เอสรา 9-2 คำอธิษฐานของเอสรา

เอสรา 9: 5-7

ในเวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็นนั้น  ข้าพเจ้าลุกขึ้นจากการอดอาหาร
เสื้อผ้าและเสื้อคลุมก็ฉีกขาดอยู่
ข้าพเจ้าได้คุกเข่าลงและยกมือขึ้นต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า  ทูลว่า

“ข้าแต่องค์พระเจ้าของข้าพระองค์ ..
ข้าพระองค์รู้สึกละอายใจ และร้อนใจเกินกว่าที่จะเงยหน้าหาพระองค์
พระเจ้าของข้าพระองค์
เพราะว่าความบาปของเรานั้น มันสูงเกินศีรษะของพวกเขา
และความผิดของเราก็ท่วมสูงถึงฟ้าสวรรค์

jEzr0906Dore_EzraInPrayer

จากบรรพบุรุษของเราจนถึงวันนี้ พวกเราอยู่ในความชั่วอันใหญ่หลวง
และเพราะความบาปเหล่านี้
ทำให้เรา  พระราชา ปุโรหิต ถูกมอบให้อยู่ภายใต้เหล่าราชาแห่งแผ่นดิน
มอบให้ดาบ การเป็นเชลย การปล้น และความน่าละอายอย่างยิ่ง อย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้

 

 

เอสรา 9-1 สิ่งที่ทำให้เอสราตะลึง

เอสรา 9:1-4

หลังจากที่ได้ทำเรื่องต่าง ๆ สำเร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาหาข้าพเจ้ากล่าวว่า
“คนอิสราเอล  ปุโรหิต และเลวี ไม่ได้แยกตัวพวกเขา
ออกจากประชาชนที่ทำสิ่งอันน่ารังเกียจซึ่งอยู่ในแผ่นดิน
คนเหล่านั้นคือ
คนคานาอัน ฮิทไทต์ เปริสซี และเยบูส  คนอัมโมน คนอียิปต์ และคนอาโมไรต์

 

สิ่งที่พวกเขาทำก็คือ เอาลูกสาวของคนเหล่านี้มาเป็นภรรยา
และให้ลูกชายของตนเองด้วย
ดังนั้น เชื้อสายอันบริสุทธิ์ก็ถูกผสมไปกับเหล่าคนที่อยู่ในแผ่นดิน
และเรื่องนี้ คนที่ทำบาปหนักมากที่สุดคือคนที่เป็นผู้ปกครองและเหล่าหัวหน้า”

ezra 9 - 3 i rent my garment and my mantle

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ฉีกเสื้อของตนเองและทึ้งผม
ทึ้งหนวดเคราของข้าพเจ้าเอง นั่งนิ่งตะลึงหวาดผวา

แล้วบรรดาคนที่ตัวสั่นเพราะพระคำของพระเจ้าแห่งอิสราเอล
เพราะความไม่สัตย์ซื่อของเหล่าคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย
ก็มาอยู่ล้อมรอบข้าพเจ้า ในขณะที่ข้าพเจ้านั่งตะลึงอยู่จนกระทั่งถึงเวลา ถวายเครื่องบูชาเวลาเย็น

 

เอสรา 8-5 งานที่คืบหน้า

เอสรา 8:31-36

แล้ววันที่ 12  เดือนที่ 1 เราก็เดินทางจากแม่น้ำอาหะวา มุ่งหน้าไปยังเยรูซาเล็ม

พระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือพวกเรา

พระองค์ทรงปกป้องเราจากศัตรูและโจรที่คอยซุ่มทำร้ายตามทาง

เรามาถึงเยรูซาเล็ม และอยู่ที่นั่น  3 วัน

วันที่สี่ เริ่มจากที่พระวิหาร  เราได้ชั่งเงินและทอง
เพื่อมอบให้กับ ปุโรหิตเมเรโมท ลูกชายของอุริยาห์
พร้อมกับเอเลอาซาร์ลูกชายฟิเนหัส
พร้อมกับคนเลวีคือ  โยซาบัท ลูกชายเยชูอา และ โนอัดยาห์ ลูกชายบินนุย

พวกเขานับและชั่งน้ำหนักทุกอย่าง และบันทึกเอาไว้ด้วย

05_Ezra_JPEG_1024

 

ภาพเอื้อเฟื้อจาก Free Bible images.org

ในเวลานั้น คนที่ถูกจับไป  คนที่กลับมาจากการเป็นเชลย
ก็ได้ถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอล
เป็นวัวผู้ 12 ตัวเพื่อคนอิสราเอลทั้งปวง
เป็นแกะผู้ 96 ตัว

เป็นลูกแกะอีก 77 ตัว
และยังถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเป็นแพะผู้  12  ตัว
ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

พวกเขายังได้นำบัญชาของพระราชาไปยังเสนาบดี
และผู้ครองแคว้นต่าง ๆ อีกฟากของแม่น้ำ
ทำให้พวกเขาได้คนเข้ามาช่วยในการสร้างพระวิหารเพิ่มเติม

เอสรา 8-4 ผู้ดูแลรักษา

เอสรา 8:24-30

แล้วข้าพเจ้าได้แต่งตั้ง ปุโรหิต 12 คนเป็นหัวหน้า
คือเชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ และพี่น้องของเขา 10 อีกคน 

ข้าพเจ้าได้ชั่งเงิน และทอง รวมถึงภาชนะอื่นๆ ให้เขา
ของเหล่านี้เป็นของถวายมาจากพระราชา และเหล่าที่ปรึกษา ข้าราชบริพารของพระองค์
ข้าชั่งเงินให้พวกเขาได้ 650 ตะลันท์
ภาชนะเงินเป็นน้ำหนัก   200  ตะลันท์
และทอง 100 ตะลันต์
อ่างทองคำ 20 ใบมีค่าเท่ากับ 1000 ดาริค

Antiochus Epiphanes

 

ขนไป ขนมา เพิ่มบ้าง หายไปบ้าง

 

ภาชนะเครื่องทองเหลืองอย่างดีเทียบเท่ากับทอง

ข้าพเจ้าบอกเขาว่า
“ท่านทั้งหลายเป็นผู้ถูกแยกให้บริสุทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งภาชนะทั้งเงินและทองต่างๆ ก็บริสุทธิ์
เหล่านี้เป็นของถวายตามใจสมัครแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน
จงรักษาของเหล่านี้จนกว่า ท่านจะได้ชั่งในคลังพระวิหารต่อหน้าหัวหน้าปุโรหิต และเลวี
รวมทั้งหัวหน้าครอบครัวทั้งหลายในอิสราเอลที่เยรูซาเล็ม

ดังนั้นปุโรหิตและเลวีก็ได้รับสิ่งที่ชั่งแล้วนั้นไปทั้งเงินและทอง
รวมทั้งภาชนะต่าง ๆ และนำไปยังพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

เอสรา 8-3 อดอาหารอธิษฐาน

เอสรา  8:21-23

ที่ริมน้ำอาหะวานั้นเอง ข้าได้ประกาศให้ถืออดอาหาร

เพื่อว่า เราจะได้ถ่อมตนต่อพระพักตร์พระเจ้า

เพื่อทูลขอให้ตัวเรา  ลูกหลาน และข้าวของได้มีความปลอดภัยในระหว่างเดินทาง

เรารู้สึกละอายใจที่จะขอกำลังทหาร

และพลม้าจากพระราชาเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้เราระหว่างทาง

Screen Shot 2014-11-27 at 7.51.55 AM

เพราะเราได้ทูลพระราชาว่า

“พระหัตถ์ของพระเจ้ามีเพื่อสวัสดิภาพของทุกคนที่แสวงหาพระองค์

และทรงพิโรธทุกคนที่เดินไปจากพระองค์

ดังนั้นเราจึงอดอาหาร อธิษฐานและทูลขอพระเจ้าเพื่อสิ่งนี้

และพระองค์ทรงฟังคำทูลของพวกเรา”  

 

เอสรา 8-2 เตรียมคนเพื่อพระวิหาร

เอสรา 8:15-20

ข้าพเจ้ารวบรวมพวกเขาให้มายังแม่น้ำที่ไหลไปสู่อาหะวา
โดยเราพักที่นั่นสามวัน และเมื่อข้าพเจ้าสำรวจประชากร และปุโรหิต

ปรากฎว่า ไม่มีเหล่าลูกชายของเลวีเลย
ข้าพเจ้าจึงตามผู้นำที่มีวิสัยทัศน์คือ
เอลีเยเซอร์   อารีเอล เชไมอาห์ เอลนาธาน
ยาริบ เอลนาธาน นาธาน  เศคาริยาห์ และเมชุลลัม

Ezra_Returns_From_Babylon_C-834

ข้าพเจ้าส่งเขาไปหาอิดโด ซึ่งเป็นผู้นำที่คาสิเฟีย
ให้เขาบอกปัญหาแก่อิดโดและพี่น้อง รวมทั้งคนรับใช้ในพระวิหารซึ่งอยู่ที่คาสิเฟีย
เพื่อว่า เขาจะได้ส่งผู้ที่จะทำงานรับใช้ในพระวิหารมาให้เรา
ด้วยว่า พระหัตถ์แสนดีของพระเจ้าอยู่กับเรา
พวกเขาจึงส่งคนหนึ่งที่มีความสามารถมาก
เขาคือเชเรบิยาห์ พร้อมทั้งลูกชายและญาติอีก  18 คน

และยังส่งฮาชาบิยาห์  พร้อมกับเยชายาห์ซึ่งอยู่ในตระกูลของเมรารี
พร้อมกับลูกชายและญาติอีก 20 คน

และเขายังส่งผู้รับใช้ในพระวิหารอีก 220  คน
และตั้งพนักงานที่จะช่วยงานเลวี  คนเหล่านี้มีชื่อลงทะเบียนไว้

 

เอสรา 8-1 เหล่าคนที่กลับมา

เอสรา 8:1-14

เอสรา 8-1

ต่อไป ก็เป็นรายชื่อของหัวหน้าตระกูลต่าง ๆ

และเป็นรายการสืบเชื้อสายที่เดินทางมากับข้าพเจ้าจากบาบิโลน
ในรัชสมัยของราชาอารทาเซอร์ซีส
(เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งเบื่ออ่านนะครับ ชื่อเหล่านี้ น่าสนใจ และแปลกดีด้วย)

โดยมีคนจากเผ่าต่าง ๆ

back

จากตระกูลฟีเนหัส   คือเกอร์โชม
จากตระกูลอิธามาร์  คือดาเนียล
จากตระกูลของดาวิด คือฮัทธัช
จากตระกูลของเชคานิยาห์

จากตระกูลของปาโรช ก็มีเศคาริยาห์ พร้อมกับชายลงทะเบียนอีก 150 คน

จากตระกูลของปาหัทโมอับคือ เอลีโฮเอนัย ซึ่งเป็นลูกชายของเศราหิยาห์ พร้อมกับชายอีก 200 คน

จากตระกูลของศัทธู ก็มีเชคานิยาห์ ลูกชายของยาฮาซีเอล พร้อมกับชายอีก 300 คน
จากตระกูลของอาดิน คือเอเบด ลูกชายของโยนาธาน พร้อมกับชายอีก 50 คน
จากตระกูลของเอลาม คือเยชายาห์ ลูกชายของอาธาลิยาห์ พร้อมกับชายอีก  70 คน

จากตระกูลของเชฟาทิยาห์ คือเศบาดิยาห์ ลูกชายของมิคาเอล มาพร้อมกับชายอีก 80 คน

จากตระกูลของโยอาบ  มีโอบาดีย์ ลูกชายของเยฮีเอล และชายอีก 218  คน
จากตระกูลของบานี  ก็คือ เชโลมิท ลูกชายของโยสีฟิยาห์ และชายอีก 160  คน
จากตระกูลของเบบัย ก็มีเศคาริยาห์ บุตรของเบบัย พร้อมกับชายอีก  28 คน
จากตระกูลของอัสกาส ก็มีโยฮานัน ลูกชายของฮักคาทาน พร้อมกับชายอีก 110  คน

จากตระกูลของอาโดนิคาม พวกนี้เดินทางมาทีหลัง คือ เอลีเฟเลท เยอูเอล และเชไมยาห์ พร้อมกับชายอีก 60 คน

จากตระกูลของบิกวัย มีอุธัย และศัคเคอร์ พร้อมกับคนอีก 70 คน

 

เพื่อน ๆ ครับ คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าตระกูลที่กลับมาพร้อมกับท่านเอสรา

แน่นอน ต้องเป็นผู้นำสำคัญที่ช่วยให้พวกเขามีพลังขึ้นในการสร้างพระวิหาร และสร้างเมืองใหม่
ลองนับดูซิครับว่า มีประมาณกี่คน

เอสรา 7-5 คำขอบคุณจากเอสรา

เอสรา 7:25-28

สำหรับท่านเอสรา
ขอให้ท่านแต่งตั้งตุลาการและผู้พิพากษาตามสติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้ท่าน
เพื่อตัดสินความให้กับประชาชนของท่านซึ่งรู้บัญญัติของพระเจ้าในแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
ส่วนคนที่ไม่รู้พระบัญญัตินั้น ขอให้ท่านสอนพวกเขา

และใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าของท่าน
และกฎหมายของพระราชา

ท่านจะต้องพิพากษาลงโทษเขา
ไม่ว่าจะเป็นการประหาร การเนรเทศ การริบทรัพย์สิน หรือการจำขัง

(จบราชสาส์นจากพระราชาเพียงเท่านี้)

Repairing_temple_1219-186

สรรเสริญพระเจ้า พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา
ผู้ทรงดลบันดาลพระทัยพระราชา
เพื่อทรงทำให้พระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มงดงาม

และทรงขยายความรักมั่นคงของพระองค์ให้ข้าพเจ้า
ต่อพระพักตร์พระราชา และองคมนตรี และข้าราชการที่มีอำนาจทั้งหลาย

ข้าพเจ้าจึงมีใจกล้าหาญ เพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าทรงอยู่กับข้า
และข้าได้รวบรวมเหล่าผู้นำของอิสราเอลให้ไปกับข้า

 

เอสรา 7-4 สำเนาราชสาส์นของพระราชา (ต่อ)

เอสรา  7:18-24

ส่วนเงิน ทองที่เหลือจากการสร้าง
ขอให้ท่านและพี่น้องได้ใช้ให้เหมาะสมตามพระทัยของพระเจ้าของท่าน
ภาชนะต่าง ๆ ที่ท่านได้รับมอบไปเพื่อใช้ในพระวิหารของพระเจ้าของท่าน
ขอให้ท่านนำไปต่อพระพักตร์ของพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็ม

และหากยังมีสิ่งที่ขาดเหลือที่ต้องการเพิ่มเติมในพระวิหารของพระเจ้าที่ท่านต้องจัดหา
ก็ขอให้เบิกจากคลังของพระราชาได้

และเรา ราชาอารทาเซอร์ซีส  บัญชาไปยังเหล่านายคลังแห่งแผ่นดินที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำว่า

หากมีสิ่งใดที่ท่านเอสรา ปุโรหิต อาลักษณ์แห่งบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ขอท่านมา
ก็ของให้ท่านได้จัดหาให้อย่างเต็มที่

artar decree

ให้ได้จนถึงจำนวนเงิน 100 ตะลันท์ (3.2 ตัน)
ข้าวสาลี 100 โคร์  (22  กิโลลิตร)
เหล้าองุ่น 100  บัท (2.2 กิโลลิตร)
น้ำมันมะกอก  100  บัท (2.2 กิโลลิตร)
และเกลือ ไม่จำกัด  ให้ได้เท่าที่ต้องการ

สิ่งใดที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์บัญชามา
ขอให้ทำอย่างเต็มที่เพื่อพระวิหารของพระองค์
เพื่อว่าพระองค์จะไม่ทรงพิโรธต่อราชอาณาจักรของพระราชาและราชโอรส

เราขอบอกเสียตรงนี้ว่า ท่านไม่มีสิทธิทางกฎหมายที่จะเรียกเก็บภาษี
เงินบรรณาการ ค่าธรรมเนียมจากใคร ไม่ว่าจะเป็นปุโรหิต เลวี นักรัอง ผู้เฝ้าประตู
ผู้รับใช้ในพระวิหาร และคนอื่น ๆ ที่รับใช้ในพระวิหารของพระเจ้า

 

เอสรา 7-3 ราชสาส์นจากพระราชา

เอสรา 7:11-17

 

ต่อไปนี้เป็นสำเนา พระราชสาส์น ที่ราชาอารทาเซอร์ซีสได้ส่งมาให้เอสราผู้เป็นปุโรหิต  อาลักษณ์

บุรุษผู้ซึ่งได้เรียนรู้พระบัญญัติของพระเจ้า และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่ออิสราเอล

artar decree

“เรา อารทารเซอร์ซีส ราชาแห่งราชาทั้งหลาย
เขียนมายังท่านเอสราผู้เป็นปุโรหิต

อาลักษณ์แห่งกฎหมายของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน

บัดนี้ เราได้ออกกฤษฎีกาว่า ไม่ว่าใครในหมู่ประชาชนอิสราเอล
หรือเหล่าปุโรหิต หรือเลวี ที่อาศัยในอาณาเขตแห่งอาณาจักรของเรา
ที่ได้เสนอตัวเต็มใจจะไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ก็อนุญาตให้พวกเขาไปกับท่านได้

เพราะว่า ท่านเป็นผู้ถูกส่งไปโดยพระราชา และองคมนตรีทั้งเจ็ด
เพื่อจะถามเกี่ยวกับยูดาห์ และเยรูซาเล็ม  ตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้าของท่าน

 

และขอให้ท่านนำเงิน และทองซึ่ง
พระราชาและที่ปรึกษาของพระองค์
ได้พร้อมมอบถวายแด่องค์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ผู้ประทับในเยรูซาเล็ม ไปด้วย

รวมไปถึงเงินและทองที่เจ้าจะได้จากประชาชน
ในแคว้นบาบิโลน
และของถวายตามความสมัครใจจากประชาชน
ปุโรหิต เพื่อพระวิหารในเยรูซาเล็ม

จงใช้เงินเหล่านี้ เพื่อซื้อวัวผู้  แกะผู้ และลูกแกะ
ธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชา
เพื่อท่านจะได้ถวายบนแท่นบูชาในพระวิหารของพระเจ้าของท่านซึ่งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม

 

เอสรา 7-2 ความตั้งใจของเอสรา

เอสรา 7:7-10

แล้วประชาชนต่างพากันไปที่เยรูซาเล็ม

ในปีที่เจ็ดของรัชกาลราชาอารทาเซอร์ซีส
มีทั้งประชาชนอิสราเอล
บางส่วนของปุโรหิตและเลวี

เหล่านักร้อง  และคนเฝ้าประตู รวมทั้งคนรับใช้ในพระวิหาร

และเอสราก็ได้มายังกรุงเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้า
ซึ่งเป็นปีที่เจ็ดของพระราชา

ในวันแรกของเดือนแรกนั้น เขามาจากบาบิโลน
วันแรกของเดือนที่ห้า เขามาถึงเยรูซาเล็ม
เพราะว่า พระหัตถ์ดีเลิศของพระเจ้าทรงอยู่กับเขา

esdras

 

 

เพราะเอสราตั้งใจแน่วแน่ว่าจะศึกษาบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ตั้งใจทำตาม และตั้งใจที่จะสอนพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์ในอิสราเอล

 

เอสรา 7-1 บรรพบุรุษของเอสรา

เอสรา 7:1-6

หลังจากนั้น ในรัชสมัยของราชาอารทาเซอร์ซีส แห่งเปอร์เซีย
เอสรา ลูกชายของเสไรอาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของอาซาริยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของฮิลคียาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของชัลลูม
ซึ่งเป็นลูกชายของศาโดก

ซึ่งเป็นลูกชายของอาหิทูบ
ซึ่งเป็นลูกชายของอามาริยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของอาซาริยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของเมราโยท
ซึ่งเป็นลูกชายของเศราหิยาห์
ซึ่งเป็นลูกชายของอุสซี
ซึ่งเป็นลูกชายของบุคคี
ซึ่งเป็นลูกชายของอาบีชู
ซึ่งเป็นลูกชายของฟีเนหัส
ซึ่งเป็นลูกชายของเอเลอาซาร์
ซึ่งเป็นลูกชายของอาโรน หัวหน้าปุโรหิต
(เพื่อน ๆ ครับ อาโรนท่านนี้ คือพี่ชายของโมเสส)

images-8

โมเสสและอาโรน บรรพบุรุษของเอสรา

เอสราผู้นี้เดินทางมาจากบาบิโลน
เขาเป็นอาลักษณ์ที่เชี่ยวชาญในเรื่องกฎบัญญัติของโมเสส  ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้ประทานไว้
และพระราชาก็ได้อนุญาตทุกอย่างตามที่เอสราทูลขอ เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา

 

เอสรา 6-4 งานฉลอง

เอสรา 6:19-22

ในวันที่สิบสี่ของเดือนแรก
เหล่าคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย ก็จัดเทศกาลปัศกา

ทั้งปุโรหิตและเลวี ต่างก็ชำระตัวเอง ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงสะอาด

พวกเขาได้ฆ่าลูกแกะปัศกาสำหรับทุกคนที่กลับมาจากการเป็นเชลย
สำหรับปุโรหิตและสำหรับตนเอง

Dedicating-the-Temple-4

คนอิสราเอลก็ได้กินปัศกาด้วยกัน

ทั้งคนที่เคยเป็นเชลย และคนที่เข้ามาร่วมกับเขา

โดยการแยกตัวออกจากสิ่งที่ไม่สะอาด
ตั้งใจที่จะมานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล

และพวกเขาก็ได้รักษาเทศกาลขนมปังไร้เชื้อถึง 7 วันด้วยความยินดีนัก

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขามีความสุข และ

ทรงทำให้ใจของราชาแห่งอัสซีเรียมาเข้าข้างพวกเขา

ทรงช่วยให้เขาในการสร้างพระวิหารของพระเจ้าแห่งอิสราเอล

 

 

เอสรา 6-3 ฉลองพระวิหาร

เอสรา 6:13-18

ดังนั้น ทัทเทนัย ผู้ว่าราชการของอีกฟากของแม่น้ำ
รวมทั้งเชธาร์โบเซนัย และพรรคพวกของเขา

จึงปฏิบัติตามคำบัญชาของราชาดาริอัสอย่างขยันขันแข็ง
และผู้ใหญ่ของชาวยิวได้สร้างพระวิหาร
และได้ทำทุกอย่างสำเร็จตามคำพยากรณ์ของฮักกัยและเซคาริยาห์ ลูกชายอิดโด

พวกเขาสร้างพระวิหารเสร็จตามพระบัญชาของพระเจ้า
ด้วยราชกฤษฎีกาของราชาไซรัส

ราชาดาริอัส และราชาอารทาเซอร์ซีส ราชาแห่งเปอร์เซีย
และพระวิหารก็สำเร็จในวันที่สามของเดือนอาดาร์
ในปีที่หกของรัชสมัยราชาดาริอัส

และประชาชนอิสราเอล ปุโรหิต และเลวี
รวมทั้งประชากรทุกคนที่กลับมาจากเป็นเชลย
จึงได้ฉลองการถวายพระวิหารของพระเจ้าด้วยความยินดียิ่ง

jerusalem temple

พวกเขาถวายวัวผู้ 100 ตัว   แกะผู้ 200 ตัว
ลูกแกะ 400 ตัว  และถวายเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอล

 

และพวกเขาแต่งตั้งปุโรหิตตามกลุ่มต่าง ๆ
แบ่งหน้าที่ของเลวีในพระวิหารแห่งเยรูซาเล็ม
ตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส

เอสรา 6-2 ประกาศของดาริอัส

เอสรา 6:6-12

ดังนั้น ราชาดาริอัสจึงส่งสารมาสั่งให้ทัทเทนัย

ซึ่งเป็นผู้ว่าการอีกฟากของแม่น้ำ

เชธาร์ โบเซนัย กับข้าราชการอื่น ๆ ให้หลีกทาง
จงให้งานก่อสร้างพระวิหารดำเนินต่อไป
จงยอมให้ผู้ว่าการของชาวยิว และผู้ใหญ่ของชาวยิว
ช่วยกันสร้างพระวิหารในพื้นที่เดิม

 

ยิ่งกว่านั้น ราชาดาริอัสยังทรงออกราชกฤษฎีกาว่า
“เราออกราชกฤษฎีกามาเพื่อให้เจ้าทั้งหลาย
ทำสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้เพื่อผู้ใหญ่ของชาวยิว

 

จงมอบเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอย่างเต็มจำนวน
ต้องไม่ล่าช้า เอาเงินจากภาษีจากแว่นแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
และหากมีสิ่งจำเป็น
ไม่ว่าจะเป็นวัวผู้  แกะผู้   หรือแกะเพื่อใช้ในการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าแห่งสวรรค์
ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี  เกลือ เหล้าองุ่น หรือน้ำมัน
ตามที่เหล่าปุโรหิตแห่งเยรูซาเล็มร้องขอมา

ก็จงจัดให้ทุกวันอย่าให้ขาด
เพื่อว่าพวกเขาจะถวายเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัย
พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และจะได้อธิษฐานเผื่อพระราชาและราชโอรส

และเราขอประกาศว่า หากใครบิดพลิ้ว ไม่ทำตาม
เราจะดึงคานไม้ของบ้านคนนั้นออกไปอันหนึ่ง
และจะเสียบเขาด้วยไม้นั้น และบ้านของเขาจะกลายเป็นกองขยะ

ขอพระเจ้าผู้ทรงให้พระนามของพระองค์สถิตที่นั่น
ทรงทำลายกษัตริย์หรือประชาชนคนใดก็ตามที่
ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงประกาศนี้
หรือพยายามทำลายพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

 

เรา ดาริอัสเป็นผู้ออกกฤษฎีกา ขอให้ท่านทั้งหลาย
ทำตามคำสั่งนี้อย่างขยันขันแข็ง

เอสรา 6-1 สืบค้นเอกสาร

เอสรา 6:1-5

ดังนั้น ราชาดาริอัส จึงทรงสั่งให้มีการสืบค้น

จดหมายเหตุที่เคยทำในบาบิโลน

โดยพวกเขาไปค้นที่หอเก็บเอกสาร

และในเมือง ….. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นมีเดีย
พวกเขาก็ได้พบหนังสือม้วน ซึ่งมีบันทึกไว้ว่า

 

ในปีแรกของรัชสมัยราชาไซรัส
ราชาไซรัสได้ออกราชกฤษฎีกา
เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระวิหารของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม

จงสร้างวิหารนั้นขึ้นมาใหม่

เป็นสถานที่ซึ่งจะมีการถวายเครื่องบูชา
และจงให้รากฐานของวิหารนั้นคงอยู่
ให้อาคารสูง 60  ศอก กว้าง 60 ศอก
มีหินใหญ่สามชั้น และชั้นหนึ่งเป็นไม้
ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ให้ส่งจากพระคลัง

28-23

ยิ่งกว่านั้น  พวกภาชนะ เครื่องใช้ทองและเงิน
ซึ่งราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้นำมาไว้ในบาบิโลนนั้น
ก็ให้ขนกลับไปไว้ใช้ในพระวิหารเยรูซาเล็ม
ให้วางไว้ในที่เดิมของมัน
จะต้องเอาภาชนะเหล่านี้กลับไปในพระวิหารของพระเจ้า

 

เอสรา 5-3 เนื้อความในจดหมาย

เอสรา 5:11- 17

และพวกเขาตอบเราดังนี้

“เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน

เรากำลังสร้างพระวิหารใหม่ ซึ่งเคยมีมาก่อนหน้านี้
โดยราชายิ่งใหญ่แห่งอิสราเอลได้ทรงสร้างและทำสำเร็จด้วย
แต่บรรพบุรุษของเรา ได้ทำให้พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์พิโรธ

King_reads_letter_1337-231

พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาแก่ราชาเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
ราชาเคลเดียองค์นี้ได้ทำลายพระวิหาร
และนำคนเป็นจำนวนมากไปเป็นเชลยในบาบิโลน

อย่างไรก็ตาม ในปีแรกที่ราชาไซรัสครองบาบิโลน
พระองค์ได้ทรงออกราชกฤษฎีกาให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่
พวกเครื่องใช้ทอง เงินในพระวิหารที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์
ทรงยึดไปเก็บไว้ในวิหารเทพเจ้าของพระองค์ในบาบิโลน
ราชาไซรัสก็ทรงสั่งให้เอาออกมา

และส่งให้คนที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ ชื่อท่านเชชบัสซาร์
โดยทรงสั่งให้นำเครื่องใช้เหล่านี้ กลับมาไว้ที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม

และทรงให้เราสร้างพระวิหารในที่เดิม
ท่านเชชบัสซาร์จึงเข้ามาวางรากฐานพระวิหาร ในกรุงเยรูซาเล็ม
การก่อนสร้างก็ทำต่อมาจนทุกวันนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จ

ดังนั้น หากพระองค์ทรงเห็นดีด้วย ……..

ขอทรงสั่งให้มีการสืบค้นจดหมายเหตุของบาบิโลน
เพื่อหาหลักฐานที่ราชาไซรัสทรงสั่งให้สร้างพระวิหาร

ขอพระองค์ทรงวินิจฉัยเรื่องนี้

 

เอสรา 5-2 จดหมายฟ้องครั้งที่สอง

เอสรา 5:6-10

ต่อไปนี้เป็นสำเนาของสารที่ผู้ว่าการของอีกฟากของแม่น้ำชื่อทัทเทนัย
รวมทั้งเชธาร์โบเชนัย  กับ พวกของเขาที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
ส่งไปทูลราชาดาริอัส
มีใจความว่า

Decree of Darius

ขอองค์ราชาดาริอัสจงทรงพระเจริญ

ข้าพระบาททั้งหลายขอทูลรายงานให้ทรงทราบว่า
พวกเราได้ไปยังยูดาห์  ที่พระวิหารของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ตอนนี้ เหล่าคนทั้งหลายกำลังก่อสร้างพระวิหาร
พวกเขาใช้หินก้อนใหญ่ ๆ  บุผนังพระวิหารด้วยไม้
พวกเขาทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ
ตอนนี้ อาคารพระวิหารกำลังคืบหน้าไปมาก

พวกเราถามคนที่มีอายุว่า
“ใครเป็นคนอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ ?”
และยังได้ถามรายชื่อของคนทำงานมา
รายงานถวายพระองค์ด้วย ….

พวกเขาตอบเราอย่างนี้….

 

 

 

เอสรา 5-1

เอสรา 5:1-5

ส่วนผู้กล่าวคำของพระเจ้าคือ ฮักกัย และเศคาริยาห์ ซึ่งเป็นลูกชายของอิดโด
ก็ได้กล่าวคำของพระเจ้าแก่ชาวยิวที่อยู่ในยูดาห์และเยรูซาเล็ม
ในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงครองเหนือพวกเขา

แล้วเศรุบบาเบลลูกชายของเชอัลทิเอล กับเยชูวาลูกชายของโยซาดัก
ก็ลุกขึ้นและเริ่มลงมือก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม
ผู้กล่าวคำของพระเจ้าก็อยู่กับพวกเขา คอยสนับสนุน

picture

ในเวลาเดียวกัน ทัทเทนัย ซึ่งเป็นผู้ว่าของแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
และเชธาร์-โบเซนัย กับพวกของเขามาถามว่า
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างวิหารนี้จนสำเร็จ?”
และยังถามอีกว่า
“ใครเป็นคนสร้างพระวิหารนี้บ้าง บอกชื่อมา”
แต่พระเนตรของพระเจ้าทรงอยู่กับเหล่าผู้ใหญ่ของยิว
เขาไม่ได้หยุดการก่อสร้าง
จนกระทั่งพวกนั้นส่งสารไปยังราชาดาริอัส  และพระองค์ก็ทรงตอบกลับมา

เอสรา 4-4 ได้ผล

เอสรา 4:17-24

ต่อมาพระราชาจึงทรงตอบกลับมาว่า

ถึงเรฮูมและผู้บัญชาการทหาร
ถึงชิมชัย เลขานุการ และเหล่าคนที่อยู่ในสะมาเรีย
คนที่อาศัยอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรตีส

คำทักทายจากเรา
จดหมายที่ท่านส่งมานั้น  เราได้ให้คนแปลและอ่านให้ฟังแล้ว
และเราได้ให้มีการสืบค้น ก็พบว่า
ตั้งแต่ในอดีต เมืองนี้ได้แข็งข้อต่อกษัตริย์ทั้งหลาย
มักมีการต่อสู้ และการก่อความวุ่นวายต่าง ๆ เสมอมา
เมืองนี้เคยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ปกครอง
พวกเขาได้ปกครองทั่วแว่นแคว้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำ
กษัตริย์เหล่านี้ได้รับบรรณาการ ภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

 

ดังนั้นจงตั้งกฎขึ้นมาเพื่อยับยั้งการทำงานของคนเหล่านี้
เพื่อว่าจะไม่มีการสร้างเมืองนี้ใหม่
จนกว่าจะมีคำสั่งจากข้า
ขออย่าให้เจ้าทำเฉยเมยในเรื่องนี้
จะปล่อยให้เรื่องนี้ทำให้พระราชาเสียหายได้อย่างไร?”

เมื่อมีการอ่านสารจากพระราชาถึงเรฮูมและชิมชัยรวมทั้งพวกของเขา
พวกเขาก็รีบไปหาคนยิวในกรุงเยรูซาเล็ม
และใช้กำลังบังคับให้พวกเขาหยุดสร้างเมืองใหม่
ดังนั้นงานสร้างพระวิหารในเยรูซาเล็มจึงต้องหยุดชะงักไป
จนถึงปีที่สองของรัชสมัยราชาดาริอัสแห่งเปอร์เซีย