อิสยาห์ 37-4

อิสยาห์ 37:21-29

ถึงทีของเซนนาเคอริบ

แล้วอิสยาห์ลูกชายของอาโมสจึงส่งคนไปหาราชาเฮเซคียาห์   ทูลว่า  “พระเจ้า องค์พระเจ้าแห่งอิสราเอล  ตรัสดังนี้  เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราในเรื่องของเซนนาเคอริบ ราชาแห่งอิสซีเรีย

ขอให้ฟังคำของพระเจ้าเกี่ยวกับราชาอัสซีเรีย  เธอดูหมิ่นเจ้า เธอเยาะหยันเจ้า ลูกสาวพรหมจารีแห่งศิโยน… เธอส่ายหน้าตามหลังเจ้า ลูกสาวแห่งเยรูซาเล็ม

เซนนาเคอริบ...
เซนนาเคอริบ…

เจ้าเยาะเย้ย เหยียดหยามใคร? เจ้าขึ้นเสียงต่อต้านใคร?  เจ้าทำตายะโสใส่ใคร?  ก็ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลไงเล่า !  เจ้าใช้บ่าวของเจ้ามาเยาะหยันองค์พระเจ้า   และเจ้ากล่าวว่า  ข้าได้ขึ้นไปยังภูเขาสูงพร้อมกับรถรบจำนวนมาก  ไปยังยอดเลบานอนเพื่อตัดต้นสีดาร์ต้นที่สูงสุดลงมา  ข้าโค่นต้นสนที่ดีเยี่ยม ข้าได้ขึ้นไปถึงที่สูงสุด ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด

ข้าขุดบ่อ และดื่มน้ำ  ธารน้ำแห่งอียิปต์แห้งไปหมดเพราะส้นเท้าของข้า”

“เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เราตั้งใจมานานแล้ว?  และบัดนี้ เราจะทำให้มันสำเร็จอย่างที่เราคิดไว้  นั่นก็คือ ให้เจ้าทำลายเมืองป้อมจนกลายเป็นซากปรักหักพัง  ในขณะที่คนเมืองนั้น หมดอำนาจไป ต้องสับสนและอับอาย  กลายเป็นเหมือนต้นพืชในทุ่ง และเหมือนหญ้าอ่อน เหมือนหญ้าที่อยู่บนหลังคาบ้านซึ่งถูกแดดเผาก่อนที่จะเติบโตขึ้นมาได้”

“เรารู้จักเจ้าดี ไม่ว่าจะนั่งลง ออกไป หรือเข้ามา รวมไปถึงที่เจ้าฉุนเฉียวใส่เรา.. เพราะว่าเจ้าได้ทำตัวฉุนเฉียวใส่เรานี่แหละ วาจาอันโอ้อวด โอหังเข้ามาถึงหูเรา  เราจะเอาขอเกี่ยวใส่จมูกของเจ้า และใส่บังเหียนในปากของเจ้า  และเราจะทำให้เจ้ากลับไปตามเส้นทางที่เจ้ามา”

เซนนาเคอริบโอหังกับพระเจ้ามาโดยตลอด  แต่หารู้ไม่ว่า ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับพระเจ้า  พระองค์ทรงใช้ให้เขาทำทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นการทำสงคราม หรือการโจมตีเมืองต่าง ๆ   

เขาไม่มีสิทธิที่จะโอ้อวดอย่างที่เราได้อ่านในวันนี้เลย 

อิสยาห์ 37-3

 

อิสยาห์ 37:14-20

คำอธิษฐานของราชาเฮเซคียาห์

ราชาเฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายมาจากมือของผู้สื่อข่าว  ทรงอ่าน และพระองค์ก็เสด็จขึ้นไปยังพระวิหารของพระเจ้าทันที…

คิดว่า พระองค์จะทรงทำอย่างไร?

พระองค์ทรงวางจดหมายนั้นต่อพระพักตร์พระเจ้า และทูลอธิษฐานด้วยพระทัยที่ปวดร้าว
“ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  พระเจ้าแห่งอิสราเอล  พระองค์ประทับอยู่เหนือเชรูบิม  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า  จากประชาชาติ อาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดิน  พระองค์เท่านั้น ทรงเป็นผู้สร้างสวรรค์และโลก hezekiahs_prayer

 

ขอพระเจ้าทรงเงี่ยพระกรรณ  พระเจ้าข้า  และขอพระองค์ทรงฟัง  โปรดทอดพระเนตร

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเห็นและได้ยินคำที่เซนนาเคอริบส่งมาเพื่อเหยียดหยามพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์   จริง ๆ แล้ว พระเจ้าข้า..กษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ทำลายแผ่นดินของหลาย ๆ ประเทศ  ได้โยนพระของเขาเหล่านั้นลงในกองไฟ  เพราะเหล่านั้นไม่ใช่พระ เป็นเพียงสิ่งที่มือมนุษย์ทำขึ้นมา  เป็นไม้และหิน  ดังนั้นมันจึงถูกทำลาย

บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราทั้งหลาย ขอพระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากมือของราชาอัสซีเรีย  เพื่อว่า อาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินจะได้รู้ว่า พระองค์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า

อิสยาห์ 37-2

อิสยาห์ 37:5-12 

ดังนั้นเมื่อข้าราชการของราชาเฮเซคียาห์ไปหาอิสยาห์   อิสยาห์จึงกล่าวกับเขาว่า “ไปบอกเจ้านายของเจ้า … พระเจ้าตรัสดังนี้  อย่ากลัวคำที่เจ้าได้ยิน

กษัตริย์อัสซีเรียส่งคนหนุ่ม ๆ มาเพื่อกล่าวคำดูหมิ่นเรา  ดูเถิด เราจะใส่วิญญาณหนึ่งเข้าไปในเขา เพื่อว่าเขาจะได้ยินข่าวลือและกลับไปแผ่นดินของเขาเอง  และเราจะให้เขาต้องตายด้วยดาบในแผ่นดินของเขา”

กษัตริย์อัสซีเรียองค์นี้คือ เซนนาเคอริบ   สิ่งที่ร้ายกับตัวเซนนาเคอริบเองคือ การที่ดูหมิ่นองค์พระผู้เป็นเจ้าเที่ยงแท้  และพระองค์ทรงคาดโทษเขาไว้ให้เห็นชัดเจน  

กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน
กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน

เพราะเขาได้ยินว่า พระองค์ออกจากเมืองลาคิชไปแล้ว รับชาเคห์จึงกลับไปเฝ้ากษัตริย์อัสซีเรีย และพบว่ากษัตริย์กำลังต้องสู้กับเมืองลิบนาห์  …
แต่กษัตริย์อัสซีเรียเองได้ยินว่า ทีรหะคาห์ กษัตริย์แห่งคูช … กำลังออกมาสู้กับพระองค์

เมื่อได้ยินดังนั้นจึงส่งสารมาหาราชาเฮเซคียาห์ว่า

อย่าให้พระเจ้าที่ท่านวางใจหลอกท่านว่า  นครเยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือของกษัตริย์อัสซีเรียอย่างข้า …
ดูซิ  ท่านก็ได้ยินข่าวมาแล้วว่า กษัตริย์อัสซีเรียได้ทำอะไรกับแผ่นดินรอบข้างบ้าง  ทำลายจนหมด  แล้วท่านจะได้รอดไปอย่างนั้นหรือ?
พระเจ้าของชาติต่าง ๆ  ช่วยอะไรได้บ้าง  ประเทศที่พ่อของข้าทำลาย ไม่ว่าจะเป็นโกเซน  ฮาราน  เรเซฟ และชนเอเดนที่อยู่ในเทอัสสาร์
แล้วกษัตริย์เหล่านี้ไปอยู่กันที่ไหนแล้ว?  ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ฮามัท กษัตริย์แห่งอารปัด  กษัตริย์แห่งเมืองเสฟารวาอิม  กษัตริย์แห่งเฮนา และกษัตริย์แห่งอิฟวาห์

อิสยาห์ 37-1

อิสยาห์ 37:1-4

ตอนที่รับชาเคห์เข้ามาพูดท้าทายอยู่นั้น พระราชามิได้ทรงได้ยินว่าเขาพูดอะไร…แต่

ทันทีที่ราชาเฮเซคียาห์ทรงรับทราบว่า เกิดอะไรขึ้นจากข้าราชการทั้งสาม พระองค์ทรงรู้สึกแย่เป็นที่สุด จนกระทั่งทรงฉีกฉลองพระองค์ออก  และทรงสวมผ้ากระสอบ   พระองค์เสด็จเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้าด้วยความทุกข์ท่วมท้น

is37sackclth

ไม่แต่เท่านั้น พระองค์ยังทรงส่งข้าราชการสองคนที่ได้ยินคำของรับชาเคห์ สวมเสื้อผ้ากระสอบ  ไปหาท่านอิสยาห์โดยด่วน  บอกท่านอิสยาห์ว่า

“พระราชาเฮเซคียาห์ตรัสว่า … วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ยาก ถูกตำหนิด่าทอ และเป็นวันแห่งความละอาย… ดูซิ แม่ก็ท้องแก่ใกล้คลอด  แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่มีแรงที่จะเบ่งลูกออกมา   เป็นไปได้ที่พระเจ้าของท่านจะทรงฟังคำของรับชาเคห์ซึ่งกษัตริย์อัสซีเรียได้ส่งมาเพื่อเยาะเย้ยองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะทรงขนาบถ้อยคำซึ่งพระเจ้าทรงได้ยิน   ดังนั้นขอท่านอธิษฐานเพื่อคนที่เหลืออยู่ตรงนี้ด้วย”

เมื่อเรามีความทุกข์มากที่สุด  หาทางออกไม่ได้  มีทางใดจะดีไปกว่าเข้ามาเฝ้าพระเจ้าก่อนอื่นใด!1

อิสยาห์ 36-2

อิสยาห์ 36:11-22

ข้าราชการทั้งสามของราชาเฮเซคียาห์กล่าวกับรับชาเคห์ว่า  “ขอท่านพูดกับเราเป็นภาษาอาราเมค เพราะเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดภาษายูดาห์ให้คนที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”   แต่รับชาเคห์กลับตอบว่า “เจ้านายของข้าส่งข้ามาเพื่อพูดกับเจ้านายของเจ้า  พูดกับเจ้า แต่ไม่ให้พูดกับประชาชนที่นั่งอยู่บนกำแพงอย่างนั้นรึ?  พวกเขาเองก็จะต้องกินมูลของตัวเอง และดื่มปัสสาวะของตนเองอย่างเจ้านั่นแหละ”Is36rab

แล้วรับชาเคห์จึงยืนและส่งเสียงดังเป็นภาษายูดาห์  “จงฟังคำของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรีย!  พระองค์ตรัสว่า อย่ายอมให้ราชาเฮเซคียาห์หลอกให้พวกเจ้า  เพราะราชาองค์นี้ช่วยเจ้าไม่ได้   อย่ายอมให้ราชาเฮเซคียาหลอกให้วางใจพระเจ้าว่า..พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดพ้น  เมืองนี้จะไม่ตกในมือของกษัตริย์อัสซีเรีย …  เพราะเจ้านายของข้า กษัตริย์ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรียกล่าวว่า จงมีสัมพันธไมตรีกับเราเถอะ  ออกมาหาเรา แล้วพวกเจ้าทุกคนจะได้ดิ่มเหล้าองุ่น   จะได้กินผลจากต้นมะเดื่อของตนเอง  เจ้าจะได้ดื่มน้ำจากบ่อของเจ้าเองจนกว่าเราจะมาและพาเจ้าไปยังดินแดนที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้า  เป็นพื้นที่อุดมไปด้วยข้าวและน้ำองุ่น  ขนมปังและสวนองุ่น

ระวังเถอะ เพราะราชาเฮเซคียาห์จะนำเจ้าผิดไปโดยกล่าวว่า … พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดพ้น”   มีพระเจ้าองค์ไหน ในประเทศใดที่สามารถจะช่วยคนให้พ้นพระหัตถ์ของราชาอัสซีเรียได้บ้าง ล่ะ?

เทพฮามัทและอารปัดอยู่ที่ไหน?  เทพเสฟารวาอิมล่ะอยู่ที่ไหน? เทพเหล่านี้ช่วยสะมาเรียจากเงื้อมมือของเราได้หรือ?     มีเทพองค์ไหนที่ช่วยชาติต่าง ๆ ให้พ้นมือเราได้?  แล้วอย่างนี้ องค์พระเจ้าจะช่วยนครเยรูซาเล็มจากเราได้หรือ?

แต่พวกเขานิ่งเงียบ และไม่ตอบสักคำ  เพราะราชาเฮเซคียาห์ทรงสั่งไว้ว่า “อย่าตอบเขา” ดังนั้น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่านจึงกลับไปเข้าเฝ้าราชาเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าที่ฉีกขาดและกราบทูลตามที่รับชาเคห์ได้กล่าวมา

อิสยาห์ 36-1

แล้วหนังสืออิสยาห์ก็ย้อนกลับมาเล่าประวัติศาสตร์ให้กับเราอีกครั้ง
อิสยาห์ 36:1-10

ปีที่สิบสี่ในการครองราชย์ของราชาเฮเซคียาห์ ราชาแห่งอัสซีเรียก็ยกทัพเข้ามาโจมตีหัวเมืองยูดาห์ที่มีป้อมปราการและตีได้หลายเมือง
แล้วราชาอัสซีเรียส่งรับชาเคห์พร้อมกับกองทัพใหญ่ จากเมืองลาคิชมายังนครเยรูซาเล็ม รับชาเคห์มายืนอยู่ที่ลานซักฟอก และมีฝ่ายของราชาเฮเซคียาห์ออกมาพบสามคน คือ ผู้บัญชาการราชสำนัก ราชเลขา และเจ้ากรมสารบรรณ
รับชาเคห์โอหังมาก กล่าวเย้ยว่า “พระมหาราชาแห่งอัสซีเรีย ตรัสฝากมาว่า ท่านวางใจในอะไรกัน? ท่านคิดว่า เพียงแค่คำพูด ก็จะเป็นยุทธวิธี เป็นอำนาจในการทำสงครามอย่างนั้นหรือ? ท่านวางใจใครที่ทำให้ท่านขัดขืนข้า ?
ดูเถอะ ท่านไปไว้ใจอียิปต์ซึ่งเป็นเพียงต้นอ้อขาด ๆ ที่จะทิ่มตำมือคนที่เข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ฟาโรห์แห่งอียิปต์ก็เป็นได้แค่นั้นกับคนที่ไปหวังพึ่งเขา
The Assyrian Rabshakeh demanding the surrender of Jerusalem
แต่หากท่านกล่าวกับข้าว่า ..เราวางใจในพระเจ้าของเรา… ก็ไม่ใช่พระองค์หรือที่ราชาเฮเซคียาห์รื้อทั้งแท่นบูชาในที่สูงลงมาหมด และพระองค์ก็ทรงกล่าวว่า ให้คนในยูดาห์และเยรูซาเล็มเข้ามานมัสการที่แท่นนี้?
มาเถอะ มาทำสัญญากับราชาอัสซีเรีย เจ้านายของข้า แล้วข้าจะให้ม้าศึก 2000 ตัว หากเจ้าหาคนมาขี่มันได้…ฮะ ฮะ
เจ้าจะสามารถขับไล่ผู้บัญชาการกองพลเล็ก ๆ ของราชาอัสซีเรียได้อย่างไรในเมื่อเจ้าวางใจในรถศึกและพลม้าของอียิปต์? ยิ่งกว่านั้น เราเข้ามาโจมตีทำลายเจ้าโดยไม่มีพระเจ้าอย่างนั้นหรือ พระเจ้าตรัสว่า ให้เราลงมาโจมตีและทำลายแผ่นดินนี้เสีย”

อิสยาห์ 35-2

อิสยาห์ 35:5-10

แล้วตาของคนตาบอดจะเปิดออก และหูของคนหูหนวกจะยินได้  แล้วคนง่อยจะกระโดดเหมือนกวาง ลิ้นของคนใบ้จะร้องเพลงด้วยความยินดี

ในเวลานั้น พระเจ้าจะประทานให้คนตาบอดเห็น หูหนวกได้ยิน  มีความหมายถึงว่า พระเจ้าจะทรงให้ผู้คนต่างเข้าใจพระวจนะของพระองค์

เพราะว่า น้ำก็พลุ่งขึ้นมาในถิ่นกันดาร  และมีสายธารเกิดขึ้นในทะเลทราย

ทรายที่ร้อนแรงจะกลายเป็นสระน้ำ และแผ่นดินที่แห้งผากจะกลายเป็นน้ำพุ ในที่ ๆ หมาป่านอน  หญ้าจะกลายเป็นต้นอ้อและต้นกก

และจะมีทางหลวงเกิดขึ้นที่นั่น เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์  คนที่ไม่สะอาดจะไม่ได้เดินไปในทางนั้น

Is35

มันเป็นทางของคนที่เดินตามทางถูกต้อง ต่อให้เป็นคนโง่ เขาก็ยังจะไม่หลงทาง

เป็นทางที่ความถูกต้องแต่งต่างจากความผิดอย่างชัดเจน ไม่มีกำกวม

จะไม่มีสิงโตที่นั่น หรือแม้แต่สัตว์กินเนื้อก็จะไม่มาที่นั่น จะหาพวกมันไม่เจอ แต่คนที่พระเจ้าทรงไถ่จะเดินในทางนั้น และคนที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมา และมาถึงศิโยนด้วยการร้องเพลง   บนศีรษะของเขาคือความยินดีนิรันดร์ พวกเขาจะดีใจและเบิกบาน   ความเศร้าและการถอนหายใจจะหนีไปไกล

คนที่พระเจ้าทรงไถ่ คำนี้เน้นให้เรารู้ว่า พระเจ้าเท่านั้นทรงเป็นที่สุดของความสุข  พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบทเพลง และความชื่นชมยินดีให้กับเขา  พวกเขาจะได้รับความสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ หาไม่เจอเลย… 

 

อิสยาห์ 35-1

อิสยาห์ 35:1-4

 

ถิ่นกันดารและแผ่นดินอันแห้งแล้งจะยินดี  ทะเลทรายจะร่าเริงและเบิกบานเหมือนดอกบัวดิน  มันจะออกดอกบานสะพรั่ง และร้องเพลงร่าเริงด้วยความยินดี

หลังจากที่ถูกพระเจ้าพิพากษาแล้ว  แผ่นดินจะเปลี่ยนแปลง  …. 

Is35crocus2

มันจะได้รับศักดิ์ศรีแห่งเลบานอนและความตระการยิ่งใหญ่ของคารเมล และชาโรน
เขาจะเห็นพระสิริของพระเจ้า และความตระการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

จงทำให้แขนที่อ่อนล้าเข้มแข็ง  และทำให้เข่าที่อ่อนแอมั่นคงขึ้น
กล่าวกับคนที่มีจิตใจกังวลว่า “จงเข้มแข็ง อย่างกลัวไป  ดูเถิด พระเจ้าของเจ้าจะเสด็จมาพร้อมการแก้แค้น  พระองค์จะทรงมาและช่วยเจ้าด้วยการแก้คืนของพระองค์”

คนที่หลงเหลืออยู่จากการพิพากษา และการแก้แค้นของพระเจ้านั้นจะเหลือคนที่เชื่อในพระเจ้าบ้าง  และยังมีคนที่ยังไม่ได้เชื่อในพระองค์ด้วย   อิสยาห์ขอให้ผู้อ่านได้หนุนกำลัง สนับสนุนให้คนที่อ่อนแอนั้น เข้มแข็งขึ้นอีก   พวกเขาจะต้องมองไปที่พระเจ้า เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงกลับมาช่วยเขาที่เหลืออยู่นั้น 

 

อิสยาห์ 34-4

อิสยาห์ 34:13-17

ที่กำบังอันเข้มแข็งกลับจะมีต้นหนามขึ้นปกคลุม จะมีต้นตำแยและต้นกระชับขึ้นอยู่ในป้อมปราการ   สถานที่ต่าง ๆ มากมายถูกทำลาย ทำให้สัตว์ป่าเข้ามาครองพื้นที่ 

มันจะกลายเป็นที่อาศัยของหมาป่า และเป็นที่พักพิงของนกกระจอกเทศ

เหล่าสัตว์ป่าจะมาเจอกับหมาไน  แพะป่าจะร้องหาเพื่อนของมัน  (แพะป่านี้ ในภาษาเดิมมีความหมายเหมือนกับคำว่า ผี)

krajoktet

จริง ๆ แล้ว นกกลางคืนจะเข้ามาหาที่พักในนั้น  เจ้าตัวนี้ก็เช่นกัน มีความหมายคล้ายกัน เหมือนเป็นวิญญาณที่ชั่วร้าย 

นกฮูกจะทำรังและออกไข่ ออกลูกที่นั่น มันจะรวบรวมลูกในเงาของมัน

จริง ๆ แล้ว  นางเหยี่ยวก็จะรวมตัวกันที่นั่น แต่ละตัวมีคู่ของมัน

จงแสวงหาและอ่านจากหนังสือของพระเจ้า  ไม่มีคำใดจะล้มเหลวไป สัตว์เหล่านี้จะไม่ขาดไปสักตัว ไม่มีตัวใดขาดคู่ของมัน  ท่านอิสยาห์รู้ว่า สิ่งที่ท่านกล่าวออกมานั้น มาจากพระเจ้า และเมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นตามคำทำนาย  พวกเขาจะมาหาอ่านได้ว่า ท่านเคยกล่าวอะไรไว้ 

เพราะพระเจ้าได้ตรัสจากพระโอษฐ์ของพระองค์  และพระวิญญาณของพระองค์ได้รวบรวมเอาไว้

พระองค์ได้ทรงโยนฉลากให้มัน และพระหัตถ์ของพระองค์ก็แบ่งส่วนให้กับมันด้วยสายวัด  lสัตว์ป่าเหล่านี้จะครอบครองตลอดไป  มันจะอาศัยในนั้นจากชนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นไม่จบเลย

อิสยาห์ 34-3

อิสยาห์ 34:8-12

เพราะพระเจ้าทรงมีวันที่จะทรงแก้แค้น มีปีที่จะตอบแทนเพื่อศิโยน
และลำธารแห่งเอโดมจะกลายเป็นยางมะตอย   พื้นดินจะกลายเป็นกำมะถัน
แผ่นดินจะกลายเป็นยางมะตอยที่ติดไฟอยู่
ทั้งคืนและวัน มันไม่ดับ และควันของมันลอยขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์

มันถูกทิ้งให้ร้างเปล่าจากชนรุ่นหนึ่งไปสู่ชนอีกรุ่น  …ไม่มีใครเดินทางผ่านทางนั้นไปชั่วนิรันดร์

แม้ว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็น…. แต่บอกไว้ล่วงหน้า เมื่อไรที่เราเห็นตอนนั้น จะกลับใจอาจจะสายไปแล้ว!  คำว่าร้างเปล่านี้  หมายความถึงความยุ่งเหยิงและสับสนในแผ่นดินด้วย 


Is34deserted

แต่นกเหยี่ยวและเม่นจะยึดที่ดินนั้นเป็นของมัน  นกเค้าแม้วและอีกาจะอาศัยอยู่ในนั้น

พระเจ้าจะทรงขึงสายแห่งความสับสันเหนือมัน และจะปล่อยลูกดิ่งแห่งความว่างเปล่าลงมา

ชนชั้นสูง… ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเพื่อจะเรียกแผ่นดินนั้นว่า อาณาจักร  เจ้าชายทั้งหลายจะกลายเป็นผู้ที่ไม่มีค่าสักนิด

สัตว์จะกลายเป็นผู้ครองแผ่นดิน ชนชั้นสูงกลับไม่มีความหมาย  เพราะแผ่นดินนั้นเมื่อพระเจ้าวัดดูแล้ว  มันไม่ได้มาตรฐานอย่างที่พระองค์ทรงประสงค์!

อิสยาห์ 34-2

อิสยาห์ 34:5-7

ภาพที่เราจะเห็นจากการบรรยายของท่านอิสยาห์ต่อไปนี้  เป็นภาพแห่งการพิพากษาของพระเจ้า  เป็นภาพที่น่ากลัว  เอโดม มีความหมายถึงผู้ที่ไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้า….  เอโดมเป็นชาติที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการไม่ยอม  ดาบของพระเจ้าจะที่จะจัดการกับทั้งหมดในโลกนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น  แต่มันกำลังจะเกิดในอนาคต  …..

เพราะว่าดาบของเราจะสังหารจนเต็มอิ่มในฟ้า ดูเถิด มันลงมาเพื่อพิพากษาเอโดม  เหล่าคนที่เรายกให้ถูกทำลาย
พระเจ้าทรงมีพระแสงดาบที่อาบด้วยเลือด กรังไปด้วยไขมัน ด้วยเลือดของลูกแกะและแพะกับไขมันจากไตของแกะตัวผู้

Is34war

เพราะพระเจ้าทรงมีการถวายเครื่องบูชาที่โบสราห์  มีการฆ่าล้างอย่างยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเอโดม
กระทิงจะล้มลงไปพร้อมกับพวกเขา  ลูกวัวล้มลงไปพร้อมกับวัวร่างใหญ่เข้มแข็ง    แผ่นดินของเขาจะได้ดื่มเลือดเต็มที่ และพื้นดินจะเต็มไปด้วยไขมันเรื่ยราดไปหมด
คำพูดข้างบนที่ผ่านมา  พูดถึงการถวายเป็นเครื่องบูชา…. เมื่อมนุษย์ทำบาป เขาก็ต้องไถ่บาปของเขาด้วยเครื่องบูชา  แต่… พระเยซูทรงมาไถ่บาปของเราทุกคนแล้ว   พระเจ้าทรงมอบพระเยซูให้เพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่ รับโทษบาปเรา  ทีนี้เหลืออยู่ว่า ถ้าเราใจแข็งกระด้างไม่รับพระเยซู  เราก็แค่ไปรับโทษเอง นั่นหมายถึงความตายนิรันดร์ !

อิสยาห์ 34-1

อิสยาห์ 34:1-4

คำพิพากษาประชาชาติ

ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเข้ามาใกล้ เพื่อฟัง  เพื่อเอาใจใส่
ประชากรทั้งหลาย…. ให้ทั้งแผ่นดิน และสรรพสิ่งในนั้นได้ยิน
ให้ทั้งโลกและสรรพสิ่งที่ออกมาจากโลกได้ยิน

เพราะว่า พระเจ้าทรงกริ้วบรรดาประชาชาติ ทรงโกรธกองทัพของเขาเป็นอย่างมาก พระองค์จะทรงให้เขาพินาศ  มอบพวกเขาให้ถูกสังหารis34filipino_skulls

ภาพจาก  www.cityofart.net

คนที่ถูกฆ่าแล้วจะถูกเหวี่ยงออกไป และกลิ่นเน่าเหม็นของศพจะคลุ้งไปทั่ว  บนภูเขานองไปด้วยเลือดของพวกเขา
เหล่าบริวารของฟ้าจะเน่าเสียไป ท้องฟ้าจะม้วนตัวเหมือนกับแผ่นหนัง และบริวารทั้งสิ้นจะร่วงลงมาเหมือนใบร่วงจากเถาองุ่น  เหมือนใบร่วงจากต้นมะเดื่อ
อ่านแค่นี้ก็ตกใจมาก เพราะเห็นแล้วว่า พระเจ้าทรงโกรธคนทั้งหลายในโลกที่หมิ่นพระองค์  พระคำตอนนี้กำลังบอกเราถึงการพิพากษาของพระเจ้า  ท่านอิสยาห์เรียกร้องให้ทุกคนในโลกฟังสิ่งที่ท่านกำลังจะกล่าว  เรื่องนี้ขอบเขตกว้างไกลทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ศพที่ไม่ได้ฝังทำให้เรารู้ถึงความน่าละอายเป็นที่สุด   เลือดนองแผ่นดินขนาดที่ท่านอิสยาห์กล่าวแสดงว่า มีความตายจากการถูกฆ่าฟันครั้งมโหฬาร

การที่บริวารของฟ้าร่วงหล่น มีความหมายถึงบรรดาพระทั้งหลายที่พวกเขานับถือนั้นจะถูกทำลายจนสิ้น  การนมัสการพระเหล่านั้นจะต้องจบลง

อิสยาห์ 33-3

อิสยาห์ 33:17-24
ตาของเจ้าจะเห็นความงามขององค์กษัตริย์ เขาจะเห็นแผ่นดินที่ขยายออกไปไกล ใจของเจ้าจะใคร่ครวญถึงความน่ากลัวในอดีต “เจ้านายคนที่นับอยู่ไหน? คนที่ชั่งน้ำหนักเก็บภาษีอยู่ที่ไหน? เหล่าคนที่ดูแลหอคอยล่ะ อยู่ที่ไหน?”
ต่อไปเจ้าจะไม่เห็นคนถือดีอีกต่อไป คนพูดกำกวมที่เราไม่อาจเข้าถึง คนพูดตะกุกตะกักที่เราเข้าใจไม่ได้

ดูเถอะ ศิโยน นครที่เราจัดไว้สำหรับการเลี้ยง ตาของเจ้าจะเห็นนครเยรูซาเล็ม คนอาศัยอยู่อย่างไม่เดือดร้อน มีกระโจมที่ไม่ต้องย้ายอีกต่อไป และเสาของมันจะไม่มีใครมาถอนออก จะไม่มีเชือกขาดหลุดอีกเลย
แต่ที่นั่น พระเจ้าผู้ทรงเกียรติจะทรงเป็นองค์ผู้ทรงฤทธิ์เพื่อเรา เป็นสถานที่มีแม่น้ำกว้างและธารน้ำ ไม่มีเรือกรรเชียงผ่านไป และแม้เรือใหญ่ก็ไม่สามารถผ่านไปได้
Is333
เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาของเรา พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานกฎเกณฑ์ต่าง ๆ พระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ของเรา และพระองค์จะทรงช่วยเราให้รอดพ้น
สายโยงเรือของเจ้านั้นหย่อนไป มันไม่อาจดึงเสาให้อยู่ในที่ได้ ไม่สามารถทำให้ใบเรือกางได้ ของที่ริบมาได้อย่างมากมายนั้นจะถูกแบ่ง แม้กระทั่งคนที่เป็นง่อยก็ยังได้รับส่วนแบ่งด้วย
ไม่มีใครที่อาศัยอยู่ในศิโยนจะกล่าวว่า “เราป่วย” ประชาชนที่อาศัยที่นั่นจะได้รับการอภัยบาป

อิสยาห์ 33-2

อิสยาห์ 33:7-16
ดูเถอะ วีรบุรุษที่ร้องอยู่บนถนน และทูตแห่งสันติที่ร้องคร่ำครวญอย่างขมขื่น ถนนหลวงก็ร้างเปล่า ไม่มีคนเดินทางผ่านมาอีกต่อไป ผู้คนักพันธสัญญา เมืองก็ถูกดูหมิ่น ไม่มีใครนับถือมนุษย์ แผ่นดินโศกเศร้า หมดแรง
ตอนนี้ คนอิสราเอลเริ่มเห็นแล้วว่า การไปขอความช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ผล พวกเขาไม่กล้าออกเดินทาง เพราะรู้ว่า ศัตรูกำลังมาใกล้ ไม่มีใครรักษาสัญญาที่ให้กันไว้อีกต่อไป
Is33kandan

เลบานอนก็ตะลึง และแห้งเหี่ยวไป ซาโรนเป็นทะเลทรายและบาชานกับคารเมลก็สลัดใบออกจากต้น
ทุกทิศของอิสราเอลจะถูกโจมตี เลบานอนทางเหนือ ซาโรนตะวันตก บาชานตะวันออก และคารเมลทางใต้

“บัดนี้ เราจะลุกขึ้น” พระเจ้าตรัส “เราจะลุกขึ้นและได้รับการเชิดชู เจ้าตั้งท้องเป็นแค่เปลือกข้าว และให้กำเนิดตอ ลมหายใจของเจ้าเป็นไฟที่จะเผาผลาญเจ้า และผู้คนจะถูกเผาจนกลายเป็นเหมือนเสาปูน เหมือนกับต้นหนามที่ถูกตัดทิ้งและเผาในไฟ

จงฟัง เจ้าที่อยู่ไกล ฟังว่า เราทำอะไรบ้าง เจ้าที่อยู่ใกล้ จงรับรู้อำนาจของเรา

คนบาปในศิโยนกลัว คนที่ไร้พระเจ้าตัวสั่นสะท้าน ใครในพวกเราจะอยู่กับไฟที่เผาผลาญได้? ใครจะอยู่กับการเผาไหม้ที่ไม่จบสิ้นได้?

คนที่เดินอย่างถูกต้องและกล่าวคำเที่ยงธรรม คนที่เกลียดชังการได้สมบัติมาจากการกดขี่ผู้อื่น คนที่สลัดมือของเขา เพื่อไม่ให้มีสินบนมาติดมือ คนที่อุดหูไม่ฟังเรื่องการฆ่าล้าง คนที่ปิดตาไม่มองสิ่งชั่วร้าย เขาจะอาศัยอยู่ในที่สูง ที่กำบังของเขาเป็นป้อมหิน เขาจะได้รับอาหาร และเขาจะมีน้ำดื่มอย่างแน่นอน

พระเจ้าทรงลงโทษคนของพระองค์ โดยมีกำหนดเวลา พระเจ้าทรงเรียกให้คนทั้งโลกที่อยู่ใกล้และไกลหันมาฟังพระองค์ และรับรู้ฤทธิ์ของพระองค์ คนที่ทำบาปจะไม่สามารถอยู่ต่อพระเจ้าผู้ทรงเป็นไฟที่เผาผลาญได้
แต่คนของพระเจ้าจะได้อาศัยในที่สูง ซึ่งเป็นที่ของพระเจ้า

อิสยาห์ 33-1

อิสยาห์ 33:1-6

 

วิบัติแก่เจ้าผู้ทำลาย  เจ้ายังไม่เคยถูกทำลาย  เจ้าเป็นคนทรยศ แต่ยังไม่มีใครหักหลังเจ้า   เมื่อใดที่เจ้าหยุดทำลาย เจ้าก็จะถูกทำลาย   เมื่อเจ้าหยุดการทรยศ  ก็จะมีคนมาหักหลังเจ้า   ท่านอิสยาห์กำลังหมายถึงอัสซีเรียที่มีความโหดเหี้ยมมาก

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระคุณแก่เรา  เรารอคอยพระองค์ ขอทรงเป็นแขนให้เราทุกเช้า  ทรงเป็นความรอดพ้นในเวลายากลำบาก

holding hands

เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกดังสนั่น  คนก็หนีไป  พระองค์ทรงลุกขึ้น เหล่าประชาชาติก็กระจัดกระจาย

ของที่ริบได้มานั้น ก็ถูกรวบรวมไว้เหมือนกับหนอนตั๊กแตนเก็บรวบรวม  คนก็กระโดดอย่างตั๊กแตนกระโดดตะครุบเอา

พระเจ้าทรงรับการยกย่อง พระองค์ประทับในที่สูง  พระองค์จะทรงเติมศิโยนด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม   เพราะพระองค์จะทรงเป็นความมั่นคงในยุคของเจ้า ทรงเป็นความรอด สติปัญญา และความรู้อย่างมากมายเหลือเฟือ

อิสยาห์ 32-2

อิสยาห์ 32:9-20

เตือนสติผู้หญิงในนครเยรูซาเล็ม…

ลุกขึ้นเถอะ  ผู้หญิงที่อยู่อย่างสบาย  จงฟังเสียงของข้า   ลูกสาวที่อยู่เฉย ๆ จงเงี่ยหูฟังเสียงของข้า

อีกไปถึงปี ผู้หญิงที่อยู่เฉย ๆ จะต้องตัวสั่น  เพราะจะไม่มีผลองุ่นในไร่  ผลไม้ตามฤดูก็ไม่ออกผล

Is_ComplacentWomen
ผู้หญิงที่อยู่อย่างสบายเอ๋ย จงตัวสั่นเถอะ   คนที่อยู่เฉย ๆ จงสะดุ้งเถอะ
จงแก้เสื้อผ้าของเจ้าออก เปลือยกาย และเอาผ้ากระสอบคาดเอวไว้
จงทุบอกของตัวเอง เพราะเรื่องท้องไร่ที่อุดมสมบูรณ์ และเพื่อองุ่นดก

เพราะผืนดินของประชาชนของเรานั้น มีแต่ต้นหนามใหญ่และเล็กขึ้นเต็ม  จงไว้ทุกข์ให้กับบ้านที่เคยเป็นบ้านแสนสุข นครที่เฮฮา
เพราะว่า วังจะถูกทิ้ง และนครที่มีคนหนาแน่นจะถูกทิ้งร้างเช่นกัน
เนินเขาและป้อมยามจะกลายเป็นถ้ำตลอดไป  กลายเป็นที่ของลาป่า และเป็นทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์
จนกว่าจะเทพระวิญญาณมาจากเบื้องบน  มาเหนือเรา และถิ่นกันดารจะกลับกลายเป็นทุ่งที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง    และท้องทุ่งที่เคยสมบูรณ์จะเป็นเหมือนป่าไม้

ความเที่ยงธรรมจะอยู่ในถิ่นกันดาร   ความชอบธรรมจะอยู่ในทุ่งที่อุดม

และผลของความชอบธรรมคือสันติสุข  ผลของความชอบธรรมคือความสงบและการไว้วางใจตลอดไป

คนของเราจะอยู่ในที่ ๆ สงบสันติ  ในที่อาศัยอันมั่นคงและปลอดภัย  ในที่พักพิงอันเงียบสงบ

ถึงแม้ว่าลูกเห็บจะตกลงมาจนทำให้ป่าเตียนโล่ง  และเมืองใหญ่ก็ถูกทำลายสิ้น

แต่คนที่หว่านเมล็ดพืชริมน้ำ  และปล่อยให้วัวและลาเที่ยวอยู่อย่างอิสระก็จะมีความสุข

อิสยาห์ 32-1

อิสยาห์ 32:1-8

ดูเถอะ ราชาองค์หนึ่งจะทรงปกครองด้วยความชอบธรรม

และเจ้านายทั้งหลายจะปกครองด้วยความยุติธรรม

แต่ละคนจะเป็นดั่งที่หลบภัยจากลม

เป็นที่พักพิงให้พ้นจากพายุ

เป็นดั่งธารน้ำในที่แห้งแล้ง

เป็นร่มเงาจากหินก้อนมหึมาในที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

Is32nammjedean

แล้วตาของคนที่เห็นจะไม่ปิด  หูของคนที่ได้ยินก็จะตั้งใจฟัง
ใจของคนที่หุนหันพลันแล่นก็จะเริ่มเข้าใจและรับรู้
ลิ้นของคนที่พูดติดอ่างจะพูดได้อย่างคล่องแคล่วน่าฟัง

จะไม่มีใครเรียกคนโง่ว่า ผู้มีเกียรติอีกต่อไป
จะไม่เรียกคนถ่อยว่า เป็นคนน่านับถืออีกต่อไป

เพราะคนโง่ก็กล่าวคำไร้ปัญญา  ใจของเขาหมกมุ่นกับความบาปชั่ว
เพื่อจะทำการอธรรม เพื่อจะกล่าวร้ายป้ายสีองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อทำให้คนหิว หิวโหยต่อไป   ทำให้คนกระหายไม่ได้ดื่มอะไร

วิธีการของคนถ่อยนั้น ชั่วร้าย เขาวางแผนโหด เพื่อทำลายคนขัดสนด้วยคำเท็จ
ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วคำร้องของคนยากจนเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

แต่คนที่มีเกียรติก็วางแผนดี ๆ ทั้งนั้น  เขายืนมั่นคงอยู่ได้ก็ด้วยการกระทำที่ถูกต้อง

 

สิ่งที่ท่านอิสยาห์เห็น  ทำให้เราคิดถึงการปกครองในบ้านเมืองเราตามไปด้วย…. ทำไมเหมือนกันจัง?   มนุษย์โบราณกับมนุษย์ไฮเทคไม่ได้แตกต่างกันในเรื่องความเห็นแก่ตัว และความชั่วร้ายเลยนะ

อิสยาห์ 31-2

อิสยาห์ 31:4-9

ดังนั้น พระเจ้าตรัสกับข้าว่า
“ดั่งสิงห์คำราม  ดั่งสิงห์หนุ่มขู่เหยื่อของมัน    มันไม่กลัวแม้ว่าจะมีผู้เลี้ยงหลายคนตะโกนไล่มัน  มันไม่กลัวเสียงของพวกเขา และไม่ยี่หระต่อเสียงโวยวายของพวกเขา

เช่นกัน.. พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะเสด็จลงมา  จะทรงต่อสู้เพื่อภูเขาศิโยนและเนินเขาที่ล้อมรอบ

ดั่งนกที่บินว่อนอยู่รอบ ๆ  เช่นกัน.. พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงปกป้องนครเยรูซาเล็ม

จะทรงปกป้องและทรงช่วยกู้    จะทรงเว้นโทษให้เขาและจะทรงรักษาชีวิต

 

ภาพจาก http://naldzgraphics.net
ภาพจาก http://naldzgraphics.net

โอ  ลูกหลานอิสราเอลเอ๋ย  จงกลับมาหาพระเจ้า   เจ้าคิดดื้อดึงกบฎต่อพระองค์ยิ่งนัก  เพราะในวันนั้น ทุกคนจะโยนรูปปั้นเงิน เทวรูปทองของตนเองทิ้ง  รูปเคารพซึ่งเป็นบาป  เป็นสิ่งที่มือของเจ้าสร้างขึ้นมาเอง

คนอัสซีเรียจะล้มลงด้วยดาบที่ไม่ได้มาจากมนุษย์   ดาบที่ไม่ได้มาจากมนุษย์จะเขมือบพวกเขา

และเขาจะหนีจากดาบนั้น และคนหนุ่ม ๆของพวกเขาจะถูกบังคับใช้แรงงาน

เขาจะหนีจากป้อมเข้มแข็งของเขาเพราะความกลัว

เหล่าเจ้าชายก็จะกลัวลานเมื่อเห็นธง”   พระเจ้า…. พระองค์ผู้ทรงมีไฟในศิโยน  ผู้ทรงมีเตาเผาในนครเยรูซาเล็มตรัสดังนั้น

อิสยาห์ 31-1

อิสยาห์ 31:1-3

วิบัติจะมีแก่คนที่ลงไปอียิปต์เพื่อขอความช่วยเหลือ และคิดว่าจะพึ่งม้าศึก  พวกเขาวางใจในรถรบมากมาย และวางใจในทหารม้า เพราะว่า พวกเขาดูแข็งแรงจริง ๆ

แต่กลับไม่หันมาหาองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล  ไม่กลับมาปรึกษาหารือกับพระองค์
ถึงกระนั้น  พระเจ้าทรงพระปัญญา  พระองค์นำภัยหายนะมาให้พวกเขา    พระองค์มิได้ทรงเอาพระดำรัสของพระองค์คืนมา

แต่พระองค์ทรงลุกขึ้นต่อสู้กับกลุ่มคนที่กระทำผิด   และต่อสู้คนที่ช่วยเหลือให้เขากระทำผิด

ภาพจาก http://rehtwogunraconteur.com
ภาพจาก http://rehtwogunraconteur.com

คนอียิปต์เป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า   ม้าศึกของพวกเขาเป็นเพียงเลือดเนื้อ ไม่ใช่วิญญาณ

เมื่อพระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกมา

ทั้งคนที่ช่วยเหลือก็สะดุด  ทั้งคนที่รับความช่วยเหลือก็จะล้มลง

ทั้งสองฝ่ายจะพินาศไปพร้อม ๆ กัน

ท่านอิสยาห์ได้บอกชัดเจนว่า คนที่ไปขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่ขอจากพระเจ้าเอง จะพบกับอะไร  ….. นี่ไม่ได้หมายความถึงแค่การช่วยเหลือกันและกันที่มนุษย์พึงจะมีต่อกัน 

ท่านอิสยาห์กำลังกล่าวว่า เมื่อเราเลิกวางใจพระเจ้า หันไปวางใจมนุษย์เป็นที่หนึ่งเมื่อไร  เมื่อนั้นแหละที่เรากำลังบอกว่า พระองค์คงช่วยเราไม่ได้  มนุษย์เก่งกว่า ….. ตรงนี้ที่เราทุกคนต้องตระหนักว่า  การดำเนินชีวิตของเราทุกวัน เราต้องพึ่งพระองค์เป็นที่หนึ่ง และถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยได้ทุกอย่าง  ไม่ดูหมิ่นพระองค์ด้วยการคิดไปเอง  หาทางเอง…แต่ต้องวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจ  ไม่พึ่งในความเข้าใจของตนเอง ….

พระคำตอนนี้ เตือนเราตรง ๆ ง่าย ๆ ชัดเจน!

อิสยาห์ 30-4

อิสยาห์ 30:27-33
ดูเถิด พระนามของพระเจ้าจะมาจากที่ไกล พร้อมกับพระพิโรธในควันอันหนาทึบ พระโอษฐ์ของพระองค์นั้นเต็มด้วยความกริ้ว ลิ้นของพระองค์คือไฟที่เผาผลาญ ลมปราณของพระองค์เป็นเหมือนกับน้ำที่ท่วมขึ้นมาถึงคอ   ทรงฝัดร่อนประชาชาติด้วยตะแกรงแห่งการทำลายล้าง บังเหียนที่ทำให้เตลิดเปิดเปิงไปก็ติดอยู่ที่ปากของพวกเขา

ส่วนเจ้าจะร้องเพลงเหมือนคืนเทศกาล เจ้าจะดีใจเหมือนตอนที่เดินในขบวนพร้อมกับเสียงขลุ่ยขณะที่เดินมุ่งหน้าไปยังพระวิหารบนภูเขาของพระเจ้าเพื่อเฝ้าพระศิลาแห่งอิสราเอล

พระเจ้าจะทรงให้มนุษย์ได้ยินพระสุรเสียงอันทรงพระสิริ และพวกเขาจะเห็นพระกรที่หวดลงมาด้วยพระพิโรธ ด้วยไฟที่เผาผลาญ ด้วยเสียงสนั่นแห่งฟ้าพายุและลูกเห็บ

tocaaaa
เมื่อได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า อัสซีเรียจะตกใจสุดขีด ทรงฟาดพวกเขาด้วยคทาของพระองค์ การลงโทษได้ไม้พลองแต่ละครั้งจะหลายเป็นเสียงรำมะนาและพิณของอิสราเอล เมื่อพระองค์ทรงโจมตีอัสซีเรียด้วยพระกรของพระองค์

โทเฟทนั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว เตรียมไว้สำหรับอัสซีเรียและโมเลค หลุมที่ใช้เผาทั้งลึกและกว้างใหญ่ ลมปราณของพระเจ้าเป็นเหมือนธารไฟกำมะถันที่ลุกโชน ซึ่งจะจุดโทเฟทให้ลุกเป็นไฟ!

โทเฟท เป็นชื่อของสถานที่ซึ่งอยู่ในหุบเขาฮินนอม  นอกกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม เป็นที่ทิ้งขยะต่าง ๆ ของเมือง  เป็นที่ ๆ ครั้งหนึ่งคนอิสราเอลเคยนำลูกชายของตนไปเผาบูชาเทวรูปโมเลค

พระเจ้าจะทรงลงโทษกษัตริย์อัสซีเรีย คือเซนนาเคอริบ และ ประมาณปี 603 ก่อนคริสตศักราช กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่สอง ก็ได้มาโจมตีอัสซีเรีย ที่คาร์เคอมิชซึ่งอยู่ทางเหนือของซีเรียในปัจจุบัน   รวมทั้งได้จัดการกับอียิปต์ด้วยเช่นกัน