อิสยาห์ 12

อิสยาห์ 12
ท่านจะกล่าวในวันนั้นว่า
“ข้าพระองค์จะถวายคำขอบคุณแด่พระเจ้า เพราะถึงแม้ว่า พระองค์จะทรงโกรธข้าพระองค์ ความโกรธนั้นก็หันออกไปแล้ว เพื่อว่าพระองค์จะได้ปลอบใจข้าพระองค์
ดูเถิด พระเจ้าทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะวางใจและไม่กลัว เพราะว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังและเป็นบทเพลงของข้าพระองค์ และพระองค์ได้มาเป็นความรอดพ้นของข้าพระองค์ “

Is12

ท่านจะโพงน้ำขึ้นมาจากบ่อแห่งความรอดด้วยความยินดี และท่านจะกล่าวในวันนั้นว่า
“ขอบพระคุณพระเจ้า เรียกร้องหาพระนามของพระองค์ และประกาศให้คนทั้งหลายได้รู้ถึงราชกิจของพระองค์ ประกาศก้องว่า พระนามของพระองค์เป็นที่ยกย่อง

“ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้ากันเถิด เพราะว่า พระองค์ทรงทำการที่รุ่งโรจน์ตระการยิ่งนัก ให้โลกนี้ได้รู้ถึงราชกิจของพระองค์กันทั่วถ้วนหน้า
เหล่าผู้ที่อาศัยในศิโยน ให้ท่านตะโกนและร้องเพลงด้วยความยินดี เพราะว่าผู้ที่อยู่ท่ามกลางท่านนั้นยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล”

อิสยาห์ 11-3

อิสยาห์ 11:10-16

ในวันนั้น รากแห่งเจสซี ผู้ที่จะยืนเป็นเครื่องหมายให้กับประชาชน  ประชาชาติจะถามหา ตามหาพระองค์  และที่พักของพระองค์นั้นก็ยิ่งใหญ่ตระการ อิสยาห์กำลังบอกเราว่า คนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอล จะตามหารากแห่งเจสซีผู้นี้   ที่พำนักของพระองค์เป็นที่พักพิงของพวกเขาด้วย  และรากแห่งเจสซีผู้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากองค์พระเยซูคริสต์  พระองค์จะทรงทำให้ประชาชนทั้งหลายเข้ามาหาพระองค์ 

การที่พระเจ้าจะทรงครอบครองมนุษย์นั้น พระองค์ไม่ใช่ทรงแค่ครอบครองอิสราเอลเท่านั้น  แต่ทุกคนจากทุกประเทศที่เข้ามาหา นบนอบ เชื่อฟังพระองค์ 

ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์มาเป็นครั้งที่สอง เพื่อจะนำคนที่ยังหลงเหลืออยู่คืนมาจากอัสซีเรีย  จากอียิปต์ จากปัทโรส จากคูช จากเอลาม จากชินาร์ จากฮามัท และจากแผ่นดินที่อยู่ริมฝั่งทะเล  พระองค์จะทรงยกสัญญาณให้กับประเทศทั้งหลาย และจะรวบรวมคนอิสราเอลที่ถูกขับออกไป และจะรวบรวมคนยูดาห์ที่กระจัดกระจายไปจากมุมโลกทั้งสี่   ครั้งแรก พระเจ้าทรงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์   ครั้งที่สอง พระเจ้าจะทรงนำเขาออกมาจากทุกที่ ทุกแห่งที่เขากระจัดกระจายไป   

ดูกันคร่าว ๆ นะครับ
ดูกันคร่าว ๆ นะครับ

พระเจ้าเองทรงเป็นผู้นำประชาชนของพระองค์กลับมายังแผ่นดินของเขาอีกครั้ง  และใครจะห้ามไม่ได้…

การอิจฉาริษยาของเอฟราอิมจะหมดไป และคนที่รังควาญยูดาห์ก็จะถูกต้ดออกไป   เอฟราอิมจะไม่ริษยายูดาห์ และยูดาห์จะไม่รังควาญเอฟราอิม  แต่พวกเขาจะโฉบลงบนไหล่ของชาวฟิลิสเตียทางตะวันตก พวกเขาจะร่วมมือกันปล้นผู้คนทางตะวันออก   พวกเขาจะต่อสู้กับเอโดม และโมอับ และอัมโมนจะต้องเชื่อฟังเขา  และพระเจ้าจะทรงทำลายอ่าวของทะเลอียิปต์จนหมดสิ้น

แทนที่พวกเขาจะสู้กันเอง คราวนี้จะร่วมมือกันเพื่อต่อต้านศัตรู

และพระองค์จะทรงโบกพระหัตถ์เหนือแม่น้ำนั้นด้วยลมปราณที่ร้อนแรงของพระองค์  และตีมันจนกลายเป็นน้ำ 7 สาย  และพระองค์จะทรงนำประชาชนข้ามไปทั้งรองเท้า   และจะมีทางหลวงจากอัสซีเรียเพื่อให้คนที่หลงเหลืออยู่จากประชาชนของพระองค์  เหมือนกับตอนที่พระองค์ทรงนำอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

แม่น้ำที่ว่านี้ คือ แม่น้ำยูเฟรติส…. พวกเขาจะข้ามแม่น้ำนั้นกลับมาอย่างง่ายดาย  

อิสยาห์ 11-2

อิสยาห์ 11:6-9

เมื่อสันติสุขแท้จริงเกิดขึ้น  ความเป็นศัตรูกันนั้นจะหายไป…  ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กับสัตว์  หรือคนกับสัตว์   คำบรรยายข้างล่างที่มาจากท่านอิสยาห์นั้น 

บอกเล่าถึงวันที่เจ้าชายแห่งสันติ คือพระเยซูคริสต์จะทรงครอบครองสูงสุด  

 

หมาป่าจะอยู่กับลูกแกะ   และเสือดาวจะนอนลงข้าง ๆ ลูกแพะหนุ่ม

ลูกวัวและสิงโต กับลูกวัวอ้วนจะอยู่ด้วยกัน

และเด็ก ๆ จะนำพวกมันไป

วัวและหมีจะกินหญ้าไปด้วยกัน

ลูกอ่อนของมันก็นอนเล่นข้าง ๆ กัน

Isaiah-11

และสิงโตจะกินหญ้าแห้งเหมือนกับวัวผู้

เด็กเล็ก ๆ จะเล่นปากรูงูจงอาง และเด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางบนถ้ำของงูพิษ

มันจะไม่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งใด ๆ ในภูเขาบริสุทธิ์ของเรา  เพราะโลกนี้จะเต็มด้วยความรู้ของพระเจ้าดั่งน้ำคลุมทะเล   นี่ไง… ทุกคนจะรู้จักพระเจ้า…ไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จักพระองค์

 

coversea

 

อิสยาห์ 11-1

อิสยาห์ 11:1-9

พระเจ้าทรงทำลายคนระดับผู้นำที่ทำผิด…. แล้วพระองค์ก็ทรงมองมาหาตอที่เหลืออยู่  พระองค์ทรงให้มีหน่องอกขึ้นมา  … มีกิ่งออกมาด้วย   มันมีความหมายว่าจะมีทายาทในสายของท่านเจสซี  บิดาของราชาดาวิด เกิดขึ้นมา 

และจะมีหน่อต้นหนึ่งเกิดขึ้นมาจากตอของเจสซี  มีกิ่งจากรากของเขาซึ่งจะให้ผลออกมา
แทนที่จะกล่าวว่า ตอของราชาดาวิด  กลับกล่าวว่า ตอของเจสซี   พระองค์ผู้ทรงจะมานั้น ทรงถ่อมพระทัย ไม่ได้โอ้อวดแต่ประการใด 

และพระวิญญาณของพระเจ้าจะพักอยู่บนหน่อนั้น  พระวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ รวมถึงพระวิญญาณที่ให้คำปรึกษาและฤทธิ์เดช  พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า

ภาพจาก http://livingthelectionary.blogspot.com
ภาพจาก http://livingthelectionary.blogspot.com

เขาจะชื่นชมในความยำเกรงพระเจ้า   เขาจะไม่พิพากษาจากที่ตาเห็น หรือจากที่หูได้ยิน  แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความเที่ยงธรรม และตัดสินผู้ที่ถ่อมตนในแผ่นดินอย่างเที่ยงธรรม  และเขาจะจัดการกับโลกด้วยไม้พลองจากปากของเขา  และจะสังหารคนชั่วร้ายด้วยลมจากริมฝีปาก
ความชอบธรรมเป็นเข็มขัดที่เอวของเขา และความซื่อตรงเป็นเข็มขัดที่สะโพก

อิสยาห์ได้กล่าวถึงผู้ที่จะมาครอบครองทั้งอิสราเอลและชาวโลก  ลักษณะของเขานั้นชัดเจนมาก   

เป็นเชื่้อสายของดาวิด   และเป็นผู้ที่เที่ยงธรรมอย่างยิ่ง 

อิสยาห์ 10-6

อิสยาห์ 10:28-34

assyarmy

เขาได้มาถึงอัยยาท

เขาได้ผ่านมิโกรน

ที่มิคมาช เขาเก็บสัมภาระของเขาไว้

และพวกเขาได้ผ่านช่องเขามาแล้ว   ถึงเกบาพวกเขาก็พักหนึ่งคืน

รามาห์ตัวสั่นด้วยความกลัว

กิเบอาห์ของราชาซาอูลก็หนีไป

ร้องเสียงดัง ๆซิ    ลูกสาวของกัลลิม!

ตั้งใจดูให้ดี ไลชาห์!

โธ่!  อานาโธทที่น่าสงสาร

มัดเมนาห์ก็กำลังหนีออกไป

บรรดาคนที่อาศัยในเมืองเกบิมก็กำลังหนีหาที่หลบภัย

วันนี้แหละ ที่เขาจะหยุดที่เมืองโนบ เขาจะยกกำปั้นขึ้นที่ภูเขาของธิดาแห่งศิโยน

เมื่อเราอ่านจากต้นลงมาจนถึงตรงนี้   อิสยาห์กำลังเล่าถึงการเคลื่อนทัพของอัสซีเรีย จากทางเหนือลงมาใต้  และก็มาประชิดนครเยรูซาเล็ม       ชาวเมืองนี้อาจคิดว่า พวกเขาจะพ้นภัยได้….

ภาพจาก habeeb.com
ภาพจาก habeeb.com

ดูเถิด พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงตัดกิ่งด้วยพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัว

ที่อยู่อย่างสูงส่งจะถูกโค่นลงมา   ส่วนที่สูงไปกว่านั้นก็จะถูกนำลงมาเช่นกัน

พระเจ้าจะทรงเอาขวานตัดต้นไม้ในป่าทึบ  และเลบานอนจะล้มลงเพราะองค์พระผู้ทรงยิ่งใหญ่

และในเวลานั้น พระเจ้าจะทรงเอาคนที่ยิ่งใหญ่   สูงส่งในสังคมของนครเยรูซาเล็ม และเมืองอื่น ๆ ประเทศอื่น ๆ  โค่นลงมาให้หมด     ที่กล่าวถึงเลบานอนเพราะในเลบานอนมีต้นซีดาร์ที่สูงดูตระหง่านยิ่งนัก 

อิสยาห์ 10-5

อิสยาห์ 10:20-27 คนที่รอดชีวิตเหลืออยู่จะกลับมา 

คนที่เหลืออยู่ของอิสราเอลจะกลับมา

ในวันนั้น คนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน และคนที่รอดตายจากครอบครัวยาโคบจะไม่พึ่งพิงคนที่ทำร้ายพวกเขาอีกต่อไป  แต่ในความจริง พวกเขาจะพึ่งพิงในพระเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

คนที่เหลืออยู่จะกลับมา คนที่เหลืออยู่ของวงศ์ยาโคบจะกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
แม้ว่าชนอิสราเอลจะมากมายเหมือนทรายในทะเล แต่คนที่รอดชีวิตเท่านั้นจะกลับมา    ความหายนะนั้น พระเจ้าทรงบัญชาไว้แล้ว โดยท่วมท้นไปด้วยความชอบธรรม

remnant

 

เพราะว่าพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงบัญชาจะให้ถึงจุดจบตามที่กำหนดไว้ท่ามกลางแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า “โอคนของเราเอ๋ย คนที่อาศัยในศิโยน อย่ากลัวชนอัสซีเรีย ยามที่พวกเขาตีเจ้าด้วยไม้พลองและไม้เท้า เหมือนอย่างที่คนอียิปต์เคยทำ

เพราะอีกไม่นาน ความโกรธของเราจะถึงวันสิ้นสุด และความกริ้วของเราจะทำให้พวกเขาต้องถูกทำลาย   และพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงใช้แส้โบยเขา เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงจัดการกับชาวมีเดียที่ศิลาแห่งโอเรบ  และไม้เท้าของพระองค์จะถูกยกขึ้นเหมือนทะเล พระองค์จะทรงยกมันขึ้นเหมือนอย่างที่เคยทำในอียิปต์ เพื่อน ๆ  กลับไปอ่านชัยชนะของกิเดโอนได้ครับ     และเรื่องของโมเสสกับไม้เท้า  

และในวันนั้น ภาระของเขาจะออกไปจากบ่าของเจ้า และแอกของเขาจะถูกทำลายจากคอของเจ้า  และแอกนั้นจะถูกทำลายเพราะน้ำมันสำหรับเจิม  แม้ว่าอัสซีเรียจะทำร้ายพวกเขา  แต่จะไม่ตลอดไป  จะมีวันที่สิ้นสุด   และพระเจ้าทรงทำอะไรกับราชาอัสซีเรีย  อ่านดูที่นี่  น่าสนใจจริง ๆ

อิสยาห์ 10-4

อิสยาห์ 10:15-19
ขวานจะโม้โอ้อวดทับผู้ที่ใช้มันฟันสิ่งโน้นสิ่งนี้ ได้หรือ
เลื่อยจะข่มผู้ที่ใช้มันตัดสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นชิ้น ได้หรือ
ราวกับไม้พลองจะยกคนที่จับมันใช้
ราวกับไม้เท้าจะยกมนุษย์ที่ไม่ใช่ไม้

พระเจ้าทรงเปรียบอัสซีเรียเป็นเหมือนเครื่องมือเท่านั้น   อัสซีเรียไม่ใช่ผู้ที่กำหนดว่า จะเอาอะไร อย่างไร แต่เขากลับเข้าใจผิดไปว่า ผู้ที่ครอบครองสูงสุด  ผู้ที่มีชัยชนะคือตัวเขา      ไม่มีทางที่ขวาน เลื่อย ไม้พลองหรือไม้เท้าจะใหญ่กว่าผู้ที่ใช้มัน   มันไม่สามารถทำอะไรได้ จนกว่ามนุษย์จะมาหยิบจับใช้มัน

เช่นกัน  อัสซีเรียทำอะไรไม่ได้หากพระเจ้าไม่ทรงใช้พวกเขา    ไม่่ว่าสิ่งที่พระองค์ใช้ให้ทำจะใหญ่ หรือเล็กน้อย
พอบู้บี้เห็นพระคัมภีร์ข้อนี้  ตัวก็เล็กลงไปเลย   ไม่มีความสำเร็จของเราที่จะเอามาอวดได้  พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ประทานความสำเร็จ  เราเป็นเพียงเครื่องมือที่จะทำโน่่น ทำนี่อย่างที่พระองค์ทรงวางแผนไว้  

sargonsen

ภาพจากhttp://sargonsennacherib-amaic.blogspot.com/

 

ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะส่งโรคอ่อนแรงมายังเหล่านักรบตัวล่ำ ข้างใต้เกียรติยศของพวกเขา จะมีไฟไหม้ขึ้นมา
แสงสว่างแห่งอิสราเอลจะกล่าวเป็นไฟ และองค์บริสุทธิ์ของท่านจะกลายเป็นเปลวเพลิง มันจะเผาไหม้ และจัดการกับหนามเล็กใหญ่ภายในวันเดียว

พระเจ้าจะทรงทำลายศักดิ์ศรีของป่าดง และผลผลิตที่มากมายจากแผ่นดินของเขา ทำลายทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย
มันจะเป็นเหมือนเวลาที่คนป่วยกำลังผอมแห้งรอความตาย ต้นไม้ที่เหลืออยู่จากป่าอันอุดมจะมีไม่กี่ต้น น้อยจนกระทั่งเด็ก ๆ นับและเขียนลงไปได้

พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่า ที่เคยอ้วน แข็งแรง ดูดี จะกลับกลายเป็นขี้โรค อ่อนระโหยโรยแรง   ความมั่งคั่งโอ่อ่าตระการของอัสซีเรียจะหายไป อาจจะมีหลงเหลือให้นักโบราณคดีได้ขุดค้น ได้เห็นเงาว่า พวกเขาเคยยิ่งใหญ่เพียงไหน

 

อิสยาห์ 10-3

อิสยาห์ 10:12-15
เมื่อพระเจ้าทรงทำราชกิจของพระองค์บนภูเขาศิโยนและในนครเยรูซาเล็มเสร็จสิ้นแล้ว

พระองค์จะทรงลงโทษคำกล่าวอันโอหัง และดวงตาอันยะโสของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย
ความเย่อหยิ่งของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียนั้น แสดงออกมาด้วยคำพูดและดวงตา  พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง และประทานคุณแก่คนที่ถ่อมใจลง  ดังนั้นเราคงพอเดากันได้ว่า กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจะเจออะไร  

เพราะกษัตริย์ตรัสว่า “ข้าได้ทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จด้วยกำลังของข้า ด้วยสติปัญญาอันปราชญ์เปรื่องของข้าเอง
ข้าได้ย้ายอาณาเขตของพวกเขา และปล้นทรัพย์สินของพวกเขาทั้งหมด
ข้าได้เสยคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ลงมาเหมือนอย่างวัวตัวผู้
มือของข้าได้กว้านเอาทรัพย์สมบัติของชาติทั้งหลาย เหมือนกับฉวยรังนก
เหมือนกับคนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ในรัง
ข้าได้รวบรวมทั้งโลกมาอย่างนี้ และไม่มีใครบังอาจขยับปีก หรือเปิดปาก หรือส่งเสียงร้องสักนิด”

KING-SARGON

กษัตริย์ซาร์กอนที่สอง กับเจ้านายองค์หนึ่ง

เมื่อได้ฟังคำของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย   พวกเขาไม่สงสัยสักนิดว่า กษัตริย์องค์นี้คิดอย่างไรกับตัวพระองค์เอง   กษัตริย์ทรงมองว่า ไม่มีใครเป็นยอดคนเก่งไปกว่าพระองค์เองอีกแล้วในโลก  และสามารถสยบได้ทุกชาติเสียด้วย

อิสยาห์ 10-2

อิสยาห์ 10:5-11

อา… อัสซีเรีย วิบัติแก่เจ้าซึ่งเป็นไม้พลองแห่งความกริ้วของเรา  ไม้เท้าที่อยู่ในมือเจ้านั้นคือความโกรธเกรี้ยวของเรา
เราได้ใช้อัสซีเรียไปต่อสู้กับประเทศที่ไร้พระเจ้า  ไปต่อสู้กับคนที่เราโกรธ เพื่อที่จะไปริบเอาทรัพย์สิน และปล้นเอามา  และเพื่อจะย่ำคนเหล่านั้นดั่งเหยียบโคลนเลนที่อยู่บนถนน
พระเจ้าทรงใช้อัสซีเรียเป็นเหมือนไม้พลองและไม้เท้าของพระองค์ ไปจัดการคนที่ไม่เชื่อฟังพระองค์   ในความเป็นจริงแล้ว  อัสซีเรียก็เป็นชนชาติที่โหดเหี้ยมไม่น้อยทีเดียว    และพระเจ้าก็ทรงใช้เขาตามที่พระองค์ทรงประสงค์
พระเจ้าทรงประกาศวิบัติให้กับประเทศที่พระองค์ทรงใช้!!

เพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่า พระเจ้าทรงใช้บาบิโลนมาจัดการกับยูดาห์ในปี 605-686 ก่อนคริสตศักราช  แล้วพระเจ้าก็พิพากษาโทษบาบิโลนในเวลาต่อมาด้วย 

ที่จริงแล้ว(อัสซีเรีย)ไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้คิดเลยว่าจะทำลาย  ไม่ได้คิดว่าจะทำให้หลายประเทศล้มหายตายจากไป  เพราะพวกเขากล่าวว่า “ผู้บัญชาการกองทหารของเรา ก็เป็นทหารไปหมดแล้วมิใช่หรือ?”
เมืองคาโน(ในบาบิโลน) ก็ราบคาบเหมือนเมืองคารเคมิช(ที่แม่น้ำยูเฟรติส)มิใช่หรือ?
เมืองฮามัท(ทางเหนือของซีเรีย) ก็เป็นเหมือนเมืองอารปัด(ซึ่งเป็นเมืองเพื่อนบ้าน) มิใช่หรือ?
เมืองสะมาเรีย(ในอิสราเอล) ก็เป็นเหมือนเมืองดามัสกัส(ในซีเรีย)มิใช่ไรหรือ?

แม้ว่าอัสซีเรียจะไปทำศึกกับประเทศต่าง ๆ   พวกเขาไม่รู้ว่า ตนเองกำลังทำการที่พระเจ้าใช้…. ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังมีความผิดอยู่นั่นเอง

assyriatobattle

มือของเราไปแตะต้องอาณาจักรแห่งรูปเคารพ  ในที่ ๆ รูปเคารพเหล่านั้นยิ่งใหญ่กว่ารูปเคารพในเยรูซาเล็มและสะมาเรีย (ประเทศเหล่านี้ไม่อาจจะสู้อัสซีเรียได้เลยสักประเทศเดียว!)

แล้วเราจะไม่สามารถที่จะจัดการกับนครเยรูซาเล็มกับรูปเคารพในนั้น เหมือนกับที่เราทำกับเมืองสะมาเรียและรูปเคารพหรอกหรือ?

อัสซีเรียกำลังโอ้อวดว่า เขาใหญ่กว่าใคร ๆ   แม่ทัพของเขากลายเป็นกษัตริย์ในเมืองโน้นเมืองนี้   พวกเขาเก่งกว่าประเทศไหน  ๆ   และพวกเขาคิดว่า พระเจ้าแห่งอิสราเอลเป็นเหมือนกับรูปเคารพนิ่ง ๆ เหล่านั้น 

อิสยาห์ 10-1

อิสยาห์ 10:1-4

วิบัติแก่คนที่ตรากฏหมายชั่วร้าย
วิบัติแก่คนที่เขียนแต่การกดขี่ไม่หยุดหย่อน
เพื่อที่จะทำให้คนขัดสนไม่ได้รับความยุติธรรม และที่จะปล้นสิทธิไปจากคนยากจน
เพื่อที่จะทำให้หญิงม่ายกลายเป็นสิ่งที่เขาริบมา
และเพื่อทำให้คนที่กำพร้าพ่อกลายเป็นเหยื่อของพวกเขา

นี่เป็นสิ่งที่เหล่าผู้นำแห่งอิสราเอลและยูดาห์ได้ทำกับประชาชนทั้งหลาย  พระเจ้าทรงแจ้งให้เขารู้ชัดเจนว่า ความผิดของพวกเขาคืออะไร  พวกเขาไม่ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความยุติธรรม  นี่คือความอยุติธรรมทางสังคมที่เกิดขึ้น

พวกเจ้าจะทำอย่างไรในวันแห่งการลงโทษ  ในความหายนะซึ่งมาจากที่ไกลแสนไกล  เจ้าจะหันไปขอความช่วยเหลือจากใคร?

ดูซิ  เมื่อมีการโกงและการกดขี่ การเอาเปรียบผู้อื่น  สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ไม่มีใครช่วยได้      ความหายนะที่มาจากที่ไกลนั้นก็คือ ชาวอัสซีเรียจะเป็นผู้นำมาส่งให้กับคนของพระเจ้าที่ไม่เชื่อฟังพระองค์    และหากไม่เคยช่วยใคร มีแต่การเอาเปรียบผู้อื่น  พวกเขาจะไม่มีใครมาช่วยเลยเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

assyarmy

ไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะไปคุดคู้อยู่กับเหล่านักโทษ  ล้มลงท่ามกลางคนที่ถูกสังหาร

กษัตริย์ชัลมาเนเซอร์ที่สามแห่งอัสซีเรีย  ได้บันทึกไว้ว่า  มีการกองซากศพของศัตรู  มีการกองหัวกระโหลกเอาไว้เป็นพะเนิน
เวลากองทัพอัสซีเรียได้โจมตีประเทศใด ๆ สำเร็จ  พวกเขาไม่ใช่แค่จับคนมาเป็นเชลย  แต่จะมีการเยาะเย้ย ถากถาง และดูหมิ่นคนของประเทศที่พ่ายแพ้   พวกเขาจะทำทุกอย่างที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม อับอายและอดสูเป็นที่สุด

ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

เหตุใดอิสยาห์จึงกล่าวคำนี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก   เขากำลังพยายามบอกว่า การลงโทษของพระเจ้านั้นยังไม่หยุด จะดำเนินต่อไป

 

อิสยาห์ 9-3

อิสยาห์ 9:17-21

เรื่องราวต่อจากเมื่อวาน  พระเจ้าทรงจัดการกับทั้งหัวและหางของอิสราเอล ….

แต่แม้กระทั่งคนหนุ่ม คนกำพร้าพ่อหรือหญิงม่าย ก็ยังไม่เป็นที่พอพระทัยด้วย  เพราะว่า พวกเขากลายเป็นคนไม่มีพระเจ้า  และทำความชั่วกันต่อ ๆไป    ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากก็เป็นคำที่โง่เง่า

เหล่าผู้นำทำให้ประชาชนกลายเป็นคนเขลาไปหมด  ไม่มีใครหันกลับมาหาพระเจ้าเลย

ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

ความชั่วร้ายของผู้คนนั้นเป็นเหมือนไฟที่ไหม้ต้นหนามเล็กและหนามใหญ่    ไฟลุกในป่าทึบ  มีควันม้วนลอยขึ้นมาจากป่านั้น

fire

ไฟเผาแผ่นดิน เพราะความกริ้วของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ

และคนก็เป็นเหมือนเชื้อไฟ ไม่มีใครเลยที่จะไว้ชีวิตพี่น้องของตนเอง

เขาหั่นเนื้อทางขวามือ  แต่ยังหิวอยู่   เขาสวาปามทางซ้ายมือ แต่ก็ไม่อิ่มสักที  แต่ละคนกินเนื้อแขนของตนเอง
มนัสเสห์เขมือบเอฟราอิม   และเอฟราอิมก็ขย้ำมนัสเสห์  ทั้งสองรวมหัวกันต่อต้านยูดาห์

ไป ๆ มา ๆ ทั้งประเทศเข่นฆ่ากันเอง ไม่มีความรักต่อพี่น้องร่วมชาติเลยแม้แต่น้อย 

 ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

อิสยาห์ 9-2

อิสยาห์ 9:8-16

คำพิพากษาแก่คนเย่อหยิ่งและคนที่ถูกกดขี่

นี่เป็นคำกล่าวโทษสะมาเรียซึ่งอยู่ทางเหนือ …  พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา และทรงเป็นผู้ลงโทษด้วย
พระเจ้าได้ทรงส่งพระคำมาต่อสู้กับยาโคบ  และมันจะตกลงมาบนอิสราเอล
คนทุกคนจะได้รับรู้  เอฟราอิมและคนที่อาศัยในสะมาเรีย คนที่กล่าวคำอย่างเย่อหยิ่งและใจจองหอง
ว่า… “ก้อนอิฐพังลงมาแล้ว  แต่เราจะสร้างใหม่ด้วยหินที่ตกแต่งสวยงาม ต้นมะเดื่อถูกตัดลงมา แต่เราจะปลูกต้นซีดาร์ขึ้นมาแทน”
พวกเขาคิดว่า ถึงพระเจ้าจะทำลาย เขาจะสร้างมันขึ้นใหม่ให้งดงามกว่าเดิมอีก  ลืมคิดไปว่า พวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลยต่างหาก

 

ภาพจาก http://factsanddetails.com
ภาพจาก http://factsanddetails.com นักแม่นธนูของอัสซีเรีย

แต่พระเจ้าได้ทรงนำศัตรูของเรซีนมาสู้กับเขา และทรงกระตุ้นศัตรูทั้งหลายของเขา ศัตรูเหล่านี้คือเหล่าคนอัสซีเรีย  พระเจ้าจะทรงใช้พวกเขามาจัดการกับอิสราเอลอย่างแน่นอน
ชนซีเรียทางตะวันออก และฟิลิสเตียทางตะวันตกจะอ้าปากกว้างเขมือบอิสราเอล
ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมาประชาชนไม่ได้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงลงโทษเฆี่ยนตีเขา  ไม่ได้ทูลถามพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ
ดังนั้นพระเจ้าทรงตัดอิสราเอลออกทั้งหัวและหาง  ทั้งใบปาล์มและใบอ้อในวันเดียว
ผู้ใหญ่ และคนที่มีเกียรติเป็นหัว  ส่วนผู้กล่าวคำเท็จคือหาง
สำหรับคนที่นำประชาชน ได้นำให้ประชาชนหลงทาง และคนที่ถูกนำก็ถูกกลืนกินเสีย

หัวและหาง เป็นคำที่หมายถึงผู้นำด้านต่าง ๆ ของประเทศ  

อิสยาห์ 9-1

อิสยาห์ 9:1-7

แต่สำหรับเมืองซึ่งกำลังอยู่ในความเจ็บปวดนั้น จะไม่มีความมืดครื้มเกิดขึ้น
ในเวลาก่อนเก่า  พระเจ้าได้นำความเหยียดหยามมาสู่ดินแดนเศบูลุน และดินแดนนัฟทาลี แต่เวลาต่อมา พระองค์ทรงทำทางอันตระการไปสู่ทะเล เป็นดินแดนโพ้นจอร์แดน  คือกาลิลีแห่งประชาชาติทั้งหลาย

การบุกของอัสซีเรียจะทำให้พื้นที่ทางเหนือนั้นถูกทำลายมากกว่าที่อื่น ๆ    แต่ถึงกระนั้น ดินแดนดังกล่าวซึ่งถูกปล้นอย่างมากมายนั้น กำลังจะได้รับพระพรพิเศษด้วย   

isaiah9

เหล่าคนที่เดินอยู่ในความมืด  ได้เห็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่   คนที่อาศัยในดินแดนมืดทึบ แสงสว่างได้ส่องมาเหนือพวกเขา
พระเจ้าทรงเพิ่มจำนวนคนในประเทศนั้น  และทรงทำให้เขามีความชื่นชมมากขึ้น  เขายินดีต่อพระพักตร์พระองค์ เหมือนกับยินดีเวลาฤดูเกี่ยวเก็บ  เหมือนกับคนที่มาแบ่งของที่ปล้นมาให้กันและกัน
เพราะว่า แอกที่เขารับเป็นภาระ  และไม้บนไหล่ของเขา  กระบองของคนที่กดขี่เขา  พระองค์ได้ทรงหักพวกมันในวันของคนชาวมีเดียนแล้ว

เพราะว่ารองเท้าทุกคู่ของนักรบที่ย่ำไปในสนามรบอันวุ่นวาย และเสื้อผ้าทุกตัวต่างโชกเลือดทั้งสิ้น มันจะกลายเป็นเชื้อไฟเผา

 

เพราะว่า จะมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อพวกเรา  พระเจ้าประทานบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อพวกเรา   การปกครองจะอยู่บนบ่าของเขา  นามของเขานั้น จะเรียกกันว่า “ที่ปรึกษาแสนอัศจรรย์   พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์   พระบิดานิรันดร์  เจ้าชายแห่งสันติ”

การปกครองของท่านและสันติสุขจะเพิ่มมากขึ้น และไม่มีที่สิ้นสุด   บนบัลลังก์ของราชาดาวิด  เหนืออาณาจักรของพระองค์ เพื่อจะสถาปนาไว้ ยกย่องเชิดชูไว้ ด้วยความเที่ยงธรรมและความชอบธรรม  จากเวลานี้จนนิรันดร์   ความกระตือรือร้นของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทำสิ่งนี้

อิสยาห์ 8-2

อิสยาห์ 8:11-22

จงยำเกรงพระเจ้า และรอคอยพระองค์

พระคำที่พระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ตอนนี้  เพื่อน ๆ  ต้องอ่านดี ๆ  มันมีความหมายถึงใครบ้าง?

องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแก่ข้า พระหัตถ์อันแข็งแรงของพระองค์วางอยู่บนตัวข้า แสดงว่า พระเจ้าทรงกำชับอิสยาห์อย่างเข้มงวด  คำที่อิสยาห์กำลังจะกล่าวต่อไป  จะยิ่งทำให้คนที่ฟังเขา ไม่พอใจเขามากขึ้น  คนเหล่านั้นมองว่า อิสยาห์ และเพื่อนที่กล่าวคำจากพระเจ้า เป็นพวกสมคบคิดร้ายต่อประเทศ  เพราะต่างชักชวนให้พวกเขาไม่พึ่งพันธมิตรจากประเทศใดทั้งสิ้น  ให้พึ่งพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น

“สิ่งที่คนเหล่านั้นเรียกว่า การสมคบคิด เจ้าอย่าเรียกเช่นนั้น   สิ่งที่พวกเขากลัว เจ้าไม่ต้องกลัว  อย่าตื่นตระหนกไป”
“แต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ คือพระองค์ผู้ที่เจ้านับถือว่าพระองค์ทรงบริสุทธิ์   จงยำเกรงพระองค์  จงเกรงกลัวพระองค์ยิ่งนัก  และพระองค์จะทรงมาเป็นวิหารบริสุทธิ์ และเป็นศิลา แต่เป็นหินสะดุดสำหรับวงศ์วานแห่งอิสราเอล เป็นกับดักและบ่วงแร้วแก่คนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม  หลายคนจะสะดุดหินนั้น  พวกเขาจะล้มลงและบาดเจ็บเป็นแผล  พวกเขาจะติดบ่วงและถูกจับไป”   พระเจ้าจะทรงปกป้องเขา แต่กลายเป็นหินที่ทำให้คนที่ไม่เชื่อในพระองค์สะดุดล้มลง

จงผูกรักษาคำพยานนั้นไว้  และผนึกประทับตราคำสอนไว้ในหมู่ศิษย์ของข้า  ข้าจะรอคอยพระเจ้า พระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากวงศ์วานของยาโคบ  และข้าจะหวังใจในพระองค์    หมู่ศิษย์เหล่านี้คือ คนที่จะได้เหลืออยู่จากการจับไปเป็นเชลย  พวกเขาจะต้องรักษาคำที่อิสยาห์กล่าวไว้ เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ว่า พระเจ้าได้ตรัสอะไรไปบ้าง  

ดูเถิด ข้าและลูก ๆ ที่พระเจ้าประทานให้นั้น เป็นเครื่องหมาย และสัญลักษณ์ในอิสราเอลจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพผู้ประทับในภูเขาศิโยน

และเมื่อพวกเขากล่าวแก่เจ้าว่า “ให้ปรึกษาพวกคนทรงและพวกพ่อมดแม่มดที่ส่งเสียงจอแจบ้างพึมพัมบ้าง “ คนเราไม่ควรปรึกษาพระเจ้าของเขาหรือ?  พวกเขาควรที่จะไปปรึกษาคนตายเพื่อคนเป็นหรือ?    ผู้คนในสมัยของอิสยาห์ ไม่ได้หันหาพระเจ้า แต่กลับไปปรึกษาพ่อมดหมอผีและคนทรง

ข้าโกรธพระเจ้าที่สุด!!
ข้าโกรธพระเจ้าที่สุด!!

ไปดูคำบัญญัติและคำพยานพระเจ้า   ถ้าพวกเขาไม่พูดตามคำเหล่านี้ เป็นเพราะพวกเขาไม่มีแสงแห่งรุ่งอรุณอยู่เลย  พวกเขาจะเร่ร่อนผ่านแผ่นดินไปพร้อมกับความหิวโหยและทุกข์ใจ  เมื่อพวกเขาหิวขึ้นมา ก็จะโกรธเกรี้ยวและกล่าวคำดูหมิ่นกษัตริย์และพระเจ้าของพวกเขา จากนั้นจะเงยหน้าขึ้น

และพวกเขาจะมองที่แผ่นดินโลก แต่ดูเถอะ มีแต่ความทุกข์ยากและความมืด  ความมืดดำระทมใจ และพวกเขาจะถูกผลักให้เข้าไปสู่ความมืดอันหนาทึบ

คนเหล่านี้ หันหลังให้พระเจ้า  และเมื่อพบความทุกข์ยากก็ด่าทอพระองค์   ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมรับคำของพระเจ้าจากปากของอิสยาห์   และอิสยาห์เองก็บอกเขาล่วงหน้าด้วยว่า พวกเขาจะเจอกับอะไร

อิสยาห์ 8-1

อิสยาห์ 8:1-10
อัสซีเรียจะเข้ามาโจมตี ในฐานะเครื่องมือของพระเจ้า
แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า “ให้เอาวัสดุแผ่นใหญ่ และจารึกคำที่คนทั่วไปเข้าใจได้ลงไปว่า …มาเฮอร์ ชาลาล หัช บัส “(แปลว่า …. (อัสซีเรีย) รีบไปเอาของที่ปล้นมา ) และเราจะให้พยานที่สัตย์ซื่อ คือปุโรหิตอุริยาห์ และเศคาริยาห์บุตรชายเยเรเบคิยาห์ บันทึกเรื่องคำทำนายนี้ให้เรา…

ข้า..อิสยาห์ได้เข้าหาผู้กล่าวคำสตรี(ซึ่งเป็นภรรยาของข้าเอง) เธอได้ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง พระเจ้าตรัสกับข้าว่า ให้ตั้งชื่อลูกชายคนนี้ว่า มาเฮอร์ ชาลาล หัช บัส เพราะว่า ก่อนที่เด็กชายผู้นี้จะพูดคำว่า พ่อจ๋า หรือแม่จ๋า … กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย จะมายึดทรัพย์สมบัติของทั้งดามัสกัส และซีเรียไป… “

พระเจ้าได้ตรัสแก่ข้าอีกว่า “เพราะคนเหล่านี้ ปฏิเสธสายน้ำแห่งชิโลอาห์ซึ่งไหลไปอย่างช้า ๆ กลับไปชื่นชมเจ้าเรซีน และลูกชายของเรมาริยาห์ ดังนั้น พระเจ้าจะทรงนำสายน้ำแรงที่ยิ่งใหญ่แห่งแม่น้ำยูเฟรตีสมาท่วมพวกเขา กษัตริย์แห่งอัสซีเรียและความอลังการของพระองค์ สายน้ำที่โหมแรงกล้านั้นจะท่วมเหนือช่องแคบทุกแห่ง และท่วมท้นตลิ่ง มันจะกวาดไปถึงยูดาห์
มันจะท่วมและไหลล้นไปจนถึงคอ
มันจะท่วมไปยังดินแดนกว้างใหญ่ของแผ่นดินเจ้า โอ อิมมานูเอล”

ภาพจำลองกองทัพอัสซีเรีย จากhttp://www.hat.com
ภาพจำลองกองทัพอัสซีเรีย จากhttp://www.hat.com

แทนที่ราชาอาหัสจะพึ่งพระเจ้า กลับไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย สายน้ำแห่งชิโลอาห์คือลำธารที่ไหลมาจากน้ำพุกิโฮน ซึ่งอยู่นอกนครเยรูซาเล็ม มันเป็นสัญญลักษณ์ของการช่วยเหลือจากพระเจ้า การปกป้องจากพระองค์

“คนทั้งหลายเอ๋ย เจ้าจงรับการแตกร้าว เจ้าจะป่นปี้ จงฟัง เจ้าคนที่อยู่ในประเทศไกลโพ้น คาดอาวุธของเจ้าและแตกหักจนไม่เหลือ คาดอาวุธของเจ้าและแตกกระจายจนหมด … ถึงแม้พวกเขาจะได้มาตีอิสราเอลและยูดาห์ พวกเขาเป็นเพียงเครื่องมือของพระเจ้าเท่านั้น เขาไม่ได้ทำสำเร็จด้วยตัวเอง
ปรึกษากันเข้าไปเถอะ แต่เจ้าจะไม่ได้อะไร พูดออกมาสักคำ แต่มันจะไม่ทำให้เจ้ายืนมั่นได้

เพราะว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา
พระเจ้าทรงบอกชัดว่า สำหรับคนที่หลงเหลืออยู่แล้ว พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขา

อิสยาห์ 7-3

อิสยาห์ 7:17-25

อ่านเบื้องหลังราชาอาหัส
พระเจ้าจะทรงนำกษัตริย์แห่งอัสซีเรียเข้ามาหาเจ้า ประชาชนของเจ้า และวงศ์วานของเจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับแต่เอฟราอิมแยกออกไปจากยูดาห์
ราชาอาหัสเคยขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย  แต่อัสซีเรียเองที่จะมาทำลายพวกเขา !

ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงผิวพระโอษฐ์เรียกฝูงเหลือบมาจากสุดปลายน้ำแห่งอียิปต์  และจะทรงเรียกผึ้งมาจากอัสซีเรีย  พวกมันจะมากันทั้งหมด และตั้งรกรากในที่ห้วยน้ำลึก และตามซอกหิน และตามต้นหนาม  ตามทุ่งหญ้าทั้งหมด
ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงใช้ใบมีดโกนที่จ้างมาจากแผ่นดินพ้นแม่น้ำนี้ไป  นั่นคือ กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย ให้โกนหัว ขนหน้าแข้ง และหนวดเคราของท่าน
ดูเถอะ พระเจ้าจะทรงให้ทั้งอียิปต์และอัสซีเรียมาโจมตียูดาห์  พวกเขาจะโดนทั้งจากทางเหนือและใต้ 

nham

 

ในวันนั้น ชายคนหนึ่งจะเลี้ยงวัวสาวหนึ่งตัวกับแกะสองตัว  และมันได้ให้น้ำนมกับเขาอย่างล้นเหลือ  เขาก็จะดื่มนมข้น  ทุกคนที่ถูกทิ้งในแผ่นดินก็จะกินทั้งนมข้นและน้ำผึ้ง
ในวันนั้น ทุกแห่งที่เคยมีองุ่นต้น ซึ่งมีราคาเป็นเงินหนัก 1000 เชเขล จะกลายเป็นแต่พงต้นหนาม    ชายสักคนจะไปที่นั่นก็ต้องเอาคันธนูและลูกธนูไปเพราะว่า จะเจอแต่ต้นหนามคลุมแผ่นดิน   ส่วนเนินเขาที่เคยมีการใช้จอบขุดเพื่อปลูกพืช  คนกลับไม่กล้าไปเพราะกลัวหนาม  ที่นั่นจะกลายเป็นสถานที่ซึ่งเขาปล่อยให้ฝูงวัว และแกะเหยียบย่ำไปมา
ที่เคยทำการเกษตรได้นั้น ก็ไม่อาจทำได้ต่อไป  ที่ดินถูกทิ้งให้สัตว์หากินเอาเอง  คนจึงกินแต่นมกับน้ำผึ้ง ผักผลไม้ไม่ออกผล เพราะดินกลายเป็นหนาม เป็นวัชพืชไปหมด

อิสยาห์ 7-2

 อิสยาห์ 7:10-16

แล้วพระเจ้าได้ตรัสกับราชาอาหัสอีก “ให้เจ้าขอหมายสำคัญจากองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า  ให้มันลึกเหมือนแดนคนตาย หรือสูงเท่าสวรรค์ก็ได้”
แต่อาหัสทรงตอบว่า “ข้าพระองค์จะไม่ขอ  ข้าพระองค์จะไม่ทดสอบองค์พระผู้เป็นเจ้า”

เอ พระเจ้าทรงบอกให้ขอ  แต่ราชาอาหัสกลับบอกว่า ไม่… ไม่ต้องการทดสอบพระเจ้า  หรือไม่อยากรู้กันแน่?    เพื่อน ๆ ตามกลับไปดูเรื่องราวของราชาอาหัสได้ที่นี่     และเรื่องราวที่ไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย ที่นี่

 

ahazwar2
อิสยาห์กล่าวว่า “วงศ์วานของดาวิดเอ๋ย จงฟัง  ท่านจะทำให้มนุษย์เหนื่อยอ่อนกับท่านไม่พอหรือ  ท่านยังพยายามยั่วเย้าองค์พระเจ้าด้วยหรือ?”
พระราชาไม่เชื่อในคนของพระองค์ และก็ไม่เชื่อในฤทธิ์เดชของพระเจ้าด้วย …. พระเจ้าทรงเหนื่อยอ่อนกับความไม่เชื่อของพวกเขายิ่งนัก

ดังนั้น พระเจ้าจะประทานหมายสำคัญให้ท่าน!

คือหญิงสาวพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย 

และเขาจะเรียกนามบุตรชายนั้นว่า อิมมานูเอล 

 

เขาจะกินนมข้นและน้ำผึ้งเมื่อเขารู้ที่จะปฏิเสธความชั่วและเลือกทำสิ่งดี
แต่ก่อนที่บุตรชายจะรู้เลือกสิ่งดีปฏิเสธสิ่งชั่ว  แผ่นดินของกษัตริย์ทั้งสองที่เจ้ากลัวนั้นจะกลายเป็นที่ร้าง
แล้วอิสยาห์ก็ได้กล่าวคำพยากรณ์ถึงบุคคลหนึ่งที่อีกหลายร้อยปี จะเกิดมาในวงศ์วานของอาหับ  ผู้นั้นคือ องค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งใคร ๆ จะเรียกพระองค์ว่า อิมมานูเอล 

อิสยาห์ 7-1

อิสยาห์ 7:1-9

ในรัชสมัยของราชาอาหัส โอรสของราชาโยธาม ซึ่งเป็นโอรสของอุสซียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์

กษัตริย์เรซินแห่งซีเรีย และเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ซึ่งเป็นราชาแห่งอิสราเอลนั้น  ได้เดินทางมาเพื่อโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม   แต่ไม่อาจที่จะโจมตีได้  เมื่อราชวงศ์ของดาวิดได้รับคำทูลว่า “ซีเรียนั้นเป็นพันธมิตรกับเผ่าเอฟราอิม”  ทำให้ราชาอาหัสทรงเกรงกลัวยิ่ง ทั้งพระราชาและประชาชนของพระองค์ ต่างตกใจกลัว สั่นราวกับต้นไม้ในป่าที่ถูกพายุพัดปลิวโอนเอน….
และพระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า “เจ้าจงออกไปพบกับอาหัส   เจ้าและลูกชายของเจ้าคือเชอาร์ยาชูย  ไปพบอาหัสที่ปลายท่อน้ำของอ่างเก็บน้ำด้านบน  ตรงทางที่จะไปยังลานซักฟอก…  และทูลเขาว่า “จงระวัง ให้สงบนิ่ง  ไม่ต้องกลัว  และอย่ายอมให้ใจหวาดหวั่นเพราะตอฟืนที่กำลังจะมอดสองตอนี้  นั่นคือความโกรธเกรี้ยวของเรซิน แห่งซีเรียและลูกชายของเรมาลิยาห์

rabshakeh

เพราะซีเรียและเอฟราอิม และลูกชายของเรมาลิยาห์ได้วางแผนร้ายต่อต้านเจ้า  กล่าวว่า “ให้เราไปบุกยูดาห์กัน และทำให้มันกลัว   เอาจนชนะมันได้ และตั้งให้ลูกชายของทาเบเอลเป็นราชาปกครองที่นี่”

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า “มันจะยืนอยู่ไม่ได้  มันจะไม่สำเร็จ  เพราะว่า หัวของซีเรียคือดามัสกัส   หัวของดามัสกัสคือเรซีน  และภายใน 65 ปี เอฟราอิมจะกระจัดกระจายไป ไม่เป็นกลุ่มก้อน  หัวของเอฟราอิมคือสะมาเรีย  หัวของสะมาเรียเป็นแค่ลูกชายของเรมาลิยาห์   ถ้าเจ้าไม่ตั้งมั่นคงในความเชื่อเท่ากับเจ้าจะยืนมั่นอยู่ไม่ได้เลย…”

อิสยาห์ 6 ถูกเรียก…

อิสยาห์ 6:8-13

และข้าก็ได้ยินเสียงของพระเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งใครไป  และใครจะไปแทนเรา?”  พระเจ้าทรงเป็นผู้ส่งไป และคนของพระองค์เป็นผู้เดินทางออกไปทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ 

แล้วข้าตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ โปรดส่งข้าพระองค์ไปเถิด พระเจ้าข้า”  อิสยาห์พร้อมที่จะไปตามคำสั่งของพระเจ้า  เขาพร้อมที่จะเป็นคำตอบซึ่งพระเจ้าทรงใช้ได้ 
และพระองค์ตรัสว่า “จงไป บอกคนเหล่านี้ว่า … พวกเจ้าฟังเอา ฟังเอา แต่กลับไม่เข้าใจ

พวกเจ้าเห็นแล้วเห็นอีก แต่กลับไม่ดู   ทำใจของคนเหล่านี้ให้มึนงงไป  ทำให้หูตึง  ทำให้ตาบอด   มิฉะนั้น พวกเขาจะเห็นได้ด้วยตา  ยินด้วยหู และซาบซึ้งจนเข้าใจ  ในที่สุดกลับมาและรับการรักษาให้หาย”  ตา  หู และใจ  สามสิ่งนี้สำคัญมาก  หากทั้งตา หู และใจได้ซาบซึ้ง ได้รับคำของพระเจ้า… พวกเขาจะได้รับสิ่งดี ๆ แน่นอน นี่เป็นคำมหัศจรรย์จริง  ผู้ที่ถูกพระเจ้าส่งไป แม้จะต้องกล่าวคำกับคนที่มองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ไม่เข้าใจ  …วันหนึ่งเมื่อพระเจ้าทรงโปรดเขา  แน่นอนพวกเขาจะเห็น ได้ยิน ได้เข้าใจ จะได้รับการรักษาจากพระเจ้า  …

เป็นภาพงดงามไม่แพ้ภาพเมื่อวาน ไม่ทราบนามผู้วาด
เป็นภาพงดงามไม่แพ้ภาพเมื่อวาน ไม่ทราบนามผู้วาด  

 

แล้วข้าจึงกราบทูลว่า  “นานเท่าไรพระเจ้าข้า?”   นานเท่าไรที่จะต้องกล่าวคำของพระเจ้าทั้ง ๆ ที่คนไม่เข้าใจ….

พระองค์ตรัสว่า “จนกว่าเมืองจะร้างเปล่า ไม่มีคนอาศัย และบ้านไม่มีคนอยู่ แผ่นดินกลายเป็นที่รกร้าง
และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่งทุกคนไปยังแดนไกล แผ่นดินถูกทิ้งร้างจนหมดสิ้น  โอ้โห  … พระเจ้าทรงบอกอิสยาห์ว่า ยากที่จะมีคนเห็น ได้ยิน และเข้าใจ…. จนกระทั่งพวกเขาต้องรับผลแห่งการกระทำของตนเอง 

และแม้ว่ายังเหลือคนหนึ่งในสิบ   มันจะถูกเผาเหมือนกับต้นเทเรบินธ์และต้นโอ๊คที่ตอของมันยังเหลือเมื่อต้นล้มไป   ตอที่เหลือนั้นคือเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์ 

แม้คนที่ยังเหลือในแผ่นดิน ไม่ถูกจับไปเป็นเชลย ก็ยังจะถูกการพิพากษาของพระเจ้าด้วย   กว่าพวกเขาจะได้กลับมาเป็นคนบริสุทธิ์ของพระเจ้าอีกครั้ง…. 

 

อิสยาห์ 6-1

อิสยาห์ 6:1-7

ในปีที่ราชาอุสซียาห์สิ้นพระชนม์นั้นเอง  ข้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับบนบัลลังก์

สูงส่ง  เทิดทูน… และชายฉลองพระองค์นั้น อยู่เต็มพระวิหาร
เหนือพระองค์ขึ้นไป มีเหล่าเสราฟิมยืนอยู่  แต่ละตนมีปีก 6 ปีก  ได้ใช้ปีก 2 ข้างคลุมหน้า อีก 2   ข้างคลุมเท้า และปีกอีก 2 ข้างใช้บิน
เสราฟิมร้องต่อกันและกันว่า


Seraph cleansing Isaiah's Sins

Isaiah Visited By A Seraph by Giovanni Battista Tiepolo (AD 1726)

 

“พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงวิสุทธิ์  วิสุทธิ์  วิสุทธิ์   โลกทั้งใบเต็มด้วยพระสิริของพระองค์”

และเวลานั้น รากฐานของธรณีประตูก็สั่นสะเทือน เมื่อยินเสียงของผู้ที่ร้องออกมา   พระนิเวศนั้นเต็มไปด้วยควัน
และข้ากล่าวว่า “วิบัติแก่ตัวข้า!… เพราะว่า ข้าเป็นคนปากสกปรก   ข้าอาศัยอยู่ท่ามกลางประชากรที่ปากสกปรก  เพราะข้าได้เห็นองค์พระราชา พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ!”
แล้วหนึ่งในหมู่เสราฟิมได้บินมาตรงมายังข้าพเจ้า  ในมือของเขานั้น มีถ่านไฟกำลังลุกอยู่  เขาใช้คีมคีบถ่านนั้นมาจากแท่นบูชา  แล้วเขาได้แตะปากของข้าพเจ้า  กล่าวว่า “ดูเถิด สิ่งนี้ได้สัมผัสปากของเจ้าแล้ว  ความผิดของเจ้ารับการอภัย  บาปของเจ้าได้รับการลบมลทินแล้ว”