เนหะมีย์ 9- 7 ลายลักษณ์อักษร

เนหะมีย์ 9:32- 38

“บัดนี้ องค์พระเจ้าของพวกเรา พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่
ทรงฤทธิ์ และน่ายำเกรง พระองค์ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง

ขออย่าให้ความยากลำบากที่มายังเรา มายังราชา เจ้านาย ปุโรหิต
ผู้กล่าวคำของพระเจ้า และประชากรของพระองค์
ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยของราชาอัสซีเรียจนวันนี้ เป็นสิ่งเล็กน้อยในสายพระเนตรพระองค์

พระองค์ทรงชอบธรรมในบรรดาเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับเรา

images-2

เพราะพระองค์ทรงทำกับเราอย่างซื่อตรง แต่เราเองได้ประพฤติตัวชั่วร้าย
ราชาของเรา ทั้งเจ้านาย ปุโรหิต และบรรพบุรุษของเราไม่ได้รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
หรือใส่ใจในพระบัญชาและการเตือนสอนของพระองค์

แม้ในอาณาจักรของพวกเขา ท่ามกลางความดีที่พระองค์ประทานแก่เขา
ในแผ่นดินกว้างใหญ่อุดมที่พระองค์วางไว้ข้างหน้าพวกเขา
พวกเขาก็ยังไม่รับใช้พระองค์  ไม่ยอมหันกลับจากทางที่ชั่วร้าย

ดูเถิด  เราเป็นทาสในวันนี้ ในแผ่นดินที่พระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของเราเพื่อจะชื่นชมกับผลไม้ และสิ่งดี ๆ ที่ตามมา  ดูเถิด เราเป็นทาส

และของดี ๆ กลับกลายไปเป็นของกษัตริย์ที่พระองค์ทรงวางไว้เบื้องหน้าเรา เพราะบาปของเรา

พวกเขาปกครองร่างกายเรา ปกครองฝูงสัตว์ของเราตามใจของเขา  และเราก็ตกอยู่ในความทุกข์ใจใหญ่หลวง

เป็นเพราะทั้งหมดนี้ เราจึงได้เขียนพันธสัญญาลงไป บนเอกสารมีตราปะทับ ในนามของเจ้านาย เลวี และปุโรหิตของเรา

เนหะมีย์ 9-6 เมตตาแล้วเมตตาอีก

เนหะมีย์ 9:26-31

ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่เชื่อฟังและดื้อดึงต่อพระเจ้า
พวกเขาโยนธรรมบัญญัติของพระองค์ไว้ข้างหลัง
และฆ่าผู้กล่าวคำของพระองค์ที่ได้ไปเตือนพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ และพวกเขาก็ได้หมิ่นประมาทพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น พระองค์จึงทรงมอบเขาไว้กับมือของศัตรู ที่ได้ทำให้เขาต้องลำบาก
ในเวลาที่เขาต้องเผชิญกับความทุกข์ยากนั้น เขาก็ได้ร้องหาพระองค์

Figures_The_Israelites_Gather_Manna_in_the_Wilderness Figures_The_Israelites_Gather_Manna_in_the_Wilderness

พระองค์ทรงได้ยินจากสวรรค์ และด้วยพระเมตตา พระองค์ได้ประทานผู้ช่วยให้เขาพ้นจากศัตรู

แต่หลังจากที่เขาได้รับความสงบสุข เขาก็ทำผิดต่อพระองค์อีก  และพระองค์ทรงละเขาให้ตกอยู่ในมือของศัตรู
เพื่อศัตรูเหล่านั้นจะได้ครอบครองเขา
แต่เมื่อเขาหันมาร้องทูลพระองค์  พระองค์ก็ทรงฟังจากสวรรค์
และพระองค์ได้ทรงช่วยกู้เขา ครั้งแล้วครั้งเล่าตามพระเมตตาของพระองค์

 

พระองค์ทรงเตือนให้เขาหันมาใส่ใจพระบัญญัติของพระองค์
แต่พวกเขาก็ถือดี ไม่ยอมเชื่อฟังบัญชาของพระองค์ แต่ได้ทำบาปต่อกฎเกณฑ์ของพระองค์

ทั้ง ๆ ที่หากใครเชื่อฟังกฎเกณฑ์เหล่านั้น เขาก็จะมีชีวิตอยู่

พวกเขาหันหลังและทำคอแข็ง ไม่ยอมเชื่อฟัง

หลายปีที่พระองค์ทรงอดทนต่อพวกเขา และทรงเตือนเขาผ่านผู้กล่าวคำของพระองค์  แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง
ดังนั้น พระองค์จึงมอบเขาไว้ในมือของคนในแผ่นดิน
ถึงกระนั้น ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์
พระองค์ก็ไม่ได้ทำลายเขาจนสิ้น ไม่ทรงทิ้งพวกเขา

เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระคุณ และเมตตายิ่งนัก

เนหะมีย์ 9-5 ครองคานาอัน

เนหะมีย์ 9:22-25

และพระองค์ได้ประทานอาณาจักร​และประชากร และทรงกำหนดให้พวกเขาอยู่ทั่วไป
ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปครอบครองแผ่นดินสิโหน ของราชาเฮชโบน
และแผ่นดินโอก ของราชาบาชาน

พระองค์ได้ทวีจำนวนลูกหลานพวกเขาเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า
และพระองค์ทรงนำพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินที่พระองค์เคยบัญชา
ให้บรรพบุรุษของพวกเขาเข้าไปครอบครอง

ภาพจาก http://commons.wikimedia.org/wiki/File:The_Two_Reports_of_the_Spies_(crop).jpg
ภาพจาก http://commons.wikimedia.org/wiki/File:The_Two_Reports_of_the_Spies_(crop).jpg

ดังนั้น ลูกหลานจึงเข้าไป และครอบครองแผ่นดิน
และพระองค์ทำให้คนที่อยู่ก่อนหน้านั้นตกเป็นรอง
คือเหล่าคนคานาอัน และพระองค์ประทานแผ่นดินนั้นให้
พร้อมกับพระราชา และประชากรในนั้น และให้พวกเขาทำอย่างที่สมควร

และพวกเขาก็ได้ยึดเมืองที่มีป้อม แผ่นดินอันอุดม
และเข้าไปครอบครองบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยสิ่งดี
บ่อน้ำที่ขุดไว้แล้ว สวนองุ่น สวนมะกอก และต้นไม้ผลที่มีมากมาย
พวกเขากินอิ่มและกลายเป็นคนอ้วนท้วน มีความสุขกับสิ่งต่าง ๆ ที่ดีจากพระองค์

เนหะมีย์ 9-4 พระผู้ไม่ละทิ้ง

 

เนหะมีย 9:16-21

แต่พวกเขาและบรรพบุรุษของเรา ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง และคอแข็ง ไม่ยอมฟังพระบัญชาของพระองค์

พวกเขาปฏิเสธ ไม่ยอมเชื่อฟัง  แล้วยังไม่สนใจกับการอัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทำท่ามกลางพวกเขา

แต่กลับทำคอแข็ง และตั้งผู้นำให้ตัวเอง เพื่อพาพวกเขากลับไปอียิปต์

แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่พร้อมจะอภัย
ทรงพระคุณและเมตตานัก

the_giving_of_quail

พระองค์ทรงกริ้วช้า และเต็มด้วยความรักมั่นคง
พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งพวกเขา

ทั้งที่พวกเขาได้ทำลูกวัวทองคำขึ้นมา และกล่าวว่า

“นี่เป็นพระเจ้าที่นำพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์”

ได้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจ น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก

ด้วยความเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์มิได้ละทิ้งพวกเขาไว้ในถิ่นกันดาร

เสาเมฆ ของพระองค์ยังนำพวกเขาในเวลากลางวัน

เสาไฟที่นำเขาในเวลากลางคืนก็ไม่ได้จากพวกเขาไป
พระองค์ประทานพระวิญญาณเลิศของพระองค์ให้สอนเขา

และมิได้ยับยั้งมานาจากปากของเขา

พระองค์ประทานน้ำให้เขาดื่มเมื่อเขากระหาย

สี่สิบปีที่พระองค์ทรงดูแลรักษาพวกเขาในถิ่นกันดาร

พวกเขาไม่ขาดสิ่งใดเลย

เสื้อผ้าพวกเขาไม่ขาดไม่เก่า และเท้าของพวกเขาก็ไม่บวมช้ำ

เนหะมียห์ 9-3 ครั้งที่อียิปต์

เนหะมีย์ 9:9-12

และพระองค์ทรงเห็นว่า บรรพบุรุษของเราในอียิปต์ ถูกข่มเหง  พระองค์ทรงยินเสียงร้องทูลของเขาที่ทะเลแดง

และพระองค์ได้แสดงหมายสำคัญ การอัศจรรย์ ต่อต้านฟาโรห์และข้าราชการ รวมทั้งประชาชนอียิปต์

เพราะพระองค์ทรงทราบว่า พวกเขาได้กระทำตัวต่อต้านบรรพบุรุษของเราอย่างก้าวร้าวดุดัน

parting_sea
และพระองค์ก็ได้สร้างพระนามของพระองค์ เป็นที่นับถือจนถึงวันนี้

และพระองค์ได้แยกน้ำทะเลต่อหน้าพวกเขา

เพื่อว่าพวกเขาได้เดินผ่านพื้นทะเลที่แห้ง
และพระองค์ได้เขวี้ยงผู้ที่ไล่ล่าเขาลงไปในทะเลลึก
ราวกับก้อนหินที่ลงไปยังก้อนน้ำพลังมหาศาล

 

พระองค์ทรงนำเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ
ทรงนำพวกเขาในเวลากลางคืนด้วยเสาไฟ เพื่อพวกเขาจะรู้ว่า ควรเดินไปอย่างไร

เนหะมีย์ 9-2 พระเจ้าผู้ทรงสร้าง

เนหะมีย์ 9:6-8

พระองค์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า

พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์

ทรงสร้างสวรรค์อันสูงสุด พร้อมกับดวงดาวทั้งปวงในจักรวาล
ทรงสร้างแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งในนั้น
ทรงสร้างทะเล และสรรพสิ่งในน้ำ
และพระองค์ทรงรักษาทั้งหมดนี้ไว้
บรรดาชาวสวรรค์ต่างนมัสการพระองค์

Earth-Universe

 

พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า

พระเจ้าผู้ทรงเลือกอับราม และนำเขาออกมาจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย

ประทานนามว่า อับราฮัมให้

พระองค์ทรงพบว่าใจของอับราฮัมนั้นสัตย์ซื่อต่อพระองค์

และได้ทำพันธสัญญากับเขาว่า
จะประทานดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิท ชาวอาโมไรต์  ชาวเปเรซ ชาวเยบุสแลชาวเกอร์กาชให้กับเขา

และพระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์

เพราะพระองค์ทรงเที่ยงธรรม

เนหะมีย์ 9-1 วันที่อดอาหาร

เนหะมีย์ 9:1-5

ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนี้  ประชาชนอิสราเอลได้รวมตัวกัน อดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบ พวกเขาเอาดินใส่หัวตัวเอง

และพวกเขาก็ได้แยกตัวออกจากคนต่างชาติและยืนขึ้น สารภาพบาป และความผิดของบรรพบุรุษ

และพวกเขาได้ยืนขึ้นในที่ของตัวเอง

และอ่านจากหนังสือธรรมบัญญัติสามชั่วโมง
และอีกสามชั่วโมงพวกเขาก็สารภาพบาป และนมัสการพระเจ้าของพวกเขา

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1278

บนขั้นบันไดของคนเลวี  มีเยชูอา บานี  ขัดมีเอล เชบานิยาห์ บุนนี  เชเรบิยาห์  บานีและเคนานียืนอยู่
เขาร้องเสียงดังต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขา

จากนั้น คนเลวีคือ เยชูอา  ขัดมีเอล บานี เชเรบิยาห์ โฮดิอาห์  เชบานิยาห์  และเปธาหิยาห์ กล่าวว่า
“จงลุกขึ้น และถวายพระพรแด่พระเจ้าของท่านทั้งหลายตั้งแต่นิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล
ถวายพระพรแด่พระนามอันทรงพระสิริของพระองค์ ซึ่งเป็นพระนามสูงส่งเหนือพระพรและคำสรรเสริญใดๆ

เนหะมีย์ 8-4 เทศกาลอยู่เพิง

เนหะมีย์  8:13-18

วันที่สอง หัวหน้าของตระกูลต่าง ๆ รวมทั้งปุโรหิตและเลวี
ต่างเข้ามารวมตัวกันต่อหน้าเอสรา เพื่อเรียนรู้สิ่งที่อยู่ในพระบัญญัติ
พวกเขาพบว่า มีข้อเขียนของโมเสสถึงอิสราเอลว่า
พวกเขาควรจะอยู่ในเพิงระหว่างเทศกาลเดือนที่เจ็ด

พวกเขาควรประกาศเรื่องนี้ ให้ทุกเมืองและในเยรูซาเล็ม
“จงออกไปตามเนินเขา และนำกิ่งมะกอก มะกอกป่า
และน้ำมันเขียว ใบอินทผลัม และใบไม้ที่ดก เพื่อมาสร้างเป็นเพิงตามที่เขียนไว้”

ดังนั้น ผู้คนจึงออกไปและนำใบไม้ต่าง ๆ มาสร้างเพิงให้ตัวเองบนหลังคาบ้านของตน
บ้างก็สร้างเพิงในลานบ้าน และที่ลานพระวิหารของพระเจ้า
รวมไปถึงลานข้างประตูน้ำ ลานข้างประตูเอฟราอิม

festival of booths

 

และประชาชนทั้งหมดที่ได้กลับมาจากการเป็นเชลย
จึงได้สร้างเพิง และอาศัยในเพิงนั้น
การทำเช่นนี้ ไม่ได้ทำมาตั้งแต่สมัยของโยชูวาลูกชายของนูน
พวกเขาจึงต่างยินดีกันยิ่งนัก
และแต่ละวัน  ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่อยู่เพิง
เอสราจะอ่าน  พระบัญญัติของพระเจ้าให้พวกเขาฟัง

พวกเขาฉลองเทศกาลกัน 7 วัน และในวันที่แปดจึงมีการประชุมเหล่าประชาชนตามที่มีในกฎนั้น

เนหะมีย์ 8-3 ดีใจกับพระวจนะ

เนหะมีย์ 8:9-12
และเนหะมีย์ผู้ว่าราชการ และเอสราผู้เป็นอาจารย์และปุโรหิต
รวมทั้งเลวีที่ช่วยสอนประชาชนนั้น กล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า
“วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์ แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของพวกเจ้า อย่าคร่ำครวญ หรือร่ำไห้”
เพราะคนทั้งหลายได้ร้องไห้เพราะพวกเขาได้ยินพระวจนะของพระเจ้า

ezra-reading-law
แล้วเขากล่าวอีกว่า
“จงไปเถิด ไปกินไขมันและดื่มเหล้าองุ่นหวาน
และส่งอาหารไปให้คนที่ไม่มีอะไรพร้อม วันนี้ เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
และอย่าโศกเศร้าไป เพราะว่า ความยินดีในพระเจ้าเป็นกำลังของพวกเจ้า”
ดังนั้น คนเลวีก็ปลอบใจผู้คน กล่าวว่า
“จงสงบนิ่ง เพราะวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์ อย่าได้โศกเศร้าไปเลย”
และคนทั้งหลายก็ไปหาอาหารกิน ดื่ม ส่งอาหารให้คนอื่น
และต่างพากันยินดีเป็นอันมาก เพราะพวกเขาเข้าใจคำที่ได้ประกาศแก่พวกเขานั้น

เนหะมีย์ 8-2 ผู้ช่วยอธิบาย

เนหะมีย์ 8:5-8

ต่อหน้าประชาชนทั้งปวง  เอสราเปิดหนังสือ…
ทุกคนเห็นเพราะว่าเขายืนอยู่สูงกว่าคนอื่น

scan0003-1

พอเขาเปิดหนังสือนั้น ทุกคนก็ยืนขึ้น
และเอสราได้ถวายพระพรแด่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ผู้คนตอบว่า “อาเมน  อาเมน” โดยยกมือขึ้น
และก้มศีรษะลงถึงดิน นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยังมีคนเลวีที่ช่วยให้ประชาชนได้เข้าใจพระบัญญัติของพระเจ้า
พวกเขาเดินไปหาคนที่ยืนอยู่ เลวีเหล่านี้คือ
เยชูอา บานี  เชเรบิยาห์  ยามีน  อักขูบ  ชับเบธัย โฮดียาห์
มาอาเสอาห์  เคลิทา  อาซาริยาห์  โยซาบาด  ฮานัน  เปไลยาห์

พวกเขาอ่านจากหนังสือ จากพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างกระจ่าง
และเขาก็แปลความหมายให้ด้วย ทำให้ผู้คนเข้าใจสิ่งที่เขาอ่าน

 

เนหะมีย์ 8-1 อ่านฟัง พระบัญญัติ

เนหะมีย์ 8:1-4

และประชาชนต่างมารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว ที่ลานเมืองหน้าประตูน้ำ ​​
พวกเขาบอกให้เอสราผู้เป็นอาจารย์
นำหนังสือบัญญัติของโมเสสที่พระเจ้าทรงบัญชาแก่อิสราเอลมา

ดังนั้น เอสราจึงนำกฎหมายมาต่อหน้าที่ประชุม

ทั้งชาย หญิง และคนที่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาได้ยิน
ในวันแรกของเดือนที่เจ็ด

ezerareadingthelawnehemiah8-1-3

และเขาก็ได้อ่านบัญญัตินั้นที่ลานเมือง  โดยหันหน้าไปทางประตูน้ำ

เอสราอ่านตั้งแต่เช้าตรู่จนเที่ยงวัน  ต่อหน้าชายหญิง และคนที่เข้าใจได้
พวกเขาตั้งใจฟังพระบัญญัติ
เอสราผู้เป็นอาจารย์ยืนอยู่บนแท่นไม้ที่พวกเขาทำขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ​

คนที่ยืนข้างเอสราทางขวามือคือ มัทธีทิยาห์ เชมา  อานายาห์ อุรีอาห์ ฮิลคียาห์ และมาเสอาห์

ส่วนทางซ้ายก็คือ เปดายาห์ มิชาเอล มัลคิยาห์ ฮาชูม ฮัชบัดดานาห์ เศคาริยาห์ และเมชุลลาม

 

เนหะมีย์ 7-2 ชื่อคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย

เนหะมีย์ 7:5-73

แล้วพระเจ้าของข้า ก็ทรงดลบันดาลใจข้า ให้รวบรวมขุนนางและข้าราชการ
และประชาชน ให้เข้ามาขึ้นทะเบียนสำมะโนครัวเชื้อสายของแต่ละตระกูล
และข้าพบหนังสือสำมะโนครับเชื้อสายของคนที่ได้กลับมาครั้งแรกนั้น

เขียนไว้ว่า

ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของประชาชนที่ได้กลับมาจากการเป็นเชลยครั้งที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้จับตัวไป
พวกเขากลับมายังเยรูซาเล็ม และยูดาห์ โดยกลับไปที่เมืองของตนเอง
พวกเขามากับเศรุบบาเบล  เยชูอา  เนหะมีย์  อาซาริยาห์ ราอามิยาห์
นาหะมานี  โมรเดคัย บิลชาน  มิสเปเรท  บิกวัย  เนฮูม  บาอานาห์

pic25

 

จากนั้นก็เป็นรายการพงศ์พันธ์ุอิสราเอล รวมทั้งจำนวนของแต่ละครอบครัวด้วย

โดยรวมประชาชน  ปุโรหิต คนรับใช้ประจำพระวิหาร  ข้าราชการของราชาซาโลมอน

ยังมีคนที่ไม่สามารถพิสูจน์ว่าตนเองเป็นคนอิสราเอลหรือไม่ จึงถือว่า เป็นคนธรรมดา
และตัดออกจากความเป็นปุโรหิต
และจะได้รับการพิสูจน์ทีหลังด้วยปุโรหิตที่ปรึกษากับอูริม และทูมมิม

 

เนหะมีย์นับคนรับใช้ต่าง ๆ  นับไปถึงจำนวนของสัตว์เช่นม้า ล่อ อูฐ ลา ด้วย

จากนั้นได้บันทึกการถวายของประชาชน หัวหน้าตระกูล จนเสร็จสมบูรณ์

ในเดือนที่เจ็ด   เหล่าคนที่เป็นปุโรหิต เลวี คนเฝ้าประตู  นักร้อง ประชาชน ต่างก็อาศัยอยู่ในหัวเมืองของตนเอง

เนหะมีย์ 7-1 จัดยาม

 

เนหะมีย์  7:1-4

ดังนั้น เมื่อกำแพงสร้างเสร็จ และข้าก็ได้ติดตั้งประตู

ยังแต่งตั้งหน้าที่ยามประตู นักร้อง และเลวีอย่างเรียบร้อย
ข้าจึงให้น้องชายคือ ฮานานี และอานันยาห์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการป้อม ดูแลนครเยรูซาเล็ม

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1272

เนื่องจากว่า เขาเป็นคนที่ซื่อตรงและเป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้ามากกว่าหลายๆ คน
ข้ากล่าวแก่เขาว่า
“อย่าเปิดประตูนครเยรูซาเล็มจนกว่าแดดจะร้อน
และขณะที่มีการเฝ้ายามอยู่นั้น ก็ให้ปิดประตู ลั่นดาลไว้

ให้แต่งตั้งยาม จากชาวเมืองเยรูซาเล็ม
โดยที่บางคนให้ดูแลประจำที่ บางคนก็ดูแลบริเวณใกล้ๆ บ้านของตน
นครนั้น กว้างขวาง แต่มีคนอยู่น้อย และยังไม่มีการสร้างบ้านขึ้นใหม่

เนหะมีย์ 6-3 เบื้องหลังโทบียาห์

Book_of_Nehemiah_Chapter_6-1_(Bible_Illustrations_by_Sweet_Media)

เนหะมีย์ 6:15-19

ในที่สุด พวกเขาก็สร้างกำแพงสำเร็จในวันที่ยี่สิบห้า ของเดือนเอลูล
คิดแล้วเป็นเวลา 52 วัน

และเมื่อศัตรูของเราได้ยิน
ประชาชาติต่าง ๆ รอบเราต่างเกิดความกลัว อกสั่นขวัญหายเพราะพวกเขาเห็นว่า
งานนี้สำเร็จได้เพราะพระเจ้าทรงช่วยพวกเรา

ยิ่งกว่านั้น  เหล่าผู้ใหญ่ของยูดาห์ได้ส่งจดหมายไปยังโทบียาห์
และโทบียาห์ก็เขียนจดหมายถึงพวกเขา

เนื่องจากว่า มีหลายคนในยูดาห์ได้ร่วมสาบานกับเขา
เพราะเขาเป็นลูกเขยของเชคานิยาห์ลูกชายอาราห์

และเยโฮฮานันลูกชายของเขาก็แต่งงานกับลูกสาวของเมชุลลุมลูกชายของเบเรคิยาห์
ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังกล่าวถึงความดีของโทบียาห์ต่อหน้าข้า และรายงานคำของข้าไปให้เขา
และโทบียาห์ก็ได้ส่งจดหมายมาขู่ข้าด้วย

เนหะมีย์ 6-2 พยากรณ์ข่มขวัญ

เนหะมีย์ 6:10-14

และเมื่อข้าเข้าไปในบ้านของเชไมยาห์ซึ่งเป็นลูกชายของเดไลยาห์ซึ่งก็เป็นลูกชายเมเหทาเบล  เขาอยู่แต่ในบ้าน
เขากล่าวว่า
“เราไปพบกันที่พระวิหารของพระเจ้า ภายในพระวิหาร
ให้เราปิดประตูพระวิหารด้วย เพราะว่า พวกเขากำลังมาเพื่อจะสังหารท่าน  พวกเขาจะมาฆ่าท่านกลางคืน”
แต่ข้ากล่าวว่า

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1270

“จะให้คนอย่างข้าหนีไปหรือ?​
และคนอย่างข้าจะเข้าไปในพระวิหารเพื่อให้ชีวิตตัวเองรอดหรือ ไม่มีทางเสียหรอก  ข้าจะไม่เข้าไป”

ข้ารู้ดีว่า พระเจ้าไม่ได้ส่งคนนั้นมา
แต่เขาได้กล่าวคำพยากรณ์เพื่อต่อต้านข้า โดยได้รับจ้างจากโทบียาห์และสันบาลลัท
เขาถูกจ้างมาเพื่อจัดการกับข้าด้วยคำพยากรณ์​

เขาหวังทำให้ข้ากลัว และทำตามเขา ไปๆมาๆ ก็เป็นการผิดต่อพระเจ้าเพราะหนีเข้าไปในพระวิหาร
จากนั้นเขาก็จะส่งข่าวออกไป ทำให้ข้าเสียชื่อเสียง

 

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงจำการกระทำของโทบียาห์และสันบาทลัท   ทุกอย่างที่เขาทำ และขอพระองค์ทรงจำผู้กล่าวคำหญิงชื่อโนอัดยาห์พร้อมกับผู้กล่าวคำคนอื่น ๆ ที่พยายามทำให้ข้ากลัว

เนหะมีย์ 6-1 จดหมายขู่

เนหะมีย์  6:1-9

เมื่อสันบาลลัท โทบียาห์ เกเชมชาวอาหรับ และศัตรูคนอื่น ๆ ได้ข่าวว่า ข้าสร้างกำแพง และบัดนี้ไม่มีช่องใด ๆ เหลืออยู่  ตอนนั้นข้ายังไม่ได้ติดตั้งประตู

สันบาลลัทกับเกเชมได้เขียนจดหมายมาหาข้า
กล่าวว่า
“ขอให้ท่านมาเจอกับเราที่หมู่บ้านฮักเคฟิริม ในที่ราบโอโน”
แต่พวกเขาตั้งใจจะทำร้ายข้า
ข้าตอบไปว่า “ข้ากำลังทำงานใหญ่ ไม่สามารถลงมาพบได้
เรื่องอะไรที่งานจะต้องหยุดชะงักเพราะข้าต้องไปพบกับพวกท่าน?”

เขาส่งจดหมายอย่างนี้มาถึง สี่ครั้ง

และในที่สุด สันบาลลัทก็ส่งจดหมายครั้งที่ห้า

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1268

เป็นจดหมายเปิด…

ในจดหมายเขียนว่า

“ชนชาติต่าง ๆ รวมทั้งในเกเชมกล่าวว่า ท่านและพวกยิวตั้งใจที่จะกบฎ
ท่านจึงสร้างกำแพงขึ้น  และจากรายงานก็บอกด้วยว่า ท่านตั้งใจที่จะยกตัวเป็นกษัตริย์
และท่านเองได้จัดผู้กล่าวคำขึ้นเพื่อประกาศเรื่องของท่านในเยรูซาเล็มว่า  มีกษัตริย์อยู่ในยูดาห์”
เรื่องพวกนี้จะต้องถึงพระกรรณของพระราชาแน่นอน  ถ้าอย่างนั้น เรามาคุยกันดีกว่า
ข้าจึงส่งจดหมายกลับไปว่า “ไม่มีสิ่งที่ท่านอ้างเกิดขึ้น เพราะท่านกุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาเองทั้งนั้น”

พวกเขาต้องการขู่ให้เรากลัว โดยคิดว่า “พวกนั้นจะหยุดทำงาน และงานก็จะไม่สำเร็จ
แต่บัดนี้ ขอองค์พระเจ้าทรงเสริมกำลังแขนของข้าด้วย

เนหะมีย์ 5-3 ผู้ว่าการเนหะมีย์

เนหะมีย์ 5:14-19

ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่วันที่ข้าได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการในแผ่นดินยูดาห์
ตั้งแต่ปีที่ 20  ไปจนถึงปีที่ 32 ของการครองราชย์ของพระราชาอารทาเซอร์ซีสเป็นเวลา 12 ปีนั้น
ทั้งข้าและน้อง ๆ ของข้าก็ไม่ได้กินอาหารส่วนแบ่งของผู้ว่าการเลย

ผู้ว่าการคนอื่นๆ ก่อนข้านั้น ต่างก็เอาภาระหนักให้ประชาชนต้องแบก  เอาเงิน 40  เชเขลต่อวัน
ลูกน้องของผู้ว่าเหล่านั้นก็ใช้อำนาจเหนือประชาชน
แต่ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะข้ายำเกรงพระเจ้า

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1267

ตัวข้าเองยังมุ่งมั่นทุ่มเทกับการสร้างกำแพง และเราก็ไม่ได้คิดจะครอบครองที่ดิน
คนรับใช้ของข้าก็รวมตัวกันมาเพื่อทำงานนั้น
ยิ่งกว่านั้น บนโต๊ะอาหารมีคนร่วมโต๊ะเสมอ 150  คน
นอกนั้นยังมีคนต่างชาติที่มาหาเราด้วย
แต่ละวันจะต้องจัดหาวัวหนึ่งตัว แกะหกตัว และเป็ดไก่อีก
ทุกสิบวันมีการเตรียมเหล้าองุ่นไว้เป็นจำนวนมาก

ทั้ง ๆ ที่ต้องการขนาดนี้ ข้าไม่เคยเรียกร้องอาหารส่วนของผู้ว่า
เพราะข้ารู้ว่า ถ้าทำอย่างนั้น ประชาชนก็ต้องแบกภาระหนัก
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้า ขอทรงระลึกถึงข้า และสิ่งทั้งปวงที่ข้าได้ทำเพื่อประชากรทั้งหลาย

เนหะมีย์ 5-2 คำสัญญาของเจ้าหนี้

เนหะมีย์ 5:6-13

เมื่อข้าได้ยินคำร้องเหล่านี้ ข้าโกรธมาก
ข้าคิดใคร่ครวญเรื่องนี้  ข้าจึงไปจัดการกับเหล่าคนชั้นสูงและข้าราชการ ข้ากล่าวกับพวกเขาว่า
“พวกท่านได้คิดดอกเบี้ยแบบขูดรีดขูดเนื้อจากพี่น้องของท่านเอง  “
ข้าได้เรียกประชุมเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ กล่าวกับเขาว่า
“เท่าที่เราทำมาอย่างดีที่สุด  เราได้นำพี่น้องชาวยิวกลับมา
พวกเขาถูกขายไปต่างแดน
แต่บัดนี้ ท่านกลับขายพี่น้องของท่านเพียงเพื่อให้พวกเขาถูกขายคืนมาให้เรา!”

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1266

พวกเขานิ่งเงียบอยู่ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ดังนั้นข้าจึงพูดว่า
“ท่านทำไม่ดีเลย  ท่านควรที่จะเกรงกลัวพระเจ้า เพื่อว่าศัตรูจะไม่เยาะเย้ยเรามิใช่หรือ?”

ยิ่งกว่านั้น ข้า พี่น้องของข้า และคนรับใช้ก็ได้ให้พวกเขายืมเงินและข้าว
ขอเลิกการให้ยืมเพื่อเอาดอกเบี้ยเถอะ

วันนี้ ขอให้ท่านคืนที่นา สวนองุ่น และสวนมะกอก และบ้านเรือนให้เขา
รวมถึงดอกเบี้ยที่ได้เก็บจากเขาไป ไม่ว่าจะเป็นเงิน ข้าว เหล้าองุ่นหรือน้ำมัน”

พวกเขากล่าวว่า
“ตกลง เราจะคืนให้ และจะไม่เรียกร้องอะไรจากพวกเขา
เราจะทำอย่างที่ท่านบอก”
และข้าก็ได้เชิญปุโรหิตเข้ามาเพื่อให้เขาปฏิญาณว่าจะทำอย่างที่ได้กล่าวไว้

ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้สลัดชายเสื้อคลุมของข้า แล่าวว่า
“สำหรับคนที่ไม่รักษาสัญญา
ขอให้พระเจ้าทรงสลัดพวกเขาออกจากครอบครัว สลัดเขาออกจากทรัพย์สิน
ให้เขาหมดเนื้อหมดตัว!

คนทั้งหมดในที่ประชุมกล่าวว่า “อาเมน”
และต่างสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน
และจากนั้น พวกเขาก็ได้ทำตามที่ตนเองได้สัญญาไว้

เนหะมีย์ 5-1 กลายเป็นทาส

 

เนหะมีย์  5:1-5

ตอนนี้ มีเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและจากเหล่าภรรยาของพวกเขา เนื่องจากพี่น้องชาวยิว
เพราะมีคนกล่าวว่า
“ในเมื่อเรามีลูกชาย ลูกสาวมาก เราก็ต้องพยายามหาอาหารเพื่อจะประทังชีวิตของเราต่อไป”
ยังมีคนที่กล่าวว่า

“เราได้เอาไร่นา เอาสวน และบ้านของเราไปจำนอง เพื่อเราจะได้มีเมล็ดข้าวในช่วงที่กันดารอาหาร”

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1265
และยังมีคนบางกลุ่มกล่าวว่า

“เราได้ยืมเงินมาเพื่อจ่ายภาษีไร่นาและสวนให้กับพระราชา
แม้ว่าเลือดเนื้อของเราก็เป็นเหมือนเลือดเนื้อของพี่น้อง
ลูกของเราก็เป็นเหมือนลูกหลานของเขา
แต่เราต้องยอมให้ลูกชายและลูกสาวของเราไปเป็นทาส
และลูกสาวบางคนก็กลายเป็นทาส โดยที่เราไม่สามารถไถ่ตัวลูกคืนมา

เราทำไม่ได้ เพราะพวกเขาเอาที่ดินของเรา สวนของเราไปเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว”

 

เนหะมีย์ 4-4 วิธีการทำงาน

เนหะมีย์ 4:15-23

เมื่อศัตรูของเราได้ยินว่า เรารู้เรื่องหมดแล้ว
และพระเจ้าได้ทรงทำลายแผนการร้ายของพวกเขา

เราจึงกลับมาที่กำแพง ตามจุดต่าง ๆ ของพวกเรา
จากวันนั้นมา
คนงานของข้าครึ่งหนึ่งจะเข้าไปทำการก่อสร้าง
และอีกครึ่งก็ถือหอก โล่ ธนู และเสื้อเกราะ​
ส่วนคนที่เป็นผู้นำก็จะสนับสนุนคนยูดาห์ ที่กำลังสร้างกำแพง
คนที่รับภาระนั้นก็จะทำงานมือหนึ่ง ถืออาวุธอีกมือหนึ่ง

www-St-Takla-org--Bible-Slides-nehemiah-1264

คนทำงานก่อสร้างแต่ละคน จะมีดาบสะพายข้างๆ ตัวในขณะที่ก่อสร้าง  คนที่เป่าแตรก็อยู่ข้างๆ ข้า
และข้ากล่าวแก่คนชั้นสูง และข้าราชการ รวมไปถึงคนทั้งปวงว่า
“งานนี้ก็ใหญ่ และกระจายตัวออกไปมาก
และเราต่างแยกกันไปทำงานตามจุดต่าง ๆ ของกำแพง อยู่กันห่างๆ
เมื่อพวกท่านได้ยินเสียงแตร  ก็ขอให้รีบมารวมตัวที่ตรงนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงต่อสู้เพื่อเรา”

ดังนั้น เราจึงทำงานต่อไป และครึ่งหนึ่งของคน ก็ถือหอกตั้งแต่เช้า จนกระทั่งมืดค่ำ ดาวปรากฏ
และข้าก็ได้กล่าวกับคนที่นั่นว่า
“ขอให้ทุกคนและคนรับใช้ของเขา พักอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มตอนกลางคืน
เพื่อว่าจะได้อยู่ยามให้ตอนกลางคืน และทำงานกันตอนกลางวัน”
ดังนั้น ทั้งข้า และพี่น้อง คนรับใช้ ยามที่ตามข้ามา
ต่างไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ละคนจะถืออาวุธไว้ที่มือขวา