โดรคัสป่วยจนสิ้นชีวิต
ถอดความจาก กิจการ 9:37
ถอดความจาก สดุดี 69:18
“I Need You Now”
Not a second or another minute
Not an hour of another day
But at this moment with my arms outstretched
I need you to make a way as you have done so many times before.
Through a window or an open door,
I stretch my hands to thee
Come rescue me
I need you right away.
I need you now [x4]
Not another second or another minute
Not an hour of another day but, Lord
I need you right away
If I never needed you before
To show up and restore all of the faith that I let slip.
While I was yet searching the world for more, the truest friend I have indeed
You’re my best friend I know in need,
I stretch my hands to thee
Come rescue me
I need you right away.
The agony of being alone
The fear of doing things on my own
The test and trials that come to make me strong.
The feelings of guilt, hurt, shame, and defeat
The waves and trials that beat upon me
But to know, Lord, that in you I’ve got victory.
I need you now, Lord,
I need you now (ooooh)
I need you right now, right now, right now
I need you now
Oh, not another second, not another minute, Lord,
Can’t wait another day (oooh no, no)
Please, make a way (ooh, lord, ooh, God, ooo yeah)
เนหะมีย์ 10:1-29
ในตราประทับนั้น มีชื่อของเนหะมีย์ รายชื่อปุโรหิต 22 คน
รายชื่อเลวีอีก 17 คน และผู้นำประชาชนอีก 44 คน
นอกจากนั้น ก็มีรายชื่อของประชากรที่เหลือ
ทั้งปุโรหิต เลวี คนยามเฝ้าประตู นักร้อง ผู้ช่วยในพระวิหาร
คนอื่นรวมทั้งภรรยา ลูกสาว ลูกชายที่โตพอจะรู้เรื่องแล้ว
พวกเขาพร้อมที่จะแยกตัวออกจากคนต่างชาติ
เพื่อว่าจะได้ทำตามบทบัญญัติของพระเจ้า
ยังมีเหล่าขุนนางที่เข้ามาร่วมปฏิญาณตนว่า
พร้อมจะทำตามคำบัญชา กฎเกณฑ์ต่าง ๆ กฎหมายทั้งสิ้นของพระเจ้า
ถ้าพวกเขาไม่ทำตามบัญญัติของพระเจ้าซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ได้ให้ไว้
พวกเขาก็พร้อมจะรับคำสาปแช่งของพระเจ้า!
เนหะมีย์ 9:32- 38
“บัดนี้ องค์พระเจ้าของพวกเรา พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่
ทรงฤทธิ์ และน่ายำเกรง พระองค์ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง
ขออย่าให้ความยากลำบากที่มายังเรา มายังราชา เจ้านาย ปุโรหิต
ผู้กล่าวคำของพระเจ้า และประชากรของพระองค์
ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยของราชาอัสซีเรียจนวันนี้ เป็นสิ่งเล็กน้อยในสายพระเนตรพระองค์
พระองค์ทรงชอบธรรมในบรรดาเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับเรา
เพราะพระองค์ทรงทำกับเราอย่างซื่อตรง แต่เราเองได้ประพฤติตัวชั่วร้าย
ราชาของเรา ทั้งเจ้านาย ปุโรหิต และบรรพบุรุษของเราไม่ได้รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
หรือใส่ใจในพระบัญชาและการเตือนสอนของพระองค์
แม้ในอาณาจักรของพวกเขา ท่ามกลางความดีที่พระองค์ประทานแก่เขา
ในแผ่นดินกว้างใหญ่อุดมที่พระองค์วางไว้ข้างหน้าพวกเขา
พวกเขาก็ยังไม่รับใช้พระองค์ ไม่ยอมหันกลับจากทางที่ชั่วร้าย
ดูเถิด เราเป็นทาสในวันนี้ ในแผ่นดินที่พระองค์ประทานแก่บรรพบุรุษของเราเพื่อจะชื่นชมกับผลไม้ และสิ่งดี ๆ ที่ตามมา ดูเถิด เราเป็นทาส
และของดี ๆ กลับกลายไปเป็นของกษัตริย์ที่พระองค์ทรงวางไว้เบื้องหน้าเรา เพราะบาปของเรา
พวกเขาปกครองร่างกายเรา ปกครองฝูงสัตว์ของเราตามใจของเขา และเราก็ตกอยู่ในความทุกข์ใจใหญ่หลวง
เป็นเพราะทั้งหมดนี้ เราจึงได้เขียนพันธสัญญาลงไป บนเอกสารมีตราปะทับ ในนามของเจ้านาย เลวี และปุโรหิตของเรา
ถอดความจากสดุดี 95:3
เนหะมีย์ 9:26-31
ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่เชื่อฟังและดื้อดึงต่อพระเจ้า
พวกเขาโยนธรรมบัญญัติของพระองค์ไว้ข้างหลัง
และฆ่าผู้กล่าวคำของพระองค์ที่ได้ไปเตือนพวกเขาให้กลับมาหาพระองค์ และพวกเขาก็ได้หมิ่นประมาทพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น พระองค์จึงทรงมอบเขาไว้กับมือของศัตรู ที่ได้ทำให้เขาต้องลำบาก
ในเวลาที่เขาต้องเผชิญกับความทุกข์ยากนั้น เขาก็ได้ร้องหาพระองค์
พระองค์ทรงได้ยินจากสวรรค์ และด้วยพระเมตตา พระองค์ได้ประทานผู้ช่วยให้เขาพ้นจากศัตรู
แต่หลังจากที่เขาได้รับความสงบสุข เขาก็ทำผิดต่อพระองค์อีก และพระองค์ทรงละเขาให้ตกอยู่ในมือของศัตรู
เพื่อศัตรูเหล่านั้นจะได้ครอบครองเขา
แต่เมื่อเขาหันมาร้องทูลพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟังจากสวรรค์
และพระองค์ได้ทรงช่วยกู้เขา ครั้งแล้วครั้งเล่าตามพระเมตตาของพระองค์
พระองค์ทรงเตือนให้เขาหันมาใส่ใจพระบัญญัติของพระองค์
แต่พวกเขาก็ถือดี ไม่ยอมเชื่อฟังบัญชาของพระองค์ แต่ได้ทำบาปต่อกฎเกณฑ์ของพระองค์
ทั้ง ๆ ที่หากใครเชื่อฟังกฎเกณฑ์เหล่านั้น เขาก็จะมีชีวิตอยู่
พวกเขาหันหลังและทำคอแข็ง ไม่ยอมเชื่อฟัง
หลายปีที่พระองค์ทรงอดทนต่อพวกเขา และทรงเตือนเขาผ่านผู้กล่าวคำของพระองค์ แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง
ดังนั้น พระองค์จึงมอบเขาไว้ในมือของคนในแผ่นดิน
ถึงกระนั้น ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์
พระองค์ก็ไม่ได้ทำลายเขาจนสิ้น ไม่ทรงทิ้งพวกเขา
เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระคุณ และเมตตายิ่งนัก
เนหะมีย์ 9:22-25
และพระองค์ได้ประทานอาณาจักรและประชากร และทรงกำหนดให้พวกเขาอยู่ทั่วไป
ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปครอบครองแผ่นดินสิโหน ของราชาเฮชโบน
และแผ่นดินโอก ของราชาบาชาน
พระองค์ได้ทวีจำนวนลูกหลานพวกเขาเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า
และพระองค์ทรงนำพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินที่พระองค์เคยบัญชา
ให้บรรพบุรุษของพวกเขาเข้าไปครอบครอง
ดังนั้น ลูกหลานจึงเข้าไป และครอบครองแผ่นดิน
และพระองค์ทำให้คนที่อยู่ก่อนหน้านั้นตกเป็นรอง
คือเหล่าคนคานาอัน และพระองค์ประทานแผ่นดินนั้นให้
พร้อมกับพระราชา และประชากรในนั้น และให้พวกเขาทำอย่างที่สมควร
และพวกเขาก็ได้ยึดเมืองที่มีป้อม แผ่นดินอันอุดม
และเข้าไปครอบครองบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยสิ่งดี
บ่อน้ำที่ขุดไว้แล้ว สวนองุ่น สวนมะกอก และต้นไม้ผลที่มีมากมาย
พวกเขากินอิ่มและกลายเป็นคนอ้วนท้วน มีความสุขกับสิ่งต่าง ๆ ที่ดีจากพระองค์
เนหะมีย 9:16-21
แต่พวกเขาและบรรพบุรุษของเรา ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง และคอแข็ง ไม่ยอมฟังพระบัญชาของพระองค์
พวกเขาปฏิเสธ ไม่ยอมเชื่อฟัง แล้วยังไม่สนใจกับการอัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทำท่ามกลางพวกเขา
แต่กลับทำคอแข็ง และตั้งผู้นำให้ตัวเอง เพื่อพาพวกเขากลับไปอียิปต์
แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่พร้อมจะอภัย
ทรงพระคุณและเมตตานัก
พระองค์ทรงกริ้วช้า และเต็มด้วยความรักมั่นคง
พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งพวกเขา
ทั้งที่พวกเขาได้ทำลูกวัวทองคำขึ้นมา และกล่าวว่า
“นี่เป็นพระเจ้าที่นำพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์”
ได้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจ น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
ด้วยความเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์มิได้ละทิ้งพวกเขาไว้ในถิ่นกันดาร
เสาเมฆ ของพระองค์ยังนำพวกเขาในเวลากลางวัน
เสาไฟที่นำเขาในเวลากลางคืนก็ไม่ได้จากพวกเขาไป
พระองค์ประทานพระวิญญาณเลิศของพระองค์ให้สอนเขา
และมิได้ยับยั้งมานาจากปากของเขา
พระองค์ประทานน้ำให้เขาดื่มเมื่อเขากระหาย
สี่สิบปีที่พระองค์ทรงดูแลรักษาพวกเขาในถิ่นกันดาร
พวกเขาไม่ขาดสิ่งใดเลย
เสื้อผ้าพวกเขาไม่ขาดไม่เก่า และเท้าของพวกเขาก็ไม่บวมช้ำ
เนหะมีย์ 9:9-12
และพระองค์ทรงเห็นว่า บรรพบุรุษของเราในอียิปต์ ถูกข่มเหง พระองค์ทรงยินเสียงร้องทูลของเขาที่ทะเลแดง
และพระองค์ได้แสดงหมายสำคัญ การอัศจรรย์ ต่อต้านฟาโรห์และข้าราชการ รวมทั้งประชาชนอียิปต์
เพราะพระองค์ทรงทราบว่า พวกเขาได้กระทำตัวต่อต้านบรรพบุรุษของเราอย่างก้าวร้าวดุดัน
และพระองค์ก็ได้สร้างพระนามของพระองค์ เป็นที่นับถือจนถึงวันนี้
และพระองค์ได้แยกน้ำทะเลต่อหน้าพวกเขา
เพื่อว่าพวกเขาได้เดินผ่านพื้นทะเลที่แห้ง
และพระองค์ได้เขวี้ยงผู้ที่ไล่ล่าเขาลงไปในทะเลลึก
ราวกับก้อนหินที่ลงไปยังก้อนน้ำพลังมหาศาล
พระองค์ทรงนำเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ
ทรงนำพวกเขาในเวลากลางคืนด้วยเสาไฟ เพื่อพวกเขาจะรู้ว่า ควรเดินไปอย่างไร
เนหะมีย์ 9:6-8
พระองค์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า
พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์
ทรงสร้างสวรรค์อันสูงสุด พร้อมกับดวงดาวทั้งปวงในจักรวาล
ทรงสร้างแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งในนั้น
ทรงสร้างทะเล และสรรพสิ่งในน้ำ
และพระองค์ทรงรักษาทั้งหมดนี้ไว้
บรรดาชาวสวรรค์ต่างนมัสการพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า
พระเจ้าผู้ทรงเลือกอับราม และนำเขาออกมาจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย
ประทานนามว่า อับราฮัมให้
พระองค์ทรงพบว่าใจของอับราฮัมนั้นสัตย์ซื่อต่อพระองค์
และได้ทำพันธสัญญากับเขาว่า
จะประทานดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิท ชาวอาโมไรต์ ชาวเปเรซ ชาวเยบุสแลชาวเกอร์กาชให้กับเขา
และพระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงเที่ยงธรรม
เนหะมีย์ 9:1-5
ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนี้ ประชาชนอิสราเอลได้รวมตัวกัน อดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบ พวกเขาเอาดินใส่หัวตัวเอง
และพวกเขาก็ได้แยกตัวออกจากคนต่างชาติและยืนขึ้น สารภาพบาป และความผิดของบรรพบุรุษ
และพวกเขาได้ยืนขึ้นในที่ของตัวเอง
และอ่านจากหนังสือธรรมบัญญัติสามชั่วโมง
และอีกสามชั่วโมงพวกเขาก็สารภาพบาป และนมัสการพระเจ้าของพวกเขา
บนขั้นบันไดของคนเลวี มีเยชูอา บานี ขัดมีเอล เชบานิยาห์ บุนนี เชเรบิยาห์ บานีและเคนานียืนอยู่
เขาร้องเสียงดังต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขา
จากนั้น คนเลวีคือ เยชูอา ขัดมีเอล บานี เชเรบิยาห์ โฮดิอาห์ เชบานิยาห์ และเปธาหิยาห์ กล่าวว่า
“จงลุกขึ้น และถวายพระพรแด่พระเจ้าของท่านทั้งหลายตั้งแต่นิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล
ถวายพระพรแด่พระนามอันทรงพระสิริของพระองค์ ซึ่งเป็นพระนามสูงส่งเหนือพระพรและคำสรรเสริญใดๆ
เนหะมีย์ 8:13-18
วันที่สอง หัวหน้าของตระกูลต่าง ๆ รวมทั้งปุโรหิตและเลวี
ต่างเข้ามารวมตัวกันต่อหน้าเอสรา เพื่อเรียนรู้สิ่งที่อยู่ในพระบัญญัติ
พวกเขาพบว่า มีข้อเขียนของโมเสสถึงอิสราเอลว่า
พวกเขาควรจะอยู่ในเพิงระหว่างเทศกาลเดือนที่เจ็ด
พวกเขาควรประกาศเรื่องนี้ ให้ทุกเมืองและในเยรูซาเล็ม
“จงออกไปตามเนินเขา และนำกิ่งมะกอก มะกอกป่า
และน้ำมันเขียว ใบอินทผลัม และใบไม้ที่ดก เพื่อมาสร้างเป็นเพิงตามที่เขียนไว้”
ดังนั้น ผู้คนจึงออกไปและนำใบไม้ต่าง ๆ มาสร้างเพิงให้ตัวเองบนหลังคาบ้านของตน
บ้างก็สร้างเพิงในลานบ้าน และที่ลานพระวิหารของพระเจ้า
รวมไปถึงลานข้างประตูน้ำ ลานข้างประตูเอฟราอิม
และประชาชนทั้งหมดที่ได้กลับมาจากการเป็นเชลย
จึงได้สร้างเพิง และอาศัยในเพิงนั้น
การทำเช่นนี้ ไม่ได้ทำมาตั้งแต่สมัยของโยชูวาลูกชายของนูน
พวกเขาจึงต่างยินดีกันยิ่งนัก
และแต่ละวัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่อยู่เพิง
เอสราจะอ่าน พระบัญญัติของพระเจ้าให้พวกเขาฟัง
พวกเขาฉลองเทศกาลกัน 7 วัน และในวันที่แปดจึงมีการประชุมเหล่าประชาชนตามที่มีในกฎนั้น