26 มิถุนายน 2020

หมวดพระคัมภีร์ใหม่
26 มิถุนายน 2020

พวกเจ้าจะถูกนำตัวไปยืนต่อหน้าเจ้าเมือง และกษัตริย์เพราะเรา เพื่อจะได้เป็นพยาน แก่เขาและคนต่างชาติ เมื่อถูกจับไปนั้น ก็อย่ากังวลว่าจะพูดอย่างไร พูดอะไร เพราะเมื่อถึงเวลา พระเจ้าจะประทานคำ ให้แก่เจ้า ผู้ที่พูดไม่ใช่ตัวเจ้าเอง แต่ พระวิญญาณแห่งพระบิดาทรงกล่าวผ่านเจ้า ถอดความจาก มัทธิว 10:18-20
แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างข้างบน ไม่ค่อยได้เกิด ในเมืองไทย แต่ทุกวัน ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก คริสเตียนได้พบเจอกับเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา ทุกคนจึงต้องพึ่งพาพระวิญญาณแห่งพระบิดา ที่จะอยู่ด้วย ปลอบใจ และพูดแทนพวกเขา ประเทศที่หนักหนามาก ๆ ก็คือ เกาหลีเหนือ อัฟกานิสถาน โซมาเลีย ลิเบีย ปากีสถาน ซูดาน เยเมน อิหร่าน อินเดีย ซีเรีย ไนจีเรีย
ผู้ซึ่งทั้งประหารพระเยซูคริสต์เจ้า ทั้งผู้เผยพระคำและได้ข่มเหงเรา พวกเขาทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย และยังเป็นศัตรูกับคนทั้งปวง ยังห้ามไม่ให้เราประกาศกับคนต่างชาติ กลัวว่าเขาเหล่านั้นจะรอด ผลก็คือพวกเขาสะสมบาปจนเต็มขนาด ในที่สุด พระพิโรธก็มาถึงพวกเขา ถอดความจาก 1 เธสะโลนิกา 2:15-16
ท่านเปาโลปลอบใจพี่น้องโดยให้พวกเขาได้เห็นว่า ทั้งพระเยซูและผู้เชื่ออื่น ๆ ก็ถูกทำร้ายมาก่อนทั้งนั้น ยิวไม่ต้องการให้คนมาเชื่อพระเจ้า นี่เป็นบาปใหญ่ มาก ไม่เชื่อเองแล้ว ยังขัดขวางความรอดของผู้อื่น จริง ๆ แล้ว พระเจ้าทรงให้ยิวมีหน้าที่เป็นพระพร แก่คนทั่วโลก (ปฐมกาล 12) แต่เขากลับไม่ทำเช่น นั้น การขัดขวางพระกิตติคุณ ไม่เป็นเฉพาะในหมู่ คนยิวเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ คนจำนวนมากถูกข่มเหง เพราะมาเชื่อพระเยซู
18 มิถุนายน 2020
เพราะพี่น้อง ได้มาเป็นผู้เลียนแบบ คริสตจักรของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ ซึ่งอยู่ในยูเดีย เนื่องจากว่าท่านได้ทนทุกข์อย่างเดียวกัน คือจากคนชาติเดียวกับท่าน เหมือนกับพวกเขาที่ถูกยิวข่มเหง ถอดความจาก 1 เธสะโลนิกา 2:14
พี่น้องชาวเธสะโลนิกา มารับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วย เขาก็ถูกคนชาติเดียวกันข่มเหง เหมือนกับผู้เชื่อในยูเดียที่ถูกชาวยิวข่มเหง เป็นเรื่องไม่แปลกเลยที่คนเชื่อพระเจ้าจะถูก ข่มเหงไม่ว่าอยู่ในครอบครัวใด หมู่บ้าน หรือ ชาติใด พระเยซูเองเคยตรัสไว้แล้ว แต่พี่น้องเธสะโลนิกาไม่ได้ท้อถอย พวกเขายอม ทนเช่นเดียวกับผู้เชื่อคนก่อน ๆ ทุกวันนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างเลย
17 มิถุนายน 2020
เราขอบพระคุณพระเจ้าเสมอเพราะเรื่องนี้ นั่นคือเมื่อท่านรับพระคำพระเจ้า ซึ่งได้ยินจากเรา ท่านไม่ได้รับ ในฐานะที่เป็นข่าวสารจากมนุษย์ แต่รับในฐานะตามจริงว่าเป็นพระดำรัสจากพระเจ้า ซึ่งทำราชกิจอย่างได้ผลในผู้เชื่อ ถอดความจาก 1 เธสะโลนิกา 2:13
ข้อความตอนนี้ บอกเราชัดเจนว่า เมื่อพี่น้อง เธสะโลนิการับคำของพระเจ้านั้น เขาไม่ได้รับเพราะ เป็นคำอ้างอิง คำคมที่น่าสนใจ หรือเป็นข่าวสาร ที่น่าตื่นเต้น แต่รับ เพราะรู้ในใจว่า สิ่งที่ท่านเปาโล กล่าวเป็นความจริง เป็นคำที่มาจากพระเจ้า และเมื่อพวกเขารับแล้ว พระคำอันทรงพลังก็ เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาจริง ๆ เห็นได้ พิสูจน์ได้ มีคนเป็นพยานได้ นี่เป็นตัวอย่างเมื่อเรารับคำของพระเจ้า เรารับอย่างไร
14 June 2020
เพราะหากรู้ความจริงแล้ว ยังคงจงใจทำบาป ต่อไป ก็จะไม่มีเครื่องบูชาลบบาปเหลือเลย ….ท่านคิดว่า คนที่เหยียบย่ำพระบุตร และเห็นว่าพระโลหิตแห่ง พันธสัญญาซึ่งชำระเขาให้บริสุทธิ์นั้นไร้ค่า และยังดูหมิ่นพระวิญญาณแห่งพระคุณ สมควรจะรับโทษหนักกว่าสักเท่าใด? ถอดความจาก ฮีบรู 10:26,29
การเหยียบย่ำพระบุตรพระเจ้า และสิ่งที่พระองค์ ทรงทำให้นั้น เป็นการหมิ่นพระเกียรติอย่างมาก การดูหมิ่นพระเยซูเท่ากับดูหมิ่นองค์พระวิญญาณผู้ทรงทำราชกิจกับพระเยซู ภาพที่อยู่ในพระคำ ข้อนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์แต่กลับเกิดขึ้นทุกวัน รู้จักพระเจ้า >ยังจงใจทำบาป>เหยียบย่ำพระบุตร >ไม่นับถือพระโลหิตที่ชำระชีวิต>ดูหมิ่นพระวิญญาณ แห่งพระคุณ….จะมีอะไรรอคนนั้นอยู่?
7 มิถุนายน 2020
ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา คือ เมื่อทรงเป็นมนุษย์นั้น ทรงสืบเชื้อสายของดาวิด โดยพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงสำแดงโดยฤทธานุภาพว่าทรงเป็นพระบุตรของพระองค์ คือทรงให้พระเยซูคืนชีพจากความตาย ถอดความจาก โรม 1:3-4
เป็นที่เดียวที่เราเห็นคำว่า พระวิญญาณแห่งความ บริสุทธิ์ พระวิญญาณทรงมีส่วนเกี่ยวข้องกับ การคืนชีพของพระเยซูอย่างใกล้ชิด โรม 8:11 กล่าวว่า พระวิญญาณของพระองค์ผู้ให้พระเยซู ฟื้นคืนชีพ พระองค์ทรงสิ้นชีพในร่างกาย แต่ ทรงมีชีวิตฝ่ายวิญญาณอยู่จนทุกวันนี้ 1 เปโตร 3:18
เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว พระเจ้าทรงส่งพระบุตรลงมากำเนิดจากสตรี ในฐานะที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อจะทรงไถ่ผู้คนที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อว่าเราจะได้รับสิทธิเป็นบุตร และเพราะพวกท่านเป็นบุตรของพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งพระวิญญาณของพระบุตร เข้ามาในใจของท่าน ร้องเรียกพระองค์ว่า“อับบา” ถอดความจาก กาลาเทีย 4:4-6
ผู้เชื่อพระเยซู ได้รับสิทธิเป็นบุตรของพระเจ้า และร้องเรียกพระเจ้าว่า อับบา ซึ่งเป็นภาษา อาราเมค คล้าย ๆ กับที่เด็กไทยเชื้อสายจีน เรียกพ่อว่า ป่าป๊า แทนที่จะเรียกคุณพ่อ เป็น คำแสดงความใกล้ชิด รักใคร่ แต่ที่เขาเรียก พระองค์ได้อย่างสนิทใจเช่นนั้น เพราะพระวิญญาณ ของพระบุตรได้เข้ามาในใจของเขา ย้ำเตือน ให้เขารู้ว่า เขาเป็นบุตรที่รักของพระองค์