ดาเนียล 2-8 เข้าเฝ้า…

ดาเนียล 2:24-26

วันต่อมา ดาเนียลเข้าไปหาอาริโอค ผู้ที่ได้รับคำสั่งให้ประหารนักปราชญ์แห่งบาบิโลน
เมื่อพบกันต่อหน้า ดาเนียลกล่าวว่า
“ขอท่านอย่าประหารชีวิตนักปราชญ์ทั้งหลายขอรับ
ให้ท่านนำข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพระราชาวันนี้
และข้าพเจ้าจะถวายคำแปลความฝันให้แก่พระราชา”
“จริงรึ … เจ้าแก้ความฝันให้พระราชาได้
แสดงว่า เจ้าก็รู้ซิว่า พระองค์ฝันอะไร”
“ขอรับ พระเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าทราบ”

2282197

อาริโอคดีใจมากที่เขาไม่ต้องลงมือประหารปราชญ์เหล่านั้น
หลายคนก็เป็นเพื่อนรักของเขาอยู่แล้ว
เขาโล่งใจจริง ๆ  รีบนำตัวดาเนียลเข้าเฝ้าพระราชา
“ข้าแต่พระราชา ข้าพระบาทพบหนึ่งในเชลยที่พระองค์ทรงกวาดมาจากเยรูซาเล็ม
เขาสามารถแปลความหมายของพระสุบินได้พะยะค่ะ”
อาริโอคกล่าวอย่างมั่นใจ

พระราชาเนบูคัดเนสซาร์ทรงมองดานิเอลซึ่งชาวบาบิโลน
เรียกชื่อว่า เบลชัสซาร์ …
“เจ้าบอกเราได้หรือว่า เราฝันอะไร
และเจ้าแปลความหมายของฝันได้ด้วยรึ?”

ดานิเอลน่าจะตอบว่า ได้พะยะค่ะ   แล้วก็รีบบอก
รีบแปลความหมายของฝัน
แต่เขากลับไม่พูดอย่างนั้น
เขาพูดอะไร…..

 

ดาเนียล 2-7 คำสรรเสริญ …

ดาเนียล 2:22-23

ดาเนียลรู้ในใจของเขาว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุด
ทรงเป็นผู้กำหนดเวลาฤดูกาล
ทรงเป็นผู้ตั้งและถอนผู้ปกครองประเทศ  เมือง หมู่บ้าน
พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ปัญญา
จึงทำให้คนหลายคนมีปัญญา มีความฉลาดเฉลียว

เราคิดอย่างดาเนียลหรือเปล่าครับ
เขายังกล่าวสรรเสริญพระเจ้าต่อไปว่า
“พระองค์ทรงเปิดเผยสิ่งลึกลับที่ซ่อนอยู่
พระองค์ทรงรู้ว่า มีอะไรอยู่ในความมืดมิด
และแสงสว่างก็ดำรงอยู่ในพระองค์

Whirlpool_by_Tr1umph

ข้าพระองค์ถวายคำขอบคุณ และคำสรรเสริญ
แด่พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์
เพราะว่า พระองค์ได้ประทานสติปัญญาและกำลังให้แก่ข้าพระองค์
และทรงทำให้ข้าพระองค์ได้รู้ถึงสิ่งที่ทูลถามต่อพระองค์
เพราะพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์รู้เรื่องขององค์พระราชา ”

ครับ แทนที่ดาเนียลจะรีบไปหาพระราชาทันที
เขากลับหันมาหาพระเจ้า

และกราบนมัสการขอบคุณพระองค์ ​

เพื่อน ๆ ครับ พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของคนที่รักพระองค์
และทรงฟังคำทูลขอของเขาเสมอครับ…

ขอบคุณพระเจ้า

 

 

ดาเนียล 2-6 คำสรรเสริญ

ดาเนียล 2:20-21

เมื่อดาเนียลกับเพื่อน ๆ อธิษฐาน  พระเจ้าก็ทรงตอบเขาทันควัน

คืนนั้นเอง ดาเนียลได้เห็นนิมิต
เขาเห็นว่า พระราชาทรงฝันอะไรบ้าง
เพื่อน ๆ ครับ มันคล้ายกับการเห็นในฝัน แต่ไม่ใช่ฝัน
เหมือนกับเห็นเป็นภาพยนต์มากกว่า แต่ก็ไม่มีจอ เรียกว่า เห็นนิมิต
ยิ่งกว่านั้น พระเจ้ายังทรงให้ดาเนียลได้รู้ว่า
ความฝันนั้น มีความหมายอย่างไรบ้าง

the-statue

เขาดีใจมาก  และสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อได้รับคำตอบก็คือ
เขามาหาพระเจ้าอีกครั้ง    ทูลต่อพระองค์ว่า
“สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์
ปัญญา และฤทธานุภาพเป็นของพระองค์
พระองค์ทรงเปลี่ยนเวลา และฤดูกาล
ทรงเป็นผู้ถอดถอน และแต่งตั้งกษัตริย์
ทรงให้ปัญญาแก่คนฉลาด
ทรงให้ความรู้แก่ผู้ที่มีความเข้าใจดี

ดาเนียล 2-5 พระเจ้าของดาเนียล

ดาเนียล 2:17-19

เมื่อได้ทูลขอเวลาจากพระราชาแล้ว
เขาก็รีบกลับมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนทั้งสามฟัง

GofHeav

ภาพจาก hdw.eweb4.com

เพื่อนทั้งสามคือ ฮานันยา มิชาเอล และอาซาริยาห์โล่งใจไปขั้นหนึ่ง

พวกเขาชวนกันให้แสวงหาพระเมตตาจากพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
เพื่อพระองค์จะทรงตอบสิ่งลี้ลับนี้ให้พวกเขา
แล้วเขาทั้งหมดก็จะรอดชีวิต ไม่ต้องถูกสังหารไปพร้อมกับเหล่านักปราชญ์แห่งบาบิโลน

 

เด็กหนุ่มทั้งสี่ มีความเชื่อมั่นในพระเจ้าว่า
พระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของเขา
ไม่สงสัยสักนิด
พระเจ้าของพวกเขาทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
ไม่มีพระเจ้าใด นอกเหนือจากพระองค์
พระเจ้าของพวกเขาไม่เหมือนเทพเจ้าของบาบิโลน
ที่เป็นแต่เพียงรูปปั้น ไม่อาจรู้อะไรได้
ไม่อาจตอบอะไรได้…..

เราอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง ….
แล้วเมื่อเขาอธิษฐาน
คืนนั้นเอง พระเจ้าได้ทรงบอกเรื่องลี้ลับนั้นให้ดาเนียล
เป็นนิมิตที่เขามองเห็นได้
ดาเนียลกับเพื่อนดีใจมาก
เมื่อเขาได้รับคำตอบจากพระเจ้าแล้ว
เพื่อน ๆ ทายซิครับว่า ดาเนียลทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก

..รีบไปหาพระราชา?

..นอนหลับอย่างสบายใจ?

.. ฉลองกันกับเพื่อนสำหรับคำตอบนั้น ?

พรุ่งนี้ มาดูซิว่า ดาเนียลทำอะไร

 

ดาเนียล 2-4 ไม่ยอมตาย

ดาเนียล 2:14-16

อาริโอค หัวหน้าองค์รักษ์ได้รับคำสั่งจากพระราชาให้สังหารปราชญ์ทุกคนในบาบิโลน
เมื่อถูกตามที่จะเอาทั้งดาเนียลและเพื่อนๆ ไปสังหาร
มีหรือที่ดาเนียลจะยอมง่ายๆ
“ท่านอาริโอคขอรับ เหตุใดการสั่งประหารจึงด่วนเช่นนี้?”
เขาต้องการรู้เหตุผลว่า เหตุใดพระราชาจึงกริ้วหนักขนาดนี้
เหตุใดถึงกับจะเอาชีวิตทุก ๆ คน
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากอาริโอคซึ่งเป็นหัวหน้าขององค์รักษ์
ดาเนียลก็ได้ตอบกลับไปด้วยความสุขุม รอบคอบ
เขาตอบอาริโอคด้วยคำที่ทำให้อาริโอคสบายใจขึ้นมาก
daniel2b

“กระผมขอเข้าเฝ้าพระราชาขอรับ
ขอให้พระองค์ประทานเวลาให้พวกกระผม
และเราก็จะทูลรายงานทำนายฝันให้พระองค์ได้”

“โห…นี่ถ้าสำเร็จนะ ข้าเองก็ไม่ต้องประหารเหล่านักปราชญทั้งหลายในเมือง
ข้าโล่งใจมากเลย”

มีหรือ ที่พระราชาจะไม่ให้เขาเข้าเฝ้า
พระองค์ทรงประสงค์คำตอบอยู่แล้ว
ถ้ายังมีอีกสักคนที่จะให้คำตอบได้
พระองค์ก็ทรงยินดีที่จะรอ

แล้วเหตุใด ดาเนียลจึงมั่นใจนักว่า
ตนเองจะมีคำตอบให้พระราชา ?

ดาเนียล 2-3 คำสั่งจากพระราชา !

ดาเนียล 2:9-13

ส่วนข้าราชการชาวเคลเดียก็ทูลตอบพระราชาว่า
“ข้าแต่พระราชา  ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกนี้ ที่จะทูลตอบพระองค์​
อย่างที่พระองค์ทรงประสงค์ได้พะยะค่ะ
เพราะไม่เคยมีพระราชายิ่งใหญ่ที่ทรงฤทธานุภาพองค์ใดเคยบัญชา
อย่างที่พระองค์ทรงบัญชาแก่เหล่าผู้ทำเวทมนตร์
พ่อมด และคนเคลเดียมาก่อน

 

สิ่งที่พระราชาทรงเรียกจากเรานั้น ยากยิ่งนัก
ไม่มีใครจะแสดงความฝันของพระองค์เองคืนให้พระองค์ได้
นอกจากเหล่าเทพเจ้าซึ่งไม่ได้มีร่างกายอย่างพวกเรา

เพราะคำตอบของชาวเคลเดีย  ทำให้พระราชาทรงโกรธกริ้วเป็นที่สุด

upset

เพื่อน ๆ คิดว่า พระราชาจะทำอะไร
สั่งไล่คนนั้นออกไป?
สั่งไล่ทุกคนในห้องนั้นออกไปให้หมด?
หรือว่าสั่งเนรเทศคนเหล่านั้น ?
หรือสั่งให้ลงโทษ?
ไม่ใช่เลย… พระองค์ทรงทำสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น
ทรงสั่งให้ประหารเหล่านักปราชญ์ในบาบิโลนทุกคน
ทุกคนไม่เว้นใครเลย.!!!

ดังนั้น เมื่อคำบัญชานี้ออกมา
คนที่ถูกตามเพื่อนำไปประหารก็คือ ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง
และเขายังไปตามตัวดาเนียล และเพื่อน ๆ อีกด้วย

 

ดาเนียล 2-2 อย่าคิดว่าจะหลอกได้

ดาเนียล 2:6-9

แต่พระราชาไม่ใช่แค่คาดโทษ

พระองค์ตรัสต่อไปว่า
“แต่หากพวกเจ้าบอกเราว่า เราฝันอะไร
และแปลความหมายของฝันนั้นให้เรา
เราจะให้รางวัล ของขวัญแก่เจ้าพร้อมกับเกียรติสูงส่ง
ดังนั้น ขอให้เจ้าบอกเรามาว่า
เราฝันอะไร  แปลว่าอะไร เข้าใจไหม?”

tumblr_m77cdpH63r1qezho5o1_1280

พวกโหรตัวสั่นงันงก พวกเขามองหน้ากัน
คิดว่า จะหาหนทางอย่างไรดีที่จะไม่ต้องเจอเคราะห์กรรมที่ไม่คาดคิดจากพระราช

ต้องซื้อเวลา  ถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน  พวกเขาทูลว่า

“ขอพระราชาโปรดเล่าให้พวกเราฟังว่า ทรงฝันเรื่องอะไร
พวกเราก็จะทูลแปลความหมายฝันนั้นพะยะค่ะ”

แต่พระราชาไม่หลงกลพวกเขา  ทรงรู้ดีว่า คนเหล่านี้เจ้าเล่ห์ขนาดไหน
จึงทรงยืนกรานคำเดิม

“ข้ารู้ว่า พวกเจ้ากำลังถ่วงเวลา
เพราะเจ้ารู้อยู่ว่า เราพูดจริงทำจริง  คำไหนคำนั้น
ถ้าเจ้าไม่บอกฝันแก่เรา …เจ้าก็จะมีโทษอย่างแน่นอน
พวกเจ้ากำลังพยายามจะหาทางโกหกเรา
และใช้คำคดโกง… หลอกเรา เผื่อว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

คิดว่าเราไม่รู้หรือว่า เจ้าคิดอะไร
ดังนั้น พวกเจ้าจงบอกความฝันมาให้เราเดี๋ยวนี้ !
เราจึงจะรู้ว่า พวกเจ้าสามารถแปลฝันนั้นให้เราได้
ที่เราพูดเช่นนี้ เจ้าเข้าใจดีว่า เราหมายความอย่างไร …..”

จนตรอก  จนทาง  เหล่าโหรไม่รู้ความฝันของพระราชา
และขืนมั่วบอกความฝันไม่จริงตามที่ทรงฝัน
พระราชาจะต้องรู้แน่นอนว่า พวกเขาไม่มีอำนาจรู้ขนาดนั้น 

วิธีที่ปกติคือ พระราชาจะเล่าความฝัน และพวกเขาแปล…
แต่วันนี้ไม่ปกติเลย  พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเจอแบบนี้ 

 

 

ดาเนียล 2-1 ฝันที่จำไม่ได้

ดาเนียล 2: 1-5

อยู่มา ในปีที่สองของรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์
พระราชาทรงฝัน  และเป็นฝันที่ทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก
หลังจากความฝันนั้น พระองค์ทรงนอนไม่หลับเลย
ลองคิดดู  หากพระราชานอนไม่หลับ
ทั้งวังคงอยู่ไม่เป็นสุข ……​

nebuchadnezzar

สำหรับสมัยของราชาเนบูคัดเนสซาร์  ความฝันเป็นเรื่องสำคัญ

เพราะว่า มันคือการบอกล่วงหน้า มันเหมือนข่าวสารอย่างหนึ่ง
ดังนั้น สิ่งที่เนบูคัดเนสซาร์ได้เห็นในความฝัน
จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย
ที่หนักไปยิ่งกว่านั้น  พระราชาเองทรงเป็นทุกข์มาก

 

สิ่งที่พระราชาทรงทำคือ ทรงเรียกเหล่าผู้ทำเวทมนตร์
วิทยาคม พ่อมด และคนเคลเดียเข้ามาเฝ้า

พวกเขามาเข้าเฝ้าพระราชากันพร้อมหน้าพร้อมตา

“ข้าฝันไป ใจข้าเป็นทุกข์มาก ข้าต้องรู้ให้ได้ว่า ฝันนั้นคืออะไร”

 

ฮ้า พวกเขามาเพื่อจะทูลพระราชาว่า พระองค์ทรงฝันอะไรบ้าง…..

 

พระราชาทรงฝันอะไรบ้าง?  ใครจะรู้ได้?

 

โหรชาวเคลเดียคนหนึ่งทูลว่า
“ขอองค์พระราชาทรงพระเจริญเป็นนิตย์
โปรดบอกเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ว่า
ทรงฝันอะไร  แล้วพวกเราจะแปลความฝันทูลต่อพระองค์”

 

“ข้าพูดแล้ว มันก็ตามนํ้นแหละ
หากพวกเจ้าไม่รู้ว่า เราฝันอะไร
และไม่สามารถแปลฝันนั้น
เจ้าจะถูกฉีกแขนขา
บ้านของพวกเจ้าจะถูกทำลาย …..

 

ยังไม่ทันจะฟังพระราชาตรัสจนจบ
พวกเขาแทบจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้น!

 

ดาเนียล 1-8 เหนือกว่าสิบเท่า!

ดาเนียล 1:18-21

อย่างที่ได้เล่ามาแล้ว  ดาเนียลกับเพื่อนก็ได้เข้ารับราชการ
ในงานที่ใกล้ชิดพระราชากว่าคนอื่น ๆ
แค่นี้ก็ทำให้ใคร ๆ เห็นแล้วว่า พวกเขาทุกคนต้องมีอะไรแตกต่างไปอย่างแน่นอน

พระราชาทรงสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าในเรื่องอะไร
ไม่ว่าจะทรงถามอะไรชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้
พวกเขา มีความเข้าใจมากกว่าเหล่าโหร
และพวกนักเวทมนตร์ ของพระองค์ถึง สิบเท่า!

47586407!h.480,id.2365,m.fill,w.640

เพื่อน ๆ ครับ สิบเท่านี่ ไม่ใช่น้อยนะครับ

อยากเก่งกว่าคนที่ใคร ๆ นับถือ และเชี่ยวขาญ
เป็นหลาย ๆ เท่าแบบนี้  น่าจะถามตัวเองดูว่า

จากตัวอย่างของดาเนียลนั้น  เราจะทำอะไรได้บ้าง

เพื่อน ๆ ครับ  พระเจ้าทรงให้ดาเนียลและเพื่อน ๆ

ได้อยู่ในตำแหน่งที่เขาจะเป็นพร เป็นประโยชน์แก่ประเทศที่จับพวกเขามา
ได้มีโอกาสที่จะส่งสิ่งดี ๆ ของพระเจ้าให้คนในประเทศนี้
และกับเหล่าเชลยที่ถูกจับมาพร้อม ๆ กัน
ในขณะเดียวกัน ทั้งดาเนียลและเพื่อนของเขาก็ยังมีโอกาส
ที่จะรักและนับถือพระเจ้าของเขา โดยไม่ต้องโอนอ่อนไปกับ
ความเชื่อในเทพเจ้าต่าง ๆ ของบาบิโลน

ยังมีเรื่องราวที่บอกเล่าว่า
พวกเขาจะยอมให้กับความเชื่อของบาบิโลนหรือไม่

 

ยังมีเรื่องราวที่บอกเล่าว่า
พวกเขาจะยอมให้กับความเชื่อของบาบิโลนหรือไม่

 

ปรากฎว่า ดาเนียลได้รับราชการตั้งแต่สมัยของราชาเนบูคัดเนสซาร์
มาจนถึงสมัยของไซรัสมหาราช …..นั่นก็คือประมาณ 539- 535 ปีก่อนคริสตศักราช

เป็นเวลาราว เจ็ดสิบปี ที่ดาเนียลได้รับใช้ในบาบิโลน

กษัตริย์องค์หนึ่งมาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไปหลายองค์
และในที่สุดบาบิโลนก็มาตกอยู่ในอำนาจของกษัตริย์ชาวเปอร์เซีย …

ต่อไป เราจะได้เห็นว่า พระเจ้าทรงใช้ดาเนียลอย่างไรบ้าง

 

 

ดาเนียล 1-6 เคล็ดลับความฉลาด

ดาเนียล 1:17

หลังจากที่ดาเนียลประสบความสำเร็จในการต่อรอง
ขอให้เขาและเพื่อนกินแต่ผักและน้ำแล้วนั้น
ก็มีบันทึกที่น่าสนใจต่อไปว่า
“พระเจ้าทรงโปรดให้ชายหนุ่มทั้งสี่คน
มีความรู้ มีความเข้าใจในวรรณกรรม
และวิชาการทุกอย่างของบาบิโลน

ที่เหนือไปกว่าเพื่อน ๆ ก็คือ
ดาเนียลเข้าใจนิมิตและความฝันทุกอย่าง

tangsee

ดาเนียลมีความคล้ายคลึงกับโมเสส
คือว่า มีการเตรียมตัวในความรู้อย่างดี และยังมีสติปัญญาเฉียบแหลมอีกด้วย
ท่านโมเสสได้เรียนรู้วิชาการต่างๆ ของอียิปต์อย่างไร
ดาเนียลและเพื่อน ๆก็ได้เรียนรู้จากบาบิโลนเช่นกัน

การที่ดาเนียลเข้าใจนิมิตและความฝันนั้น เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
เพราะในสมัยนั้น การเปิดเผยของพระเจ้ามักจะมาในความฝัน ทางนิมิต
พระเจ้าเคยตรัสกับโมเสส อาโรนและมิเรียมว่า
“ถ้าจะมีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าท่ามกลางเจ้า
เราจะสำแดงตัวแก่ผู้นั้นทางนิมิต
เราจะพูดกับเขาทางความฝัน” *

ดาเนียลยังเหมือนโยเซฟในเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ท่านโยเซฟก็สามารถทำนายฝันได้อย่างถูกต้องเช่นกัน

การที่ดาเนียลได้รับพระพรจากพระเจ้าเกินคนอื่น
เกิดจากการยอมตนต่อพระเจ้า เชื่อฟังพระองค์สุดหัวใจของเขา
อยากให้เพื่อน ๆ ลองอ่านสิ่งที่ท่านโยบกล่าวไว้ว่า
“ดูเถิด  ความยำเกรงพระเจ้านั้นคือสติปัญญา
การหันจากความชั่วร้ายคือความเข้าใจ”**

 *กันดารวิถี 12:6
**โยบ 28:28

 

ดาเนียล 1-5 สำเร็จดังตั้งใจ!

ดาเนียล 1:11-176

ดาเนียลจึงเข้าไปหาผู้ดูแลเรื่องอาหารใต้บังคับบัญชาของกรมวังอัชเปนัส
ชายผู้นี้ รับผิดชอบดูแลอาหารการกินของดาเนียลและเพื่อนทั้งสาม
“ท่านหัวหน้าขอรับ โปรดลองให้พวกเรากินแต่ผักและดื่มน้ำสักสิบวันนะขอรับ
แล้วขอท่านเปรียบเทียบดูว่า พวกเรากับเพื่อน ๆ ที่กินจากเครื่องเสวยของพระราชา
มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เมื่อท่านเห็นความแตกตางนั้นแล้ว
ก็ขอให้ท่านได้ทำต่อพวกเราตามที่ท่านเห็นสมควรขอรับ”

“อืม.. ไม่เลว ”
ผู้ดูแลเห็นด้วยที่จะมีการพิสูจน์ว่า อะไรดีกว่ากัน
อาหารแบบใดจะทำให้เด็กหนุ่มเหล่านี้ดีขึ้น

เราไม่ทราบว่า เครื่องแสวยเหล่านี้ ถูกถวายให้กับเทพเจ้าของบาบิโลน
ก่อนที่จะส่งมาให้เหล่าชายหนุ่มเหล่านี้หรือเปล่า เป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างนั้น
แต่ดาเนียลก็ไม่ได้พูดเหตุผล หรือแจกแจงให้ผู้ดูแลฟัง
110_05_0233_BiblePaintings
ภาพเอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79420&type=mm
ดังนั้น ทุกวัน พวกเขาได้กินผัก และ ดื่มน้ำ มีผักต้ม ผักนึ่ง
และยังมีผลไม้ด้วย

สิบวันผ่านไป ผู้ดูแลเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
“พวกเจ้าดูแข็งแรง หน้าตาสดชื่น ถ้าอย่างนั้น
เราจะให้เจ้ากินอาหารเมนูนี้แล้วกัน ”

ยิ่งพวกนี้หน้าตาดี สดชื่นมากเท่าไร ผู้ดูแลก็จะพลอยได้รับการชมเชยไปด้วย
เป็นอันว่า การต่อรองของดาเนียลและเพื่อนทั้งสี่ จึงประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง

แต่ยังมีของดียิ่งกว่านั้น ….ต้องติดตามพรุ่งนี้ครับ

ดาเนียล 1-4 อาหารจากโต๊ะเสวย

ดาเนียล 1:8-10

อย่างที่บอกแล้วว่า ราชาเนบูคัดเนสซาร์ ได้ให้ชายหนุ่มที่จะเข้ารับราชการ
ได้รับประทานอาหารจากโต๊ะเสวยทุกวัน
แถมยังมีเหล้าองุ่นให้ด้วย

เป็นการปรนเปรอที่คนรับคาดไม่ถึงว่า จะส่งผลอะไรให้บ้าง
แน่นอน นานๆ เข้า พวกเขาไม่ต้องนึกถึงพระเจ้าแล้วว่า พระองค์เป็นผู้ประทานอาหาร น้ำ
นานๆ เข้า พวกเขาหลายคนจะกลายเป็นคิดว่า อาหารมาจากพระราชาต่างหาก
และหลายคนก็จะติดใจ หลงโต๊ะอาหารแสนวิเศษเหล่านี้

Daniel-Ch.-1-Video-Commentary

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยากกินอาหารจากโต๊ะเสวย
ดาเนียลกับเพื่อนของเขา ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นมลทิน
เพราะอาหารเสวยและเหล้าองุ่นเหล่านั้น

จะทำอย่างไรดี? …​ต้องคุย …​ต้องเจรจา….

เขาจึงเข้ามาคุยกับท่านอัชเปนัช หัวหน้ากรมวัง
“ท่านขอรับ  พวกเราจะขอว่า เราไม่รับประทานอาหารของพระราชา
เพราะอาหารเหล่านั้น เป็นอาหารต้องห้ามสำหรับพวกเราขอรับ
เราไม่ควรดื่มเหล้าองุ่นมาก ๆ แบบนั้น ทุกวัน
เนื้อสัตว์บางอย่างเราไม่กินอยู่แล้วขอรับ”
“อืม… ข้าเข้าใจนะ และข้าก็เห็นใจเจ้า  แต่ว่า หากเจ้าซูบผอมกว่าคนอื่น
และพระราชาเห็นเข้า  ข้าคงหัวขาดแน่นอน”

ดาเนียลเห็นแล้วว่า หัวหน้ากรมวังนั้น มีใจเอนเอียงอยากช่วยเขา
แต่เขาก็กลัวพระราชาลงโทษถ้าดาเนียลและเพื่อน ๆ ดูไม่ดี
เขาจึงคิดว่า จะต้องให้ท่านอัชเปนัสได้เห็นข้อพิสูจน์….

มันคืออะไรหรือ?…..

ดาเนียล 1-3 เนียน..เปลี่ยนชื่อ…

ดาเนียล 1:6-7

แน่นอน ตอนที่กวาดเชลยมา ย่อมได้ทั้งคนหนุ่ม คนสาว เด็ก คนชรา
และชายหนุ่มที่ต้องการนั้น ก็ต้องเลือกเฟ้นเป็นอย่างดี
เอาของปลอม ๆ คนเก่งไม่จริงไปถวายงานนั้น ไม่ได้เด็ดขาด
อัชเปนัสได้เลือกชายหนุ่มหน้าตาดี ฉลาดเฉลียวมาได้กลุ่มหนึ่ง

จากคนที่เป็นยิว จะต้องรับราชการในบาบิโลน
วัฒนธรรมต่างกันมากพระราชาก็จะเปลี่ยนชื่อชายหนุ่มเหล่านี้
ให้เหมาะสม เรียกง่าย มีความหมายสำหรับการเข้ามารับราชการ
และมีชายหนุ่มสี่คนเป็นคนที่โดดเด่น
อัชเปนัสก็พอใจทั้งสี่คนนี้ไม่น้อย พวกเขาคือ
ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์

พวกเขาถูกเปลี่ยนชื่อไปไม่เหมือนเดิม ความหมายก็เปลี่ยนไปด้วย
Untitled-1

 

เพื่อน ๆ ครับ จากดาเนียลที่แปลว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา
กลายเป็น เบลเทชัสซาร์  แปลว่า โอ..ขอพระชายาของพระเบลปกป้องพระราชาด้วย
ฮานันยาห์ แปลว่า พระเจ้าทรงมีพระคุณ  กลายเป็นชัดรัค แปลว่า บัญชาแห่งอากู เทพแห่งดวงจันทร์
มิชาเอลแปลว่า จะมีใครเสมอพระเจ้า กลายเป็นเมชาค แปลว่า ใครจะเหมือนเทพอากู?
ส่วนอาซาริยาห์ที่แปลว่า พระยาห์เวห์ทรงช่วย กลายเป็นอาเบดเนโก แปลว่า ผู้รับใช้ของเทพเนโบ

ราชาเนบูคัดเนสซาร์ทรงพอใจกับชื่อใหม่ ๆ เหล่านี้
ทำไมหรือ?
เป็นเพราะทำให้เรียกง่าย และทำให้ชายหนุ่มยิวค่อย ๆ คิดว่าตัวเองเป็นคนบาบิโลน
นี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะเอาความเป็นตัวตนของพวกเขาออกไป….
และหวังว่า พวกเขาจะไม่นับถือองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล
แต่มาจงรักภักดีต่อเทพเจ้าทั้งหลายแห่งบาบิโลน

 

ดาเนียล 1-2 สรรหาชายหนุ่มชั้นดี

ดาเนียล 1:3-5

การถูกกวาดมาเป็นเชลยครั้งนี้
เป็นไปตามที่อิสยาห์ได้กราบทูลราชาเฮเซคียาห์ก่อนหน้านี้เกือบร้อยปีล่วงหน้า
ครั้งนั้น ราชาเฮเซคียาห์ได้อวดสิ่งต่าง ๆ ในพระวิหารแก่ทูตบาบิโลนที่มาเข้าเฝ้า
เพราะอยากให้คนพวกนั้นมาเป็นมิตร  แทนที่จะวางใจในพระเจ้า
หารู้ไม่ว่า พวกเขาได้โอกาสที่จะเห็นทุกอย่างที่พระราชาไม่น่าจะเปิดเผย

C07A-002

อัชเปนัส  เป็นหัวหน้ากรมวัง ที่รับคำบัญชาของราชาเนบูคัดเนสซาร์โดยตรง
เขาจะต้องคัดเลือกชายหนุ่มเชลย ที่มาจากอิสราเอล เพื่อให้ทำงานรับใช้ในราชวัง
ชายหนุ่มเหล่านี้ อาจเป็นเชื้อพระวงศ์ หรือเป็นลูกหลานของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในอิสราเอล
เพราะจะเป็นคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี ไม่เหมือนลูกหลานคนธรรมดา
ยิ่งกว่านั้น ชายหนุ่มพวกนี้จะต้องหน้าตาดี  ไม่พิการ มีสติปัญญาเลิศ
พร้อมที่จะเรียนรู้ภาษาใหม่  สิ่งใหม่ ๆ
พวกเขาจะต้องมีไหวพริบดี ….​ราชาเนบูคัดเนสซาร์ต้องการคนดีที่สุดเพื่อมารับใช้พระองค์!

อัชเปนัสจะต้องสอนทั้งภาษา วรรณกรรมของชาวเคลเดีย (คือชาวบาบิโลนนั่นเอง)
พวกเขาจะได้รับประทานอาหารของพระราชา
จะได้ดื่มเหล้าองุ่นที่มาจากโต๊ะเสวยด้วย

พวกเขาจะต้องเรียนอย่างหนักเป็นเวลาสามปีจึงจะจบ และเข้ารับราชการเลย
โห… ไม่ต้องหางานทำ  ได้ทุนเรียน และได้งานทำด้วย!

ดาเนียล 1-1 กวาดเชลยเข้ามา

ดาเนียล 1:1-3

ปีที่สามของรัชสมัย ราชาเยโฮยาคิมแห่งยูดาห์
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
ทรงเข้ามาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม
… ในบันทึกกล่าวว่า…

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบราชาเยโฮยาคิมไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์
พร้อมกับภาชนะ เครื่องใช้ในพระวิหารบางอย่าง
และเนบูคัดเนสซาร์ก็กวาดทั้งคน
และของกลับไปยังบาบิโลน
ทรงเอาข้าวของต่าง ๆ เก็บไว้ในคลังเทพเจ้าบาบิโลน

Abrahamus เป็นคนทำภาพนี้จากภาพเดิม  http://guildofbezalel.blogspot.com/
Abrahamus เป็นคนทำภาพนี้จากภาพเดิม http://guildofbezalel.blogspot.com/

เนบูคัดเนสซาร์มักนำเชลยที่เก่ง
มีความรู้ ไปใช้ในกิจการบ้านเมือง  ให้เป็นข้าราชการ
ให้รับใช้เป็นช่างฝีมือ
และปล่อยคนส่วนหนึ่งดูแลแผ่นดินของตนเองไป

แปลก.. ที่เนบูคัดเนสซาร์ไม่กลัวว่า คนพวกนี้จะทรยศพระองค์ทีหลัง
เพื่อน ๆ ครับ และครั้งนี้
เนบูคัดเนสซาร์ก็ได้คนดี ๆ เก่ง ๆ จากแผ่นดินยูดาห์ไปหลายคนทีเดียว

การเป็นเชลยของชนอิสราเอล

ก่อนที่เราจะมาอ่านหนังสือดาเนียลด้วยกัน เราควรรู้ความเป็นไปสักหน่อย ….

ชาวยิวถูกบุกและถูกกวาดไปเป็นเชลยสามครั้งเนื่องจากพวกเขาไม่เชื่อฟังพระเจ้า  โดยที่ได้รับคำเตือนจาก
ผู้รับใช้ของพระเจ้ามากมาย แต่ไม่มีใครฟังนัก

ครั้งที่หนึ่งเมื่อ  606  ปีก่อนคริสตศักราช   บาบิโลนนำคนที่เป็น ราชวงศ์ ครอบครัวขุนนางไปพร้อมกับเครื่องใช้ต่าง ๆ ในพระวิหาร  ปล่อยให้ราชาเยโฮยาคิมเป็นกษัตริย์หุ่น ครองเมือง ครั้งนี้ดาเนียลและเพื่อนของเขาถูกนำตัวไป   เขาทั้งสี่กลายเป็นข้าราชการในราชวังของบาบิโลน โดยมีดาเนียลเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงสุด  เขาไม่ได้มีโอกาสกลับบ้านเกิดอีกเลย

ครั้งที่สองเมื่อ 597 ปีก่อนคริสตศักราช   คนที่ถูกกวาดไปคือชนชั้นสูง  ผู้ปกครอง พร้อมกับช่างฝีมือ เอเสเคียลอยู่ในคนกลุ่มนี้ด้วย  ราชาเยโฮยาคิน ถูกปล่อยให้ครองเมืองที่เหลือ

ครั้งที่สามเมื่อ 586  ปีก่อนคริสตศักราช  ครั้งนี้เมืองถูกทำลาย วิหารพังพินาศ  ได้จับเอาราชาเศเดคียาห์ไปด้วย และปล่อยให้เยเรมีห์อยู่ในแผ่นดิน

600-CaptiveToBabylon

 

ส่วนการกลับมาก็มีสามครั้ง

ครั้งแรกเมื่อ 538  ปีก่อนคริสตศักราช   ชาวเปอร์เซียได้โจมตีบาบิโลน และราชาไซรัสปล่อยเชลยกลับบ้านส่วนหนึ่ง  โดยมีเศรุบบาเบลเป็นผู้นำยิวกลับมาประมาณ 50,000 คน
ครั้งที่สอง เมื่อ 458 ปีก่อนคริสตศักราช   มีการเริ่มสร้างพระวิหาร ผู้นำคือท่านเอสรา
ส่วนครั้งสุดท้ายเมื่อ 444 ปีก่อนคริสตศักราช เมื่อมีการสร้างกำแพงเมืองและเมืองหลวงใหม่  เนหะมีย์เป็นผู้นำในการกลับมาโดยการอนุญาตจากจักรพรรดิอารทาเซอร์ซีสที่ 1 แห่งเปอร์เซีย

 

ดาเนียลได้เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบาบิโลน และมีการพยากรณ์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต ซึ่งมีหลายอย่างเกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์โลกในเวลาต่อมา   และบางอย่างยังไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบัน  หนังสือดานิเอลจึงมีเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น และเป็นเนื้อหาที่พวกเราเองก็อยากจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างที่ดาเนียลได้บอกไว้

 

เอเสเคียล 48-5 ประตูเมือง

เอเสเคียล 48:30-35

นี่จะเป็นทางออกของเมือง
ทางเหนือวัดได้ 4,500  ศอก มีประตูสามประตู
คือประตูรูเบน  ประตูยูดาห์ และประตูเลวี

nakon

ประตูเมืองมีชื่อตามเผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล
ด้านตะวันออก วัดได้ 4,500 ศอก มีสามประตู
คือประตูโยเซฟ ประตูเบนยามิน และประตูดาน

ทางด้านใต้วัดได้ 4,500 ศอก  มีสามประตู
ประตูสิเมโอน  ประตูอิสสาคาร์ และประตูเศบูลุน

ทางตะวันตกยาว 4,500 ศอก  มีสามประตู
คือประตูกาด  ประตูอาเชอร์ และประตูนัฟทาลี
วัดรอบเมืองนั้นได้ 18,000 ศอก
ตั้งแต่นี้ไป เมืองนั้นมือชื่อว่า พระเจ้าประทับอยู่ที่นั่น

 

เอเสเคียล 48-4 ส่วนแบ่งที่เหลือ

เอเสเคียล  48:23-29

เผ่าที่เหลืออยู่นั้น ก็เป็นแผ่นดินจากตะวันออกไปตะวันตก เป็นของเบนยามินหนึ่งส่วน
ต่อจากเขตแดนของเบนยามิน จากตะวันออกไปตะวันตก เป็นของสิเมโอนหนึ่งส่วน
ต่อจากเขตแดนของสิเมโอน จากตะวันออกไปตะวันตก เป็นของอิสสาคาร์หนึ่งส่วน
ต่อจากเขตแดนของอิสสาคาร์ จากตะวันออกไปตะวันตก  เป็นของเศบูลุน หนึ่งส่วน
ต่อจากเขตแดนของเศบูลุน จากตะวันออกไปตะวันตก  เป็นของกาด หนึ่งส่วน
และต่อจากเขตแดนของกาดไปทางใต้
จะเป็นพื้นที่ต่อไปจากทามาร์ไปยังผืนน้ำเมรีบา-คาเดช
จากที่นั่นเรื่อยไปตามทางน้ำของอียิปต์จนถึงทะเลใหญ่khet

นี่เป็นพื้นที่ซึ่งเจ้าจะต้องแบ่งให้เป็นมรดกแก่เผ่าต่าง ๆ ของอิสราเอล
นี่แหละ  เป็นส่วนต่าง ๆ ของเขาทั้งหลาย

 

เอเสเคียล 48-3 เขตของเมืองและเจ้านาย

เอเสเคียล 48:15-22

ส่วนที่เหลือซึ่งกว้าง 5,000 ศอก  ยาว25,000 ศอก
จะเป็นที่สำหรับใช้งานต่าง ๆ ของเมือง
เพื่อพักอาศัย และเพื่อเป็นทุ่งหญ้า

ตรงกลางของเขตนั้น จะเป็นเมือง โดยมีขนาดคือ
ทางเหนือ 4,500 ศอก ทางใต้ 4,500 ศอก
ตะวันออก  4,500 ศอก และทางตะวันตก 4,500 ศอก

ในเมืองจะมีที่โล่งเป็นทุ่ง ทางเหนือ 250 ศอก
ทางใต้  250 ศอก  ทางตะวันออก  250 ศอก และทางตะวันตก  250 ศอก
ด้านยาวที่เหลือซึ่งอยู่ข้าง ๆ กับส่วนที่บริสุทธิ์นั้น
ทางตะวันออกยาว 10,000 ศอก
ทางตะวันตกยาว 10,000 ศอก
ให้อยู่ข้างส่วนที่บริสุทธิ์  และพืชที่ได้จากผืนดินนี้จะเป็นอาหารของคนงานในเมือง
คนงานในเมืองนั้นมาจากทุกเผ่าของอิสราเอล พวกเขาจะพรวนดิน
ส่วนเต็มที่เจ้าจะต้องแบ่งไว้เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส
ด้านละ 25,000 ศอก
นี่เป็นส่วนบริสุทธิ์รวมกับพื้นที่ของเมือง

ส่วนที่เหลืออีกสองข้างของส่วนบริสุทธิ์ จะเป็นของเจ้านาย
ยื่นจากส่วนที่บริสุทธิ์ที่ยาว 25,000 ศอก ไปยังเขตแดนตะวันออก
และทางตะวันตก จาก 25,000 ศอกไปยังเขตแดนตะวันตก
ขนานกับส่วนของเผ่า
ให้ส่วนนี้เป็นของเจ้านาย
ดังนั้น ส่วนบริสุทธิ์ พร้อมกับสถานการณ์จะอยู่ตรงกลางพวกเขา
จะเป็นส่วนที่แยกออกจากพวกเลวี และเขตของเมือง
ซึ่งก็อยู่ใจกลางเขตที่เป็นของเจ้านายเช่นกัน
ส่วนของเจ้านายนี้ อยู่ระหว่างเขตของเผ่ายูดาห์ และเผ่าเบนยามิน

 

 

เอเสเคียล 48-2 เขตของปุโรหิต

เอเสเคียล 48:8-14

ติดกับเขตแดนของยูดาห์ จากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก
จะมีส่วนที่เจ้าจะต้องกันเอาไว้ กว้าง 25000 ศอก ยาว เท่ากับ
ส่วนของเผ่าต่าง ๆ  จากทิศตะวันออกไปยังตะวันตก โดยมีสถานนมัสการอยู่ตรงกลาง
ส่วนที่เจ้าจะกันเอาไว้เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะยาว 25,000 ศอก   กว้าง 20,000 ศอก

นี่จะเป็นเขตของส่วนที่บริสุทธิ์
ปุโรหิตจะมีเขต 25,000 ศอกทางตอนเหนือ และ กว้างทางตะวันตก 10,000 ศอก
ความกว้างทางตะวันออก 10,000 ศอก
ทางใต้ยาว 25,000 ศอก โดยมีสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ตรงกลาง

ส่วนนี้จะเป็นของปุโรหิตบริสุทธิ์ คือบุตรชายของศาโดก
พวกเขารักษาคำบัญชาของเรา
ไม่หลงระเริงไปตามใจคนอิสราเอลเหมือนอย่างที่เลวีได้ทำ
และส่วนพิเศษนี้จะเป็นของพวกเขาจากส่วนที่บริสุทธิ์ของแผ่นดิน
โดยติดกับเขตของคนเลวี

และข้างๆ เขตแดนของปุโรหิตนั้น เลวีจะได้ส่วนหนึ่ง
ยาว 25,000 ศอก  และกว้าง 10,000 ศอก
ความยาวทั้งหมดจะเป็น 25,000 ศอก และกว้าง 20,000 ศอก
จะไม่มีการขายที่ดิน หรือแลกเปลี่ยนที่ดินเหล่านี้
และเขาจะต้องไม่เปลี่ยนกรรมสิทธิ์ของที่ดินซึ่งพระเจ้าทรงเลือกให้นี้
เพราะเป็นส่วนบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า