เอสรา 7-3 ราชสาส์นจากพระราชา

เอสรา 7:11-17

 

ต่อไปนี้เป็นสำเนา พระราชสาส์น ที่ราชาอารทาเซอร์ซีสได้ส่งมาให้เอสราผู้เป็นปุโรหิต  อาลักษณ์

บุรุษผู้ซึ่งได้เรียนรู้พระบัญญัติของพระเจ้า และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่ออิสราเอล

artar decree

“เรา อารทารเซอร์ซีส ราชาแห่งราชาทั้งหลาย
เขียนมายังท่านเอสราผู้เป็นปุโรหิต

อาลักษณ์แห่งกฎหมายของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน

บัดนี้ เราได้ออกกฤษฎีกาว่า ไม่ว่าใครในหมู่ประชาชนอิสราเอล
หรือเหล่าปุโรหิต หรือเลวี ที่อาศัยในอาณาเขตแห่งอาณาจักรของเรา
ที่ได้เสนอตัวเต็มใจจะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ก็อนุญาตให้พวกเขาไปกับท่านได้

เพราะว่า ท่านเป็นผู้ถูกส่งไปโดยพระราชา และองคมนตรีทั้งเจ็ด
เพื่อจะถามเกี่ยวกับยูดาห์ และเยรูซาเล็ม  ตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้าของท่าน

 

และขอให้ท่านนำเงิน และทองซึ่ง
พระราชาและที่ปรึกษาของพระองค์
ได้พร้อมมอบถวายแด่องค์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ผู้ประทับในเยรูซาเล็ม ไปด้วย

รวมไปถึงเงินและทองที่เจ้าจะได้จากประชาชน
ในแคว้นบาบิโลน
และของถวายตามความสมัครใจจากประชาชน
ปุโรหิต เพื่อพระวิหารในเยรูซาเล็ม

จงใช้เงินเหล่านี้ เพื่อซื้อวัวผู้  แกะผู้ และลูกแกะ
ธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชา
เพื่อท่านจะได้ถวายบนแท่นบูชาในพระวิหารของพระเจ้าของท่านซึ่งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม

 

เอสรา 7-2 ความตั้งใจของเอสรา

เอสรา 7:7-10

แล้วประชาชนต่างพากันไปที่เยรูซาเล็ม

ในปีที่เจ็ดของรัชกาลราชาอารทาเซอร์ซีส
มีทั้งประชาชนอิสราเอล
บางส่วนของปุโรหิตและเลวี

เหล่านักร้อง  และคนเฝ้าประตู รวมทั้งคนรับใช้ในพระวิหาร

และเอสราก็ได้มายังกรุงเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้า
ซึ่งเป็นปีที่เจ็ดของพระราชา

ในวันแรกของเดือนแรกนั้น เขามาจากบาบิโลน
วันแรกของเดือนที่ห้า เขามาถึงเยรูซาเล็ม
เพราะว่า พระหัตถ์ดีเลิศของพระเจ้าทรงอยู่กับเขา

esdras

 

 

เพราะเอสราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะศึกษาบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ตั้งใจทำตาม และตั้งใจที่จะสอนพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์ในอิสราเอล

 

เอสรา 7-1 บรรพบุรุษของเอสรา

เอสรา 7:1-6

หลังจากนั้น ในรัชสมัยของราชาอารทาเซอร์ซีส แห่งเปอร์เซีย
เอสรา ลูกชายของเสไรอาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของอาซาริยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของฮิลคียาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของชัลลูม
ซึ่งเป็นลูกชายของศาโดก

ซึ่งเป็นลูกชายของอาหิทูบ
ซึ่งเป็นลูกชายของอามาริยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของอาซาริยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของเมราโยท
ซึ่งเป็นลูกชายของเศราหิยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของอุสซี
ซึ่งเป็นลูกชายของบุคคี
ซึ่งเป็นลูกชายของอาบีชู
ซึ่งเป็นลูกชายของฟีเนหัส
ซึ่งเป็นลูกชายของเอเลอาซาร์
ซึ่งเป็นลูกชายของอาโรน หัวหน้าปุโรหิต
(เพื่อน ๆ ครับ อาโรนท่านนี้ คือพี่ชายของโมเสส)

images-8

โมเสสและอาโรน บรรพบุรุษของเอสรา

เอสราผู้นี้เดินทางมาจากบาบิโลน
เขาเป็นอาลักษณ์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องกฎบัญญัติของโมเสส  ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ประทานไว้
และพระราชาก็ได้อนุญาตทุกอย่างตามที่เอสราทูลขอ เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา

 

เอสรา 6-4 งานฉลอง

เอสรา 6:19-22

ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก
เหล่าคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย ก็จัดเทศกาลปัศกา

ทั้งปุโรหิตและเลวี ต่างก็ชำระตัวเอง ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงสะอาด

พวกเขาได้ฆ่าลูกแกะปัศกาสำหรับทุกคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย
สำหรับปุโรหิตและสำหรับตนเอง

Dedicating-the-Temple-4

คนอิสราเอลก็ได้กินปัศกาด้วยกัน

ทั้งคนที่เคยเป็นเชลย และคนที่เข้ามาร่วมกับเขา

โดยการแยกตัวออกจากสิ่งที่ไม่สะอาด
ตั้งใจที่จะมานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล

และพวกเขาก็ได้รักษาเทศกาลขนมปังไร้เชื้อถึง 7 วันด้วยความยินดีนัก

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขามีความสุข และ

ทรงทำให้ใจของราชาแห่งอัสซีเรียมาเข้าข้างพวกเขา

ทรงช่วยให้เขาในการสร้างพระวิหารของพระเจ้าแห่งอิสราเอล

 

 

เอสรา 6-3 ฉลองพระวิหาร

เอสรา 6:13-18

ดังนั้น ทัทเทนัย ผู้ว่าราชการของอีกฟากของแม่น้ำ
รวมทั้งเชธาร์โบเซนัย และพรรคพวกของเขา

จึงปฏิบัติตามคำบัญชาของราชาดาริอัสอย่างขยันขันแข็ง
และผู้ใหญ่ของชาวยิวได้สร้างพระวิหาร
และได้ทำทุกอย่างสำเร็จตามคำพยากรณ์ของฮักกัยและเซคาริยาห์ ลูกชายอิดโด

พวกเขาสร้างพระวิหารเสร็จตามพระบัญชาของพระเจ้า
ด้วยราชกฤษฎีกาของราชาไซรัส

ราชาดาริอัส และราชาอารทาเซอร์ซีส ราชาแห่งเปอร์เซีย
และพระวิหารก็สำเร็จในวันที่สามของเดือนอาดาร์
ในปีที่หกของรัชสมัยราชาดาริอัส

และประชาชนอิสราเอล ปุโรหิต และเลวี
รวมทั้งประชากรทุกคนที่กลับมาจากเป็นเชลย
จึงได้ฉลองการถวายพระวิหารของพระเจ้าด้วยความยินดียิ่ง

jerusalem temple

พวกเขาถวายวัวผู้ 100 ตัว   แกะผู้ 200 ตัว
ลูกแกะ 400 ตัว  และถวายเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอล

 

และพวกเขาแต่งตั้งปุโรหิตตามกลุ่มต่าง ๆ
แบ่งหน้าที่ของเลวีในพระวิหารแห่งเยรูซาเล็ม
ตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส

เอสรา 6-2 ประกาศของดาริอัส

เอสรา 6:6-12

ดังนั้น ราชาดาริอัสจึงส่งสารมาสั่งให้ทัทเทนัย

ซึ่งเป็นผู้ว่าการอีกฟากของแม่น้ำ

เชธาร์ โบเซนัย กับข้าราชการอื่น ๆ ให้หลีกทาง
จงให้งานก่อสร้างพระวิหารดำเนินต่อไป
จงยอมให้ผู้ว่าการของชาวยิว และผู้ใหญ่ของชาวยิว
ช่วยกันสร้างพระวิหารในพื้นที่เดิม

 

ยิ่งกว่านั้น ราชาดาริอัสยังทรงออกราชกฤษฎีกาว่า
“เราออกราชกฤษฎีกามาเพื่อให้เจ้าทั้งหลาย
ทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้เพื่อผู้ใหญ่ของชาวยิว

 

จงมอบเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอย่างเต็มจำนวน
ต้องไม่ล่าช้า เอาเงินจากภาษีจากแว่นแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
และหากมีสิ่งจำเป็น
ไม่ว่าจะเป็นวัวผู้  แกะผู้   หรือแกะเพื่อใช้ในการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์
ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี  เกลือ เหล้าองุ่น หรือน้ำมัน
ตามที่เหล่าปุโรหิตแห่งเยรูซาเล็มร้องขอมา

ก็จงจัดให้ทุกวันอย่าให้ขาด
เพื่อว่าพวกเขาจะถวายเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัย
พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และจะได้อธิษฐานเผื่อพระราชาและราชโอรส

และเราขอประกาศว่า หากใครบิดพลิ้ว ไม่ทำตาม
เราจะดึงคานไม้ของบ้านคนนั้นออกไปอันหนึ่ง
และจะเสียบเขาด้วยไม้นั้น และบ้านของเขาจะกลายเป็นกองขยะ

ขอพระเจ้าผู้ทรงให้พระนามของพระองค์สถิตที่นั่น
ทรงทำลายกษัตริย์หรือประชาชนคนใดก็ตามที่
ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงประกาศนี้
หรือพยายามทำลายพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

 

เรา ดาริอัสเป็นผู้ออกกฤษฎีกา ขอให้ท่านทั้งหลาย
ทำตามคำสั่งนี้อย่างขยันขันแข็ง

เอสรา 6-1 สืบค้นเอกสาร

เอสรา 6:1-5

ดังนั้น ราชาดาริอัส จึงทรงสั่งให้มีการสืบค้น

จดหมายเหตุที่เคยทำในบาบิโลน

โดยพวกเขาไปค้นที่หอเก็บเอกสาร

และในเมือง ….. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นมีเดีย
พวกเขาก็ได้พบหนังสือม้วน ซึ่งมีบันทึกไว้ว่า

 

ในปีแรกของรัชสมัยราชาไซรัส
ราชาไซรัสได้ออกราชกฤษฎีกา
เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระวิหารของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม

จงสร้างวิหารนั้นขึ้นมาใหม่

เป็นสถานที่ซึ่งจะมีการถวายเครื่องบูชา
และจงให้รากฐานของวิหารนั้นคงอยู่
ให้อาคารสูง 60  ศอก กว้าง 60 ศอก
มีหินใหญ่สามชั้น และชั้นหนึ่งเป็นไม้
ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ให้ส่งจากพระคลัง

28-23

ยิ่งกว่านั้น  พวกภาชนะ เครื่องใช้ทองและเงิน
ซึ่งราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้นำมาไว้ในบาบิโลนนั้น
ก็ให้ขนกลับไปไว้ใช้ในพระวิหารเยรูซาเล็ม
ให้วางไว้ในที่เดิมของมัน
จะต้องเอาภาชนะเหล่านี้กลับไปในพระวิหารของพระเจ้า

 

เอสรา 5-3 เนื้อความในจดหมาย

เอสรา 5:11- 17

และพวกเขาตอบเราดังนี้

“เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน

เรากำลังสร้างพระวิหารใหม่ ซึ่งเคยมีมาก่อนหน้านี้
โดยราชายิ่งใหญ่แห่งอิสราเอลได้ทรงสร้างและทำสำเร็จด้วย
แต่บรรพบุรุษของเรา ได้ทำให้พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์พิโรธ

King_reads_letter_1337-231

พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาแก่ราชาเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
ราชาเคลเดียองค์นี้ได้ทำลายพระวิหาร
และนำคนเป็นจำนวนมากไปเป็นเชลยในบาบิโลน

อย่างไรก็ตาม ในปีแรกที่ราชาไซรัสครองบาบิโลน
พระองค์ได้ทรงออกราชกฤษฎีกาให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่
พวกเครื่องใช้ทอง เงินในพระวิหารที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์
ทรงยึดไปเก็บไว้ในวิหารเทพเจ้าของพระองค์ในบาบิโลน
ราชาไซรัสก็ทรงสั่งให้เอาออกมา

และส่งให้คนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ ชื่อท่านเชชบัสซาร์
โดยทรงสั่งให้นำเครื่องใช้เหล่านี้ กลับมาไว้ที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม

และทรงให้เราสร้างพระวิหารในที่เดิม
ท่านเชชบัสซาร์จึงเข้ามาวางรากฐานพระวิหาร ในกรุงเยรูซาเล็ม
การก่อนสร้างก็ทำต่อมาจนทุกวันนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ

ดังนั้น หากพระองค์ทรงเห็นดีด้วย ……..

ขอทรงสั่งให้มีการสืบค้นจดหมายเหตุของบาบิโลน
เพื่อหาหลักฐานที่ราชาไซรัสทรงสั่งให้สร้างพระวิหาร

ขอพระองค์ทรงวินิจฉัยเรื่องนี้

 

เอสรา 5-2 จดหมายฟ้องครั้งที่สอง

เอสรา 5:6-10

ต่อไปนี้เป็นสำเนาของสารที่ผู้ว่าการของอีกฟากของแม่น้ำชื่อทัทเทนัย
รวมทั้งเชธาร์โบเชนัย  กับ พวกของเขาที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
ส่งไปทูลราชาดาริอัส
มีใจความว่า

Decree of Darius

ขอองค์ราชาดาริอัสจงทรงพระเจริญ

ข้าพระบาททั้งหลายขอทูลรายงานให้ทรงทราบว่า
พวกเราได้ไปยังยูดาห์  ที่พระวิหารของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ตอนนี้ เหล่าคนทั้งหลายกำลังก่อสร้างพระวิหาร
พวกเขาใช้หินก้อนใหญ่ ๆ  บุผนังพระวิหารด้วยไม้
พวกเขาทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ
ตอนนี้ อาคารพระวิหารกำลังคืบหน้าไปมาก

พวกเราถามคนที่มีอายุว่า
“ใครเป็นคนอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ ?”
และยังได้ถามรายชื่อของคนทำงานมา
รายงานถวายพระองค์ด้วย ….

พวกเขาตอบเราอย่างนี้….

 

 

 

เอสรา 5-1

เอสรา 5:1-5

ส่วนผู้กล่าวคำของพระเจ้าคือ ฮักกัย และเศคาริยาห์ ซึ่งเป็นลูกชายของอิดโด
ก็ได้กล่าวคำของพระเจ้าแก่ชาวยิวที่อยู่ในยูดาห์และเยรูซาเล็ม
ในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงครองเหนือพวกเขา

แล้วเศรุบบาเบลลูกชายของเชอัลทิเอล กับเยชูวาลูกชายของโยซาดัก
ก็ลุกขึ้นและเริ่มลงมือก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม
ผู้กล่าวคำของพระเจ้าก็อยู่กับพวกเขา คอยสนับสนุน

picture

ในเวลาเดียวกัน ทัทเทนัย ซึ่งเป็นผู้ว่าของแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
และเชธาร์-โบเซนัย กับพวกของเขามาถามว่า
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างวิหารนี้จนสำเร็จ?”
และยังถามอีกว่า
“ใครเป็นคนสร้างพระวิหารนี้บ้าง บอกชื่อมา”
แต่พระเนตรของพระเจ้าทรงอยู่กับเหล่าผู้ใหญ่ของยิว
เขาไม่ได้หยุดการก่อสร้าง
จนกระทั่งพวกนั้นส่งสารไปยังราชาดาริอัส  และพระองค์ก็ทรงตอบกลับมา

เอสรา 4-4 ได้ผล

เอสรา 4:17-24

ต่อมาพระราชาจึงทรงตอบกลับมาว่า

ถึงเรฮูมและผู้บัญชาการทหาร
ถึงชิมชัย เลขานุการ และเหล่าคนที่อยู่ในสะมาเรีย
คนที่อาศัยอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรตีส

คำทักทายจากเรา
จดหมายที่ท่านส่งมานั้น  เราได้ให้คนแปลและอ่านให้ฟังแล้ว
และเราได้ให้มีการสืบค้น ก็พบว่า
ตั้งแต่ในอดีต เมืองนี้ได้แข็งข้อต่อกษัตริย์ทั้งหลาย
มักมีการต่อสู้ และการก่อความวุ่นวายต่าง ๆ เสมอมา
เมืองนี้เคยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ปกครอง
พวกเขาได้ปกครองทั่วแว่นแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
กษัตริย์เหล่านี้ได้รับบรรณาการ ภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

 

ดังนั้นจงตั้งกฎขึ้นมาเพื่อยับยั้งการทำงานของคนเหล่านี้
เพื่อว่าจะไม่มีการสร้างเมืองนี้ใหม่
จนกว่าจะมีคำสั่งจากข้า
ขออย่าให้เจ้าทำเฉยเมยในเรื่องนี้
จะปล่อยให้เรื่องนี้ทำให้พระราชาเสียหายได้อย่างไร?”

เมื่อมีการอ่านสารจากพระราชาถึงเรฮูมและชิมชัยรวมทั้งพวกของเขา
พวกเขาก็รีบไปหาคนยิวในกรุงเยรูซาเล็ม
และใช้กำลังบังคับให้พวกเขาหยุดสร้างเมืองใหม่
ดังนั้นงานสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็มจึงต้องหยุดชะงักไป
จนถึงปีที่สองของรัชสมัยราชาดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

เอสรา 4-3 เนื้อความในจดหมาย

เอสรา 4:13-16

ขอพระราชาทรงทราบว่า
หากนครนี้ได้ถูกสร้างใหม่ และกำแพงเมืองสำเร็จแล้ว
พวกเขาจะไม่ยอมส่งบรรณาการ  ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมถึง
ภาษีทั้งสิ้น  และแน่นอนที่รายได้ของพระคลังจะขาดหายไป

 

 ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก ChristArt.com
ด้วยความเอื้อเฟื้อจาก ChristArt.com วาดโดยคุณ Richard Gunther

เป็นเพราะพวกเราได้รับเกลือจากราชวัง
ไม่สมควรที่พวกเราจะต้องเห็นพระราชาถูกหมิ่นพระเกียรติ
ดังนั้นเราจึงส่งจดหมายนี้มาถวายเพื่อกราบทูล
ขอพระองค์ทรงสั่งให้ตรวจดูรายงานสมัยพระราชบิดา
จากรายงานเหล่านั้น พระองค์จะทรงเห็นชัดว่า
นครนี้เป็นเมืองขบถ  เป็นอันตรายต่อพระราชาและแคว้นต่าง ๆ

เป็นเมืองที่จะแข็งข้อและสร้างความวุ่นวายมาตั้งแต่โบราณ
นี่เป็นเหตุผลที่เมืองนี้ถูกทิ้งร้าง
เราจึงขอแจ้งพระราชาว่า หากเมืองนี้มีการสร้างขึ้นมาใหม่
มีกำแพงเมืองล้อมรอบ

พระองค์ก็จะสูญเสียแคว้นที่อยู่ทางฟากนี้ของแม่นำ้

 

เพื่อน ๆ คิดว่าจดหมายฉบับนี้เป็นอย่างไรครับ

เด็ดขาดจริง ๆ  ว่าไม๊?

 

เอสรา 4-2 จดหมายฟ้อง

เอสรา 4:7-12

ในรัชกาลของราชาอาหะสุเอรัสนั้นเอง
ก็มีหลายคนร่วมกันตั้งข้อกล่าวหาคนอิสราเอล
พวกเขาคือ    บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอล

พวกเขาเขียนเป็นภาษาอารเมค
เมื่อจดหมายไปถึงพระราชาก็มีคนแปล….

King_reads_letter_1337-231

ผู้บัญชาการทหารเรฮูม และชิมชัย เลขานุการ
เขียนจดหมายถวายราชาอาหะสุเอรัส
กล่าวหาเยรูซาเล็มว่า

ผู้บัญชาการเรฮูม
ชิมชัย เลขานุการ
และผู้ร่วมกล่าวหาคือ เหล่าตุลาการ

ผู้ปกครอง
ข้าราชการ
ชาวเปอร์เซีย
บุรุษจากเอเรกและชาวบาบิโลน
บุรุษจากสุสาคือคนเอลาม
รวมทั้งชนชาติต่าง ๆ ที่อาชูร์บานิปาลผู้ทรงเกียรติ
ได้นำมาให้ตั้งหลักฐานในสะมาเรีย และพื้นที่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำยูเฟรตีส

 

(โดยสำเนาจดหมายที่เขานำขึ้นกราบทูล มีข้อความดังนี้)
กราบทูล ราชาอาหะสุเอรัส
จากบรรดาข้าราชการของพระองค์ที่อยู่อีกฝั่งของยูเฟรตีส

ขอถวายคำทักทาย
และบัดนี้ ขอกราบทูลว่า ชาวยิวที่ถูกส่งมาจากพระองค์นั้น
ได้มายังนครเยรูซาเล็ม
พวกเขากำลังสร้างเมืองขบถและชั่วร้ายขึ้นมาใหม่
พวกเขากำลังจะสร้างกำแพงสำเร็จ และได้ซ่อมแซมรากฐานของมัน

 

 

เอสรา 4-1 เจอศัตรู

เอสรา 4:1-6

เมื่อศัตรูของยูดาห์ และเบนยามินได้ข่าวว่า
คนที่กลับจากการเป็นเชลยนั้น กำลังสร้างพระวิหารของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
พวกเขาก็เข้ามาหาเศรุบบาเบล และหัวหน้าของครอบครัวทั้งหลาย

กล่าวว่า “ขอให้พวกเรามาช่วยท่านสร้าง
เพราะว่า เราก็นมัสการพระเจ้าเหมือนกับท่าน
และเราก็ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์มาตั้งแต่วันที่ราชาเอสารฮัคโดน แห่งอัสซีเรีย
ได้ส่งเรามาอยู่ที่นี่”

แต่เศรุบบาเบล เยชูวา และหัวหน้าครอบครัวแห่งอิสราเอล
กล่าวแก่เขาว่า
“ท่านไม่ต้องมาช่วยเราในการสร้างพระวิหารของพระเจ้าของเรา
เราเท่านั้น ที่จะสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ตามที่ราชาไซรัสแห่งเปอร์เซียได้บัญชาเราไว้”

แล้วคนพวกนั้นก็พยายามที่จะทำให้คนที่สร้างพระวิหารท้อถอย
ทำให้คนยูดาห์กลัว
และยังพยายามให้สินบนกับที่ปรึกษาเพื่อขัดขวางการสร้างพระวิหาร
ตลอดรัชสมัยของราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย
และพยายามไม่หยุดจนรัชสมัยของราชาดาริอัสแห่งเปอร์เซียด้วย

ในรัชสมัยของราชาอาหสุเอรัส  ช่วงต้นรัชการนั้นเอง
พวกเขาก็เขียนข้อกล่าวหาต่อต้านชาวยูดาห์ และชาวนครเยรูซาเล็ม

 

เอสรา 3-2 สร้างพระวิหารขึ้นใหม่

เอสรา 3:7-13

ดังนั้น พวกเขาจึงมอบเงินให้กับช่างก่อปูน และช่างไม้
เขาเตรียมอาหาร น้ำ และนำ้มันให้แก่ชาวซีโดนและไทระ
เพื่อให้พวกเขาช่วยขนส่งลำต้นสีดาร์มาทางทะเล ขึ้นท่ายัฟฟา
จำนวนตามที่พวกเขาได้รับอนุญาตจากราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย

ในปีที่สองหลังจากพวกเขาเดินทางมายังพระวิหารของพระเจ้าในนครเยรูซาเล็ม
เดือนที่สอง เศรุบบาเบล ลูกชายของเชอัลทิเอล และเยชูวา ลูกชายของโยซาดัก
พร้อมกับคนอื่น ๆ ทั้งปุโรหิต และเลวีทั้งหมดที่พ้นจากการเป็นเชลยมานั้น
พวกเขาแต่งตั้งเลวีที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป
เพื่อดูเลงานในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

Laying foundations of temple

และเยชูวาพร้อมกับลูกชาย และพี่น้อง
ขัดมีเอล พร้อมกับลูกชาย
ลูกชายของยูดาห์ ช่วยกันดูแลการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า
รวมไปถึงลูกชายของเฮนาดัด
กับเหล่าเลวี ลูกชาย และพี่น้องชายของพวกเขา

และเมื่อผู้ก่อสร้างได้วางฐานรากของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ปุโรหิตที่สวมเสื้อเต็มยศ ก็ได้เดินออกมาพร้อมกับแตร
คนเลวีลูกชายของอาสาฟ เดินออกมาพร้อมฉาบเพื่อสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
ตามแบบอย่างของราชาดาวิดแห่งอิสราเอล
พวกเขาร้องเพลง สรรเสริญและโมทนาพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า

“เพราะพระเจ้าทรงดี  และความรักมั่นคงของพระองค์ต่ออิสราเอล
ดำรงอยู่ตลอดกาล”

คนทั้งหลายร้องตะโกนเสียงดังมากขณะที่พวกเขาสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะเวลานั้น พวกเขาได้วางรากฐานของพระวิหารแล้ว
แต่ยังมีปุโรหิต และเลวี และหัวหน้าครอบครัวที่สูงอายุ คนที่เคยเห็นพระวิหารแรก
ได้ร้องไห้เสียงดังเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นว่า รากฐานของพระวิหารถูกวางเอาไว้

ถึงแม้มีคนมากมายร้องเสียงดังเพราะความยินดี

ทำให้พวกเขาไม่อาจแยกเสียงแห่งความยินดีออกจากเสียงร้องไห้ได้
เพราะว่า คนตะโกนก็ส่งเสียงดังมาก  และเสียงของพวกเขาก็ได้ยินได้จากที่ไกล….

เอสรา 3-1 เริ่มถวายเครื่องบูชาต่าง ๆ

เอสรา 3:1-6

เดือนที่เจ็ด

เหล่าคนอิสราเอลต่างเข้ามาอยู่ในเมืองต่าง ๆ
…แล้วพวกเขาก็มารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวในนครเยรูซาเล็ม

แล้วเยชูวา ลูกชายของโยซาดัก
และปุโรหิตที่ร่วมงานกับเขา
รวมทั้งเศรุบบาเบล ลูกชายของเชอัลทิเอล กับญาติ ๆของเขา
พวกเขานั้น ร่วมกันสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
โดยตั้งใจที่จะถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระองค์
ตามที่เขียนไว้ในบัญญัติของโมเสส  ผู้รับใช้ของพระองค์

 from "The Book of Books in Pictures", Julius Schnorr von Carolsfeld, Verlag von Georg Wigand, Liepzig: 1908
from “The Book of Books in Pictures”, Julius Schnorr von Carolsfeld, Verlag von Georg Wigand, Liepzig: 1908

พวกเขาตั้งแท่นนั้นไว้บนฐานเดิม
เป็นเพราะพวกเขากลัวประชาชนที่อยู่ในแผ่นดินนั้น
พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าบนแท่นนั้น
ทั้งเช้า และเย็น
และพวกเขาก็ได้ฉลองเทศกาลอยู่เพิงตามบทบัญญัติ
ถวายเครื่องเผาบูชาประจำวันตามจำนวนที่ระบุไว้แต่ละวัน

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็จะถวายเครื่องบูชาตามปกติ
ทั้งเครื่องบูชาสำหรับวันหนึ่งค่ำ
และเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
รวมไปถึงมีการถวายเครื่องบูชาตามใจสมัครแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

 

จากวันแรกของเดือนที่เจ็ด
พวกเขาเริ่มถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระเจ้า
แม้ว่าขณะนั้น ยังไม่ได้วางรากฐานของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

 

เอสรา 2-2 สรุปจำนวน

เอสรา 2:64-70

 

หัวหน้าครอบครัวที่กลับมาคือ 42,360 คน  ที่นับนั้นยังไม่รวมผู้หญิงกับเด็ก

ยังมีคนรับใช้ชายหญิงอีก  7,337 คน

มีนักร้องชายหญิง 200 คน

ม้า 736 ตัว

ล่อ  245  ตัว

อูฐ   435   ตัว

ลา 6,720   ตัว

เอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79479&type=mm

 

เอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79479&type=mm
เอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79479&type=mm

 

คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวบางคน
ก็ได้ถวายสิ่งของต่าง ๆ ตามความตั้งใจของพวกเขา
เพื่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าตรงบริเวณเดิม
พวกเขาต่างถวายตามกำลัง ตามความสามารถ  โดยได้รวมเป็น

ทองคำ  ถึง 500  กิโลกรัม!
เงิน 2.9   ตัน!
เสื้อของปุโรหิตอีก  100  ชุด

ทั้งปุโรหิต คนเลวี ประชาชนบางส่วน  นักร้อง คนเฝ้าประตู

และคนรับใช้ในพระวิหารต่างเข้าอาศัยในเมืองของตนเอง

ส่วนคนอื่น ๆ นอกจากนั้น ก็กลับไปอยู่ในเมืองของตน

 

เพื่อน ๆ ครับ ของถวายนั้นมากมายจริง ๆ
นี่ยังมีคนที่ไม่กลับมาจากบาบิโลนอีกนะครับ
คนเหล่านั้นที่ปักหลักในบาบิโลน เป็นเพราะชีวิตของพวกเขาก็สบาย
มีเงินทอง มีฐานะ   ส่วนคนที่กลับมานั้น
ดูเหมือนว่า จะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงนำใจให้พวกเขากลับมา

 

เอสรา 2-1 คนที่กลับมา

เอสรา 1:-63  โดยย่อ

ต่อไปนี้เป็นประชาชนที่ได้กลับไปยังเยรูซาเล็ม
คนเหล่านี้ ถูกเนบูคัดเนสซาร์  ราชาแห่งบาบิโลนนำตัวไปเป็นเชลย
เขาได้กลับมายังเยรูซาเล็ม แคว้นยูดาห์ ตามบ้านเกิดของตน
โดยที่มาพร้อมกับเศรุบบาเบล  เยซูอา  เนหะมีย์  เสไรอาห์
เรเอไลยาห์  โมรเดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม  และบาอานาห์

scenes20from20the20return20from20exile

จำนวนที่เขากลับมานั้น แบ่งเป็นตระกูล  แล้วก็มีรายละเอียดของหัวหน้าตระกูล
เพื่อน ๆ คิดดูซิครับว่า จากจำนวนที่พูดถึงนั้น เขานับแค่หัวหน้า… แล้วคนในตระกูลนั้นอีกจะมีเท่าไร อย่างเช่น

ลูกชายของปาโรช … 1272 คน  สมมติแต่ละคนมีครอบครัวด้วย… ต้องบวกไปอีกมากมายเลยล่ะ

 

 

และยังแบ่งเป็นชาวบ้านชาวเมือง

ปุโรหิต

คนเลวี

คณะนักร้อง

ยามเฝ้าประตูพระวิหาร

ผู้ช่วยงานในพระวิหาร

กลุ่มข้าราชบริพารของซาโลมอน

ยังมีคนที่เดินทางมาจากเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ใช่บาบิโลน

เป็นคนที่ไม่มีหลักฐานว่าเป็นคนอิสราเอล  พร้อมกับปุโรหิตด้วย
แต่เป็นปุโรหิตที่หาหลักฐานลำดับวงศ์ตระกูลไม่ได้
จึงถูกห้ามกินอาหารบริสุทธิ์ของปุโรหิต
จนกว่าจะมีการพิสูจน์ในแบบของปุโรหิตเสียก่อน

 

แล้วรวมไปรวมมาได้เท่าไร  ต่อกันพรุ่งนี้ครับ

 

เอสรา1-2 คนที่พระเจ้าทรงเร้าใจ

เอสรา 1: 5-11

แล้วเหล่าหัวหน้าครอบครัวของเผ่ายูดาห์ เบนยามิน  ทั้งปุโรหิต และเลวี

ทุกคนที่พระเจ้าทรงเร้าใจให้ไปสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็ม
และทุกคนที่อยู่กับพวกเขาต่างก็ช่วยโดยจัดหาเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ทำด้วยเงิน ทอง
และข้าวของ ฝูงสัตว์   ภาชนะอันมีค่า นอกเหนือจากของที่ให้ด้วยความสมัครใจ

ไซรัส ราชาแห่งเปอร์เซีย ประทานเครื่องใช้ต่าง ๆ ของพระวิหาร
ที่เนบูคัดเนสซาร์ได้นำมาจากเยรูซาเล็ม และเอาไปเก็บไว้ในวิหารเทพเจ้า

Ezra 1 6 - Returning from captivity-2

ไซรัส ราชาแห่งเปอร์เซีย ได้ให้ขุนคลังคือ มิทเรดาท
นำของเหล่านี้ มาส่งให้กับเชชบัสซาร์ซึ่งเป็นหัวหน้าของคนยูดาห์
ของดังกล่าวมีรายการดังนี้
ชามทองคำ    30 ใบ   ชามเงิน   1000 ใบ
กระทะเงิน    29   ใบ    อ่างทองคำ   30 ใบ
อ่างเงิน       410  ใบ   เครื่องใช้อื่น ๆ อีก 1000 ชิ้น

 

โดยเท่ากับเครื่องใช้ทองและเงินรวมเป็น 5400  ชิ้น
เมื่อเหล่าเชลยออกจากบาบิโลน มุ่งหน้ามายังเยรูซาเล็ม
เชชบัสซาร์ก็นำของเหล่านี้ไปด้วย

เอสรา 1-1 ประกาศสร้างพระวิหาร

เอสรา 1: 1-4

ปีแรกของราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย
ด้วยว่าดำรัสมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านเยเรมีย์ ว่าคำของพระองค์จะต้องสำเร็จ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเร้าพระทัยของราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย
เพื่อว่าพระองค์จะได้ประกาศเรื่องนี้ไปทั่วราชอาณาจักรของพระองค์
และได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร

712613488_tonnel.gif

ราชาไซรัสแห่งเปอร์เซีย ตรัสว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งปวงในโลกให้แก่ข้า
และพระองค์ทรงมอบงานให้ข้าได้สร้างวิหารของพระองค์ในเยรูซาเล็ม แคว้นยูดาห์
สำหรับคนที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้าซึ่งเป็นคนของพระองค์
ขอองค์พระเจ้าทรงอยู่ด้วยกับเขา
ให้พวกเขาเดินทางไปยังเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ในแค้วนยูดาห์
และสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอลขึ้นมาใหม่
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประทับในเยรูซาเล็ม
และให้ทุกคนในพื้นที่ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่นั้น
ช่วยในการสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็มด้วยการมอบเงิน ทอง
และข้าวของ ฝูงสัตว์ นอกเหนือไปจากของถวายตามความสมัครใจ “