เอเสเคียล 22-4 หาไม่ได้สักคน

เอเสเคียล 22:23-31

และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย ให้กล่าวว่า
เจ้าเป็นแผ่นดินที่ไม่ได้รับการชำระ ไม่ได้รับฝนในวันแห่งความโกรธกริ้ว
เหล่าคนกล่าวคำต่างสมคบคิด..พวกเขาเป็นดั่งสิงโตที่กำลังคำราม พร้อมฉีกเนื้อของเหยื่อ
พวกเขาได้กลืนกินชีวิตมนุษย์
เอาทรัพย์สมบัติและสิ่งที่มาค่าไป
ทำให้เกิดแม่ม่ายขึ้นมากมายท่ามกลางประชากร
เหล่าปุโรหิตก็ได้ล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของเรา และทำให้สิ่งบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทิน
พวกเขาไม่แยกความแตกต่างระหว่างสิ่งที่บริสุทธิ์กับสิ่งที่ธรรมดา
ไม่มีการสอนให้รู้จักความแตกต่างระหว่างสิ่งที่สกปรกและสิ่งที่สะอาด
และพวกเขาก็ไม่ใส่ใจในวันสะบาโตของเรา
เราจึงเป็นที่ดูหมิ่นท่ามกลางพวกเขา

เหล่าเจ้านายก็เป็นเหมือนหมาป่าที่ฉีกเนื้อของเหยื่อ
ทำให้เลือดสาด ทำลายชีวิตเพื่อจะได้กำไรที่คดโกง
แล้วผู้กล่าวคำในแผ่นดินก็ช่วยเขา
โดยเห็นนิมิตปลอม และกล่าวคำมุสาทำนายเพื่อเขา

โดยกล่าวอ้างว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า..
ทั้ง ๆที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ตรัสอะไร

ประชาชนในแผ่นดินต่างก็บีบบังคับกัน และยังเที่ยวปล้นอีก
พวกเขากดขี่คนยากจนเข็ญใจ  และได้บังคับคนต่างด้าวโดยไร้ความยุติธรรม

atitan
และเราแสวงหาคนหนึ่งท่ามกลางพวกเขาที่จะสร้างกำแพง
และยืนอยู่ในช่องกำแพงต่อหน้าเราเพื่อเห็นแก่แผ่นดินนั้น
เพื่อว่าเราจะไม่ได้ทำลายแผ่นดินนั้น
แต่เราก็ไม่พบสักคน
ดังนั้น เราจะเทความโกรธของเรามาเหนือพวกเขา
เราจะเผาผลาญพวกเขาด้วยไฟแห่งความโกรธของเรา
เราได้วางผลแห่งการกระทำของพวกเขาลงบนหัวของพวกเขาเอง
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ”

 

เอเสเคียล 22-3 เตาหลอมเจ้า

เอเสเคียล 22:13-22

ดูเถิด เราทุบมือของเราบนรายได้คดโกงที่เจ้าได้มา
เหนือเลือดที่เจ้าปล่อยให้เกิดขึ้นท่ามกลางพวกเจ้า

ในวันที่เราจะจัดการกับเจ้านั้น เจ้าจะกล้าทนได้หรือ ?
แขนของเจ้าจะแกร่งพอหรือ ?
เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้กล่าวไว้แล้ว
เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปท่ามกลางประชาติทั้งหลาย
ทำให้เจ้าพรากจากกันไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ
เราจะเผาความสกปรกของเจ้าออกไปให้หมด
คนทั้งหลายในประชาชาติต่าง ๆ จะเห็นว่า
เจ้าจะเป็นมลทินเพราะการกระทำของเจ้าเอง
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

fire-flames-yellow-orange

และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้า
“ลูกชายของมนุษย์… วงศ์วานอิสราเอลกลายเป็นเหมือนขี้ตะกอนโลหะต่อหน้าเรา
พวกเขาเป็นเหมือนทองสัมฤทธิ์ ดีบุกและเหล็กรวมทั้งตะกั่วที่อยู่ในเตาหลอม
พวกเขาเป็นดั่งขี้เงิน
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงกล่าวว่า
เพราะพวกเจ้ากลายเป็นขี้โลหะเช่นนี้ ดังนั้น
เราจะรวมรวมเจ้าให้อยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม

เราจะรวบรวมเจ้าด้วยความโกรธและความกริ้วของเรา
จะโยนเจ้าลงไปในเตาหลอมและเผาเจ้าจนละลาย
แบบเดียวกับคนที่โกยเงิน ทองเหลือง เหล็ก ดีบุก และตะกั่วเข้าไปในเตาหลอม
เราจะโกยพวกเจาและเป่าเจ้าด้วยไฟแห่งความโกรธของเรา
เจ้าจะละลายท่ามกลางไฟในนั้น
เงินถูกหลอมละลายในเตาเผาฉันใด เจ้าก็จะละลายอยู่ในนั้น
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า  เราได้เทความโกรธของเราลงบนเจ้า

เอเสเคียล 22-2 เจ้าทำร้ายคนอื่น

เอเสเคียล 22:6-12

“ดูเถิด เหล่าเจ้านายของอิสราเอลในเจ้า
แต่ละคนถืออำนาจไว้ในมือ
ต่างมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการหลั่งเลือด
ทั้งพ่อ และแม่ต่างถูกกระทำอย่างเหยียดหยามเพราะเจ้า
เหล่าคนพเนจรก็ต้องทนต่อการที่เจ้าขู่กรรโชก
เด็กกำพร้า และแม่ม่ายต่างถูกข่มขู่มท่ามกลางเจ้า

ภาพจาก http://tomnichols.net/
ภาพจาก http://tomnichols.net/

เจ้าได้ดูหมิ่นสิ่งที่บริสุทธิ์ของเรา เจ้าทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
มีคนในหมู่พวกเจ้าที่ให้ร้ายป้ายสี ทำให้เกิดการนองเลือด
คนในหมู่พวกเจ้าที่กินอาหารบนภูเขาสูง
พวกเขากระทำการลามกท่ามกลางเจ้า

คนในพวกของเจ้าได้ทำให้บรรพบุรุษเปลือยเปล่า
และพวกเจ้าได้ละเมิดผู้หญิงในยามที่เธอเป็นมลทินเพราะประจำเดือน
และยังมีคนที่ได้เป็นชู้กับภรรยาเพื่อนบ้าน
มีคนที่ทำให้ลูกสะใภ้เป็นมลทิน
คนที่ล่วงละเมิดน้องสาวของตน..คือลูกสาวของพ่อตนเอง
ในหมู่เจ้า คนก็รับสินบนเพื่อทำร้ายคนอื่นให้เลือดตก
เจ้าเอากำไร เอาดอกเบี้ยเกินที่ควร
และเอาเปรียบ  ขู่กรรโชกเพื่อนบ้านของเจ้า
เจ้าลืมเราไปแล้ว

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 22-1 เวลามาถึง

เอเสเคียล 22:1-5

และพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้า กล่าวว่า
“และเจ้า.. ลูกชายของมนุษย์
เจ้าจะพิพากษา.. เจ้าจะพิพากษาเมืองที่นองเลือดนี้ไหม?
จงประณามให้รู้ถึงความน่าสะอิดสะเอียนที่เธอทำลงไป

เจ้าจะกล่าวว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
เมืองที่ได้ทำให้มีการนองเลือด
เมืองนี้ …เวลามาถึงแล้ว
มันได้สร้างรูปเคารพเพื่อทำให้ตัวเองเป็นมลทิน

blood

เจ้าได้กลายเป็นคนผิดด้วยเลือด…
และเป็นมลทินด้วยรูปเคารพที่เจ้าสร้างขึ้นมา
เจ้าได้ทำให้วันของเจ้าใกล้เข้ามา
เวลาที่กำหนดไว้แล้ว ….
ดังนั้น เราจึงให้เจ้ากลายเป็นที่ตำหนิท่ามกลางประชาชาติ
เป็นที่เยาะเย้ยสำหรับทุกชาติ
คนที่อยู่ใกล้ และคนที่อยู่ไกลจากเจ้าจะเยาะเย้ยเจ้า

ชื่อของเจ้าก็เสียหายไปแล้ว ทั้งยังเต็มด้วยความวุ่นวายโกลาหล

เอเสเคียล 21-5 ดาบสังหาร

เอเสเคียล 21:28-32

และเจ้า  ลูกชายของมนุษย์  จงกล่าวคำพยากรณ์ ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรื่องลูกหลานของอัมโมน
เรื่องการที่พวกเขาถูกตำหนิ     กล่าวว่า
ดาบ .. ดาบถูกชักออกมาเพื่อการสังหาร
มันถูกชัดเงาวับวาม
เพื่อให้มันกลืนกินรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ

images

ขณะที่พวกเขาเห็นนิมิตปลอมเพื่อเจ้า
ขณะที่เขากล่าวคำมุสาเรื่องเจ้า
เพื่อวางเจ้าไว้บนศพหัวขาดของคนที่ถูกสังหาร
วันของคนชั่วร้ายมาถึงแล้ว
เป็นเวลาแห่งการลงทัณฑ์ครั้งสุดท้าย

จงเก็บดาบเข้าไปในฝัก
เก็บคืนเข้าไปในที่เจ้าถูกสร้างขึ้นมา
ในแผ่นดินที่เจ้าเกิด
เราจะพิพากษาเจ้า

และเราจะเทความโกรธของเราเหนือเจ้า..(ลูกชายของอัมโมน)
เราจะพ่นไฟแห่งความโกรธลงเหนือเจ้า
และจะส่งเจ้าไปให้อยู่ในมือของคนโหดร้าย
คนที่ช่ำชองในการทำลาย

เจ้าจะเป็นเชื้อฟืนให้กับไฟ
เลือดของเจ้าจะอยู่ท่ามกลางแผ่นดิน
จะไม่มีใครจำเจ้าได้
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้

 

เอเสเคียล 21-4 หายนะ!

เอเสเคียล 21:21-27

เพราะกษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงยืนตรงทางแยกนั้น ที่หัวถนน
เพื่อจะหาคำทำนายว่าจะทำอย่างไรต่อไป
พระองค์ทรงเขย่าลูกธนู
ทรงปรึกษาเทราฟิม (รูปเคารพชนิดหนึ่ง)

ทรงดูตับสัตว์เพื่อเสี่ยงทาย
ที่หัตถ์ขวานั้น ก็มีฉลากของเยรูซาเล็ม

destrofJerusalem

จากนั้นเขาก็ตั้งอุปกรณ์ที่จะกระทุ้งกำแพง
ออกคำสั่งสังหาร  ส่งเสียงโห่เพื่อออกศึก
เพื่อพังประตูเมือง และสร้างเชิงเทินขึ้น

จากนั้นก็สร้างปราการล้อมเมืองเอาไว้
สำหรับพวกเขา คือพวกที่เป็นพันธมิตรอาจเป็นเหมือนการเสี่ยงทายปลอม ๆ
แต่เขาได้ทำให้พวกเขาได้ระลึกถึงความผิดของตนเอง
เพื่อพวกเขาจะได้ถูกจับไปเป็นเชลย

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เพราะเจ้าได้ทำให้บาปของเจ้าเป็นที่จดจำ
การล่วงละเมิดของเจ้าถุกเปิดโปงขึ้นมา
บาปก็ปรากฎรวมอยู่กับการกระทำของเจ้าทั้งหมด
เพราะเจ้าระลึกได้
เจ้าจะถูกจับไปเป็นเชลย
และเจ้า.. เจ้านายผู้ชั่วช้าแห่งอิสราเอล
วันของเจ้ามาถึงแล้ว  เป็นวันลงโทษครั้งสุดท้าย
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส… จงถอดผ้าโพกหัวออก และถอดมลกุฎออกด้วย

จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
ผู้ที่ต่ำต้อยจะได้รับการยกย่อง
และผู้ที่เคยได้รับเกียรติจะตกต่ำลง
หายนะมาถึง หายนะมาถึง ..
เราจะทำให้พวกเจ้าถึงความหายนะ!
จะไม่มีการคืนสู่สภาพเดิม
จนกว่าท่านผู้นั้นจะมาถึง
ท่านผู้มีสิทธิ์ในการพิพากษา
และเราจะมอบสิทธิ์ให้แก่ผู้นั้น

 

เอเสเคียล 21-3 ดาบที่กำลังมา

เอเสเคียล 21:14-20

สำหรับเจ้า ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวคำพยากรณ์
ตบมือของเจ้า และปล่อยให้ดาบหล่นลงมาสองครั้ง
สามครั้งซิ ..
คือดาบสำหรับคนที่จะถูกสังหาร
มันเป็นดาบที่จะสังหารครั้งมโหฬาร เป็นการล้อมพวกเขาไว้่
(แน่นอน ย่อมหนีไม่พ้น)

ใจของพวกเขาจะลานจนละลายไป และหลายคนจะสะดุด
ทุกประตูเข้าออกจะมีดาบประกายวับวามรออยู่
อา.. มันเหมือนฟ้าแลบแปลบปลาบ
มันเตรียมไว้เพื่อการสังหาร

จะพลิกดาบไปทางไหน จะฟันทางขวาหรือทางซ้าย
ไม่ว่าจะเป็นทางไหนที่เจ้าต้องการเลือดและที่คมดาบนำเจ้าไป

เราจะตบมือของเราด้วย  เราจะระบายความโกรธของเราจนหมด
เรา..องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้กล่าว

signpost

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาถึงข้าอีก
“สำหรับเจ้าแล้ว  ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
จงทำเครื่องหมายไว้สองทาง สำหรับดาบของกษัตริย์แห่งบาบิโลนที่กำลังมาถึง
ทางทั้งสองนั้น มาจากแผ่นดินเดียวกัน
จงสร้างป้ายชีัทาง ปักมันไว้ที่หัวถนนตามทางที่จะเข้าไปในเมือง
ทำเครื่องหมายนำดาบไปยังรับบาห์แห่งคนอัมโมน
และยูดาห์ เข้าไปยังเยรูซาเล็มที่มีกำแพงเข้มแข็ง

 

เอเสเคียล 21-2 ผลแห่งการดูหมิ่น…

เอเสเคียล 21:8-13

และพระดำรัสของพระเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
จงกล่าวคำของเราและกล่าวว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
“ดาบเล่มหนึ่ง  ดาบเล่มหนึ่งถูกลับให้คมและยังขัดให้มันวาวด้วย
มันถูกลับเพื่อจะสังหาร
มันถูกขัดให้ส่งแสงปลาบแปลบดั่งฟ้าแลบ

หรือเราจะยินดี..?
เจ้าได้ดูหมิ่นคทาของเรา ลูกชายของเราเอ๋ย
ดูหมิ่นด้วยสิ่งที่ทำจากไม้ทั้งนิ้น
ดังนั้น ดาบจึงถูกส่งไปขัดเงา
เพื่อว่าคนถือดาบจะได้จับให้แน่น

มันถูกลับและขัดให้มันเพื่อส่งให้ผู้สังหาร
จงร้อง ส่งเสียงคร่ำครวญ ลูกชายของมนุษย์
เพราะดาบนั้นเป็นการต่อสู้กับประชากรของเรา
ต่อสู้กับเจ้านายทั้งหลายแห่งอิสราเอล
พวกเขาถูกมอบให้กับดาบพร้อมกับประชากรของเรา

ภาพจาก http://www.bronze-age-swords.com/in_my_workshop.htm
ภาพจาก http://www.bronze-age-swords.com/in_my_workshop.htm

 

ดังนั้นจงตีโคนขาของเจ้าเถิด
เพราะว่าดาบได้รับการทดสอบแล้ว
และจะเป็นอย่างไร หากว่า การปฏิเสธและการดูหมิ่นคทาแห่งยูดาห์จะไม่เกิดขึ้นอีก
แต่จะถูกทำลายไปสิ้น?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 

เอเสเคียล 21-1 ดาบอันคมกริบ!

เอเสเคียล 21:1-7

พระวจนะของพระเจ้ามาถึงข้าดังนี้
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย จงตั้งหน้าของเจ้าสู้กับนครเยรูซาเล็ม
และกล่าวคำต่อต้านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
จงกล่าวคำต่อต้านแผ่นดินอิสราเอล
และกล่าวแก่แผ่นดินอิสราเอลว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ..

ดูเถิด เราเป็นศัตรูของเจ้า และเราจะชักดาบของเราออกจากฝัก
และจะฟันทั้งคนชอบธรรมและคนชั่วร้ายออกจากพวกเจ้า
เพราะเราจะฟันทั้งคนชอบธรรมและคนชั่วร้ายออกจากพวกเจ้า
ดังนั้น ดาบของเราจึงจะถูกชักออกจากฝัก
เพื่อต่อสู้มนุษย์ทุกคนจากทางใต้ไปเหนือ

และมนุษย์ทุกคนจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เราได้ชักดาบของเราออกจากฝัก และจะไม่ได้เก็บเข้าฝักอีกต่อไป

ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  เพราะฉะนั้น เจ้าจะส่งเสียงครวญคราง
ด้วยหัวใจที่แตกสลาย  ด้วยความเจ็บปวดที่ขมขื่นต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลาย
และเมื่อเขาทั้งหลายถามเจ้าว่า
..ทำไมท่านจึงครวญคราง?..

Fainting
เจ้าจะตอบว่า
..ก็เป็นเพราะข่าวที่กำลังมา  ทุกหัวใจจะละลายไป
แขนจะอ่อนแรงกันไปหมด
ทุกหัวใจจะสลบไสล
ทุกหัวเข่าจะหมดเรี่ยวแรงไปดั่งน้ำ
ดูเถิด.. มันมาถึงแล้ว ทุกสิ่งที่เรากล่าวจะสำเร็จทั้งสิ้น”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 20-6 บนเขาสูง…

เอเสเคียล 20:40-48

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า
เพราะบนภูเขาบริสุทธิ์ของเรา  ภูเขาสูงแห่งอิสราเอล
ที่นั่น วงศ์วานอิสราเอลทั้งหมด จะปรนนิบัติเราในแผ่นดิน
ที่นั่น เราจะรับเขา  และ
ที่นั่น เราจะเรียกเอาของถวายจากเจ้า
และของที่เจ้าคัดเลือกว่า ดีที่สุด รวมถึงเครื่องถวายอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น

Sinai Desert, via Creative Commons
Sinai Desert, via Creative Commons

เราจะรับเจ้ารับเจ้าเป็นดังกลิ่นอันหอมหวาน
เมื่อเรานำเจ้าออกมาจากประชาชาติต่าง ๆ
และรวบรวมเจ้าออกมาจากประเทศที่เจ้ากระจัดกระจายไปนั้น
และเราจะแสดงความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเรานำเจ้าเข้ามาในดินแดงอิสราเอล
แผ่นดินที่เราสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า
และที่นั่นเจ้าจะระลึกถึงหนทางที่เจ้าเดิน
และการกระทำที่เจ้าทำให้ตัวเองเป็นมลทิน
และเจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะความชั่วทั้งหลายที่เจ้าได้ทำลงไป
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราจัดการกับเจ้าเพื่อเห็นแก่นามของเรา
ไม่ได้จัดการกับเจ้าตามความบาปผิดหรือการกระทำคดโกงของเจ้า
โอ… เจ้าวงศ์วานอิสราเอล..
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

และพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย จงตั้งหน้าของเจ้าไปยังดินแดนทางใต้
ให้เทศนาต่อต้านทางใต้ และพยากรณ์ต่อผืนป่าในเนเกบ
จงกล่าวแก่ป่าไม้แห่งเนเกบดังนี้…
จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า  … องค์พระเจ้าตรัส
ดูเถิด เราจะจุดไฟขึ้นท่ามกลางเจ้า และไฟจะเผาต้นไม้เขียว
ต้นไม้แห้งทุกต้นในป่า
จะไม่อาจดับเปลวไฟที่โชติช่วงนั้นได้
และทุกใบหน้าตั้งแต่ทิศใต้จนถึงทิศเหนือจะถูกไฟลวก
และทุกคนจะได้เห็นว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจุดไฟซึ่งไม่มีใครดับได้”
และข้ากล่าวว่า
“โอ..องค์พระผู้เป็นเจ้า   พวกเขากล่าวถึงข้าว่า
เขาไม่ใช่เป็นคนปั้นแต่งคำอุปมาขึ้นมาหรือ?”

 

เอเสเคียล 20-5 พระเจ้าทรงรื้อฟื้น

เอเสเคียล 20:33-49

ตราบเท่าเรามีชีวิต  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
แน่นอนว่าเราจะเป็นกษัตริย์เหนือเจ้า
ด้วยมือที่ทรงฤทธิ์ และแขนที่เหยียดออก และความโกรธของเราจะระบายออกมา
เราจะนำเจ้าออกจากประชากรทั้งหลาย
และรวบรวมเจ้าจากประเทศที่เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น
ด้วยมือที่เข้มแข็งและแขนที่เหยียดออก และความโกรธที่ระบายออกมา
และเราจะนำเจ้าเข้าไปยังถิ่นกันดารแห่งชนชาติทั้งหลาย
ที่นั่นเราจะพิพากษาเจ้าต่อหน้าต่อตา-Ezekiel-elders

เราจะพิพากษาเจ้า เหมือนอย่างที่เราพิพากษาบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นกันดารแห่งอียิปต์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เราจะให้เจ้าผ่านใต้คทา และเราจะนำเจ้าไปสู่สายใยแห่งพันธสัญญา

เราจะกำจัดคนดื้อดึงออกไปจากพวกเจ้า และคนที่ล่วงละเมิดเรา
เราจะนำเขาออกจากดินแดนที่เขาต้องเพนจร
แต่เขาจะไม่เข้ามายังแผ่นดินอิสราเอล
นั่นแหละ เจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

สำหรับเจ้า โอวงศ์วานอิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
ถ้าเจ้าจะไม่ฟังเรา  ก็จงกลับไปปรนนิบัติเทวรูปของพวกเจ้า ทั้งตอนนี้ และต่อไป
แต่นามอันบริสุทธิ์ของเราจะไม่เป็นมลทินด้วยของถวายและเทวรูปของพวกเจ้าอีกต่อไป

 

เอเสเคียล 20-4 อยากเป็นเหมือนคนอื่น?

เอเสเคียล 20:27-32

ดังนั้น ลูกชายของมนุษย์  เจ้าจงกล่าวแก่วงศ์วานอิสราเอลว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
บรรพบุรุษของเจ้าได้ดูหมิ่นเรา ด้วยการทรยศเรา
เพราะเมื่อเราได้นำพวกเขามายังแผ่นดินที่เราสัญญาไว้นั้น
ไม่ว่าพวกเขาเห็นที่สูง หรือต้นไม้ใบดก พวกเขาก็จะถวายเครื่องบูชาที่นั่น
และได้ทำยั่วยุให้เราโกรธด้วยของบูชาเหล่านั้น
พวกเขาเผากลิ่นหอม และเทเครื่องดื่มบูชา
เราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า ที่สูงที่เจ้าจะไปนั้นคืออะไร ?
พวกเขาเรียกมันว่า บามาห์จนทุกวันนี้

ดังนั้น จงกล่าวแก่วงศ์วานอิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เจ้าจะทำให้ตัวเองเป็นมลทินตามแบบอย่างของบรรพบุรุษของเจ้า
และทำตัวสกปรกโสโครกกับสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเจ้าได้ถวายของและถวายลูกของเจ้าในกองไฟ
เจ้าได้ทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยรูปเคารพเหล่านั้นจนทุกวันนี้

child sacrifice

แล้วอย่างนี้ เราจะให้เจ้ามาถามขอคำปรึกษาจากเราหรือ
โอ..วงศ์วานอิสราเอล
เรามีชีวิตอยู่ฉันใด.. เราจะไม่ให้เจ้ามาถามเราฉันนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
สิ่งที่อยู่ในใจของเจ้าจะไม่เกิดขึ้น… คือสิ่งที่เจ้าคิดว่า
ให้เราเป็นเหมือนประเทศอื่น ๆ
เป็นเหมือนเผ่าต่าง ๆ  ทั่วไป
และให้เรากราบไหว้ไม้ และหิน

 

เอเสเคียล 20-3 ต้องกระจายไป

เอเสเคียล 20:18-26

และเราได้กล่าวแก่ลูกหลานของเขาในถิ่นกันดาร
อย่าได้เดินตามทางของพ่อเจ้า อย่าได้ไปรักษากฎเกณฑ์ของเขา
อย่าทำให้ตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพของเขา

เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าของเจ้า
จงระวังที่จะรักษากฎเกณฑ์ของเรา
และรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์
เพื่อว่าจะเป็นสัญญลักษณ์ระหว่างเรากับเจ้า
เพื่อว่าะเจ้าจะได้รู้ว่า เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า

แต่ลูกหลานอิสราเอลได้ดื้อดึงต่อเรา
ไม่เดินในกฎเกณฑ์ของเรา ไม่สนใจระวังที่จะเชื่อฟังกฎของเรา
ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากใครทำตามนั้น ก็จะมีชีวิต
พวกเขากลับทำให้วันสะบาโตของเราเป็นมลทิน!

แลัวเรากล่าวว่า  เราจะเทความโกรธของเราลงเหนือเขา
และระบายความโกรธของเราต่อเขาในถิ่นกันดาร
แต่เราก็รั้งมือของเราไว้ และได้ทำเพื่อเห็นแก่นามของเราเอง
เพื่อมิให้นามนั้นเป็นมลทินในสายตาของคนชาติต่าง ๆ
ที่เรานำคนอิสราเอลออกมาจากพวกเขา

krajai

ยิ่งกว่านั้น เราสัญญากับพวกเขาในถิ่นกันดารว่า
เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ
และทำให้เขาแยกย้ายกันไปตามที่ต่าง ๆ
เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจที่จะเชื่อฟังกฎเกณฑ์ของเรา
แต่ได้ปฏิเสธกฎของเรา และทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
สายตาของพวกเขาก็จับจ้องอยู่ที่รูปเคารพของบรรพบุรุษ

ยิ่งกว่านั้น เราจะให้กฎเกณฑ์ที่ไม่ดีแก่พวกเขา
เป็นกฎที่หากทำตามก็จะไม่ได้ชีวิต
เราจะทำให้เขาเป็นมลทินจากลูกหัวปีที่พวกเขาเอาเป็นของบูชารูปเคารพ
ซึ่งเราจะทำลายพวกเขา
เราทำเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า  เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 20-2 เพื่อเห็นแก่นามของเรา

เอเสเคียล 20:8ข-17

และเรากล่าวว่า เราจะระบายความโกรธของเราเหนือเขา
และจะต่อสู้กับเขาด้วยความโกรธในแผ่นดินอียิปต์จนกว่าโกรธของเราจะมอดลงไป
แต่เราได้กระทำสิ่งที่เห็นแก่นามของเรา
เพื่อว่านามนั้นจะไม่เป็นมลทินในสายตาของเหล่าประชาชาติ  ในแผ่นดินที่คนของเราเข้าไปอยู่
เราจึงทำให้คนต่างชาติเหล่านั้นรู้จักเรา ด้วยการนำคนของเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

ดังนั้น เรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และนำพวกเขาเข้าไปในถิ่นกันดาร
เราได้ให้กฎเกณฑ์ของเราแก่พวกเขา
ทำให้พวกเขารู้จักข้อบังคับของเรา
ซึ่งใครก็ตามที่ทำตามนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ได้
ยิ่งกว่านั้น  เราได้ให้สะบาโตแห่งพวกเขา
เป็นสัญลักษณ์ระหว่างเรากับเขา
เพื่อเขาจะได้รู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชำระเขาให้บริสุทธิ์

Gathering Manna Exodus 16:14-31

แต่วงศ์วานอิสราเอลกลับดื้อดึงต่อเราในถิ่นกันดาร
พวกเขาไม่เดินตามกฎเกณฑ์ของเรา แต่ปฏิเสธกฎเหล่านั้น
ซึ่งเราบอกแล้วว่า หากเขาทำตาม เขาจะมีชีวิต
แล้ววันสะบาโตของเราก็ยังถูกเหยียดหยามอีกด้วย

 

แล้วเราจึงกล่าวว่า เราจะเทความโกรธของเราลงในถิ่นกันดาร
เพื่อจะทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไป
แต่เราก็กระทำเพื่อเห็นแก่นามของเรา เพื่อว่าจะไม่เป็นมลทินในสายตาของประชาชาติ
ที่ได้เห็นเรานำคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินนั้น

ยิ่งกว่านั้น เรายังได้สาบานกับพวกเขาในถิ่นกันดารว่า
เราจะไม่นำเขาเข้าไปในแผ่นดินที่เราให้แก่พวกเขา

ซึ่งเป็นแผ่นดินที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เป็นแผ่นดินที่ยอดเยี่ยม
เพราะพวกเขาปฏิเสธกฎของเรา และไม่เดินในข้อกฎหมายของเรา
พวกเขาทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
เพราะใจของเขาเดินตามรูปเคารพ
แต่อย่างไรก็ตาม เราจะยอมไว้ชีวิตของเขา
เราไม่ได้ทำลายเขาและกำจัดพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร

เอเสเคียล 20-1 ตาที่จับจ้อง

เอเสเคียล 18:1-8

ปีที่เจ็ด เดือนที่ห้า วันที่สิบ
มีผู้ใหญ่ของอิสราเอลได้พากันมาเพื่อขอคำปรึกษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
พวกเขานั่งต่อหน้าข้า
และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวแก่ผู้ใหญ่แห่งอิสราเอล กล่าวกับเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..เจ้ามาหาเราเพื่อถามเราอย่างนั้นหรือ?
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต… องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เจ้าจะไม่ได้ถามอะไรเราได้อีก

เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ ลูกชายของมนุษย์ เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ?
จงให้พวกเขารับรู้ถึงพฤติกรรมอันน่าสะอิดสะเอียนของบรรพบุรุษ
และกล่าวกับพวกเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
วันที่เราเลือกอิสราเอล เราสาบานกับวงศ์วานของยาโคบ
เราทำให้เขารู้จักเราในแผ่นดินอียิปต์
เรากล่าวว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ในวันนั้น เราสาบานที่จะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์
เขาไปในดินแดนที่เราเลือกไว้สำหรับพวกเขา
เป็นดินแดนที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง
แผ่นดินที่ยอดเยี่ยมที่สุด

egyptgods
และเรากล่าวกับพวกเขาว่า
จงทิ้งสิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งสายตาพวกเจ้าจับจ้อง
ทุกคน…อย่าทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยรูปเคารพของอียิปต์
เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
แต่พวกเขากลับดื้อดึงต่อเรา และไม่ยอมฟังเรา
ไม่มีสักคนที่ยอมทิ้งรูปเคารพซึ่งสายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่
พวกเขาไม่ยอมทิ้งรูปเคารพของอียิปต์ !

 

เอเสเคียล 19-2 ต้นองุ่นที่ถูกเผา

เอเสเคียล 19:10-14

แม่ของพวกเจ้าเป็นเหมือนเถาองุ่นในสวนองุ่น
ที่ปลูกไว้ริมน้ำ
มีผลดก และเต็มไปด้วยกิ่งก้าน
เพราะมีน้ำเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์

ลำต้นที่แข็งแรงกลายเป็นคทาของผู้ปกครอง
มันเติบโตสูงขึ้นไป ท่ามกลางต้นหนาม
มองเห็นมันได้เพราะความสูงของมัน
รวมทั้งกิ่งก้านสาขาของมันด้วย vi
แต่แล้วต้นองุ่นนั้นก็ถูกถอนขึ้นมาด้วยความโกรธ
ถูกเขวี้ยงทิ้งลงบนพื้นดิน
ลมตะวันออกก็พัดมาทำให้ผลองุ่นเหี่ยวแห้ง
เปลือกของมันแห้ง และลอกออกมา
ส่วนลำต้นที่แข็งแรงก็ถูกไฟเผา

บัดนี้ มันถูกปลูกลงในถิ่นกันดาร
ในแผ่นดินที่แห้ง และโหยหาน้ำ
ไฟก็แลบออกมาจากลำต้น และหน่อของมัน
ไฟผาผลาญผลองุ่นเสียหมด
บัดนี้ไม่เหลือลำต้นที่แข็งแรง
ไม่มีคทาที่จะปกครอง
นี่เป็นคำคร่ำครวญที่กลายเป็นการคร่ำครวญ

เอเสเคียล 19-1 คร่ำครวญเพื่อเจ้าชาย

เอเสเคียล 19:1-9

และเจ้า จงคร่ำครวญเพื่อเจ้าชายแห่งอิสราเอล
และกล่าวว่า …

แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน?
เธอเป็นเหมือนแม่สิงโต
เธอหมอบอยู่ท่ามกลางสิงห์  ท่ามกลางสิงห์หนุ่ม

เธอเลี้ยงดูลูกน้อย
และเธอได้นำลูกมาอีกตัวหนึ่ง
เลี้ยงจนกระทั่งมันเติบโต เป็นสิงห์หนุ่ม
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

ประชาชาติต่าง ๆ รู้เรื่องของมัน
และมันก็ตกหลุมพราง ถูกจับไป
มันถูกขอเกี่ยวไปถึงแผ่นดินอียิปต์

เมื่อเธอเห็นว่า เธอรออย่างไร้ผล
ความหวังไม่หลงเหลือ
เธอก็จึงเอาลูกสิงห์มาอีกตัว
เลี้ยงจนเป็นสิงห์หนุ่ม
มันเดินไปมาอยู่ท่ามกลางสิงห์ทั้งหลาย
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

singh

มันจับเหล่าแม่ม่ายของคนเหล่านั้น
มันทำให้เมืองต่าง ๆ ร้างเปล่า
ทั้งแผ่นดินและคนที่อยู่ในนั้นต่างหวาดหวั่นเพราะเสียงคำรามของมัน
และแล้ว ประชาชาติทั้งหลายก็ตั้งหน้าต่อสู้มัน
จากแคว้นต่าง ๆ รอบด้าน
พวกเขาโยนตาข่ายลงมาเหนือมัน
มันจึงถูกจับในหลุมพรางของพวกเขา
พวกเขาเอาขอเกี่ยวมันเข้าไปไว้ในกรง
นำไปยังกษัตริย์แห่งบาบิโลน
เขาขังมันไว้ในที่ๆ จะไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามของมัน
บนภูเขาแห่งอิสราเอล

เอเสเคียล 18-4 จงหันกลับมา

เอเสเคียล 18:25-32

“แต่เจ้ายังกล่าวว่า .. ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม..
จงฟังทางนี้ เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

เมื่อคนชอบธรรมหันจากความดีและทำการอยุติธรรม
เขาจะต้องตายเพราะเหตุนั้น
ที่เขาตายก็เพราะความอยุติธรรมที่เขาลงมือทำ

เช่นกัน เมื่อคนชั่วหันจากความชั่วที่เขาได้ทำ
และกลับมาทำสิ่งดี ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาก็ช่วยชีวิตตัวเองให้รอด
เพราะเขาได้พิจารณาแล้ว และหันจากการล่วงละเมิดทั้งปวกที่เคยทำ
เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน   เขาจะไม่ตาย

deathdai

แต่..วงศ์วานอิสราเอลยังกล่าวว่า
“ทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

ดังนั้น เราจะพิพากษาเจ้า วงศ์วานอิสราเอล
เราจะพิพากษาทุกคนตามการกระทำของแต่ละคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

จงกลับใจและหันออกจากการล่วงละเมิดของเจ้า
มิฉะนั้นความบาปผิดจะนำมาซึ่งหายนะ
เขวี้ยงความบาปทั้งปวงที่เจ้าทำ และ

และสร้างใจใหม่ วิญญาณจิตใหม่
ทำไมเจ้าจะต้องมาตายด้วย โอ้วงศ์วานอิสราเอล?
เพราะเราไม่มีความพอใจในความตายของใครสักคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เจ้าจงหันกลับมาและมีชีวิต

เอเสเคียล 18-3 มาตรวัดความเป็นความตาย

เอเสเคียล 18:19-24

แต่เจ้ากล่าวว่า “เหตุใดลูกจึงไม่สมควรจะรับความบาปผิดของพ่อเล่า?”

ก็ในเมื่อลูกชายได้ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาได้ระวังที่จะทำตามกฎเกณฑ์ของเรา  เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน

ชีวิตที่ทำบาปจะต้องตาย  ลูกชายจะต้องไม่รับผลแห่งความผิดของพ่อ
หรือพ่อ ก็ไม่ต้องรับโทษเพราะความผิดของลูกชาย
ความถูกต้องของคนชอบธรรมนั้นจะอยู่ที่ตัวเขา
ความชั่วร้ายของของคนชั่วก็จะอยู่ที่ตัวเขา

lady-liberty

แต่หากคนชั่วได้หันกลับจากความบาปที่เขาได้ทำ
กลับมารักษากฎเกณฑ์ของเรา
ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้องเมื่อไร
เขาก็จะมีชีวิต ไม่ต้องตาย
การล่วงละเมิดใด ๆที่เขาทำจะไม่ถูกนำกลับย้อนมาฟ้องร้องเขา
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เพราะความชอบธรรมของเขา

เรามีความพอใจในความตายของคนชั่วอย่างนั้นหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เราต้องการให้เขากลับใจจากความบาปและกลับมามีชีวิตมิใช่หรือ?
แต่เมื่อคนชอบธรรมหันจากทางแห่งความดี
และกลับไปทำสิ่งอยุติธรรม  ประพฤติตามความน่าสะอิดสะเอียนอย่างเดิม
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ความดีที่เขาเคยทำ ก็จะไม่มีการจดจำเอาไว้
และเขาก็จะต้องตายเพราะความคดโกง ความบาปผิดที่ได้กระทำ

 

 

เอเสเคียล 18-2 ทำผิดต้องชดใช้

เอเสเคียล 18:10-18

แต่หากชายผู้นี้ มีลูกชายที่เป็นโจร
หรือเป็นคนที่ทำให้คนอื่นต้องเลือดตก
หรือทำสิ่งใด ๆ ในทำนองนี้
แม้ว่าตัวเขาเองไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายเช่นนั้น
ลูกชายของเขาไปกินอาหารบนภูเขา
ไปเป็นชู้กับภรรยาของเพื่อนบ้าน
กดขี่คนยากจน คนขัดสน ทั้งปล้น
ไม่ยอมคืนของประกัน
และยังเงยหน้าบูชาเทวรูป ทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
ให้ยืมเพื่อหวังดอกเบี้ยสูง ๆ และเอากำไรเกินควร
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไหม?
เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป
การที่เขาทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้
เขาจะต้องตาย เลือดของเขาจะตกลงบนหัวของเขาเอง

kunjaemue

และหากว่า ชายคนนี้ มีลูกชายที่มองเห็นบาปทั้งหมดที่พ่อลงมือทำ
เขาเห็น แต่เขาไม่ได้ทำเหมือนพ่อของเขา
เขาไม่กินบนภูเขา หรือเงยหน้าบูชารูปเคารพ
ไม่ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน

เขาไม่ได้กดขี่ใคร  ไม่ได้เอาค่าประกันเพิ่ม

ไม่ได้ปล้นใคร  แต่กลับให้อาหารแก่คนที่หิว
คุลมผ้าให้คนที่เปลือยกาย  ไม่ยื่นมือไปทำความผิด

ไม่เอาดอกเบี้ยหรือกำไร   เชื่อฟังกฎของเขา
และเดินตามกฎเกณฑ์ของเรา
เขาจะไม่ต้องตายเพราะบาปของพ่อเขา เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน
แต่ส่วนคนที่เป็นพ่อ ที่ได้ทำการบีบบังคับ
ปล้นพี่น้อง และทำสิ่งที่ไม่ดีท่ามกลางคนของเขา
ดูเถิด… เขาจะต้องตายเพราะความผิดของเขา