เอเสเคียล 37-4 พันธสัญญาสันติภาพ

เอเสเคียล 37:24-28
“ดาวิด ผูัรับใช้ของเราจะเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา
และเขาทั้งหมดจะมีผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว
พวกเขาจะเดินไปในกรอบกฎเกณฑ์ของเรา
และพวกเขาจะสนใจที่จะเชื่อฟังคำสั่งของเรา
พวกเขาจะได้อาศัยในแผ่นดินที่เราได้มอบให้แก่ยาโคบ ผู้รับใช้ของเรา
ที่ซึ่งบรรพบุรุษของเจ้าเคยอาศัยอยู่
ทั้งพวกเขาและลูกหลาน จะอยู่ที่นั่นตลอดไป
และผู้รับใช้ของเราคือดาวิด ก็จะเป็นเจ้านายเหนือพวกเขาเป็นนิตย์

kao

เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติภาพกับพวกเขา
เป็นสัญญานิรันดร์ต่อพวกเขา
และเราจะให้พวกเขาอยู่ในแผ่นดินของพวกเขา
และทวีจำนวนของพวกเขาขึ้น
และเราจะให้สถานบริสุทธิ์ของเรานั้นอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป
ที่ ๆ เราประทับอยู่นั้น จะอยู่กับพวกเขา
และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา
พวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
และเมื่อสถานบริสุทธิ์ของเราอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไปเมื่อไร
ประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่า
เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงชำระอิสราเอล

 

เอเสเคียล 37-3 เราจะเป็นพระเจ้าของเขา

เอเสเคียล 37:15-23

พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงเอาไม้เส้นมาเส้นหนึ่ง
เขียนลงไปว่า .. สำหรับยูดาห์ และประชาชนอิสราเอลที่เกี่ยวข้องกับเขา..
แล้วก็เอาไม้ยาวมาอีกเส้น เขียนลงไปว่า
.. สำหรับโยเซฟ (มันเป็นไม้เส้นของเอฟราอิม)  และประชาชนอิสราเอลที่เกี่ยวข้องกับเขา
และผูกมันเข้าด้วยกันให้เป็นไม้เส้นเดียวกัน เพื่อว่าเจ้าจะถือไว้ในมือได้

และเมื่อประชาชนกล่าวกับเจ้าว่า
..ท่านจะไม่บอกเราหรือว่า นี่มีความหมายอย่างไร?..
เจ้าก็จงกล่าวกับเขาว่า
..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้  ดูเถิด เรากำลังจะเอาเส้นไม้ของโยเซฟ นั่นคือ ที่อยู่ในมือของเอฟราอิม
และเผ่าอิสราเอลที่เกี่ยวพันกับเอฟราอิม
และเราจะนำเอาไม้เส้นของยูดาห์มารวมกับมัน
ทำให้มันกลายเป็นไม้เส้นเดียวกัน เพื่อว่า มันจะได้อยู่ในมือของเรา

เมื่อไม้เส้นที่เจ้าเขียนอยู่ในมือของเจ้าต่อหน้าต่อตาพวกเขา
เจ้าก็จงพูดกับเขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
ดูเถิด เราจะนำประชากรอิสราเอลมาจากประเทศต่าง ๆ ที่พวกเขาไปอาศัยอยู่
และจะรวบรวมพวกเขามาจากรอบ ๆ นำพวกเขากลับมายังแผ่นดินของพวกเขา
และเราจะทำให้พวกเขากลายเป็นชาติเดียวกันในแผ่นดินนั้น
บนภูเขาแห่งอิสราเอล

191ddd03fa

และพวกเขาจะมีกษัตริย์เพียงองค์เดียว และพวกเขาจะไม่เป็นสองประเทศแยกกันอีกต่อไป
จะไม่เป็นสองอาณาจักร

พวกเขาจะไม่ทำให้ตนเองเป็นมลทินด้วยรูปเคารพและสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนทั้งปวง
หรือด้วยการกระทำผิดของพวกเขา
แต่เราจะช่วยเขาให้พ้นจากการหลงผิด … ที่เขาได้ลงมือทำไปนั้น
เราจะชำระพวกเขา
พวกเขาจะเป็นคนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา

 

เอเสเคียล 37-2 กระดูกกลายร่าง

เอเสเคียล 37:7-14

ดังนั้นข้าจึงกล่าวคำตามที่ข้าได้รับบัญชามา
และขณะที่ข้ากำลังกล่าวคำนั้นเอง
ก็มีเสียงกรุ๊กกริ๊ก…..เกิดขึ้น
และดูเถิด กระดูกเหล่านั้นก็เคลื่อนตัวเข้าหากัน
ตามตำแหน่งที่ถูกต้องของมัน
และข้ามองดู..ก็เกิดมีเส้นเอ็นขึ้นมา เกิดมีเนื้อขึ้นมา
และยังมีผิวหนังเข้ามาหุ้มเอาไว้
แต่ไม่มีลมหายใจในร่างนั้น
แล้วพระองค์ตรัสกับข้าว่า

“จงกล่าวคำให้แก่ลมหายใจ
กล่าวคำออกมา ลูกชายของมนุษย์  กล่าวแก่ลมหายใจว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
..จงมาจากทั้งสี่ทิศ ลมหายใจเอ๋ย
และหายใจเข้าไปในเหล่าผู้ที่ถูกสังหารเพื่อว่าพวกเขาจะได้มีชีวิต..
ดังนั้น ข้าจึงกล่าวคำตามที่พระองค์ทรงบัญชา
และลมหายใจก็เข้าไปสู่ร่างเหล่านั้น
พวกเขาจึงมีชีวิตและลุกขึ้นมาก
เป็นกองทัพที่ใหญ่โตยิ่งนัก

โดย  R i c k   W i e n e c k e
โดย R i c k W i e n e c k e

แล้วพระองค์ตรัสแก่ข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  กระดูกเหล่านี้คืออิสราเอลทั้งหมด
ดูเถิด พวกเขากล่าวว่า .. กระดูกของเราแห้งไปแล้ว
ความหวังก็หมดไป พวกเราถูกตัดออกไปจริง ๆ..

ดังนั้น เจ้าจงกล่าวพระคำ และบอกพวกเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..ดูเถิด ..เราจะเปิดหลุมศพของพวกเจ้า
และนำเจ้าขึ้นมาจากหลุมศพนั้น โอ..ประชากรของเรา
และเราจะนำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินอิสราเอล

โอ..ประชากรของเราเอ๋ย
เมื่อเราเปิดหลุมศพของเจ้า
และนำเจ้าออกมาจากหลุมศพเหล่านั้น
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

และเราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า
เจ้าจะมีชีวิต
และเราจะวางเจ้าไว้ในแผ่นดินของเจ้าเอง
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เรากล่าวไว้แล้ว และเราก็จะทำตามนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 37-1หุบเขากระดูกแห้ง

เอเสเคียล 37:1-6

และพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาอยู่เหนือข้า
และพระองค์ทรงนำข้าออกมาด้วยพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ทรงพาข้าลงมาที่กลางหุบเขา
หุบเขานั้นมีกระดูกอยู่มากมาย  เต็มไปหมด
และพระองค์ทรงนำข้ามาอยู่ท่ามกลางกระดูกเหล่านั้น
และดูเถิด มีกระดูกกระจายอยู่ตามพื้นดิน
และกระดูกเหล่านั้นก็แห้งมาก

และพระองค์ตรัสกับข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  กระดูกเหล่านี้จะมีชีวิตได้ไหม?”
และข้าตอบพระองค์ว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า…. พระองค์ทรงทราบ”
แล้วพระองค์จึงตรัสกับข้าว่า
“จงกล่าวคำเหนือกระดูกเหล่านี้   กล่าวกับมันว่า
โอ้กระดูกแห้งเอ๋ย.. จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่กระดูกเหล่านี้ว่า

bones

ดูเถิด  เราจะให้ลมหายใจเข้าไปในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต
และเราจะให้เอ็นกล้ามเนื้อแก่เจ้า
เราจะให้เกิดเนื้อหนังบนเจ้า
ทำให้เจ้ามีผิวหนัง
จะใส่ลมปรานเข้าไปในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

เอเสเคียล 36-6 สร้างใหม่

เอเสเคียล 36:33-38

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
ในวันที่เราชำระเจ้าจากความบาปผิดทั้งปวงของเจ้า
เราจะทำให้เมืองต่าง ๆ มีคนอาศัย
สถานที่ซึ่งถูกทิ้งร้างเปล่างนั้น ก็จะมีการสร้างขึ้นมาใหม่
แผ่นดินที่ร้างก็จะถูกไถ
แทนที่จะเป็นที่ร้าง กลับเป็นที่ ๆ ใคร ๆ ก็อยากมอง

และเขาจะพูดว่า
“แผ่นดินนี้เคยถูกทิ้งร้าง กลับกลายเป็นเหมือนสวนเอเดน
เมืองที่เคยร้างและถูกทิ้งไป ก็กลายเป็นเมืองเข้มแข็ง มีผู้คนอาศัยอยู่
และเหล่าประชาชาติที่ถูกทิ้งรอบ ๆ เจ้าก็จะรู้ว่า
เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราได้สร้างที่ปรักหักพังขึ้นมาใหม่
และสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาในที่ร้าง
เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เรากล่าวแล้ว  และเราจะทำ

ภาพจาก http://www.wellard.com.au/
ภาพจาก http://www.wellard.com.au/

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
นี่ก็ด้วย  เราจะให้วงศ์วานอิสราเอลร้องขอให้เราทำแก่พวกเขา
ก็คือ เพิ่มพูนประชากรราวกับฝูงสัตว์
ราวกับฝูงสัตว์ที่จะถูกถวายบูชา
เหมือนฝูงสัตว์ที่เยรูซาเล็ม ระหว่างงานเทศกาล
เพื่อว่า เมืองที่ร้างจะเต็มไปด้วยผู้คน
แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

 

 

เอเสเคียล 36-5 ใจใหม่..

เอเสเคียบ 36:26-32

และเราจะให้ใจใหม่แก่เจ้า
เราจะใส่วิญญาณใหม่เข้าไปในตัวเจ้า
และเราจะนำเอาใจหินออกจากเนื้อของเจ้า
และมอบใจเนื้อให้แก่เจ้า

newjai

เราจะใส่วิญญาณของเราเข้าไว้ในตัวเจ้า
และทำให้เจ้าเดินไปในหนทางของเรา
และตั้งใจ ระมัดระวังที่จะเชื่อฟังกฎเกณฑ์ของเรา
เจ้าจะได้อาศัยในแผ่นดินที่เราได้มอบให้บรรพบุรุษของเจ้า
เจ้าจะเป็นประชาชนของเรา  และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า

และเราจะช่วยกู้เจ้าให้พ้นจากมลทินทั้งปวง
เราจะเรียกธัญญพืชชขึ้นมา ทำให้มันอุดมสมบูรณ์ และจะไม่มีการกันดารอาหารเกิดขึ้น
เราจะให้มีผลไม้เกิดขึ้น และทำให้ทุ่งทั้งหลายอุดมยิ่ง
เพื่อเจ้าจะไม่ต้องทนอับอายต่อประชาชาติทั้งหลายเพราะการกันดารอาหารอีกต่อไป
และเจ้าจะระลึกถึงความผิดบาปของเจ้า
รวมทั้งการกระทำชั่วของเจ้า
เจ้าจะรู้สึกเกลียดชังตนเองเพราะความผิดและความน่าสะอิดสะเอียนเหล่านั้น

โอ วงศ์วานอิสราเอล  จงละอายและตระหนกต่อทางของเจ้า

 

เอเสเคียล 36-4 เพื่อพระนามบริสุทธิ์

เอเสเคียล 36:22-25

ดังนั้น เจ้าจงกล่าวแก่วงศ์วานอิสราเอล…
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้.. วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย
ที่เรากำลังจะทำราชกิจของเราครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อเห็นแก่เจ้า
แต่เพื่อเห็นแก่พระนามบริสุทธิ์ของเราที่เจ้าได้ทำให้เสื่อมเสียไปท่ามกลางประชาชาติที่เจ้าจากมา
เราจะปกป้องพระนามยิ่งใหญ่ที่บริสุทธิ์ของเรา
พระนามที่ถูกทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย
พระนามที่เจ้าทำให้เป็นมลทินท่ามกลางพวกเขา
และประชาชาติทั้งหลายเหล่านั้นจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ….
เราจะปกป้องพระนามบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าต่อตาพวกเขา

OBS-15-12

เราจะนำพวกเจ้าออกมาจากประชาชาติเหล่านั้น
จะรวบรวมพวกเจ้าออกมาจากประเทศเหล่านั้น
รวบรวมเจ้ามาจากท้องที่ต่าง ๆ และนำเจ้ากลับมายังแผ่นดินของเจ้าเอง
เราจะโปรยน้ำสะอาดเหนือเจ้า
และเจ้าจะสะอาดจากความสกปรกทั้งหลาย
เราจะชำระเจ้าให้สะอาดจากเหล่ารูปเคารพ

 

เอเสเคียล 36-3 ผู้ที่ทำให้พระนามเสื่อมเสีย

ภาพจากhttp://distantshores.org/resources/illustrations/sweet-publishing
ภาพจากhttp://distantshores.org/resources/illustrations/sweet-publishing

เอเสเคียล 36:16-21

พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  เมื่อวงศ์วานอิสราเอลได้มาอาศัยอยู่ในประเทศของพวกเขา
การดำเนินชีวิต และการกระทำของพวกเขา ทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน
หนทางของพวกเขาต่อหน้าเรานั้น
เป็นเหมือนมลทินของผู้หญิงยามที่มีประจำเดือน
ดังนั้นเราจึงเทความกริ้วของเราเหนือพวกเขา
เนื่องจากโลหิตที่เขาทำให้ต้องหลั่งบนแผ่นดินนั้น
เนื่องจากการไหว้รูปเคารพของพวกเขา
เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามประเทศต่าง ๆ
และพวกเขาก็กระจายตัวอยู่ทั่วไปในท้องที่ของประเทศนั้น ๆ
เราพิพากษาพวกเขาตามทางเดินและการกระทำของพวกเขา

แต่เมื่อพวกเขาไปถึงประเทศใด ๆ ก็ตาม พวกเขาก็ทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทิน
คนทั้งหลายพูดถึงพวกเขาว่า
“คนเหล่านี้ เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่ก็กลับต้องออกจากแผ่นดินของพระองค์ ”

แต่เรามีความห่วงใยต่อพระนามบริสุทธิ์ของเรา
ที่วงศ์วานอิสราเอลได้ทำให้เป็นมลทิน
จากประเทศต่าง ๆ ที่พวกเขากลับมา

 

เอเสเคียล 36-2 ดีกว่าเดิม

เอเสเคียล 36:8-15

“แต่เจ้า.. โอภูเขาแห่งอิสราเอล จะแตกกิ่งก้านของเจ้าออกมา
และออกผลให้แก่คนอิสราเอลของเรา
เพราะว่า อีกไม่นานพวกเขาจะกลับมา

เพราะดูเถิด เราอยู่กับเจ้า เราอยู่เพื่อเจ้า
และเราจะหันมาหาเจ้า  เจ้าจะได้รับการไถ และหว่าน
เราจะเพิ่มพูนประชากรของเราเหนือเจ้า วงศ์วานอิสราเอลทั้งหมด

ในเมืองจะมีคนอาศัยอยู่ ที่ร้างปรักหักพังก็จะมีการสร้างขึ้นมาใหม่
และเราจะเพิ่มจำนวนทั้งคนและสัตว์
พวกเขาจะทวีจำนวนขึ้น และมีมากอุดมสมบูรณ์
เราจะทำให้เจ้าได้อาศัยเหมือนกับสมัยก่อน
และเราจะทำสิ่งดีกับเจ้ามากกว่าที่เคยเสียอีก
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

ภาพจาก http://sambasel.mironet.ch/en/home/ausstellungen/Archiv/ISRAEL.html
ภาพจาก http://sambasel.mironet.ch/en/home/ausstellungen/Archiv/ISRAEL.html

เราจะอนุญาตให้คนเดินบนเจ้า แม้คนของเราคืออิสราเอล
และเขาจะได้เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์
เจ้าจะกลายเป็นมรดกของเขา
และเจ้าจะไม่พรากลูกหลานของเขาไป

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เพราะพวกเขากล่าวแก่เจ้าว่า
.. เจ้าเป็นมนุษย์กินคน และเจ้าพรากลูกหลานของคนในชาติของเจ้าไป..

ดังนั้น เจ้าจะไม่กินคน และจะไม่พรากลูกหลานไปจากชาติของเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
และเราจะไม่ให้เจ้าต้องได้ยินคำเยาะเย้ย ถากถางจากชาติอื่น ๆ อีก
เจ้าจะไม่ต้องรับความอับอายจากคนอื่น
และจะไม่ทำให้ชาติของเจ้าต้องสะดุดอีกต่อไป
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 36-1 กล่าวถึงอิสราเอลบ้าง

เอเสเคียล 36:1-7

“และเจ้า… ลูกชายของมนุษย์ จงกล่าวคำให้กับภูเขาแห่งอิสราเอล

กล่าวว่า
โอ.. ภูเขาแห่งอิสราเอล จงฟังพระดำรัสของพระเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า .. เป็นเพราะศัตรูของเจ้าพูดกับเจ้าว่า
เชอะ… และ… ที่สูงโบราณทั้งหลายกลายเป็นของเราแล้ว..

ดังนั้น จงกล่าวคำว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
เป็นเพราะพวกเขาได้ทำให้เจ้าเป็นที่ร้างเปล่า
และรุมโจมตีเจ้าเข้ามาทุกด้าน
จนเจ้าถูกครอบครองด้วยชนชาติทั้งหลายทั้งปวง
และเจ้ากลายเป็นที่ครหา เป็นที่นินทาของคนทั้งหลาย
ดังนั้น โอ… ภูเขาแห่งอิสราเอล  จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ได้ตรัสแก่ภูเขาและเนินเขา
ทั้งลำธารและหุบเขา ทั้งแก่ที่ร้างเปล่า เมืองร้างทั้งหลาย
ซึ่งกลายเป็นเหยื่อ เป็นที่เยาะเย้ยของประชาชาติรอบ ๆ

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เราได้กล่าวด้วยความหึงหวงต่อประชาชาติทั้งหลาย และเอโดมทั้งหมด
ที่พวกเขายึดดินแดนของเราไปด้วยความยินดี ด้วยความเหยียดหยามคนของเรา
เพื่อว่าพวกเขาจะทำให้ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์กลายเป็นเหยื่อไป

ภาพถ่ายโดยคุณ Andrea Dawn  จาก  http://theillustratedword.blogspot.com/
ภาพถ่ายโดยคุณ Andrea Dawn จาก http://theillustratedword.blogspot.com/

ดังนั้น จงกล่าวคำพยากรณ์ถึงดินแดนอิสราเอล
กล่าวแก่ภูเขาและเนินเขา ลำธารและหุบเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
ดูเถิด เรากล่าวด้วยความหึงหวงอย่างโกรธกริ้ว
เพราะว่าเจ้าต้องทนทุกข์กับการเหยียดหยามจากประชาชาติทั้งหลาย
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
เราปฏิญาณว่า ประชาชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบเจ้าจะต้องทนรับความอับอายเช่นกัน

 

เอเสเคียล 35-2 ต่อต้านเสอีร์ 2

เอเสเคียล 35:10-15

เพราะเจ้ากล่าวว่า ..ประเทศทั้งสอง
และเมืองทั้งสองนี้จะเป็นของเรา
เราจะครอบครองมัน..
ทั้ง ๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่นั่น
ดังนั้น เพราะเรามีชีวิตอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เราจะจัดการกับเจ้าตามความโกรธและความอิจฉาที่เจ้าแสดงออกมา
เพราะเจ้าเกลียดชังพวกเขา
และเราจะทำให้เราเป็นที่รู้จักท่ามกลางพวกเขาเมื่อเราพิพากษาเจ้า
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

ภาพจาก http://antikforever.com/Syrie-Palestine/Divers/edomite.htm
ภาพจาก http://antikforever.com/Syrie-Palestine/Divers/edomite.htm

เราได้ยินสิ่งร้าย ๆ ที่เจ้าโพล่งออกมาต่อต้านภูเขาแห่งอิสราเอล
กล่าวว่า
.. ดูซิ มันถูกทิ้งร้างแล้ว   เราไปเขมือบมันได้แล้ว
เจ้าทำตัวยะโส ทำตัวใหญ่คับฟ้าต่อต้านเราด้วยคำพูดของเจ้า
เจ้าพรั่งพรูคำต่าง ๆ ต่อต้านเรา และเราก็ได้ยิน

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ในขณะที่ทั้งโลกกำลังยินดี  เราจะทำให้เจ้าร้างเปล่า
ในขณะที่เจ้าร่าเริงเหนือมรดกแห่งวงศ์วานอิสราเอลเพราะมันร้างไปแล้ว
เราก็จะจัดการกับเจ้าเช่นกัน
เจ้าจะกลายเป็นที่ร้าง ภูเขาเสอีร์  รวมไปถึงเอโดมทั้งหมด
แล้วทุกคนจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพื่อน ๆ ครับ เสอีร์กับเอโดมก็คือ ที่ ๆ เดียวกัน เหมือนกับที่พระเจ้าตรัสแล้วในบทที่ 25

 

เอเสเคียล 35-1 ต่อต้านเสอีร์

เอเสเคียล 35:1-9

พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย… จงหันหน้าของเจ้าสู้ภูเขาเสอีร์
และกล่าวคำต่อต้านมัน
กล่าวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..ดูเถิด เราต่อสู้เจ้า… ภูเขาเสอีร์ และเราจะยื่นมือของเราออกสู้เจ้า
และเราจะทำให้เจ้ากลายเป็นที่ว่างเปล่า ถูกทิ้งร้างไป

เราจะทำให้เมืองของเจ้านั้นร้าง..
และเจ้าจะกลายเป็นที่เปลี่ยว
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพราะเจ้ามีใจพยาบาทอยู่ไม่หยุดยั้ง
และมอบประชาชนอิสราเอลให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของดาบ
ในเวลาที่พวกเขาพบภัยพิบัติ
ในเวลาของการลงโทษครั้งสุดท้ายของพวกเขา

lued

ดังนั้น  เรามีชีวิตอยู่ฉันใด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เราจะเตรียมเจ้าไว้เพื่อรับโทษที่เจ้าทำให้เกิดการหลั่งเลือด
เลือดจะติดตามเจ้าไป
เพราะเจ้าไม่รังเกียจการทำให้เกิดการหลั่งเลือด
ดังนั้น เลือดจะติดตามเจ้าไป
เราจะทำให้ภูเขาเสอีร์เป็นที่ร้าง และเป็นที่เปลี่ยว
เราจะตัดมันออกไปจากคนที่ไป ๆ มา ๆ

และเราจะเอาคนที่ถูกสังหารไปทิ้งไว้บนภูเขานั้น
คนที่ถูกดาบจะล้มลงบนเนินเขา ตามหุบเขา ตามลำน้ำทั้งสิ้นของเจ้า
เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นที่ร้างเปล่าตลอดไป
เมืองของเจ้าจะไม่มีใครอาศัย
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

 

เอเสเคียล 34-4 คำสัญญาสันติสุข

เอเสเคียล 34:25-31

เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติสุขกับพวกเขา
และจะไล่สัตว์ร้ายออกไปจากแผ่นดิน
เพื่อว่า พวกเขาจะได้อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในถิ่นกันดาร
และสามารถนอนในป่าได้อย่างปลอดภัย
เราจะทำให้พวกเขาและสถานที่รอบ ๆ เนินเขาของเราเป็นพระพร

และเราจะส่งฝนลงมาตามฤดูของมัน  จะเป็นฝนแห่งพระพร
ต้นไม้ในทุ่งก็จะออกผลของมัน
แผ่นดินจะเกิดพืชพันธ์ต่างๆ และจะมีความปลอดภัยในแผ่นดินของเขา
และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราทำลายแอกบนบ่าของพวกเขา

และจะกู้พวกเขาจากมือของคนที่จับเขาไปเป็นทาส
พวกเขาจะไม่เป็นเหยื่อของบรรดาประชาชาติต่อไป
สัตว์ร้ายบนแผ่นดินก็จะไม่เขมือบพวกเขาอีกต่อไป
พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย
ไม่มีใครสักคนที่ต้องกลัว
เราจะให้พวกเขามือแผ่นดินทำการเกษตรเพื่อว่า
พวกเขาจะไม่ต้องหิวโหยอีกต่อไป
จะไม่ต้องถูกประชาชาติทั้งหลายดูหมิ่นเยาะเย้ยอีกต่อไป

ไร่มะม่วงทางเหนือของกาลิลี ถ่ายภาพโดย פואד מועדי  /http://commons.wikimedia.org/wiki/
ไร่มะม่วงทางเหนือของกาลิลี ถ่ายภาพโดย פואד מועדי /http://commons.wikimedia.org/wiki/

และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงอยู่กับพวกเขา
และพวกเขา คือวงศ์วานอิสราเอลจะเป็นคนของเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
และเจ้าจะเป็นคนเลี้ยงแกะของเรา
แกะที่เป็นมนุษย์บนผืนหญ้าของเรา
และเราคือพระเจ้าของเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 

เอเสเคียล 34-3 แกะกับแพะ

เอเสเคียล 34:17-24

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“สำหรับเจ้า  ฝูงสัตว์ของเรา  ดูเถิด เราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแพะ
ระหว่างแกะผู้และแพะผู้
ไม่พอหรือที่เจ้าได้กินหญ้าเขียวสด
แล้วเจ้าก็มาเหยียบย่ำทุ่งที่เหลือด้วยเท้าของเจ้า?
ไม่พอหรือที่เจ้าได้ดื่มน้ำใสสะอาด
แต่เล้วเจ้าก็ไปทำให้มันขุ่นด้วยเท้าของเจ้า?
แกะของเราจะต้องกินหญ้าที่พวกเจ้าเหยียบย่ำ
และต้องดื่มน้ำขุ่นด้วยเท้าของเจ้าอย่างนั้นหรือ?

Parable of Sheep and Goats

ดังนั้น  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับพวกเขาว่า
ดูเถิด.. เราเองจะเป็นผู้พิพากษาระหว่างแกะอ้วนและแกะผอม
เพราะเจ้าเอาไหล่ ข้างตัวของเจ้าไถแกะของเรา
เจ้าเอาเขาของเจ้าไล่แกะที่อ่อนแอ จนพวกมันต้องกระจัดกระจายไปทั่ว
เราจะช่วยกู้ฝูงแกะของเรา
พวกมันจะไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป

และเราจะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ
เราจะให้มีผู้เลี้ยงคนหนึ่ง คือ ดาวิดผู้รับใช้ของเรา

และเขาจะเลี้ยงพวกมัน และเป็นผู้เลี้ยงของพวกมัน
และเรา  องค์พระผู้เป็นเจ้า จะเป็นพระเจ้าของพวกมัน
ผู้รับใช้ของเราคือดาวิดจะเป็นเจ้าชายเหนือพวกมัน
เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า  ได้ตรัสไว้แล้ว”

เอเสเคียล 34-2 เราจะเลี้ยงดู

เอเสเคียล 34:11-16

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ดูเถิด เราเองจะเป็นผู้ตามแกะเหล่านั้น

เราจะตามหาลูกแกะของเราดั่งคนเลี้ยงที่เฝ้าตามหาแกะที่กระจัดกระจายไป
และเราจะช่วยพวกมันจากที่ต่าง ๆ ที่มันต้องกระเจิดกระเจิงไปในวันที่มืดมิดเต็มด้วยเมฆ
และเราจะนำพวกเมันออกมาจากผู้คน
และรวบรวมพวกมันมาจากพื้นที่ต่าง ๆ
และเราจะนำพวกมันกลับไปยังแผ่นดินของมัน
และเราจะเลี้ยงมันบนภูเขาแห่งอิสราเอล
ริมลำธารน้ำ   ในแผ่นดินที่มีคนอาศัย
เราจะเลี้ยงพวกมันด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี
ที่ ๆ พวกมันจะเล็มหญ้าคือบนภูเขาสูงแห่งอิสราเอล
มันจะนอนลงในทุ่งที่อุดม
มันจะกินหญ้าเขียวขจีบนภูเขาสูงแห่งอิสราเอล

merino_sheep_grazing_source-wikimedia-commons
merino_sheep_grazing_source-wikimedia-commons

เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา และเราจะทำให้มันนอนลง
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เราจะตามหาตัวที่หลงหาย และเราจะนำตัวที่พลัดฝูงกลับมา
เราจะพันบาดแผลให้ตัวที่บาดเจ็บ
เราจะทำให้ตัวที่อ่อนแอเข้มแข็งขึ้น
ตัวที่อ้วนและแข็งแรงเราจะทำลายเสีย
เราจะเลี้ยงมันด้วยความยุติธรรม

 

เอเสเคียล 34-1 ต้านผู้เลี้ยงอิสราเอล

เอเสเคียล 34:1-6

คำขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย   จงกล่าวคำต่อต้านผู้เลี้ยงของอิสราเอล
จงกล่าวแก่เหล่าคนเลี้ยงแกะ  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
อา… บรรดาคนเลี้ยงแกะแห่งอิสราเอลที่คอยแต่เลี้ยงตัวเอง
เจ้าควรที่จะเลี้ยงแกะมิใช่หรือ?
เจ้ากินไขมัน  เจ้าสวมเสื้อขนแกะ
เจ้าได้ฆ่าแกะตัวอ้วน ๆ แต่ไม่เลี้ยงดูแกะเลย
ตัวที่อ่อนแอ เจ้าก็ไม่ช่วยให้แข็งแรงขึ้น
ตัวที่ป่วย  เจ้าก็ไม่รักษา
ตัวที่บาดเจ็บ เจ้าก็ไม่ได้พันแผลให้
ตัวที่เตร็ดเตร่ไป เจ้าก็ไม่นำกลับมา
ตัวที่หลงทางเจ้าก็ไม่ตามหา
เจ้าเลี้ยงมันด้วยความโหดร้าย ใจดำ
lost

ดังนั้นมันจึงกระจัดกระจายไป
เพราะว่าไม่มีผู้เลี้ยง
มันกลายเป็นอาหารของสัตว์ป่า
แกะของเรากระเจิดกระเจิงไป
มันเร่ร่อนไปตามเนินเขาและบนภูเขาสูง

ลูกแกะของเรากระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินโลก
โดยไม่มีใครตามหา แสวงหาพวกมันเลย

เอเสเคียล 33-3 ฟังเท่านั้น

เอเสเคียล 33:23-33

พระวจนะของพระเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย คนที่อาศัยอยู่ในที่ร้างแห่งอิสราเอลมักพูดว่า
..อับราฮัมเป็นเพียงมนุษย์คนเดียว  แต่เขายังได้ครอบครองแผ่นดิน
เราซิ เป็นคนจำนวนมาก แผ่นดินนี้ก็ต้องมอบให้เราครอบครอง
ดังนั้น เจ้าจงกล่าวแก่พวกเขาว่า ..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

เจ้าได้กินเนื้อพร้อมกับเลือด และยังเงยหน้ามองรูปเคารพและหลั่งเลือด
เจ้ายังสมควรที่จะได้ครอบครองแผ่นดินอีกหรือ?
เจ้าหวังพึ่งในดาบ เจ้าทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
เจ้าแต่ละคนทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน
เจ้ายังสมควรได้ครอบครองแผ่นดินหรือ?

จงกล่าวแก่พวกเขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น
เพราะเรามีชีวิตอยู่  เหล่าคนที่อยู่ในที่ร้างเหล่านี้จะต้องล้มลงด้วยดาบ
และใครก็ตามที่อยู่ตามทุ่งโล่ง  จะเป็นอาหารของสัตว์ป่า
คนที่อยู่ตามป้อม หรือในถ้ำก็จะตายด้วยโรคระบาด
และเราจะทำให้แผ่นดินนี้ร้างเปล่า กลายเป็นที่ไร้ค่า
เพื่อว่าความยะโสที่เคยมีจะได้จบลงเสียที
ภูเขาทั้งหลายในอิสราเอลจะกลายเป็นที่ร้างซึ่งไม่มีใครเดินทางผ่านเข้ามา

แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราได้ทำให้แผ่นดินร้างเปล่า เป็นที่ไร้ค่า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาได้กระทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน

ezekiel

ส่วนเจ้า ลูกชายของมนุษย์  คนจะซุบซิบเรื่องเจ้าตามกำแพง ตามประตูบ้าน
พูดกับพี่น้องของเขาว่า “มา มาฟังคำที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”
และพวกเขาจะมาหาเจ้า และนั่งต่อหน้าเจ้าเหมือนกับคนของเรา
พวกเขาจะฟังคำของเจ้า แต่จะไม่ทำตาม
เพราะพวกเขาจะกระทำสิ่งที่พวกเขาพูดตามราคะของพวกเขา
ใจของเขาคิดแต่จะได้

และดูเถิด เขามองเจ้าว่า เป็นเหมือนคนที่ร้องเพลงแห่งราคะด้วยเสียงไพเราะ
และเล่นดนตรีอย่างชำนาญ
เพราะพวกเขาจะได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด แต่เขาจะไม่ทำตาม
และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น  มันจะเกิดขึ้นแน่
พวกเขาก็จะสำนึกได้ว่า มีผู้กล่าวคำของพระเจ้าเคยมาอยู่ท่ามกลางพวกเขา

เอเสเคียล 33-2 ทำไมเจ้าต้องมาตาย?

เอเสเคียล 33:10-20
“และเจ้า..ลูกชายของมนุษย์  จงกล่าวแก่วงศ์วานอิสราเอล
เจ้าได้กล่าวว่า .. แน่นอนที่การกล่วงละเมิดและความบาปของเราก็ตกอยู่กับเรา
และเราก็ถูกกัดกร่อนไปเพราะบาปเหล่านั้น
แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร?..
เจ้าจงกล่าวกับพวกเขาว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า
เพราะเรามีชีวิตอยู่ เราไม่ได้มีความพอใจในความตายของคนชั่ว
แต่เราพอใจที่เขาจะหันจากทางแห่งความชั่วและมีชีวิต
จงหันกลับมา  หันกลับมาจากทางชั่วของเจ้า
ทำไมเจ้าจะต้องมาตายเล่า วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย?”

just

“และเจ้า ลูกชายของมนุษย์ จงกล่าว
ความชอบธรรมของคนชอบธรรมจะไม่ช่วยเขาเวลาเขาล่วงละเมิด
และความชั่วร้ายของคนชั่วนั้น
เขาจะไม่ล้มลงหากว่าเขาหันจากความชั่วร้ายของเขา
คนชอบธรรมไม่สามารถอยู่ได้ด้วยความชอบธรรมของเขา เมื่อเขาทำบาป

แม้ว่าเราจะกล่าวกับคนชอบธรรมว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้
แต่หากเขาเชื่อในความดีของเขา แล้วหันไปทำความอยุติธรรม
ก็จะไม่มีก่ีจดจำถึงความชอบธรรมของเขาเลย
แต่เขาจะต้องตายเพราะการอยุติธรรมของเขา

และเช่นกัน แม้ว่าเราจะกล่าวกับคนชั่วว่า “เจ้าต้องตายแน่”
แต่หากเขาหันจากความบาป และทำสิ่งที่ยุติธรรม ถูกต้อง
หากคนชั่วได้ชดใช้  และคืนสิ่งที่เขาได้ขโมยมา และเดินในทางที่ถูกต้อง
ไม่ทำการอยุติธรรม เขาก็จะมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ตาย
ความบาปที่เขาได้ทำจะไม่ถูกนำมาใช้ลงโทษเขา
เมื่อเขาได้ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง เขาจะมีชีวิตอยู่

“แต่คนของเจ้ายังกล่าวว่า ..หนทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
ในขณะที่ทางของพวกเขานั่นแหละที่ไม่ยุติธรรม

เมื่อคนชอบธรรมหันจากความชอบธรรมของเขาและกระทำการอยุติธรรม
เขาจะต้องตายเพราะมัน
และเมื่อคนชั่วหันจากความชั่วของเขา และกระทำสิ่งที่ชอบธรรม ถูกต้อง
เขาก็จะมีชีวิต
แต่เจ้าก็ยังกล่าวว่า ..ทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
โอ วงศ์วานอิสราเอล เราจะพิพากษาเจ้าแต่ละคน ตามทางที่เจ้าเดิน

เอเสเคียล 33-1 ยามแห่งอิสราเอล

เอเสเคียล 33:1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามายังข้า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวแก่คนของเจ้า กล่าวว่า
หากเรานำดาบมายังแผ่นดิน
และประชาชนในแผ่นดินนั้น นำชายคนหนึ่งมาจากท่ามกลางพวกเขา
และทำให้ชายคนนั้นเป็นยามแห่งแผ่นดิน
และหากเขาเห็นดาบกำลังมุ่งหน้ามายังแผ่นดิน
แล้วเขาก็เป่าแตร และเตือนประชาชน
ดังนั้น ใครที่ได้ยินเสียงเตือนของแตร
และไม่ได้สนใจคำเตือนนั้น
ดาบก็จะมาถึงและนำเขาออกไป
เลือดของเขาจะตกบนหัวของเขาเอง

shofar
เขาได้ยินเสียงของแตร แต่ไม่ได้สนใจคำเตือน
เลือดของเขาจะตกอยู่บนเขา
แต่หากเขาได้รับคำเตือน เขาก็จะช่วยชีวิตตนเองไว้ได้

แต่หากยามได้เห็นดาบมา
แล้วไม่ได้เป่าแตรเตือน ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการเตือน
ดาบก็มา และสังหารพวกเขาทุกคน
คนนั้นจะถูกนำออกไปด้วยความบาปผิดของเขา
แต่เลือดนั้นเราจะมาทวงเอาจากมือของยามเฝ้าแผ่นดิน

ดังนั้น  ลูกชายของมนุษย์
เราได้ทำให้เจ้าเป็นยามแห่งวงศ์วานอิสราเอล
เมื่อใดที่เจ้าได้ยเนเสียงจากปากของเรา
เจ้าก็จะให้คำเตือนสติจากเรา

หากเรากล่าวแก่คนชั่วว่า โอคนชั่วร้าย เจ้าจะต้องตายแน่นอน
แล้วเจ้าไม่เตือนให้พวกเขาหันจากทางชั่วนั้น
เขาคนนั้น ก็จะตายเพราะความบาปของตน
แต่เลือดของเขาเราจะมาทวงเอาจากมือของเจ้า

แต่หากเจ้าได้เตือนให้คนชั่วหันจากทางของเขา
และเขาไม่ได้หันจากทางนั้น
เขาจะต้องตายในความบาปของเขา
แต่เจ้าจะได้ทำให้ตนเองรอด

 

เอเสเคียล 32-4 สภาพของผู้แพ้

เอเสเคียล 32:24-32

เอลามก็อยู่นั่น รวมทั้งมวลชนทั้งหมดอยู่รอบ ๆ หลุมฝังศพของเขา
ทุกคนถูกสังหารด้วยดาบ พวกเขาลงไปในโลกเบื้องล่าง

ไปอยู่กับคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต คนที่ทำให้แผ่นดินคนเป็นต้องหวาดหวั่น
และพวกเขาต้องแบกรับความอายพร้อมกับคนที่ลงไปในหลุมนั้น

พวกเขาทำให้เธอนอนลงท่ามกลางคนที่ถูกสังหาร และมวลชนทั้งหลาย
พวกเขาอยู่รอบ ๆ มีหลุมศพอยู่รอบ ๆ   เหล่าคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและถูกสังหารด้วยดาบ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาทำให้แผ่นดินของคนเป็นต้องหวาดหวั่น
พวกเขาถูกกำหนดให้อยู่กับพวกที่ถูกสังหาร

เมเชลกับทูบัลก็อยู่ที่นั่น พร้อมกับมวลชนของเขา
หลุมศพอยู่รอบ ๆ พวกเขา  ทุกคนไม่ได้เข้าสุหนัต
และถูกสังหารด้วยดาบ
พวกเขาสร้างความหวาดกลัวให้แก่แผ่นดินของคนเป็น

พวกเขาไม่ได้นอนอยู่กับคนที่ทรงพลัง
คือคนที่ล้มลงท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
เขาลงไปในแดนคนตายพร้อมกับอาวุธสงครามของพวกเขา
ดาบนั้นถูกวางไว้ใต้หัวของพวกเขา
และความบาปผิดก็อยู่ในกระดูกของพวกเขา
เพราะว่าแผ่นดินของคนเป็นต่างหวาดกลัวคนทรงพลังเหล่านี้

แต่สำหรับเจ้า เจ้าจะแตกหักและนอนท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
พร้อมกับคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ

 

เอโดมอยู่ตรงนี้ พร้อมกับราชาและเจ้าชายทั้งหลาย
พวกเขาก็ถูกวางไว้กับคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ แม้ว่าจะมีอำนาจมาก
พวกเขานอนกับคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต กับคนที่ลงไปในหลุมลึก

เจ้าชายทางเหนืออยู่ที่นั่น  ทุกพระองค์
รวมทั้งคนไซดอนที่ลงไปด้วยความอับอายพร้อมกับคนที่ถูกสังหาร
เพราะความหวาดหวั่นที่พวกเขาทำให้เกิดขึ้นเพราะความเก่งกาจของพวกเขา

พวกเขานอนลงไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เข้าสุหนัต
พร้อมกับคนที่ถูกสังหารด้วยดาบ และต้องมารับความอาย
พร้อมกับคนที่ลงไปในหลุมนั้น
เมื่อฟาโรห์เห็นเขาเหล่านั้น  เขาจะได้รับคำปลอบใจจากมวลชนของเขา
ฟาโรห์พร้อมกับกองทัพหลวง ถูกสังหารด้วยดาบ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

fire-flames-yellow-orangeเพราะเราได้หว่านความกลัวลงไปในแผ่นดินของคนเป็น
และเขาจะถูกวางไว้ท่ามกลางคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
คนที่ถูกสังหารด้วยดาบ
ทั้งฟาโรห์และประชากรของเขา …
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ