แล้วข้าพเจ้าได้แต่งตั้ง ปุโรหิต 12 คนเป็นหัวหน้า
คือเชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ และพี่น้องของเขา 10 อีกคน 

ข้าพเจ้าได้ชั่งเงิน และทอง รวมถึงภาชนะอื่นๆ ให้เขา
ของเหล่านี้เป็นของถวายมาจากพระราชา และเหล่าที่ปรึกษา ข้าราชบริพารของพระองค์
ข้าชั่งเงินให้พวกเขาได้ 650 ตะลันท์
ภาชนะเงินเป็นน้ำหนัก   200  ตะลันท์
และทอง 100 ตะลันต์
อ่างทองคำ 20 ใบมีค่าเท่ากับ 1000 ดาริค

Antiochus Epiphanes

 

ขนไป ขนมา เพิ่มบ้าง หายไปบ้าง

 

ภาชนะเครื่องทองเหลืองอย่างดีเทียบเท่ากับทอง

ข้าพเจ้าบอกเขาว่า
“ท่านทั้งหลายเป็นผู้ถูกแยกให้บริสุทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งภาชนะทั้งเงินและทองต่างๆ ก็บริสุทธิ์
เหล่านี้เป็นของถวายตามใจสมัครแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน
จงรักษาของเหล่านี้จนกว่า ท่านจะได้ชั่งในคลังพระวิหารต่อหน้าหัวหน้าปุโรหิต และเลวี
รวมทั้งหัวหน้าครอบครัวทั้งหลายในอิสราเอลที่เยรูซาเล็ม

ดังนั้นปุโรหิตและเลวีก็ได้รับสิ่งที่ชั่งแล้วนั้นไปทั้งเงินและทอง
รวมทั้งภาชนะต่าง ๆ และนำไปยังพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

เอสรา 8-3 อดอาหารอธิษฐาน

เอสรา  8:21-23

ที่ริมน้ำอาหะวานั้นเอง ข้าได้ประกาศให้ถืออดอาหาร

เพื่อว่า เราจะได้ถ่อมตนต่อพระพักตร์พระเจ้า

เพื่อทูลขอให้ตัวเรา  ลูกหลาน และข้าวของได้มีความปลอดภัยในระหว่างเดินทาง

เรารู้สึกละอายใจที่จะขอกำลังทหาร

และพลม้าจากพระราชาเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้เราระหว่างทาง

Screen Shot 2014-11-27 at 7.51.55 AM

เพราะเราได้ทูลพระราชาว่า

“พระหัตถ์ของพระเจ้ามีเพื่อสวัสดิภาพของทุกคนที่แสวงหาพระองค์

และทรงพิโรธทุกคนที่เดินไปจากพระองค์

ดังนั้นเราจึงอดอาหาร อธิษฐานและทูลขอพระเจ้าเพื่อสิ่งนี้

และพระองค์ทรงฟังคำทูลของพวกเรา”  

 

เอสรา 8-2 เตรียมคนเพื่อพระวิหาร

เอสรา 8:15-20

ข้าพเจ้ารวบรวมพวกเขาให้มายังแม่น้ำที่ไหลไปสู่อาหะวา
โดยเราพักที่นั่นสามวัน และเมื่อข้าพเจ้าสำรวจประชากร และปุโรหิต

ปรากฎว่า ไม่มีเหล่าลูกชายของเลวีเลย
ข้าพเจ้าจึงตามผู้นำที่มีวิสัยทัศน์คือ
เอลีเยเซอร์   อารีเอล เชไมอาห์ เอลนาธาน
ยาริบ เอลนาธาน นาธาน  เศคาริยาห์ และเมชุลลัม

Ezra_Returns_From_Babylon_C-834

ข้าพเจ้าส่งเขาไปหาอิดโด ซึ่งเป็นผู้นำที่คาสิเฟีย
ให้เขาบอกปัญหาแก่อิดโดและพี่น้อง รวมทั้งคนรับใช้ในพระวิหารซึ่งอยู่ที่คาสิเฟีย
เพื่อว่า เขาจะได้ส่งผู้ที่จะทำงานรับใช้ในพระวิหารมาให้เรา
ด้วยว่า พระหัตถ์แสนดีของพระเจ้าอยู่กับเรา
พวกเขาจึงส่งคนหนึ่งที่มีความสามารถมาก
เขาคือเชเรบิยาห์ พร้อมทั้งลูกชายและญาติอีก  18 คน

และยังส่งฮาชาบิยาห์  พร้อมกับเยชายาห์ซึ่งอยู่ในตระกูลของเมรารี
พร้อมกับลูกชายและญาติอีก 20 คน

และเขายังส่งผู้รับใช้ในพระวิหารอีก 220  คน
และตั้งพนักงานที่จะช่วยงานเลวี  คนเหล่านี้มีชื่อลงทะเบียนไว้

 

เอสรา 8-1 เหล่าคนที่กลับมา

เอสรา 8:1-14

เอสรา 8-1

ต่อไป ก็เป็นรายชื่อของหัวหน้าตระกูลต่าง ๆ

และเป็นรายการสืบเชื้อสายที่เดินทางมากับข้าพเจ้าจากบาบิโลน
ในรัชสมัยของราชาอารทาเซอร์ซีส
(เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งเบื่ออ่านนะครับ ชื่อเหล่านี้ น่าสนใจ และแปลกดีด้วย)

โดยมีคนจากเผ่าต่าง ๆ

back

จากตระกูลฟีเนหัส   คือเกอร์โชม
จากตระกูลอิธามาร์  คือดาเนียล
จากตระกูลของดาวิด คือฮัทธัช
จากตระกูลของเชคานิยาห์

จากตระกูลของปาโรช ก็มีเศคาริยาห์ พร้อมกับชายลงทะเบียนอีก 150 คน

จากตระกูลของปาหัทโมอับคือ เอลีโฮเอนัย ซึ่งเป็นลูกชายของเศราหิยาห์ พร้อมกับชายอีก 200 คน

จากตระกูลของศัทธู ก็มีเชคานิยาห์ ลูกชายของยาฮาซีเอล พร้อมกับชายอีก 300 คน
จากตระกูลของอาดิน คือเอเบด ลูกชายของโยนาธาน พร้อมกับชายอีก 50 คน
จากตระกูลของเอลาม คือเยชายาห์ ลูกชายของอาธาลิยาห์ พร้อมกับชายอีก  70 คน

จากตระกูลของเชฟาทิยาห์ คือเศบาดิยาห์ ลูกชายของมิคาเอล มาพร้อมกับชายอีก 80 คน

จากตระกูลของโยอาบ  มีโอบาดีย์ ลูกชายของเยฮีเอล และชายอีก 218  คน
จากตระกูลของบานี  ก็คือ เชโลมิท ลูกชายของโยสีฟิยาห์ และชายอีก 160  คน
จากตระกูลของเบบัย ก็มีเศคาริยาห์ บุตรของเบบัย พร้อมกับชายอีก  28 คน
จากตระกูลของอัสกาส ก็มีโยฮานัน ลูกชายของฮักคาทาน พร้อมกับชายอีก 110  คน

จากตระกูลของอาโดนิคาม พวกนี้เดินทางมาทีหลัง คือ เอลีเฟเลท เยอูเอล และเชไมยาห์ พร้อมกับชายอีก 60 คน

จากตระกูลของบิกวัย มีอุธัย และศัคเคอร์ พร้อมกับคนอีก 70 คน

 

เพื่อน ๆ ครับ คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าตระกูลที่กลับมาพร้อมกับท่านเอสรา

แน่นอน ต้องเป็นผู้นำสำคัญที่ช่วยให้พวกเขามีพลังขึ้นในการสร้างพระวิหาร และสร้างเมืองใหม่
ลองนับดูซิครับว่า มีประมาณกี่คน

เอสรา 7-5 คำขอบคุณจากเอสรา

เอสรา 7:25-28

สำหรับท่านเอสรา
ขอให้ท่านแต่งตั้งตุลาการและผู้พิพากษาตามสติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้ท่าน
เพื่อตัดสินความให้กับประชาชนของท่านซึ่งรู้บัญญัติของพระเจ้าในแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
ส่วนคนที่ไม่รู้พระบัญญัตินั้น ขอให้ท่านสอนพวกเขา

และใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าของท่าน
และกฎหมายของพระราชา

ท่านจะต้องพิพากษาลงโทษเขา
ไม่ว่าจะเป็นการประหาร การเนรเทศ การริบทรัพย์สิน หรือการจำขัง

(จบราชสาส์นจากพระราชาเพียงเท่านี้)

Repairing_temple_1219-186

สรรเสริญพระเจ้า พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา
ผู้ทรงดลบันดาลพระทัยพระราชา
เพื่อทรงทำให้พระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มงดงาม

และทรงขยายความรักมั่นคงของพระองค์ให้ข้าพเจ้า
ต่อพระพักตร์พระราชา และองคมนตรี และข้าราชการที่มีอำนาจทั้งหลาย

ข้าพเจ้าจึงมีใจกล้าหาญ เพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าทรงอยู่กับข้า
และข้าได้รวบรวมเหล่าผู้นำของอิสราเอลให้ไปกับข้า

 

เอสรา 7-4 สำเนาราชสาส์นของพระราชา (ต่อ)

เอสรา  7:18-24

ส่วนเงิน ทองที่เหลือจากการสร้าง
ขอให้ท่านและพี่น้องได้ใช้ให้เหมาะสมตามพระทัยของพระเจ้าของท่าน
ภาชนะต่าง ๆ ที่ท่านได้รับมอบไปเพื่อใช้ในพระวิหารของพระเจ้าของท่าน
ขอให้ท่านนำไปต่อพระพักตร์ของพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็ม

และหากยังมีสิ่งที่ขาดเหลือที่ต้องการเพิ่มเติมในพระวิหารของพระเจ้าที่ท่านต้องจัดหา
ก็ขอให้เบิกจากคลังของพระราชาได้

และเรา ราชาอารทาเซอร์ซีส  บัญชาไปยังเหล่านายคลังแห่งแผ่นดินที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำว่า

หากมีสิ่งใดที่ท่านเอสรา ปุโรหิต อาลักษณ์แห่งบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ขอท่านมา
ก็ของให้ท่านได้จัดหาให้อย่างเต็มที่

artar decree

ให้ได้จนถึงจำนวนเงิน 100 ตะลันท์ (3.2 ตัน)
ข้าวสาลี 100 โคร์  (22  กิโลลิตร)
เหล้าองุ่น 100  บัท (2.2 กิโลลิตร)
น้ำมันมะกอก  100  บัท (2.2 กิโลลิตร)
และเกลือ ไม่จำกัด  ให้ได้เท่าที่ต้องการ

สิ่งใดที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์บัญชามา
ขอให้ทำอย่างเต็มที่เพื่อพระวิหารของพระองค์
เพื่อว่าพระองค์จะไม่ทรงพิโรธต่อราชอาณาจักรของพระราชาและราชโอรส

เราขอบอกเสียตรงนี้ว่า ท่านไม่มีสิทธิทางกฎหมายที่จะเรียกเก็บภาษี
เงินบรรณาการ ค่าธรรมเนียมจากใคร ไม่ว่าจะเป็นปุโรหิต เลวี นักรัอง ผู้เฝ้าประตู
ผู้รับใช้ในพระวิหาร และคนอื่น ๆ ที่รับใช้ในพระวิหารของพระเจ้า