เยเรมีย์ 25-1 เตือนเท่าไรก็ไม่ฟัง

เยเรมีย์ 25:1-

มีคำมาถึงเยเรมีห์ ซึ่งกล่าวถึงประชาชนทั้งสิ้นในยูดาห์
ในปีที่สี่ของราชาเยโฮยาคิม  โอรสของราชาโยสิยาห์  กษัตริย์แห่งยูดาห์
(เวลานั้นตรงกับปีแรกที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์ครองบาบิโลน)
คำนั้น เยเรมีห์ได้นำมากล่าวแก่ประชาชนทั้งสิ้นของยูดาห์ และเหล่าคนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม
“จากปีที่สิบสามของการครองราชย์ของราขาโยสิยาห์
โอรสราชาอาโมน กษัตริย์แห่งยูดาห์จนกระทั่งวันนี้ นับเป็นเวลา 23 ปี

Prophet Jeremiah-warns-the-people-of-judah
พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้า  และข้าได้เฝ้าพูดให้พวกเจ้าฟัง แต่ก็ไม่มีใครฟัง
เจ้าไม่ฟัง ไม่เอียงหูของเจ้าเข้ามาสักนิด
ถึงแม้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งผู้รับใช้ของพระองค์มาไม่หยุดหย่อน
พวกเขากล่าวว่า “เจ้าทุกคน  จงหันกลับทางแห่งความชั่ว
หันจากการกระทำชั่ว
และอาศัยในแผ่นดินซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบให้แก่เจ้า
และบรรพบุรุษของเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณตราบจนนิรันดร์
อย่าหันไปปาพระอื่นเพื่อปรนนิบัติและนมัสการพระเหล่านั้น
อย่าทำให้เราโกรธด้วยผลงานแห่งน้ำมือของพวกเจ้า
และเราจะไม่ทำอันตรายแก่เจ้า
แต่เจ้าก็ยังไม่ฟังเสียงของเรา  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ทำให้เราโกรธด้วยผลงานแห่งน้ำมือของเจ้าซึ่งนำความวิบัติมาให้เจ้าเอง”

เยเรมีย์ 24 มะเดื่อสองตะกร้า

เยเรมีย์ 24

หลังจากที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้กวาดทั้งเยโคนิยาห์ โอรสของราชาเยโฮยาคิม
กษัตริย์แห่งยูดาห์  และข้าราชการแห่งยูดาห์ เหล่าช่างฝีมือ และช่างโลหะไปเป็นเชลยที่บาบิโลน

องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้ข้าเห็นนิมิต
ดูเถิด เป็นมะเดื่อ 2 ตะกร้า  วางไว้หน้าพระวิหารของพระเจ้า
กระจาดแรกมีลูกมะเดื่อดี ๆ เป็นมะเดื่อผลแรก  ส่วนอีกตะกร้าเป็นมะเดื่อเน่า กินไม่ได้

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไร?”
“มะเดื่อพระเจ้าข้า  มะเดื่อที่ดี ก็เป็นมะเดื่อดีมาก ๆ และมะเดื่อเสีย เน่าเสียจนกินไม่ได้”

figs

คำขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังข้า…
“องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า … เหมือนกับมะเดื่อดี
เราจะดูแลเหล่าคนที่ถูกเนรเทศจากยูดาห์ อย่างดี  เราได้ส่งพวกเขาออกไปจากที่นี่
ไปยังดินแดนของคนแคลเดีย
เราจะคอยดูแลเขา ให้สิ่งดีแก่เขา และเราจะนำเขากลับมายังดินแดนนี้
เราจะสร้างพวกเขาขึ้น และไม่รื้อลง  เราจะปลูกพวกเขา และไม่ถอนรากออกไป
เราจะให้พวกเขามีหัวใจที่จะรู้ว่า เรานี่แหละคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาจะเป็นคนของเรา  เราจะเป็นพระเจ้าของเขา
เพราะว่าพวกเขาจะกลับมาหาเราอย่างสุดใจ

 แต่… องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้…… เหมือนกับมะเดื่อเน่า มันเน่าเสียจนกินไม่ได้
เราก็จะทำกับเศเดคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ และเหล่าข้าราชการ และคนที่หลงเหลือในเยรูซาเล็มที่อยู่ในแดนนี้
รวมไปถึงคนที่เหลืออยู่ในอียิปต์
เราจะทำให้พวกเขาเป็นที่สยดยสยองสำหรับอาณาจักรทั้งหลายในโลก
จะกลายเป็นที่ตำหนิ  เป็นคำเย้ยหยันและคำแช่งสาปในทุกที่ ๆ เราเนรเทศพวกเขาไป
และเราจะส่งดาบ  ความอดอยาก และโรคระบาดมาถึงพวกเขา
จนกว่าพวกเขาจะถูกทำลายไม่เหลือ
จากแผ่นดินที่เราได้มอบให้พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขา

เยเรมีย์ 23-5 อายไม่สิ้นสุด

เยเรมีย์ 23:33-40

เมื่อคนหนึ่งในคนเหล่านี้ หรือจะเป็นผู้กล่าวคำ หรือปุโรหิตถามเจ้าว่า
“อะไรเป็นภาระขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
เจ้าจะตอบเขาว่า
“เจ้านั่นแหละคือภาระ และเราจะเหวี่ยงเจ้าออกไป”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
และสำหรับประชาชน หรือผู้กล่าวคำ หรือปุโรหิตที่พูดว่า
“ภาระของพระเจ้า” นั้น เราจะลงโทษเขาและครอบครัวของเขา

เจ้าทั้งหลายจงพูดกัน  พูดกันในหมู่เพื่อนบ้านและพี่น้องว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบอย่างไร?”  หรือ
“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสอย่างไร?”

แต่ เจ้าจะไม่กล่าวถึงภาระของพระเจ้าอีกต่อไป
เพราะภาระนั้นคือคำกล่าวของพวกเขาแต่ละคน
และเจ้าเองก็ได้บิดเบือนพระคำของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  พระเจ้าของเรา
ดังนั้นเจ้าจะกล่าวแก่ผู้กล่าวคำว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบท่านอย่างไร?” หรือ
“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสอย่างไร?”

aie
แต่หากเจ้ากล่าวว่า “ภาระขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า
“เพราะเจ้ากล่าวว่า ภาระขององค์พระผู้เป็นเจ้า..
ทั้ง ๆ ที่เรานั้นได้ห้ามไม่ให้เจ้าพูดอย่างนี้”
ดังนั้น ดูเถิด เราจะยกเจ้าขึ้น และเหวี่ยงเจ้าออกไปจากสายตาของเรา
ทั้งเจ้า และเมืองที่เราได้ให้แก่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า
และเราจะทำให้เจ้าเป็นที่ติเตียนตลอดไป
อยู่กับความน่าละอายที่ไม่มีวันสิ้นสุด และจะไม่มีใครลืมลง

 

เยเรมีย์ 23-4 คำที่เผาผลาญ

เยเรมีย์ 23:23-32

“เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ไกลอย่างนั้นหรือ?”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
มีใครบ้างไหมที่ซ่อนตัวในที่ลึกลับจนเรามองไม่เห็น?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เรามิได้อยู่เต็มท้องฟ้าสวรรค์อย่างนั้นหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เราได้ยินสิ่งที่ผู้กล่าวคำมุสาในนามของเราพูด…ข้าฝัน ข้าฝัน!

คำโกหกหลอกลวงจะอยู่ในใจของเหล่าผู้กล่าวคำมุสาตามใจตัวเอง
และทำนายตามความชั่วในใจนานเท่าไร?
พวกเขาคิดว่าจะทำให้ประชาชนลืมนามของด้วยฝันของพวกเขาที่เล่าสู่กันไปมา
เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของเขาลืมนามของเราและหันไปติดตามเจ้าบาอัล

ปล่อยให้เหล่าผู้กล่าวคำที่ฝันก็เล่าความฝันของเขาไป
แต่สำหรับคนที่กล่าวคำของเรา ก็ให้เขากล่าวคำนั้นอย่างซื่อตรง
หญ้าแห้งนั้นเหมือนกับตันข้าวสาลีอย่างไรเล่า?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

kon
คำของเราไม่เหมือนไฟหรอกหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
และไม่เหมือนค้อนที่ทุบหินจนแตกละเอียดหรอกหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
ดูเถิด เราต่อสู้เหล่าผู้กล่าวคำเหล่านี้!

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
พวกเขาใช้ลิ้นของตนประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้”

 

ดูเถิด เราต่อต้านคนที่กล่าวมุสาถึงความฝัน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เราต่อต้านคนที่ประกาศและนำให้คนของเราหลงทางด้วยคำโกหกและความชั่วร้ายของพวกเขา
ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ส่งพวกเขาไป หรือสั่งให้เขา
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชนเลย
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

 

เยเรมีย์ 23-3 ผู้ทำนายตามใจคิด

 

เยเรมีย์ 23:15-22

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสเรื่องผู้กล่าวคำของพระเจ้าว่า
“ดูเถิด เราจะเลี้ยงพวกเขาด้วยอาหารขม และให้เขาดื่มน้ำพิษ
เพราะว่า ความอธรรมได้ออกไปทั่วแผ่นดินก็เพราะเหล่าผู้กล่าวคำในนครเยรูซาเล็ม”

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส
“อย่าไปฟังคำทำนายของผู้กล่าวคำเหล่านี้ พวกเขาทำให้เจ้าหวังลมๆ แล้งๆ
เพราะพวกเขากล่าวถึงนิมิตจากความคิดของตัวเอง
มิใช่นิมิตที่มาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า
พวกเขากล่าวคำซ้ำ ๆ กับคนที่เหยียดหยามพระคำของพระเจ้าว่า..
..ทุกอย่างจะดี
และกล่าวคำให้กับคนที่ตามใจโง่เง่าของตนเอง
..จะไม่มีวิบัติมาถึงตัวเจ้า”

เพราะมีใครในพวกเขาที่ยืนอยู่ในที่ประชุมขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อจะดูและฟังพระดำรัสของพระองค์
เพื่อที่จะเอาใจใส่ต่อพระดำรัส และฟังอย่างจริงจัง?
เถิด พายุของพระเจ้า.. พระพิโรธกำลังพลุ่งออกไป เป็นลมหมุนรุนแรง
มันจะพัดโถมเหนือหัวของคนชั่วร้าย

payu
พระพิโรธของพระเจ้าจะไม่หันกลับมาจนกว่าพระองค์จะทรงจัดการ
และทำทุกอย่างสำเร็จตามพระทัยของพระองค์
ในวันสุดท้ายเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างกระจ่างแจ้ง

เราไม่ได้ส่งผู้กล่าวคำออกไป  แต่พวกเขาก็วิ่งไป
เราไม่ได้พูดกับเขา  แต่เขาก็ทำนาย
แต่หากพวกเขาได้ยืนอยู่ในที่ประชุมของเราจริงๆ
พวกเขาก็จะได้ประกาศคำของเราต่อประชากรของเรา
และคนเหล่านั้นก็จะหันกลับจากทางแห่งความชั่วร้าย
หันจากการกระทำชั่วของเขา

เยเรมีย์ 23-2 ผู้กล่าวคำเท็จ

เยเรมีย์ 23:9-14

เกี่ยวข้องกับเหล่าผู้กล่าวคำ
ใจของข้านั้นแตกสลายอยู่ภายใน กระดูกของข้าก็สั่นไหว
ข้าเป็นเหมือนคนเมา เหมือนคนที่เมาเหล้าองุ่น  เป็นเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า
เป็นเพราะพระคำอันบริสุทธิ์ของพระองค์
เพราะว่าแผ่นดินเต็มด้วยคนล่วงประเวณี
แผ่นดินคร่ำครวญเพราะคำแช่งสาป
และทุ่งหญ้าในถิ่นกันดารก็แห้งเหี่ยวไป
วิถีของพวกเขานั้นชั่วร้าย
และกำลังของเขาก็ไม่เที่ยงธรรม

ทั้งผู้กล่าวคำและเหล่าปุโรหิตต่างก็เป็นคนอธรรม
เพราะเราได้พบความชั่วร้ายของเขาในวิหารของเรา  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
ดังนั้นทางของเขาจะลื่นในความมืด พวกเขาจะถูกขับออกไป และจะล้มลง
เราจะนำวิบัติมาเหนือเขา ในปีที่พวกเขาต้องถูกลงโทษ..  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

จากเหล่าผู้กล่าวคำของเราในสะมาเรีย
เราได้เห็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
พวกเขากล่าวคำในนามของเจ้าบาอัลและนำให้คนอิสราเอลของเราหลงทางไป

แต่ส่วนในหมู่ผู้กล่าวคำแห่งเยรูซาเล็ม

เราได้เห็นสิ่งที่ร้ายกาจมาก
พวกเขาได้ล่วงประเวณีและเดินในคำมุสา
พวกเขาสนับสนุนคนที่ทำชั่ว
เพื่อว่าจะไม่มีใครหันกลับจากการทำชั่ว
ทุกคนกลายเป็นเหมือนโสโดมต่อเรา
คนที่อาศัยในเมืองก็เป็นเหมือนโกโมราห์

เยเรมีย์ 23-1 แกะ ก ร ะ จ า ย

เยเรมีย์ 23:1-8

“วิบัติแก่พวกผู้เลี้ยงแกะที่ได้ทำลายและทำให้แกะในทุ่งของเราให้กระจัดกระจายไป”
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสกับผู้เลี้ยงแก่ซึ่งดูแลประชาชนในชาติของข้าว่า

“เจ้าได้ทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป เจ้าขับไล่มันออกไปเสีย
เจ้าไม่ได้ดูแลพวกมัน ดังนั้น ดูเถิด เราจะจัดการกับเจ้า
เพราะการกระทำอันชั่วร้ายของเจ้า ” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

ภาพวาดโดย Thomas Sidney Cooper  1888
ภาพวาดโดย Thomas Sidney Cooper 1888

 

“แล้วเราจะรวบรวมฝูงแกะที่หลงเหลือให้ออกมาจากประเทศต่าง ๆ
ที่เราขับไล่เขาไปอยู่นั้น และจะนำเขากลับมายังคอกเดิม พวกเขาจะมีลูกหลาน
เขาจะเกิดผลทวีคูณ
เราจะตั้งผู้เลี้ยงแก่ที่จะดูแลพวกเขา
พวกเขาจะไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหวาดหวั่นอีกต่อไป
และจะไม่มีคนไหนหายไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

“ดูเถิด วันนั้นจะมาถึง  เมื่อเราจะแต่งตั้งกิ่งแห่งความชอบธรรมให้ดาวิด
และเขาจะเป็นกษัตริย์ที่ครอบครองด้วยปัญญาอันล้ำลึก
และทำสิ่งที่ยุติธรรมและเที่ยงธรรม

ในสมัยของเขา ยูดาห์จะได้รับการช่วยให้รอด
และอิสราเอลจะได้มีชีวิตอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
ใคร ๆ จะเรียกเขาว่า
..องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นความธรรมของเรา”

“ดังนั้น ดูเถิด วันนั้นจะมาถึง ” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

“เมื่อพวกเขาจะไม่พูดต่อไปว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำชนอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด…
แต่จะพูดว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำลูกหลานอิสราเอลออกจากประเทศทางเหนือ
และจากทุกประเทศที่ทรงขับไล่ให้เขาไปอยู่นั้น 
ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด

เวลานั้น พวกเขาจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของตนเอง

เยเรมีย์ 22-4 สิ่งที่บันทึกไว้

เยเรมีย์ 22:24-30

องค์พระผู้เป็นเจ้าตร้สว่า
“เรามีชีวิตอยู่ตราบใด  … แม้ว่าโคนิยาห์ โอรสของราชาเยโฮยาคิม
จะเป็นดั่งแหวนตราในมือขวาของเรา  แต่เราก็จะถอดเจ้าออก
และมอบเจ้าให้อยู่ในเงื้อมมือของคนที่แสวงหาชีวิตของเจ้า
ไปอยู่ในมือของคนที่เจ้ากลัว
ไปอยู่ในหัตถ์ของราชาเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
และไปอยู่ในมือของชาวเคลเดีย

เราจะเขวี้ยงเจ้าและแม่ที่บังเกิดเจ้ามาไปยังประเทศอื่น
ที่ ๆ เจ้าไม่ได้เกิด  แต่เจ้าจะตายที่นั่น
สำหรับแผ่นดินที่พวกเขาอยากจะกลับมา
แต่ไม่มีวันที่จะได้กลับมา

ชายผู้นี้.. โคนิยาห์ เป็นดั่งหม้อแตกที่ถูกดูหมิ่นหรือ
เป็นภาชนะที่ไม่มีใครสนใจ?
เหตุใด ตัวเขาและลูก ๆ ถูกเขวี้ยงไป  ถูกโยนเข้าไปในแผ่นดินที่พวกเขาไม่รู้จัก?
โอ แผ่นดิน  แผ่นดิน… จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เขียนลงไปซิ
เขียนลงไปซิ

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
“จงเขียนลงไปว่า … ชายคนนี้ ไม่มีลูก  เป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตของเขา
เพราะไม่มีลูกของเขาสักคนที่จะประสบความสำเร็จ
ในการได้นั่งในบัลลังก์ของราชาดาวิด
ในการที่จะได้ปกครองในยูดาห์อีก “

เยเรมีย์ 22-3 เหมือนลา

เยเรมีย์ 22:18-23

เพราะเหตุนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสเกี่ยวกับเยโฮยาคิม โอรสของราชาโยสิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์
“พวกเขาจะไม่คร่ำครวญเพื่อพระองค์ กล่าวว่า
โอ พี่ชายของข้า  หรือ โอ พี่สาวของข้า
พวกเขาจะไม่คร่ำครวญถึงพระองค์ กล่าวว่า
อา  องค์เจ้านาย  โอ..องค์กษัตริย์
donkeydai
พระองค์จะถูกฝังเหมือนกับการฝังลาตัวหนึ่ง
ถูกลากไป และโยนข้ามประตูแห่งนครเยรูซาเล็ม ”

“จงขึ้นไปยังเลบานอนและร้องออกมา
และส่งเสียงของเจ้าในบาชาน

ร้องออกจากเมืองอาราบิม เพราะคนรักทั้งหลายของเจ้าถูกทำลายไปแล้ว
เราได้พูดกับเจ้า ยามที่เจ้ามั่งคั่ง
แต่เจ้ากลับกล่าวว่า “เราจะไม่ฟัง”
เจ้าทำเช่นนี้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่นมา  เจ้าไม่ต้องการฟังเสียงของเรา

ลมจะปกครองอยู่เหนือเหล่าผู้เลี้ยงแกะของเจ้า
คนรักของเจ้าจะต้องกลายเป็นเชลย
แล้วเจ้าจะอับอายและสับสนเนื่องจากความบาปทั้งสิ้นของเจ้า

โอเหล่าผู้อาศัยในเลบานอน สร้างรังท่ามกลางต้นสีดาร์
เมื่อความเจ็บปวดมาถึงเจ้า ราวกับหญิงที่กำลังคลอดบุตร…
เวลานั้นเจ้าจะน่าสงสารสักเท่าใด

 

 

เยเรมีย์ 22-2 บ้านอธรรมกำไรอสัตย์

เยเรมีย์ 22:11-17

ข่าวสารถึงโอรสของราชาโยสิยาห์
เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสดังนั้นแก่ชัลลุม โอรสของราชาโยสิยาห์แห่งยูดดาห์
ผู้ได้ขึ้นครองแทนราชบิดาคือโยสิยาห์
เป็นผู้ที่ได้ออกไปจากสถานที่นี้  และเขาจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
แต่เขาจะตายในสถานที่ ๆ ถูกจับไปเป็นเชลย  เขาจะไม่ได้กลับมาเห็นแผ่นดินนี้อีก

 

วิบัติแก่คนที่สร้างบ้านขึ้นมาด้วยความอธรรม สร้างห้องชั้นบนด้วยความอยุติธรรม
ผู้ใช้ให้เพื่อนบ้านมารับใช้ตนเองโดยไม่จ่ายค่าแรงให้แก่เขา
คนที่กล่าวว่า “เราจะสร้างบ้านหลังใหญ่โตให้ตัวเอง
มีห้องชั้นบนกว้าง ๆ
คนที่เจาะหน้าต่างขึ้นมา และทำโครงหน้าต่างด้วยไม้สีดาร์ ทาสีด้วยสีแดงชาด

เจ้าคิดใช่ไหมว่าเจ้าเป็นกษัตริย์?
เพราะเจ้าแข่งกันใช้ไม้สีดาร์อย่างนั้นหรือ?
บิดาของเจ้ามิได้กินดื่มและทำความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมหรือ?
พวกเขาก็อยู่เย็นเป็นสุข
เขาได้พิพากษาความของคนยากจนขัดสน
และทุกอย่างก็ดี
การทำอย่างนี้มิใช่หรือ คือการรู้จักเรา..?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

แต่ตาและใจของเจ้ากลับมุ่งอยู่ที่กำไรอสัตย์
เจ้าพร้อมที่จะหลั่งเลือดของคนไร้ผิด
พร้อมที่จะทำการกดขี่และความรุนแรง

เยเรมีย์ 22-1 ไปแล้วไปเลย

เยเรมีย์ 22:1-10
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เจ้าจงลงไปยังวังของราชาแห่งยูดาห์ และกล่าวคำต่อไปนี้
โอราชาแห่งยูดาห์ ผู้ประทับบนบัลลังก์แห่งราชาดาวิด
ท่าน และข้าราชบริพารของท่านรวมทั้งประชาชนของท่านที่เดินเข้ามาในประตูเมืองนี้

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
“จงทำการยุติธรรมและความชอบธรรม
และจงช่วยคนที่ถูกปล้นให้พ้นจากเงื้อมมือของผู้ที่กดขี่เขา
และอย่าทำผิดหรือทำการรุนแรงต่อคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่าย
อย่าทำร้ายคนที่ไร้ความผิดให้เขาโลหิตตกในสถานที่นี้

และหากเจ้าได้เชื่อฟังคำเหล่านี้จริง ๆ
ก็จะมีราชาที่ประทับบนบัลลังก์ของดาวิด
ทรงรถม้าศึกผ่านเข้ามาในประตูนี้ พร้อมกับข้าราชบริพารและประชาชนของพระองค์
แต่หากเจ้าไม่เชื่อฟังคำเหล่านี้ เราขอสาบานด้วยตัวของเราเองว่า
วงศ์วานนี้จะกลายเป็นที่ร้างเปล่า

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสเรื่องของราชาแห่งยูดาห์ว่า
“เจ้าเป็นเหมือนกิเลอาดสำหรับเรา เหมือนยอดเขาแห่งเลบานอน
ถึงกระนั้นเราก็จะทำให้เจ้ากลายเป็นทะเลทรายแน่นอน
เป็นเมืองที่ไร้คนอาศัย
เราจะเตรียมผู้ทำลายต่อต้านเจ้า ทุกคนมีอาวุธครบมือ
พวกเขาจะโค่นไม้สีดาร์ชั้นเยี่ยมของเจ้าและโยนมันลงกองไฟ
chaloei
ชนหลายชาติจะผ่านเมื่อนี้
และทุกคนจะพูดกับเพื่อนบ้านของเขาว่า
เหตุใดองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงกระทำกับเมืองยิ่งใหญ่เช่นนี้?
และพวกเขาจะตอบกันว่า
เพราะคนเมืองได้ละทิ้งพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา
และได้หันไปนมัสการปรนนิบัติพระอื่น ๆ

อย่าร้องไห้ให้กับคนที่ตายไป ไม่ต้องโศกเศร้าเพื่อเข้า
แต่จงร้องไห้อย่างขมขื่นให้กับคนที่จากไป
เพราะว่า คนเหล่านั้นจะไม่ได้กลับมา
เห็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาอีกต่อไป

เยเรมีย์ 21-2 โทษตามที่ทำ

เยเรมีย์ 21:8-14

และเจ้าจะต้องกล่าวกับประชาชนเหล่านี้ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
“ดูเถิด เราได้วางหนทางแห่งชีวิตและความตายไว้ต่อหน้าเจ้า
คนที่อยูในเมืองจะตายด้วยดาบ ความอดอยากและโรคระบาด

ทหารเคลเดีย
ทหารเคลเดีย

แต่คนที่ออกไป และยอมมอบตัวให้กับชาวเคลเดียซึ่งล้อมเมืองอยู่
ก็จะยังมีชีวิต และกลายเป็นค่าปรับของสงคราม

เพราะว่า เราได้ตั้งหน้าต่อต้านเมืองนี้ เพื่อให้เขาเจอกับอันตราย มิใช่เจอสิ่งดี
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
มันจะตกอยู่ในมือของราชาแห่งบาบิโลน และพระองค์จะเผาเมืองนี้ให้วอดไป

และวงศ์วานของราชายูดาห์กล่าวว่า
“จงฟังพระดำรัสของพระเจ้า
โอ้วงศ์วานแห่งดาวิด องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
... จงแสดงความยุติธรรมในเวลาเช้า
และจงช่วยคนที่ถูกปล้นให้พ้นมือผู้กดขี่

(ดูซิ… พระเจ้ายังทรงให้โอกาสกับพวกเขาอีก)
มิฉะนั้น ความโกรธของเราจะพลุ่งออกมาเหมือนไฟ
และเผาไหม้อย่างที่ไม่มีใครจะดับได้ เนื่องจากการกระทำอันชั่วร้ายของพวกเจ้า

ดูเถิดเราต่อสู้เจ้า
โอเหล่าคนที่อาศัยในหุบเขา บนที่ราบที่เต็มด้วยหิน
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เจ้าคนที่พูดว่า “ใครจะมาต่อสู้เรา? ใครจะเข้ามาในที่อาศัยของเรา?”

เราจะลงโทษเจ้าตามผลแห่งน้ำมือของเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เราจะจุดไฟในป่าของเจ้า
และไฟจะลามไหม้ทุก ๆ สิ่งที่อยู่รอบตัวเจ้า

เยเรมีย์ 21-1 พลิกความคิดหมาย

เยเรมีย์ 21:1-7

นี่เป็นพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงเยเรมีย์
เมื่อราชาเศเดคียาห์ส่งปาชเฮอร์ ลูกชายมาคิลยาห์ และปุโรหิตเศฟันยาห์ ลูกชายมาอาเสอาห์มาพบเขา
ทั้งสองมาหาและกล่าวว่า
“ช่วยทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เราด้วย
เพราะราชาเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ได้ทำศึกต่อสู้กับเรา
บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำการอัศจรรย์ให้เราเหมือนในอดีต
และจะทรงทำให้ศัตรูถอยทัพไปจากเรา”

แต่เยเรมีย์กล่าวกับเขาว่า
“จงไปทูลพระราชาเศเดคียาห์ดังนี้
องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า
ดูเถิด เราจะหันอาวุธสงครามในมือของเจ้าที่เจ้าใช้ต่อสู้ราชาแห่งบาบิโลน
และชาวเคลเดียที่เข้ามาล้อมกำแพงเมืองของเจ้า และเราจะพาพวกเขาเข้ามากลางเมือง

เราจะเป็นฝ่ายพวกเขา จะต่อสู้เจ้าด้วยมือที่ยื่นออก
ด้วยแขนที่เข้มแข็ง
ด้วยความโกรธกริ้ว
ด้วยความพิโรธยิ่งนัก

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
หลังจากน้น เราจะมอบชีวิตของราชายูดาห์คือ ราชาเศเดคียาห์
และข้าราชบริพารทั้งหลาย
รวมทั้งชาวนครนี้ที่รอดตายจากโรคระบาด ดาบ และความอดอยาก
ให้แก่ราชาเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนซึ่งเป็นศัตรูของพวกเขา
ราชาเนบูคัดเนสซาร์จะสังหารเขาด้วยสันดาบ
จะไม่มีความเมตตาสงสาร ไม่ไว้ชีวิตให้ใครเลย

และเราจะฟาดฟันคนในนครนี้ ทั้งมนุษย์และสัตว์
พวกเขาจะตายด้วยโรคระบาด…..

เยเรมีย์ 20-4 ความสับสนของเยเรมีย์

เยเรมีย์ 20:12-17
ดูเหมือนว่า การเป็นผู้กล่าวคำที่พระเจ้าทรงใช้นั้น ชีวิตรันทดไม่น้อย

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ ผู้ทรงทดสอบคนชอบธรรม
พระองค์ผู้ทรงเห็นจิตใจและความคิด
ขอให้ข้าได้เห็นพระองค์ทรงแก้แค้นพวกเขา
เพราะว่า พระองค์ทรงกระทำทุกอย่างเพื่อข้า

ร้องเพลงถวายพระเจ้า สรรเสริญพระเจ้า
เพราะว่า พระองค์ทรงช่วยชีวิตคนที่ขัดสนให้พ้นจากมือของคนทำชั่ว
Jer2015

ขอแช่งสาปวันที่ข้าเกิดมา
วันที่แม่คลอดข้าออกมานั้น อย่าให้มันได้พรเลย

ขอแช่งสาปคนที่นำข่าวไปบอกพ่อของข้าว่า
“ท่านมีลูกชายแล้วนะ” ทำให้พ่อดีใจมาก

ขอให้ชายคนนั้นเป็นเหมือนเมืองทั้งหลายที่พระเจ้าทรงเหวี่ยวออกไปโดยมิได้ทรงเมตตา
ขอให้พระองค์ทรงได้ยินเสียงร่ำร้องในเวลาเช้า
และเสียงตกใจเพราะสงครามในเวลาเที่ยงวัน

เพราะว่า พระองค์มิได้ทรงสังหารข้าเสียในครรภ์ของแม่
เพื่อว่าร่างของแม่จะได้เป็นหลุมฝังศพของเข้า
ให้ครรภ์ของแม่นั้นโตอยู่ตลอดไป

เหตุใดข้าจึงออกมาจากท้องแม่
เพื่อจะได้เห็นความทุกข์ยาก ความโศกเศร้า และใช้เวันเวลาของข้าในความอับอาย

เยเรมีย์ 20-2 เพื่อนชั่ว ๆ

เยเรมีย์ 20:7-11

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระองค์ทรงหลอกลวงข้า
ข้าถูกหลอกจนตายใจ  พระองค์ทรงแข็งแรงกว่าข้า
และพระองค์ทรงชนะข้า
ข้าได้กลายเป็นคนที่ถูกหัวเราะเยาะทั้งวี่ทั้งวัน
ใครๆ ก็เยาะเย้ยข้า

เมื่อใดที่ข้าพูด ข้าร้องออกมา  ข้าตะโกนว่า
“ความรุนแรงและหายนะ
แล้วพระคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าถูกตำหนิและถูกเยาะเย้ยทั้งวัน

ภาพจาก http://thedaughterofzion.wordpress.com/
ภาพจาก http://thedaughterofzion.wordpress.com/

แต่หากข้ากล่าวว่า
“ข้าจะไม่กล่าวถึงพระองค์
จะไม่พูดสิ่งใดในพระนามของพระองค์อีก!”

พระคำในใจของข้านั้นก็เหมือนไฟใหม้อยู่ในกระดูกของเข้า
และข้าก็เหน็ดเหนื่อยกับการเก็บมันไว้
ข้าเก็บมันไว้ไม่ได้เลย

ข้าได้ยินหลายคนกระซิบว่า ..ความสยดสยองมีอยู่รอบด้าน
“กล่าวหาเขา  กล่าวหาเขาซิ ”  เพื่อนสนิทของข้าทุกคนพูดเช่นนี้

พวกเขาเฝ้าดูว่า เมื่อไรข้าจะล้มลง

“บางทีเขาจะถูกหลอก  แล้วตอนนั้นเราก็จะเอาชนะเขาได้และแก้แค้นเขาได้ด้วย”

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับข้าเหมือนกับนักรบผู้กล้า

ดังนั้น คนที่ข่มเหงข้าจะล้มลง
พวกเขาจะเอาชนะข้าไม่ได้
พวกเขาต้องอับอายยิ่งนัก จะไม่สำเร็จดังหวัง
จะไม่มีใครลืมความอสัตย์นิรันดร์ของเขาได้เลย

 

เยเรมีย์ 20-1 อนาคตของปุโรหิตผู้หยิ่งผยอง

เยเรมีย์ 20:1-6

ปาชเฮอร์เป็นปุโรหิตซึ่งเป็นลูกชายของอิมเมอร์ หัวหน้างานในพระวิหารของพระเจ้า
ได้ยินสิ่งที่เยเรมีห์กล่าวมา

เขาจึงโบยเยเรมีย์ที่เผยคำของพระเจ้าออกมาในแนวนี้   แล้วก็จับเยเรมีห์ใส่ขื่อคาเอาไว้

ขื่อคานี้อยู่ที่ประตูเบนยาบินในพระวิหารของพระเจ้า

ภาพเอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/
ภาพเอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/

เช้าวันต่อมา เมื่อปาชเฮร์ปล่อยเขาออกจาขื่อคา เยเรมีย์จึงกล่าวกับเขาว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่เรียกท่านว่า ปาชเฮอร์อีกต่อไป  แต่เรียกว่า ความน่ากลัวรอบด้าน
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ดูเถิด  เราจะทำให้เจ้าเป็นความสยดสยองทั้งกับตัวเอง และเพื่อน ๆ ของเจ้าทั้งหมดที่เจ้ามี
พวกเขาจะล้มลงด้วยดาบของศัตรู ในขณะที่เจ้าเฝ้ามองอยู่

และเราจะมอบยูดาห์ทั้งสิ้นให้อยู่ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน
พระองค์จะกวาดพวกเขาในฐานะเชลย ไปยังบาบิโลน
และจะฟาดฟันพวกเขาให้ล้มลงด้วยดาบ

ยิ่งกว่านั้น เราจะมอบความมั่งคั่งของนครนี้
รายได้ และทรัพย์สินอันมีค่า รวมทั้งสมบัติของราชาแห่งยูดาห์ ให้เป็นของศัตรู
ศัตรูเหล่านี้จะปล้นเขาและรวบรวมพวกเขาไปยังบาบิโลน

สำหรับเจ้า ปาชเออร์ และทุกคนที่อาศัยในบ้านของเจ้าจะถูกกวาดไปเป็นเชลย
เจ้าจะไปยังบาบิโลนและจะตายที่นั่น
เจ้าจะถูกฝันที่นั่นด้วย ทั้งเจ้าและเพื่อน ๆ ที่เจ้าได้กล่าวคำพยากรณ์มุสาให้ฟัง

 

เยเรมีย์ 19-3 เหยือกที่ไม่มีวันซ่อมได้

เยเรมีย์ 19:10-14

แล้วเจ้าก็จะทุ่มเหยือกนั้น ต่อหน้าคนที่ไปกับเจ้า
และเจ้าจะกล่าวกับเขาว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้
..เราจะทำให้ประชาชนและเมืองนี้ แตกไปเหมือนกับที่คนหนึ่งที่ทุ่มภาชนะที่ตนเองปั้นลงไป
เพื่อว่าจะไม่มีวันที่จะซ่อมแซมได้อีก
จะมีการขนศพไปฝังไว้ในเทเฟท เพราะว่า ไม่มีที่อื่น ๆ ที่จะฝังได้

ภาพวาดโดย เจมส์ ทิสสอท
ภาพวาดโดย เจมส์ ทิสสอท

เราจะทำกับสถานที่นี้อย่างที่บอกมา.. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
และทำกับผู้ที่อาศัยอยู่ในนั้นด้วย
นครแห่งนี้จะเป็นเหมือนโทเฟท

บ้านในนครเยรูซาเล็มและวังแห่งราชายูดาห์
บ้านทุกหลังที่ยกหลังคาให้กับเหล่าดาวบนฟ้า และเครื่องดื่มบูชาที่เทให้กับพระอื่น ๆนั้น
จะต้องเป็นมลทินดังที่แห่งโทเฟท

แล้วเยเรมีย์ก็มาจากโทเฟท ที่ซึ่งพระองค์ทรงสั่งให้เขาไปกล่าวคำพยากรณ์ของพระองค์
และเขาได้ยืนในลานพระวิหารของพระเจ้า กล่าวกับคนทั้งปวงว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า
“เราจะให้เกิดหายนะในนครนี้ และเมืองต่าง ๆ
หายนะต่าง ๆ ที่เราได้ประกาศมาก่อนหน้า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขาคอแข็ง ไม่ยอมฟังคำของเรา

เยเรมีย์ 19-2 คนกินคน !

เยเรมีย์ 19:6-9

ดังนั้น วันหนึ่งจะมาถึง…  องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศ
เมื่อเขาจะไม่เรียกสถานที่นี้ว่า โทเฟท หรือหุบเขาลูกชายฮินโนมอีกต่อไป
แต่จะเรียกว่า หุบเขาสังหาร

และจากที่นี้ เราจะทำให้แผนการของยูดาห์ และเยรูซาเล็มกลายเป็นศูนย์
และเขาจะต้องตายเพราะบาปต่อหน้าศัตรูของเขา  โดยน้ำมือของคนที่ตามล่าพวกเขา
เราจะให้ศพของเขาเป็นอาหารของนกในอากาศและสัตว์บนแผ่นดิน

และเราจะทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่สยดสยอง เป็นที่ ๆ คนเยาะหยัน
ทุกคนที่ผ่านไปจะหวาดหวั่นคุยกันเบา ๆ
เพราะความหายนะที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

คนกินคน ก็น่ากลัวอย่างนี้!
คนกินคน ก็น่ากลัวอย่างนี้!

และเราจะทำให้พวกเขาต้องกินเนื้อของลูกชาย ลูกสาวของตนเอง
ทุกคนจะกินเนื้อเพื่อนบ้านของตนในยามที่ถูกศัตรูล้อมเมือง
พวกเขากลายเป็นอย่างนี้เพราะศัตรูที่ตามล่าชีวิตของเขา

เยเรมีย์ 19-1 เลือดผู้บริสุทธิ์

เยเรมีย์ 19:1-5
แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“ไป ไซซื้อเหยือกดินจากช่างปั้น แล้วนำผู้ใหญ่จากประชาชาน
ผู้ใหญ่จากบรรดาปุโรหิตไปด้วย
ไปยังหุบเขาแห่งบุตรชายฮินโนมตรงทางเข้าประตูกองเศษหม้อ
และจงประกาศคำที่เราจะบอกแก่เจ้า…
jeremiahpreach
เจ้าจะกล่าวว่า
“จงฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
โอราชาแห่งยูดาห์ และเหล่าผู้ที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ตรัสดังนี้ว่า
ดูเถิด เราจะนำวิบัติมาสู่สถานที่นี้
หูของทุกคนที่ได้ยินจะอื้อไปตาม ๆ กัน

เพราะประชาชนได้ละทิ้งเรา และทำให้สถานที่นี้เป็นมลทิน
ด้วยการถวายเครื่องบูชาแก่พระอื่น ๆ
ซึ่งตัวเขาเองบรรพบุรุษของเขา และเหล่าราชาแห่งยูดาห์ไม่เคยรู้จักมาก่อน
และพวกเขายังได้หลั่งเหลือดของผู้บริสุทธิ์ลงบนแผ่นดินนี้

ได้สร้างที่สูงแห่งเจ้าบาอัลเพื่อจะได้เผาลูกชายของพวกเขาเป็นเครื่องบูชาแก่บาอัล
ซึ่งเราไม่เคยสั่งให้ทำหรือยอมให้ทำ
เหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในความคิดของเราเลย

เยเรมีย์ 18-3 ทำคุณบูชาโทษ

เยเรมีย์ 18:18-23

แล้วเขากล่าวว่า “มาเถอะ ให้เรามาวางแผนจัดการกับเยเรมีย์กัน
เพราะบัญญัติของพระเจ้าจะไม่ไมดไปจากปุโรหิต
คำปรึกษาจะไม่หมดไปจากนักปราชญ์
คำของพระเจ้าจะไม่ขาดไปจากผู้กล่าวคำ
มาโจมตีเขาด้วยลิ้น อย่าไปสนใจคำที่เขาพูดแม้แต่คำเดียว

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดฟังคำของข้าทาสของพระองค์
ขอพระองค์ทรงฟังเสียงศัตรูเหล่านั้น

เยเรมีย์ ...ภาพเขียนโดย มาร์ค ชากัล
เยเรมีย์ …ภาพเขียนโดย มาร์ค ชากัล

ควรหรือที่ความดีจะรับผลร้ายเป็นการตอบแทน?
แต่พวกเขาได้ขุดหลุมดักข้า
ขอพระองค์ทรงระลึกถึงวันที่ข้าทาสยืนเฝ้าต่อพระพักตร์
เพื่อทูลขอสิ่งดีให้เขา
เพื่อว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะหันพระพิโรธไปจากพวกเขา

ดังนั้น ขอพระองค์ทรงให้ลูกหลานของเขาเจอกับความอดหยาก
ขอทรงส่งเขาให้อยู่ใต้อำนาจดาบสังหาร
ให้ภรรยาของเขาไม่มีบุตรและกลายเป็นหญิงม่าย
ให้ผู้ชายทั้งหลายตายด้วยโรคระบาด
เด็กหนุ่ม ๆ ถูกคมดาบในสงคราม

ขอให้ได้เยินเสียงร้องอย่างหวาดหวั่นจากบ้านของพวกเขา
ยามที่พระองค์ทรงส่งโจรไปปล้นพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว
เพราะพวกเขาขุดหลุมดักข้า และวางบ่วงดักเท้าของข้า

องค์พระผู้เป็นเจ้า … พระองค์ทรงรู้ถึงแผนฆาตกรรมของเขาทั้งหมด
ขออย่าทรงให้อภัยบาปร้ายของพวกเขา
ขออย่าทรงเอาบาปของเขาไปให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์
ขอให้พวกเขาถูกพระองค์เหวี่ยงออกไป
ขอทรงจัดการกับพวกเขาในเวลาที่พระองค์ทรงพิโรธ