เยเรมีย์ 3-4 ผู้เลี้ยงที่เราพอใจ

เยเรมีย์ 3:14-17
และเราจะมอบผู้เลี้ยงที่เราพอใจแก่เจ้า  เขาจะเลี้ยงเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ

Je3-4
และเมื่อเจ้าเพิ่มจำนวนขึ้นในแผ่นดิน ในคราวนั้น เขาทั้งหลายจะไม่พูดอีกว่า
“หีบพันธสัญญาของพระเจ้า”  เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นในความคิดของเขา  มันจะไม่มีใครจำได้ หรือคิดถึงมันเลย
ในครั้งนั้น เขาจะเรียกกรุงเยรูซาเล็มว่า เป็นบัลลังก์ของพระเจ้า
และทุกประชาชาติจะเข้ามารวมตัวที่นั่น
ต่อพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม
และเขาจะไม่ตามใจชั่วร้ายของตนอีกต่อไป

ในวันเหล่านั้น วงศ์วานของยูดาห์จะเข้ามารวมกับวงศ์วานเยรูซาเล็ม
และพวกเขาจะมาจากดินแดนทางเหนือพร้อม ๆ กัน
มายังแผ่นดินที่เรามอบให้บรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก

เยเรมีย์ 3-3 จงกลับใจ กลับมา

เยเรมีย์ 3:11-14

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า
“อิสราเอลที่ไร้ความสัตย์ ได้แสดงตัวให้เห็นว่า เธอยังชอบธรรมกว่ายูดาห์ผู้ทรยศ
จงไปซิ  ไปประกาศคำเหล่านี้ให้แผ่นดินทางเหนือรับทราบ กล่าวเลยว่า

“อิสราเอลผู้ไร้ความสัตย์เอ๋ย จงกลับมา” พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“เราจะไม่มองเจ้าด้วยความโกรธ  เพราะว่า เรามีเมตตา “  พระผู้เป็นเจ้าตรัส

Jer3-3

“เราจะไม่โกรธตลอดไปเป็นนิตย์
ขอให้เจ้าได้ยอมรับผิดว่า เจ้าได้ดื้อดึงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเจ้าได้ไปประจบประแจงพระอื่น ๆ ใต้ต้นไม้เขียวสด
และเจ้าไม่ได้เชื่อฟังเสียงของเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส..

“จงกลับมา ลูกหลานที่ไร้ความเชื่อ “ พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียก
“เพราะเราเป็นนายของเจ้า และเราจะนำเจ้าหนึ่งคนจากเมือง
และสองคนจากครอบครัว  และนำเจ้ามายังศิโยน”

เยเรมีย์ 3-2 พี่น้องสองสาว

เยเรมีย์ 3:6-10

พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าในสมัยราชาโยสิยาห์ว่า
“เจ้าสังเกตเห็นใช่ไหมว่า  อิสราเอลขึ้นไปยังภูเขาทุกลูก
และที่ใต้ต้นไม้ใบเขียวทุกต้น พวกเขาก็ทำตัวเป็นหญิงโสเภณี?
และเราคิดว่า  หลังจากที่ทำอย่างนั้นแล้ว ก็จะกลับมา  แต่อิสราเอลไม่กลับมาเลย
ส่วนน้องสาวยูดาห์ที่ทรยศนั้นก็เห็นการเล่นชู้ของพี่สาวอิสราเอล
น้องสาวเห็นว่า ที่พี่สาวมีชู้ ไร้ความสัตย์ทำให้เราได้ไล่เธอออกไปพร้อมกับใบหย่า
แต่ยูดาห์น้องสาวทรยศก็ไม่กลัวสักนิด  เธอเองก็ได้ออกไปเล่นชู้ด้วย
Je3-2
และเป็นเพราะเธอเห็นว่า การกระทำของเธอนั้นไม่เสียหาย
เธอจึงทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เธอเล่นชู้กับหินและต้นไม้
และทั้งหมดนี้ น้องสาวยูดาห์ที่ทรยศก็ไม่ได้กลับมาหาเราด้วยสุดใจ
แต่แสร้งทำเป็นกลับตัวกลับใจ พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “

เยเรมีย์ 3-1 นั่งรอคนรัก

เยเรมีห์ 3:1-5

1 “ถ้าชายคนหนึ่ง ได้หย่าภรรยาไปแล้ว จากนั้นเธอก็จากเขาไปแต่งงานกับชายอื่น
เขาควรกลับไปหาเธออีกหรือ?
ถ้าเป็นอย่างนั้น แผ่นดินจะไม่ระบาดมลทินไปทั่วหรือ?
เจ้าเองได้ใช้ชีวิตราวกับโสเภณีกับคนรักมากมาย  แล้วตอนนี้เจ้าจะกลับมาหาเราหรือ?
เจ้าทำราวกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ ?” พระผู้เป็นเจ้าตรัส

มองไปรอบ ๆ ตามที่สูงโล่งซิ  เจ้าเห็นอะไร ? ที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่ได้ทำสิ่งสกปรกลามก?

je3_1

เจ้านั่งรอคนรักของเจ้าข้างทาง  อย่างคนอาหรับที่คอยปล้นในถิ่นกันดาร เจ้าได้ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยการบูชาพระปลอมของเจ้า
ดังนั้น ฝนจึงถูกระงับไม่ให้ตกลงมา  และฝนปลายฤดูจึงไม่มา
แต่เจ้าก็ยังมีหน้าผากแบบหญิงขายตัว   เจ้าทำตัวไม่ละอายราวกับว่าเจ้าไม่ได้ทำอะไร
เจ้าเพิ่งเรียกหาเราอยู่ไม่ใช่หรือว่า
‘พระบิดาของข้า พระองค์ทรงเป็นเพื่อนของข้ามาแต่เด็ก ๆ  พระองค์ทรงพิโรธตลอดไปหรือ?
พระองค์จะทรงกริ้วจนถึงที่สุดหรือ?’

ดูเถอะ เจ้าได้พูดออกมาแล้ว แต่เจ้ากลับทำความชั่วทุกอย่างที่เจ้าคิดออกมาได้”

เยเรมีย์เปรียบเทียบอิสราเอลเป็นเหมือนหญิงขายตัวที่ไปสมยอม และยอมตัวให้กับชาติอื่น ๆ  และพระ เทียมเท็จของชาติต่าง ๆ เหล่านั้น 

เยเรมีย์ 2-6 ไม่ได้ทำผิดซะหน่อย

เยเรมีย์ 2:29-37

พระเป็นเจ้าตรัสว่า “เจ้ามีอะไรไม่พอใจเรารึ? เจ้าทุกคนต่างต่อต้านเราอยู่แล้ว”
เราเสียเวลาตีสอนลูกหลานของเจ้า  เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจเลย
ดาบของเจ้าก็สังหารผู้กล่าวพระคำของเจ้าเอง  เหมือนกับสิงโตที่ทำลาย

แทนที่จะฟังคนตักเตือน พวกเขากลับฆ่าคนเหล่านั้น!

เจ้ากลายเป็นคนรุ่นแบบไหนกัน จงฟังพระวจนะของพระเจ้าเถิด…
เราเป็นเหมือนถิ่นกันดารต่อคนอิสราเอล  เป็นแผ่นดินแห่งความมืดแก่พวกเขาหรือ?
แล้วเหตุใด คนของเราจึงกล่าวว่า
‘ เราเป็นอิสระแล้ว  เราจะไม่กลับมาหาพระองค์อีก’ ?
สาวพรหมจารีลืมเครื่องประดับของเธอได้หรือ?
หรือเจ้าสาวจะลืมเครื่องแต่งกายของเธอได้หรือ?
แต่คนของเรากลับลืมเรานานจนนับไม่ไหวแล้ว

เจ้ามีหนทางไปหาความรักของเจ้าอย่างน่าทึ่ง  แถมยังสอนทางบาปของเจ้าให้หญิงชั่วอื่น ๆ อีก
ยิ่งกว่านั้น ที่ชายเสื้อของเจ้าก็เห็นรอยเลือดของคนยากจนที่ไร้ความผิด

เจ้าไม่ได้เห็นพวกเขาบุกรุกเข้ามาในบ้านสักนิด  แต่แม้ว่าหลักฐานจะโจ่งแจ้งอย่างนี้

เจ้ายังกล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำผิดสักหน่อย  พระพิโรธของพระเจ้าหันไปจากข้าแล้ว’
ดูเถิด เราจะพิพากษาเจ้า เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’

Je2-4

เท่าไรแล้วที่เจ้าไป ๆ มา ๆ เปลี่ยนวิธีการไปเรื่อย ๆ
เจ้าจะต้องละอายเพราะอียิปต์  เหมือนกับที่เจ้าต้องละอายเพราะอัสซีเรีย
เจ้าจะออกมาจากที่นั่นโดยเอามีบังหัวของเจ้าไว้
เพราะว่า พระเป็นเจ้าทรงปฏิเสธทุกคนที่เจ้าไว้วางใจ
และเจ้าจะไม่มีวันรุ่งเรืองขึ้นมาได้เพราะพวกเขา… จำไว้

เยเรมีห์ 2-5

เยเรมีย์ 2:20-28

เพราะนานมาแล้วที่เราได้ทำลายแอกของเจ้าและระเบิดพันธนะของเจ้าออก…   แต่เจ้ากลับว่า “ข้าจะไม่รับใช้”
ใช่ซิ บนภูเขาสูง  ใต้ต้นไม้เขียวทุกต้น เจ้ากลับไปก้มกราบเหมือนหญิงขายตัว
แต่เราก็คือคนที่ปลูกองุ่นอย่างดี ด้วยเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ แล้วเป็นไปอย่างไรที่เจ้ากลายพันธุ์ เป็นองุ่นป่า?   แม้ว่าเจ้าจะชำระตัวด้วยน้ำด่าง และเจ้าใช้สบู่มากมาย  แต่รอยด่างความผิดของเจ้าก็ยังอยู่ต่อหน้าเรา

เจ้ากล้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า “ข้าไม่มีรอยด่างของความผิดบาป  ข้าไม่ได้ติดตามเจ้าบาอัลสักหน่อย?    มองดูทางที่เจ้าผ่านไปในหุบเขาซิ  รู้ซะบ้างว่าเจ้าทำอะไร

เจ้าเป็นเหมือนอูฐสาวติดสัด วิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที

came
เป็นเหมือนลาป่าที่ชินกับถิ่นกันดาร  สูดดมลมที่พัดมาเพียงเพื่อให้ได้กลิ่นความใคร่ของมัน  แล้วใครจะไปช่วยระงับความใคร่ของมันได้?    คนที่ตามหามันอยู่ ก็ไม่ต้องเหนื่อยหรอก  ในเวลาของมัน เจ้าจะพบมันเอง
จงระวัง อย่าให้เจ้าขาดรองเท้า อย่าให้เจ้าต้องกระหาย แต่เจ้ากลับว่า “หมดหวัง เพราะว่าข้ารักคนต่างชาติ และข้าจะตามพวกเขาไป”
“เมื่อโจรถูกจับได้ เขาจะละอายอย่างไร เชื้อสายอิสราเอลก็จะละอายเช่นกัน
ตัวเขา กษัตริย์ ข้าราชการ ปุโรหิต และผู้กล่าวคำของพระเจ้า คนเหล่านี้ไปพูดกับต้นไม้ว่า  ‘ท่านเป็นพ่อของเรา’  เขาไปพูดกับก้อนหินว่า  ‘ท่านได้คลอดข้าออกมา’   พวกเขาหันหลังให้เรา และไม่ใช่หันหน้ามาหาเรา
แต่ในเวลาที่เจอกับความลำบาก ก็กลับมาร้องขอเรา ‘ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้น และช่วยเราด้วย’

แล้วพระที่เจ้าสร้างขึ้นมาให้ตัวเองล่ะ มันอยู่ที่ไหน?  ปล่อยให้มันลุกขึ้นมา ดูซิ มันจะช่วยเจ้าในเวลาลำบากได้หรือไม่?   โอ ยูดาห์  ยิ่งเจ้ามีเมืองมากเท่าไร  เจ้าก็มีพระมากเท่านั้น

เยเรมีย์ 2-4 คนหัวแข็ง

เยเรมีห์ 2:14-19

”อิสราเอลเป็นทาสรึ?
พวกเขาเป็นทาสติดเรือนอย่างนั้นหรือ?
ทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อ?

สิงโตคำรามใส่เขา  มันคำรามเสียงสนั่น มันทำให้แผ่นดินของเขารกร้าง

เมืองต่าง ๆ กลายเป็นซากหักพัง  ไม่มีคนอาศัยอยู่

ยิ่งกว่านั้น คนแห่งเมมฟิสและทาฟาเนสได้โกนศีรษะของเขา

ที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเจ้าละทิ้งพระเจ้าผู้ทรงนำทางหรอกหรือ?

และตอนนี้ เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปอียิปต์ เพื่อที่จะดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์?

หรือเจ้าได้ผลประโยชน์อะไรที่ไปหาอัสซีเรีย เพื่อจะดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีส

ความบาปของเจ้าจะตามมาเฆี่ยนเจ้า  และการทรยศจะจัดการกับตัวเจ้าเอง

SITE

ให้รู้และเห็นเถิดว่า การละทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้านั้นมันชั่วร้ายและขมขื่นยิ่งนัก

ความยำเกรงเราไม่มีอยู่ในตัวเจ้าเลย  “พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส

อิสราเอลเป็นเหมือนลูกหัวปีของพระเจ้า   พระเจ้าทรงดูแลเขาเป็นพิเศษ   อย่างเขาไม่ได้เป็นทาส แต่กลับตกเป็นเหยื่อ  ถูกศัตรูทั้งขู่ และบีบคั้น ทำลาย   เขาถูกศัตรูเยาะเย้ย เหยียดหยามและโกนหัว ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งว่า เขาดูถูกเป็นที่สุด
ที่อิสราเอลกลายเป็นคนแพ้ ก็เพราะตัวของเขาเอง ไม่ยอมตามพระเจ้า ละทิ้งพระองค์ กลับไปติดตาม ยอมต่อกษัตริย์ที่ตนคิดว่า จะช่วยได้  

อิสราเอลเข้าใจผิด คิดว่า การไปหาอียิปต์ หรืออัสซีเรียแล้วจะได้ความสดชื่น 

จะสมัยก่อน หรือสมัยนี้ … ทิ้งพระเจ้าไป มันขมขื่นจริง ๆ !

เยเรมีย์ 2-3 บ่อน้ำของตนเอง

เยเรมีย์2: 9-13
“ดังนั้น เราจะยังคงต่อสู้เจ้า!” องค์พระเป็นเจ้าตรัส
“ต่อสู้ทั้งลูกหลานเหลนของเจ้าด้วย
มองไปรอบรอบซิ ข้ามจากฝั่งไปยังไซปรัส
และดู…หรือไม่ก็ส่งไปยังเคดาร์และตรวจสอบให้ดี

ดูว่ามีสิ่งเหล่านั้นไหม
ประเทศใดประเทศหนึ่งเคยเปลี่ยนพระของเขาไหม ทั้งที่เหล่านั้น ไม่ใช่พระสักนิด?

แต่คนของเรากลับแลกเปลี่ยนศักดิ์ศรีของเขากับสิ่งที่ไร้ค่า!
จงตกใจ โอสวรรค์ จงตกใจ รู้สึกสยดสยอง  ไม่น่าเชื่อ!
พระผู้เป็นเจ้าตรัส

broken
เพราะคนของเราได้ทำสิ่งชั่วร้ายสองอย่าง
พวกเขาได้ละทิ้งเรา ซึ่งเป็นน้ำพุแห่งชีวิต
และสกัดบ่อเล็ก ๆ เพื่อตัวเอง
เป็นบ่อเล็กๆ ที่รั่ว ไม่อาจเก็บน้ำไว้ได้

ทิ้งพระเจ้า ไม่นับถือ ไม่พึ่งพระองค์  

และเดินตามทางของตัวเอง ตัวเองเป็นที่พึ่งของตัวเอง!  

ซึ่งความจริงแล้ว การทำทั้งสองอย่างนี้   มันน่ากลัวมาก  มีแต่จะเสีย……

 

 

เยเรมีย์ 2-2 ทำเหมือนไม่รู้จัก

เยเรมีย์ 2: 6-8

พวกเขาไม่ได้กล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่ไหน พระองค์ผู้ทรงนำเรามาจากแผ่นดินอียิปต์
พระองค์ผู้ทรงนำเราในถิ่นกันดาร ในทะเลทราย ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ
ในแผ่นดินที่แห้งแล้งและมืดมิด ในแผ่นดินที่ไม่มีใครสามารถผ่านไปเลย ในที่ ๆ ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่”
WildernessSinai
และเรานำเจ้ามายังแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้อิ่มอร่อยกับผลไม้และสิ่งดี ๆ ในแผ่นดินนั้น
แต่เมื่อเจ้าเข้ามา เจ้ากลับทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เจ้าทำให้มรดกของเรากลายเป็นสิ่งที่ดูน่าสะอิดสะเอียน

ปุโรหิตไม่ได้กล่าวว่า “องค์พระเป็นเจ้าอยู่ที่ไหน?
คนที่จะต้องรักษากฎเกณฑ์ของเรากลับไม่รู้จักเรา
คนที่เป็นผู้เลี้ยงรึ ก็ล่วงละเมิดเรา
ผู้ที่ต้องกล่าวคำของเรา ก็กลับกล่าวคำของบาอัล และวิ่งไล่ตามสิ่งที่ไม่ได้ประโยชน์อันใด

น่าแปลกที่พระเจ้าทรงดีกับเรา แต่เราไม่ได้เห็นพระคุณของพระองค์เลย

เยเรมีย์ 2-1

เยเรมีย์ 2:1-6

พระคำของพระเจ้ามาถึงข้าฯ  พระองค์ตรัสว่า

“ไป และประกาศให้ชาวนครเยรูซาเล็มได้ยินว่า… พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้…
“เราจำได้ถึงการอุทิศตนทุ่มเทของเจ้ายามที่เจ้ายังหนุ่มสาวอยู่
เราจำได้ถึงความรักของเจ้าอย่างเจ้าสาว
จำได้ว่าเจ้าตามเรามาในถิ่นกันดาร  ในดินแดนที่ยังไม่มีการเพาะปลูก
อิสราเอลนั้นบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า  เป็นผลแรกแห่งการเก็บเกี่ยวของพระองค์
ใครก็ตามที่กินพวกเขาเข้าไปก็จะรู้สึกผิด และมีหายนะเกิดขึ้นกับเขา พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น”

kandan

จงฟังคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า… เจ้าวงศ์วานยาโคบ และตระกูลทั้งหลายในอิสราเอล
พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“บรรพบุรุษของเจ้ามาจับผิดอะไรเรา

พวกเขาจึงออกห่างเราไป และเดินตามสิ่งไร้ค่า

ในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าไปด้วย?

ในสมัยก่อน ยามที่ชนอิสราเอลตามพระเจ้ามาในถิ่นกันดาร ด้วยการนำของโมเสส
พวกเขา ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอย่างที่ทำอยู่ในสมัยของเยเรมีย์
พวกเขาเคยไม่เชื่อฟัง  ไม่เชื่อพระเจ้าก็จริง
แต่มาวันนี้ เขาทิ้งพระองค์ไป  ติดตามพระที่เป็นสิ่งของ ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 
พวกเขากำลังเหยียดหยามพระเจ้าอย่างยิ่ง ….

เยเรมีย์ 1-4

เยเรมีห์ 1:17-19

แต่เจ้า เจ้าจงแต่งตัวเพื่อทำการ  ลุกขึ้น
และบอกพวกเขาทุกอย่างที่เราสั่งเจ้า

ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล
ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล

อย่าไปกลัวเกรงพวกเขา  มิฉะนั้น เราจะทำให้เจ้าอับอาย กลายเป็นกลัว กลายเป็นหงอต่อพวกเขา
และดูเถอะ ในวันนี้ เราทำให้เจ้าเป็นเมืองป้อมเสาเหล็ก กำแพงทองเหลืองเพื่อสู้กับทั้งแผ่นดิน
ต่อสู้กับกษัตริย์แห่งยูดาห์ ทั้งข้าราชการ  ปุโรหิต และประชาชนในแผ่นดินนั้น
พวกเขาจะต่อต้าน สู้เจ้า
แต่พวกเขาจะไม่ชนะเจ้า  เพราะว่าเราอยู่กับเจ้า เพื่อที่จะช่วยกู้เจ้า”
พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ

เยเรมีย์ 1-3 หม้อเดือด

เยเรมีย์ 1:13-16

 

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาอีก “ตอนนี้เจ้าเห็นอะไร? “
ข้าฯ จึงตอบว่า “ข้าทาสเห็นหม้อที่กำลังเดือด หันจากทิศเหนือมาทางเรา”

maudeud (2)

แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าว่า
“จากทางเหนือนั้นจะมีหายนะเกิดขึ้นลงมายังทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินนี้
เพราะว่า เรากำลังเรียกชนเผ่าทั้งหลายแห่งอาณาจักรทางเหนือให้ออกมา”
พระเจ้าทรงบัญชา
“และพวกเขาจะลงมา ต่างก็จะตั้งบัลลังก์ของตนไว้ที่ประตูนครเยรูซาเล็ม
ตั้งเพื่อต่อสู้กำแพงเมือง ตั้งเพื่อต่อสู้กับหัวเมืองทั้งสิ้นในยูดาห์
และเราจะบัญชาคำพิพากษาของเราต่อเมืองเหล่านั้น
เพราะพวกเขาทำสิ่งชั่วร้าย ละทิ้งเรา พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาแก่พระอื่น ๆ
และไปนมัสการผลงานของน้ำมือตัวเอง

เยเรมีย์ 1-2 กิ่งอัลมอนด์

เยเรมีย์ 1:9-
แล้วองค์พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา
และแตะปากของข้าฯ  และพระเจ้าตรัสกับข้าฯ ว่า
“ดูเถิด.. เราได้ใส่คำของเราไว้ในปากของเจ้า
ดูซิ เราได้ตั้งเจ้าเหนือประชาชาติ เหนืออาณาจักร
เพื่อที่จะถอนอออกมา และรื้อลงมา
เพื่อทำลายและโยนทิ้ง
เพื่อสร้าง และปลูก
และคำของพระเจ้ามายังข้าฯ ว่า
“เยเรมีย์เอ๋ย  เจ้าเห็นอะไร?”
และข้าฯ ทูลตอบว่า “ข้าทาสเห็นกิ่งอัลมอนด์พระเจ้าข้า”

branch
แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“เจ้าเห็นถูกแล้ว เพราะเราได้เฝ้าดูคำของเราเพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จ”

การที่พระเจ้าทรงแตะริมฝีปากของเยเรมีย์ คือการที่พระองค์ทรงแยกปากของเขาไว้เพื่อให้พระองค์ทรงใช้   และพระองค์ก็ทรงใส่พระคำของพระองค์ในปากของเขา  แสดงว่า เมื่อเขาพูดอะไรสิ่งนั้นมาจากพระองค์  
สิ่งที่เขาจะทำต่อไปนั้น ไม่ใช่ความสามารถของเขาเองเลย   แต่เป็นราชกิจของพระเจ้าทั้งสิ้น  
พระคำของพระเจ้าจะอยู่เหนือชาติและอาณาจักรต่าง ๆ    คำที่เขาพูดนั้น จะมีอำนาจสามอย่างคือ เพื่อที่จะถอนอออกมา และรื้อลงมาเท่ากับการที่เขาพูดต่อต้านความบาป     เพื่อทำลายและโยนทิ้ง เป็นคำที่พิพากษา     เพื่อสร้าง และปลูก  เขาจะพูดถึงความหวังใจ การรื้อฟื้นใหม่อีก 

การเห็นอัลมอนด์… หมายถึงให้รอคอยฤดูใบไม้ผลิ… และพระเจ้าทรงคอยดูพระดำรัสของพระองค์เอง เพื่อพระองค์จะทรงทำอย่างที่ทรงสัญญาไว้   ไม่ว่าพระเจ้าจะตรัสอะไร เยเรมีห์เชื่อได้เสมอว่า จะเกิดขึ้นจริง

เยเรมีย์ 1-1 เรียกตั้งแต่ในท้องแม่

 เยเรมีย์  1:1-8

ถ้อยคำจากเยเรมีย์  บุตรชายของฮิลคียาห์ จากครอบครัวปุโรหิตซึ่งอาศัยในอานาโทท ในแผ่นดินคนเผ่าเบนยามิน
พระดำรัสจากพระเจ้ามาถึงเยเรมีย์ ในปีที่ 13  ของรัชสมัยราชาโยสิยาห์ โอรสของราชาอาโมน ซึ่งเป็นราชาของยูดาห์
พระเจ้าได้ทรงให้เยเรมีห์กล่าวคำของพระองค์ต่อไป
จนถึงเดือนที่ห้าของรัชสมัยราชาเศเดคียาห์
ซึ่งเป็นปีที่เยรูซาเล็มถูกโจมตี และกวาดไปเป็นเชลย

พระเจ้าทรงเรียกเยเรมีย์
และพระดำรัสของพระเจ้าก็มาถึงข้าฯ   “ก่อนที่เราจะสร้างเจ้าขึ้นมาในครรภ์มารดา
เรารู้จักเจ้าแล้ว  ก่อนที่เจ้าจะเกิด เราก็ได้ชำระเจ้า
เราแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้กล่าวคำของเราต่อประชาชาติทั้งหลาย  .... “

thecall

และข้าฯกล่าวว่า “โอ องค์เจ้านายของข้าพเจ้า !
ดูเถอะ ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า ควรจะพูดอย่างไร  เพราะข้าพเจ้ายังเด็กอยู่”
แต่พระเจ้าตรัสกับข้าฯ ว่า
“อย่าพูดไปว่า ตัวเองเป็นเด็ก
เพราะเจ้าจะต้องไปหาคนที่เราส่งเจ้าไป
และเจ้าจะต้องพูดทุกคำที่เราสั่งให้เจ้าพูด
อย่ากลัวพวกเขา  เพราะว่า เราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยดูแลเจ้า”
พระเจ้าทรงบัญชา

เยเรมีย์อ้างว่าตนเองยังอายุน้อย…   เหมือนโมเสสอ้างว่าตนพูดไม่เก่ง … เมื่อพระเจ้าจะทรงใช้ใคร พระองค์ก็จะทรงใช้เขาไม่ว่าจะอ้างอย่างไร เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่อยู่กับเขา เพื่อช่วยเขาให้สำเร็จตามที่พระองค์ทรงใช้

รู้สึกอย่างไรกับพระคัมภีร์ตอนนี้  พระองค์ทรงใช้ให้เราทำอะไร ?  แล้วเชื่อไหมว่า พระองค์จะทรงอยู่เพื่อดูแลเราตลอด?

แนะนำท่านเยเรมีย์

จากท่านอิสยาห์ผู้ที่คอยตักเตือน เรียกร้องให้คนอิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า พระองค์ก็ยังทรงส่งคนของพระองค์มาอย่างไม่ขาดสาย   คราวนี้ ในรัชสมัยของราชาโยสิยาห์ พระเจ้าทรงเรียกเยเรมีย์ให้เป็นปากเป็นเสียงให้พระองค์

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือท่านเยเรมีย์เอง โดยมีอาลักษณ์คนหนึ่ง  เป็นผู้ช่วยของท่านคอยบันทึกสิ่งต่าง ๆ ให้ และท่านเองก็ได้ตรวจสอบสิ่งที่เขาบันทึกลงไป
เหตุการณ์ต่าง ๆ สมัยที่เยเรมีย์เริ่มทำงานนั้น
เราอ่านได้จากเรื่องราวของราชาโยสิยาห์ ในหนังสือ 2 พงศ์กษัตริย์ 22-25 และ 2 พงศาวดารกษัตริย์ 34-36
เยเรมีย์นั้น อยู่ในสมัยของราชาโยสิยาห์ (เริ่มปีที่ 13 ของการครองราชย์)
ราชาเยโฮอาหัส
ราชาเยโฮยาคิม
ราชาเยโฮอาคิน
และราชาเศเดคียาห์ ในปี 586 ก่อนคริสตศักราช

Tanjeremiah

 

ภาพวาดโดย ไมเคิล แอนเจลโล เสร็จเมื่อค.ศ. 1512

สิ่งที่ท่านเยเรมีย์กล่าวถึงและย้ำแล้วย้ำอีกใน 40 ปีของท่านก็คือ
• ความบาปของคนอิสราเอลในเรื่องของการไหว้รูปเคารพและบาปอื่น ๆ
• การบุกของศัตรูที่พระเจ้าทรงเป็นผู้ส่งมาเอง
• เหตุการณ์ในการจับเป็นเชลย
• ความเสียหาย วิบัติที่จะเกิดขึ้น

อิสยาห์ 66-4 สัญลักษณ์แห่งพระสิริ

อิสยาห์ 66:18-24

เพราะเรารู้จักที่พวกเขาทำ รู้ทุกสิ่งที่พวกเขาคิด
และก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องรวบรวมประชาชาติทั้งหมด ชนทุกภาษา  และเขาจะมา
จะเห็นพระสิริของเรา  และเราจะวางสัญลักษณ์หนึ่งไว้ท่ามกลางพวกเขา

คิดว่า สัญลักษณ์นี้ น่าจะเป็นไม้กางเขน

และจากพวกเขาเราจะส่งคนที่มีชีวิตรอดไปยังประชาชาติต่าง ๆ   ไปยังทารชิช  พูล และลูท
คนที่โก่งคันธนู ไปยังทูบาลและยาวาน รวมถึงแผ่นดินชายทะเลที่อยู่ไกลออกไป
ถึงเหล่าคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเรา ไม่เคยเห็นพระสิริของเรา

พระเจ้าทรงตั้งพระทัยที่จะส่งคนของพระองค์ไปบอกถึงชื่อเสียง และพระสิริของพระองค์กับคนในโลกอีกมากมาย

และเขาจะประกาศพระสิริของเราท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
และเขาจะนำพี่น้องของเจ้าจากประชาชาติทั้งหลายมาเป็นดั่งเครื่องบูชาถวายแด่พระเจ้า
พาหนะของเขาคือม้า  รถรบ  เกวียน ล่อและอูฐโหนกเดียว
uut2
พวกเขามุ่งหน้ามายังภูเขาบริสุทธิ์ของเราที่เยรูซาเล็ม  พระเจ้าตรัส
เป็นเหมือนอิสราเอลได้นำเครื่องถวายธัญบูชาในภาชนะที่สะอาดมายังพระนิเวศของพระเจ้า
และเราก็จะใช้บางคนในพวกเขาให้เป็นปุโรหิตและเลวี … พระเจ้าตรัส

“ท้องฟ้าใหม่และโลกใหม่ที่เราสร้างจะดำรงอยู่ต่อหน้าเราฉันใด
ลูกหลานของเจ้าและชื่อของเจ้าก็จะดำรงอยู่ฉันนั้น
จากเดือนต่อเดือน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เนื้อหนังทั้งหลายจะเข้ามานมัสการต่อหน้าเรา … พระเจ้าทรงประกาศ

พระเจ้าจะทรงรักษาคนของพระองค์ไว้ แม้จะมีสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญเกิดขึ้น จะมีเวลาที่คนนมัสการพระเจ้าตลอดเวลาในเยรูซาเล็มใหม่

“และพวกเขาจะออกไป และมองเห็นศพของคนที่ดื้อดึงต่อเรา
เพราะว่า หนอนที่กินเขาจะไม่ตาย

isa_66_24
ไฟก็จะไม่ดับและเขาจะเป็นที่น่าเกลียดชังต่อมนุษย์ทั้งปวง”

อิสยาห์ 66-3 รถรบไฟ

อิสยาห์ 66: 12- 17

พระเจ้าตรัสว่า “ดูเถอะ เราจะนำความสันติสุขมาให้เธอราวกับแม่น้ำ
และศักดิ์ศรีของประชาชาติเหมือนกับธารน้ำที่กำลังไหล
และเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดู  เธอจะอุ้มเจ้าไว้ที่บั้นเอว   และเขย่าตัวขึ้นลงตรงเข่าของเธอ
เราจะปลอบใจเจ้าเหมือนกับคนที่แม่ของเขาปลอบใจ   เจ้าจะได้รับการปลอบใจในเยรูซาเล็ม

เจ้าจะได้เห็น และใจของเจ้าจะยินดี

กระดูกของเจ้าจะเบิกบานเหมือนกับหญ้า
และพระกรของพระเจ้าจะอยู่กับผู้รับใช้ของพระองค์
และพระองค์จะทรงแสดงพระพิโรธต่อศัตรูของพระองค์

เยรูซาเล็มใหม่จะเลี้ยงดูคนของพระเจ้า เหมือนกับแม่ที่ปลอบลูกและดูแลลูก   คนของพระเจ้าจะมีความยินดีที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนอนาคตของเขา หน้ามือเป็นหลังมือ  แต่พระเจ้ายังคงพิโรธต่อศัตรูของพระองค์ และพระองค์จะทรงจัดการกับพวกเขา

 

เพราะดูเถิด พระเจ้าจะเสด็จมาพร้อมกับไฟ และรถรบของพระองค์มารวดเร็วราวกับพายุหมุน
เพื่อแสดงให้เห็นพระพิโรธอย่างยิ่งของพระองค์ และพระองค์จะทรงขนาบเขาด้วยเปลวเพลิง
เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาด้วยไฟ ด้วยพระแสงของพระองค์เหนือคนทั้งหลาย
พระองค์จะทรงประหารคนจำนวนมากมาย

ChairotOfFi

คนที่ทำพิธีชำระตัวและทำตัวให้บริสุทธิ์เพื่อจะได้เข้าไปในสวน
ติดตามผู้หนึ่งท่ามกลางเขา  กินเนื้อหมู สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน และเนื้อหนู  พวกเขาจะถึงที่สิ้นสุด สูญสิ้นไปด้วยกัน

พระเจ้าทรงประกาศ

อิสยาห์ 66-2 รื้อฟื้นเยรูซาเล็ม

อิสยาห์ 66:7-11

“ก่อนที่เธอจะปวดท้องคลอด  ก็คลอดลูกออกมาเสียแล้ว
ก่อนที่เธอจะเจ็บปวด  เธอก็ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง

อิสยาห์กำลังมองภาพของศิโยนที่จะกลับมาคืนสู่สภาพดีอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่า ลูกชายผู้นี้ คือชนอิสราเอลทั้งชาติ

ใครเคยได้ยินเรื่องอย่างนี้บ้าง?
ใครเคยเห็นเรื่องอย่างนี้?
แผ่นดินจะเกิดขึ้นได้ในวันเดียวหรือ?
ประชาชาติหนึ่งจะเกิดขึ้นมาได้ในครู่เดียวหรือ?
ทันทีที่ศิโยนปวดท้องคลอด  เธอก็คลอดบุตรทั้งหลายของเธอ

mandbaby

แล้วเราจะนำมาถึงจุดที่จะคลอด แต่ไม่ช่วยให้คลอดออกมาหรือ?”  พระเจ้าตรัส
เรา ผู้เป็นต้นเหตุให้คลอด จะปิดครรภ์หรือ?”  พระเจ้าของเจ้าตรัส

อิสราเอลจะกลับคืนสูสภาพดีอย่างไม่ต้องทุกข์ทรมาน หรือยากลำบากเลย นี่ต้องเป็นการอัศจรรย์จากพระเจ้า  และมันจะเกิดขึ้นเมื่อการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด

“จงยินดีกับเยรูซาเล็ม และยินดีไปกับเธอ  เจ้าทุกคนที่รักเธอ
จงยินดีกับเธออย่างชื่นบาน เจ้าทุกคนที่ไว้ทุกข์ให้เธอ
เพื่อว่าเจ้าจะได้รับการดูดนมอย่างพึงใจ  จากอกที่ให้การปลอบใจ
เพื่อว่าเจ้าจะได้ดูดดื่มให้หมดด้วยความปลาบปลื้มจากความมั่งคั่งอันมากล้นของเธอ”

อิสราเอลสามารถดูแลคนของเธอได้   เมืองจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอาศัยต้องการ   คนที่วางใจพระเจ้าจะได้รับพลังมาจากเยรูซาเลมนี่เอง

 

อิสยาห์ 66-1 คนถ่อมฟกช้ำ กับคนอีกแบบ

อิสยาห์ 66:1-6

ดังนั้นพระเจ้าตรัสว่า “สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นที่วางเท้าของเรา
แล้วบ้านที่เจ้าจะสร้างให้เรานั่น มันอะไรกันเล่า? และที่พักของเรามันคืออะไรหรือ?
ทุกสิ่งนี้ เป็นผลงานของมือเราทั้งสิ้น เป็นเพราะเรา มันจึงเกิดขึ้นมา  พระเจ้าประกาศ

พระเจ้าทรงเตือนคนของพระองค์ว่า  สิ่งที่สำคัญคือ พระองค์
ไม่ใช่วิหารที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อพระองค์
แต่คนเรามักจะชื่นชมกับความงามทางสถาปัตกรรม  การตกแต่ง มากกว่าพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ 

ที่วางพระบาทของพระเจ้าสวยมากภาพถ่ายของคุณบาบารา โจนส์
ที่วางพระบาทของพระเจ้าสวยมาก
ภาพถ่ายของคุณบาบารา โจนส์

แต่คนที่เราจะมองก็คือ คนที่ใจถ่อมและจิตใจฟกช้ำ และตัวสั่นกับคำของเรา

“คนที่สังหารวัวก็เหมือนคนที่ฆ่ามนุษย์
คนที่ถวายลูกแกะเป็นเครื่องบูชาก็เหมือนคนที่หักคอหมา
คนที่นำเครื่องธัญบูชามาก็เหมือนกับคนที่ถวายเลือดหมู
คนที่ถวายเครื่องบูชาแห่งความทรงจำด้วยกำยาน ก็เหมือนกับคนที่อวยพรให้กับรูปเคารพ

พวกเขาเลือกทางของตัวเอง และจิตวิญญาณของเขาชื่นชมในความน่าสะอิดสะเอียนเหล่านั้น

คนที่พึ่งพาการถวายเครื่องบูชาแบบพิธีกรรมต่าง ๆ  การเอาใจใส่ในรายละเอียดของพิธีกรรม
ทำให้ดูขลัง อลังการ เหล่านั้น เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสะอิดสะเอียน
แต่คนเราคิดไม่ถึงว่า พระเจ้าไม่ได้ทรงต้องการสิ่งเหล่านี้   พระองค์ทรงปรารถนาคนที่ใจถ่อมและฟกช้ำ
รู้ว่าตนไม่สมควรที่จะได้รับพระพร เพราะได้ทำบาปต่อพระองค์ คนที่จนมุมและยอมพระองค์แม้ไม่ถูกใจตนเอง

เราจะเลือกวิธีการจัดการกับเขาอย่างรุนแรง และให้พวกเขาเกิดความกลัวลาน
เพราะเมื่อเราเรียก ไม่มีใครตอบ เมื่อเราพูด ไม่มีใครฟัง
แต่กลับทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของเรา และเลือกสิ่งที่เราไม่ยินดีด้วย “

ฟังคำของพระเจ้า เหล่าคนที่ตัวสั่นต่อคำของพระองค์
“พี่น้องของเจ้าที่เกลียดเจ้า และไล่เจ้าออกไปเพราะนามของเราได้กล่าวกันว่า
“ขอให้พระเจ้าทรงได้รับเกียรติ เพื่อว่าเราจะได้เห็นความยินดีของเจ้า”
แต่พวกเขานั่นแหละจะต้องอับอาย  “

เสียงลุกฮือเกิดขึ้นในเมือง!  เสียงจากพระวิหาร!
พระสุรเสียงของพระเจ้า พระองค์กำลังแก้แค้นศัตรูของพระองค์

อิสยาห์ 65-3 ฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่

อิสยาห์ 65:17-25

พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสร้างฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ ให้กับมนุษย์ที่เคยทำบาปผิด เพื่อให้เขาได้มีความชอบธรรม ไม่มีชีวิตอย่างเดิมอีกต่อไป ข้อความจากนี้ต่อไป  อิสยาห์กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง ในระหว่างการที่พระเจ้าจะทรงครอบครองหนึ่งพันปี


ดูเถิด เราสร้างฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่  จะไม่มีการจดจำถึงสิ่งเก่าก่อนอีกต่อไป จะไม่มีการคิดถึงมัน
แต่จงยินดีและชื่นชมในสิ่งที่เราสร้างตลอดไป

เพราะดูเถิด เราสร้างเยรูซาเล็มให้เป็นความยินดี  และคนของนครนั้นเพื่อจะมีความชื่นชม

เราจะยินดีในนครเยรูซาเล็ม  ชื่นชมในคนของเรา  ไม่มีการได้ยินเสียงร้องไห้ และเสียงร้องแห่งความทุกข์อีกต่อไป

พระเจ้าเองจะทรงยินดีในสิ่งใหม่ที่พระองค์ทรงสร้างนั้น 

จะไม่มีเด็กทารกอายุสองสามวันในเมืองนั้นอีกต่อไป จะไม่มีคนแก่ที่ไม่ตายตามกำหนด

เพราะคนหนุ่มจะมีอายุถึงหนึ่งร้อยปีจึงจะตาย และคนบาปที่มีอายุหนึ่งร้อยปีจะเป็นที่แช่งสาป

ช่วงชีวิตของคนเราจะยาวขึ้น ไม่เหมือนสมัยนี้ !

เขาจะสร้างบ้านและอาศัยในนั้น  เขาจะปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน

เขาจะไม่สร้างโดยให้คนอื่นเข้าไปอยู่  เขาจะไม่ปลูกเพื่อให้คนอื่นกิน
อายุของต้นไม้จะเป็นเหมือนอายุของคนของเรา
และผู้ที่เราเลือกนั้นจะได้ชื่นชมกับผลงานจากน้ำมือของเขาเอง
เขาจะไม่ทำงานโดยไร้ผล หรือเกิดลูกหลานเพื่อความวิบัติ
เพราะเขาจะเป็นลูกหลานแห่งพระพรของพระเจ้า และลูกหลานที่จะตามมาด้วย

ดูนะ  มนุษย์ยังจะทำงาน และมีความชื่นชมในผลงานด้วย  โห… การงานในสมัยนั้นจะเป็นอย่างไร  อยากรู้จริง!feed together

ก่อนที่เขาจะเรียก เราก็ตอบแล้ว ขณะที่เขาเพียงพูดถึงเราก็ได้ยิน
สุนัขป่ากับลูกแกะจะกินหญ้าเคียงข้างกัน   สิงโตจะกินฟางเหมือนกับวัว
และฝุ่นดินจะเป็นอาหารของงู   พวกมันจะไม่ทำร้ายใครไม่ทำลายใครในภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา”

พระเจ้าตรัสดังนั้น