9 เมษายน 2013 ผู้เลี้ยงแกะ..นักเขียน

ฉันจะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าเป็นนิตย์

และด้วยปากของฉัน

ฉันจะประกาศความซื่อตรงสุจริตของพระเจ้าตลอดทุกชาติพันธุ์ 

 

ถอดความจาก สดุดี 89:1

Daily2013_4_9

คนที่กล่าวคำข้างบนนี้ คือราชาดาวิด กษัตริย์องค์ที่สองของอิสราเอล

เป็นกษัตริย์ที่เขียนคำสดุดีพระเจ้าไว้มากมาย

สามพันกว่าปีมาแล้ว เรื่องราวที่ทรงเขียนไว้ ยังเป็นกำลังใจของเราทุกคน

แต่ราชาดาวิดไม่ได้เขียนจากความรู้สึกของตนเองเท่านั้น

แต่เป็นความรู้สึก พร้อมแรงบันดาลใจ  พร้อมคำอันงามยิ่ง ที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

จากเด็กเลี้ยงแกะ กลายเป็นนักรบ  และเป็นกษัตริย์ที่กล้าหาญ

พร้อมกับความกล้าหาญ ยังเป็นผู้เดียวที่พระเจ้าตรัสว่า

ชายผู้ซึ่งติดตามหัวใจของเรา…..

อิสยาห์ 41-5

อิสยาห์ 41:21-24
ข้อความตอนนี้ เป็นตอนที่พระเจ้าทรงท้าทายประชาชาติทั้งหลายในโลก พระองค์ทรงเรียกให้เขาเข้ามาใกล้เพื่อพิพากษา ว่าประชาชาติเหล่านั้นได้ให้พระที่เป็นรูปปั้นช่วยพวกเขา พระเจ้าจะทรงให้เห็นว่า พวกเขากำลังเชื่ออะไรอยู่ โดยผ่านคำกล่าวของอิสยาห์ พระองค์ทรงให้เขาเห็นว่า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าเทวรูปของคานาอัน และอัสซีเรีย (ทั้ง ๆ ที่พวกเขากำลังจะเข้ามาโจมตีคนของพระองค์)
พระเจ้าตรัสว่า จงเตรียมคดีของเจ้าให้พร้อม …
องค์ราชาแห่งยาโคบตรัสว่า จงนำข้อพิสูจน์ของเจ้ามา
ให้พวกเขานำมา และบอกเราว่า จะเกิดอะไรขึ้น
จงบอกสิ่งที่เกิดขึ้นมาในอดีต มันคืออะไร เพื่อเราจะได้พิจารณา เพื่อเราจะได้ทราบของผลที่ได้จากเหตุการณ์เหล่านั้น
หรือเจ้าจะประกาศถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
meso_idol
พระเจ้าทรงถามเขาว่า เทวรูปเหล่านั้น สามารถบอกอนาคตได้หรือ ทั้ง ๆ ที่จะเดินไปไหนมาไหนยังไม่ได้… ต้องให้คนช่วยพาไปตามที่ต่าง ๆ ( พวกเขาเชื่อว่า เทวรูปของเขาสามารถบอกเหตุการณ์ในอนาคตได้)
บอกเราว่าอะไรจะเกิดตามมา เพื่อว่าเราจะได้รู้ว่าพวกเจ้าเป็นเหล่าเทพเจ้า
จงทำดี หรือทำร้ายเพื่อว่าเราจะได้หวาดหวั่น ตกใจ
พระเจ้าตรัสให้เทวรูปเหล่านั้น ทำอะไรขึ้นมาสักอย่างเพื่อให้คนได้รู้พลังของมัน

ดูเถิด เจ้าไม่เป็นอะไรเลย งานของเจ้าก็น้อยยิ่งนั้น ไร้ค่า คนที่เลือกให้เจ้าเป็นพระของเขากลายเป็นสิ่งที่น่าชัง

อิสยาห์ 41-4

อิสยาห์ 41:17-20

คนที่ยากจนไร้บ้าน คนที่ขัดสนแสวงหาน้ำ ลิ้นของพวกเขาแห้งผากเพราะความกระหายอย่างยิ่ง
แต่เรา ผู้เป็นพระเจ้า จะทรงตอบเขา  เราผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา

shkia_big

 

ภาพข้างบน จิตรกร แมนเดลคิดถึงพระคำของพระเจ้าตอนนี้แหละ

เราจะทำให้มีแม่น้ำบนเนินเขาที่แห้งแล้ง  ให้มีน้ำพุท่ามกลางหุบเขา  เราจะทำให้ถิ่นกันดารกลายเป็นบ่อน้ำ และที่แห้งแล้งกลายเป็นน้ำพุ

เราจะปลูกต้นสีดาร์ ต้นกระถินเทศ  ต้นน้ำมันเขียว และต้นมะกอกเทศ

เราจะให้มีต้นสนไซเปรสขึ้นมาในทะเลทราย และยังมีต้นโอ๊ค และต้นสนอีกมากมาย

ทุกคนจะได้เห็น และรู้ และจะค่อย ๆ พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นและเข้าใจไปพร้อมๆ กันว่า

พระหัตถ์ของพระเจ้าได้ทำสิ่งนี้  องค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลได้สร้างมันขึ้นมา

ความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนยากจนนั้น ปรากฏชัดในองค์พระเยซูคริสต์   ทุกคนเข้ามาหาพระเจ้าได้  ไม่ว่าเขาจะจนหรือรวย  เงื่อนไขไม่ได้อยู่ที่ฐานะ แต่อยู่ที่ว่า  ใครก็ตามที่มีความเชื่อในพระองค์  ก็จะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ 

และเมื่อมนุษย์ไม่อาจช่วยซึ่งกันและกัน… ยามนั้น เรายังมีพระเจ้า

และหากทุก ๆ คนมองให้ดี ย้อนไปในประวัติศาสตร์โลก  ก็จะเห็นว่า พระเจ้าทรงควบคุมทุกอย่าง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พระองค์ก็ทรงบอกล่วงหน้าหลายอย่างมากมาย    ถ้าทุกคนพิจารณาให้ดี …จะเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าที่คอยช่วยไว้ 

หากพระองค์ไม่ได้ทรงทำให้  ป่านนี้ โลกไม่เหลือแล้ว… เพราะมนุษย์นี่แหละที่ประหัตประหารกันอย่างไร้ความปราณี  …  แต่จะมีวันหนึ่งที่พระเจ้าทรงจบมันด้วยพระองค์เอง

อิสยาห์ 41-3

อิสยาห์ 41:11-16

ดูเถิด คนที่พยายามต่อต้านเจ้า จะต้องอับอาย และสับสน คนที่ต่อสู้กับเจ้าจะกลายเป็นศูนย์ และจะพินาศไป

เจ้าจะตามหาคนที่สู้กับเจ้า แต่เจ้าจะหาเขาไม่พบ คนที่พยายามทำสงครามกับเจ้า จะกลายเป็นไม่เหลืออะไร

เพราะเรา พระเจ้าของเจ้า จะจับมือขวาของเจ้าว่า เรานี่แหละที่พูดกับเจ้าว่า “อย่ากลัวเลย เราจะเป็นผู้ที่ช่วยเจ้า”

เลื่อนนวดข้าว
เลื่อนนวดข้าว

อย่ากลัวไป เจ้าหนอนยาโคบ  คนแห่งอิสราเอล! เราคือผู้ที่ช่วยเจ้า  พระเจ้าตรัสดังนั้น … ผู้ไถ่ของเจ้าคือ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเป็นเลื่อนนวดข้าว ทั้งใหม่และคมกริบมีฟันเลื่อย

เจ้าจะบดขยี้ทั้งภูเขา และทำให้มันแหลกละเอียด และเจ้าจะทำให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ

เจ้าจะซัดมัน และลมจะพัดมันไป  พายุจะทำให้มันกระจัดกระจาย กระเจิดกระเจิงไป และเจ้าจะยินดีในพระเจ้า

เจ้าจะถวายเกียรติแด่องค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

เมื่อพระเจ้าตรัสว่า หนอนยาโคบ  พระองค์ทรงบอกให้พวกเขารู้ว่า เขาอ่อนแอ และไม่ได้มีความสำคัญ  

พระผู้ไถ่องค์นี้ คือพระองค์ผู้ทรงมีความตั้งพระทัยที่จะทำให้อิสราเอลได้หลุดจากการเป็นเชลย  ให้เขากลับใจใหม่ และไม่พึ่งพารูปเคารพอีกต่อไป

ลมและพายุในที่นี มีความหมายถึงพลังอำนาจที่ทำลาย ซึ่งเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์โลก  พระเจ้าทรงจัดให้มันเกิดขึ้นเพื่อให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ  

 

อิสยาห์ 41-2

อิสยาห์ 41:5-10

แผ่นดินชายทะเลเห็นและกลัว  ที่สุดปลายแผ่นดินโลกก็ตัวสั่น  พวกเขามาใกล้ และมาจริง ๆ  ทุกคนต่างช่วยเพื่อนบ้านของตน และกล่าวกับพี่น้องของตนว่า “จงเข้มแข็ง!”

cyrus-the-great-2 (2)

ช่างฝีมือให้กำลังใจกับช่างทอง ผู้ที่ทำให้งานเรียบเนียนด้วยค้อนก็ให้กำลังใจกับคนที่ใช้ทั่ง  พูดถึงการที่บัดกรีออกมาว่า “ดีนะ”   แล้วเขาก็เอาตะปูไปตรึงไว้

เมื่อมีศัตรูเข้ามาโจมตี  ดูซิ  แทนที่พวกเขาจะมาหาพระเจ้า  กลับมาปลอบใจกันเอง และพากันสร้างรูปเคารพขึ้นอีก  

แต่เจ้า อิสราเอล  เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา  ยาโคบที่เราได้เลือก  ลูกหลานของอับราฮัมเพื่อนของเรา
เจ้า ผู้ที่เราได้นำมาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลก  และเรียกมาจากดินแดนไกลโพ้น

พวกเขาเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า… เมื่อเทียบกับชนชาติอื่นที่ไม่ใช่  พวกเขามีสิทธิพิเศษจริง ๆ   และพระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมผู้เป็นบิดาของชาวอิสราเอลว่า “เพื่อน” ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์นั้นแนบแน่นกว่าการเป็นคนรับใช้เสียอีก

ในยุคสุดท้าย พระเจ้าจะทรงเรียกคนของพระองค์กลับมาจากสถานที่ซึ่งพวกเขากระจัดกระจายกันไป…  

และเราพูดกับเจ้าว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้เลือกเจ้าและมิได้เขวี้ยงเจ้าทิ้งไป  อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า  อย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า  เราจะให้กำลังเจ้า ใช่ เราจะช่วยเจ้า  เราจะยกเจ้าขึ้นด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา”

พระเจ้าทรงให้กำลังใจพวกเขาขนาดนี้  พวกเขารู้ไหมนะว่า คนอื่น ๆ ยังไม่ได้อย่างนี้เลย 

5 เมษายน 2013 ราชานักเขียน

นี่คือสุภาษิตของซาโลมอน พระราชาแห่งอิสราเอล  

โอรสของดาวิด ทรงเขียนไว้…

เพื่อให้มีปัญญาและวินัย เข้าใจคำแห่งความรู้ 

ถอดความจากสุภาษิต 1:1-2

Daily2013_4_5

 

ราชาซาโลมอนเป็นโอรสที่ราชาดาวิดทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ครองอิสราเอลต่อจากพระองค์

สิ่งที่ราชาซาโลมอนแตกต่างจากคนอื่น ๆ ก็คือ

พระเจ้าได้อวยพระพรให้ทรงปัญญา รอบรู้เหนือกษัตริย์องค์ใดในโลก

ไม่ว่าจะเป็นการปกครอง  วิศวกรรม  การพัฒนาเศรษฐกิจ  หรือแม้กระทั่งการสอน

พระเจ้าทรงอวยพรให้พระองค์เขียนบันทึกสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ในสดุดี  สุภาษิต ปัญญาจารย์

และเรื่องของความรัก ในบทเพลงของซาโลมอน

น่าเสียดาย ในวัยชราของพระองค์  ทรงเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่พระองค์เองสอนผู้อื่น

ทำให้เราเห็นว่า

ใครก็ตาม ที่ไม่ระวังตัว  มีโอกาสพลาดได้เสมอ 

อิสยาห์ 41-1

อย่ากลัว เพราะเราอยู่กับเจ้า

อิสยาห์ 41:1-4

ในความเงียบ  จงฟังเรา  แผ่นดินชายทะเลเอ๋ย
จงให้ผู้คนได้รื้อฟื้นกำลังขึ้นมาใหม่
ให้พวกเขาเข้ามา และได้พูด
ให้พวกเราเข้ามาเพื่อรับการพิพากษา

Is41Cyrus

ใครล่ะ ที่ได้เร้าให้คนหนึ่งจากตะวันออกเข้ามาพบกับชัยชนะทุกฝีก้าว?
ผู้นั้นได้มอบประชาชาติทั้งหลายให้เขา เพื่อว่าเขาจะได้เหยียบย่ำเหล่ากษัตริย์อยู่ใต้เท้า เขาใช้ดาบทำให้เหล่ากษัตริย์เหล่านั้นเป็นเหมือนฝุ่น
เขาใช้ธนูทำให้พวกนั้นเป็นเหมือนตอข้าวที่ถูกพัดไป
เขาตามไล่ล่าและผ่านพวกเขาไปอย่างปลอดภัย  ตามทางที่เขาไม่เคยเหยียบไปเลย
ใครล่ะ เป็นผู้ที่ทำสิ่งนี้ให้เห็น  เรียกบรรดาชนทุกรุ่นมาจากตั้งแต่เวลาปฐมกาล?

เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า  ผู้เป็นต้น และเป็นสุดท้าย เราคือเขาผู้นั้น

อ่านตอนนี้แล้วต้องเข้าใจว่า ใครล่ะ นั่นคือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ส่วนคนที่มาจากตะวันออกนั้นคือ  ราชาไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซีย   ไซรัสได้รบชนะบาบิโลน (ถ้าเราดูการ์ตูนของวันที่ 4 เมษายน 13 ช่องที่ 7 ก็จะเข้าใจมากขึ้น)

พระเจ้าทรงมอบอำนาจให้ไซรัสมหาราชได้ชนะไปรอบทิศ …. เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ไม่ใช่อะไรเกิดตามความบังเอิญ  …

พระเจ้าทรงเป็นต้น และเป็นสุดท้าย มีความหมายชัดเจนว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และทรงเป็นผู้ปกครองทุก ๆ ส่วนของประวัติศาสตร์โลกนี้

4 เมษายน 2013 องคมนตรีนักเขียน

พระเจ้าประทานปัญญาแก่คนฉลาดเฉลียว

และประทานความรู้ ให้แก่คนที่มีความเข้าใจ

ถอดความจาก ดานิเอล 2:21

Daily2013_4_4 (1)

 

ช่วงปีก่อนคริสตศักราช 605 ปี นับถัดจากวันนี้ไปก็เท่ากับ 2013+605=2618 ปีมาแล้ว

ดานิเอลถูกจับไปเป็นเชลยในสมัยราชาเนบูคัดเนสซาร์ที่ยิ่งใหญ่

แล้วคืนหนึ่งพระราชาทรงฝัน  แต่เกิดจำฝันนั้นไม่ได้

จึงไม่มีใครสามารถทำนายฝันให้พระองค์  พระราชากริ้วยิ่งนัก สั่งประหารโหรทุกคนในอาณาจักร

เมื่อดานิเอลรู้เรื่องเข้า  จึงมาอธิษฐานต่อพระเจ้า

และพระเจ้าทรงสำแดงความฝัน และความหมายของฝันนั้นให้ดานิเอล

เขาทูลพระราชาว่า ในอีก 700 ปีข้างหน้า จะมีอาณาจักรมหาอำนาจเกิดขึ้น

แทนบาบิโลน  คือ เปอร์เซีย  กรีก  และ โรม (ซึ่งต่อมาในประวัติศาสตร์ ก็เป็นอย่างนั้นจริง)

เขาทั้งได้ทำให้พระราชาทรงรู้ว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่เพียงใด

และยังช่วยชีวิตของเหล่าข้าราชการอีกมากมายด้วย

ถ้าดานิเอลไม่ได้รับการบันดาลใจเพื่อบันทึกเรื่องนี้ไว้เมื่อสองพันหกร้อยกว่าปีที่แล้ว

พวกเราคงไม่รู้เรื่องนี้เลย….

อิสยาห์ 40-5

อิสยาห์ 40:25-31

เจ้าจะเปรียบเรากับใคร เราเหมือนใครหรือ? องค์ผู้บริสุทธิ์ตรัส  จงเงยหน้ามองดูที่สูง  ใครล่ะ  ใครสร้างสิ่งเหล่านี้มา?
พระองค์ผู้ทรงนำดวงดาวออกมาตามจำนวน และเรียกชื่อของมัน  ด้วยความยิ่งใหญ่แห่งอำนาจของพระองค์  และเพราะพระองค์ทรงพลังเข้มแข็ง จึงไม่มีดาวดวงใดขาดไปเลย

“โอ ยาโคบ เหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่า…  โอ อิสราเอล เหตุใดเจ้าจึงพูดว่า… ..หนทางของข้าพเจ้าซ่อนไว้จากพระเจ้า  และพระเจ้าไม่ทรงสนพระทัยในสิทธิของข้าพเจ้า..? “

เจ้าไม่เคยรู้เลยหรือ?  เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ?   ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์  ทรงเป็นพระผู้สร้างจนที่สุดปลายแผ่นดินโลก  พระองค์ไม่ทรงอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้า   ความเข้าใจของพระองค์นั้นเกินที่จะหยั่งรู้ได้

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.

PHOTO BY SCOTT BOURNE

พระองค์ประทานกำลังให้กับคนที่อ่อนเพลีย  และคนที่ไม่มีพลัง พระองค์ก็ทรงเพิ่มกำลังให้
แม้ว่าเด็กหนุ่มสาวจะอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อย  แม้เด็กหนุ่มจะล้มลงด้วยความล้า  แต่คนที่รอคอยพระเจ้าจะรับกำลังใหม่  พวกเขาจะก้าวขึ้นมาพร้อมกับปีกดั่งอินทรี  พวกเขาจะวิ่ง และไม่อ่อนแรง  พวกเขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

3 เมษายน 2013 บันทึกจากทะเล

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงโยนาห์  บุตรชายอามิททัยว่า

ให้ลุกขึ้น เดินทางไปเมืองนีนะเวห์…..

แต่โยนาห์กลับลุกขึ้น หนี!!

ถอดความจาก โยนาห์ 1:1-2,3

Daily2013_4_3

โยนาห์ เป็นหนึ่งในผู้รับใช้ของพระเจ้าที่พอใจจะทำตามใจตัวเอง

มากกว่าที่จะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า

เรื่องราวของเขานั้น ทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงจัดการอย่างไร

กับคนที่พระองค์ต้องการจะใช้ก็ได้

เรื่องราวเต็มของโยนาห์ เริ่มอ่านได้ที่นี่

และโยนาห์เองได้บันทึกเรื่องราวนี้ ให้คนได้รับรู้

ราชกิจอันมหัศจรรย์ที่แปลกประหลาดในชีวิตของเขา

อิสยาห์ 40-4

อิสยาห์ 40:18-24

พระเจ้าเท่านั้น ทรงเป็นพระเจ้า

ดูเหมือนว่า คราวนี้อิสยาห์กำลังเยาะเย้ยคนที่สร้างรูปเคารพขึ้น  อ่านดูว่า ท่านกล่าวไว้อย่างไร

เจ้าจะเปรียบองค์พระผู้เป็นเจ้ากับอะไร  จะมีสิ่งใดมาเปรียบเทียบกับพระองค์ได้ ?

รูปเคารพหรือ ช่างปั้นก็หล่อมันขึ้นมา  และช่างทองก็เคลือบมันด้วยทอง  และยังหล่อโซ่เงินให้อีก
และสำหรับคนที่ยากจน ก็เลือกเอาไม้ที่ไม่ผุมาทำเป็นรูปเคารพ เขาหาช่างฝีมือให้ตกแต่งไม้เป็นรูปเคารพที่จะไม่เคลื่อนไหวไปไหน

เจ้าไม่รู้หรือ? เจ้าไม่ได้ยินหรือ? ไม่ได้มีการบอกมาตั้งแต่ต้นหรอกหรือ? เจ้าไม่เข้าใจมาตั้งแต่การเริ่มวางฐานแผ่นดินโลกหรือ?

พระองค์ผู้ประท้บเหนือวงอาณาเขตของโลก  (น่าสนใจจริง เอกภาพอันกว้างใหญ่ ทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก)
และเหล่าคนที่อยู่ในโลกก็เป็นเหมือนตั๊กแตน
พระองค์ทรงขึงฟ้าราวกับขึงม่าน
และกางมันออกเหมือนกับกระโจมที่อาศัย

meathook galaxy  ภาพถ่ายโดยWide Field Imager on the MPG/ESO 2.2-metre telescope at La Silla, Chile ใช้ภาพผ่าน creative commons
meathook galaxy ภาพถ่ายโดยWide Field Imager on the MPG/ESO 2.2-metre telescope at La Silla, Chile ใช้ภาพผ่าน creative commons

พระองค์ทรงทำให้เจ้าชายทั้งหลายกลายเป็นความว่าง
และทำให้ผู้ปกครองของแผ่นดินกลายเป็นความว่างเปล่า

พวกเขาถูกปลูกขึ้นไม่กี่คน  หว่านไม่กี่คน   รากก็ลงไปในดิน ยังไม่ทันไร เมื่อพระเจ้าทรงเป่าพวกเขา เขาก็เหี่ยวแห้งไป  พายุพัดเขาออกไปเหมือนตอข้าว

เพื่อน ๆ ครับ เมื่อเราสามารถมองลึกเข้าไปในจักรวาล  เห็นกาแล็กซี่อื่น ๆ  มันพอจะทำให้เราเห็นไหมว่า เราเหมือนความว่างเปล่าขนาดไหน

2 เมษายน 2013 อีกคนที่เขียนพระคัมภีร์

ก่อนที่เจ้าคลอดออกจากครรภ์มารดา

เราก็ได้กำหนดเจ้าไว้

เราแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้กล่าวคำของเราแก่ชนชาติทั้งหลาย

ถอดความจาก เยเรมีย์ 1:5
Daily2013_4_2ท่านเยเรมีห์  เป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าโดยตรงจากพระองค์

พระเจ้าทรงเลือกเขาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่

เมื่อเกิดมา แม้เขาจะอ้างว่า เขายังเป็นเด็ก

แต่พระเจ้าทรงใช้ให้เขาไปหาทุกคนที่พระองค์ทรงใช้ไป

พวกนั้นจะฟังเขาพูดหรือไม่ … เขาไม่ต้องกังวล

จะจับไปทรมาน หรือโยนลงบ่อ …. ไม่ต้องกังวล

พระเจ้าทรงมีวิธีการที่จะช่วยเขา

หน้าที่ของเขาคือ กล่าวคำของพระเจ้าให้ประชาชนได้กลับใจใหม่

และยิ่งกว่านั้น เยเรมีย์ก็ได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ  ไว้

ทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงห่วงใยคนของพระองค์มากเพียงใด

อิสยาห์ 40-3

อิสยาห์ 40:12-17

ใครเป็นผู้ที่วัดน้ำด้วยอุ้งมือ และวัดขนาดท้องฟ้าด้วยมือเพียงคืบเดียว

ภาพs]6,fe creative commons
ภาพs]6,fe creative commons

ยังบรรจุผงดินจากผืนโลกในถัง และชั่งน้ำหนักของภูเขาบนตาชั่ง ชั่งนำหนักของเนินเขาด้วยตราชั่งลูกตุ้ม ?
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ และขณะที่พระองค์ทรงสร้างสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ พระเจ้าทรงทำอย่างมีระบบระเบียบ งดงาม

ผู้ใดได้วัดพระวิญญาณของพระเจ้า?
มนุษย์คนใดจะให้คำปรึกษาแก่พระองค์?
ใครจะทำให้พระองค์ทรงเข้าใจ?
ใครบอกหนทางของความเที่ยงตรงแก่พระองค์?
และบอกความรู้ต่าง ๆ แก่พระองค์?
พระเจ้าเท่านั้นทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาด้วยพระองค์เอง ไม่มีมนุษย์คนใดเกิดมาแล้วไปสั่งพระองค์ให้สร้างโลกและจักรวาลได้ แต่มนุษย์ในโลกก็ยังคิดว่า ตัวเองใหญ่โตเหนือกว่าพระองค์ สรรเสริญองค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งอย่างมหัศจรรย์

ดูเถอะ ประชาชาชาติต่าง ๆ ก็เป็นเหมือนน้ำหยดหนึ่งจากถัง และนับเหมือนผงเล็ก ๆ บนตาชั่ง
ดูเถิด พระองค์ทรงหยิบแผ่นดินชายทะเลขึ้นมาเหมือนกับฝุ่นเล็ก ๆ
เลบานอนทั้งหมดก็ไม่พอที่จะเป็นเชื้อเพลิง สัตว์ป่าทั้งสิ้นก็ไม่พอที่จะเผาเป็นเครื่องบูชา

ต่อพระพักตร์พระเจ้า ประชาชาติทั้งหลายก็ไม่เป็นอะไรเลย…
พวกเขาถูกพระองค์นับเป็นน้อยกว่าศูนย์ น้อยกว่าความว่างเปล่า!

แค่อ่านตอนนี้ ก็รู้สึกตะลึงลานกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
และรู้สึกสมเพชกับมนุษย์ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มีอำนาจ เขาหารู้ไม่ว่า เขาเล็กยิ่งกว่าฝุ่นในสายพระเนตรของพระเจ้า

1 เมษายน 2013 ผู้เลี้ยงที่ทรงรัก

พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์เหมือนกับผู้เลี้ยง

และจะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมกอดของพระองค์ 

พระองค์จะทรงอุ้มมันไว้ในทรวง และนำตัวที่มีลูกอ่อนไป    

ถอดความจาก อิสยาห์ 40:11

ฟังเพลงนี้ซิ ….ผู้เลี้ยงที่ทรงรัก

อิสยาห์ 40-2

อิสยาห์ 40:6-11

พระคำของพระเจ้าคงอยู่ตลอดไป

เสียงหนึ่งร้องว่า “ร้องซิ! “ และข้ากล่าวว่า “ข้าจะร้องอะไรเล่า?”   บรรดาสิ่งที่มีเนื้อหนังก็เหมือนหญ้า  ความงามของมันก็เหมือนกับดอกไม้ในทุ่ง

หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป  ดอกไม้ก็ร่วงไป  เมื่อพระเจ้าทรงเป่ามันด้วยลมปราณของพระองค์   ใช่แล้ว คนเป็นเหมือนหญ้า

หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป  ดอกไม้ก็ร่วงไป  แต่พระคำของพระเจ้านั้นดำรงอยู่เป็นนิตย์

ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

จงลุกขึ้นไปยังภูเขาสูง  โอ ศิโยน  ฟังข่าวดีเถอะ  เปล่งเสียงของเจ้าสุดกำลัง โอ เยรูซาเล็ม  ผู้ส่งข่าวดี  จงเปล่งเสียงของเจ้า ไม่ต้องกลัว  กล่าวแก่เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ว่า “ จงมองดูพระเจ้าของเจ้า”

ดูเถิด  องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยอานุภาพ  แขนของพระองค์ครอบครองเพื่อพระองค์
ดูเถิด รางวัลอยู่กับพระองค์ และค่าตอบแทนก็อยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์

is40-shepherd

พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์เหมือนกับผู้เลี้ยง และจะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมกอดของพระองค์  พระองค์จะทรงอุ้มมันไว้ในทรวง และนำตัวที่มีลูกอ่อนไป

การบรรยายของอิสยาห์ตอนนี้ ทำให้เราคิดถึงใครไปไม่ได้  นอกจากพระเยซูผู้ทรงเป็นผู้เลี้ยงดีเลิศ

อิสยาห์ 40-1

จากบทที่ 40 ต่อไปนี้ เราจะได้เห็นพระคุณของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลอย่างมาก   แม้ว่าเขาจะถูกจับไปเป็นเชลย ต้องทุกข์ยากลำบากในบาบิโลน แต่มีวันหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงช่วยเขา  ตั้งแต่บทแรกจน 39 ที่ผ่านมา  มีข่าวสารเรื่องของการพิพากษาของพระเจ้าไม่ยั้งหยุด  แต่เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเมตตาเพียงไร แผนการของพระองค์นั้น  เพื่อให้พวกเขาได้สิ่งดีกว่า ไม่ตกอยู่ในสภาพที่ทำลายตัวเองด้วยบาปของตน

“จงปลอบใจ จงปลอบใจคนของเรา”  พระเจ้าของเจ้าตรัส

“จงพูดอย่างอ่อนโยนต่อนครเยรูซาเล็ม และร้องว่า สงครามของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และความบาปผิดของเธอได้รับการอภัยแล้ว   และเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระเจ้าถึงสองเท่าของบาป”

ตรงนี้เราเห็นเลยว่า ไม่ว่าพวกเขาทำบาปเพียงไร พระเจ้าก็ทรงยกโทษให้เขาเมื่อเขากลับใจ และถ้าเราจะอ่านไป ๆ เราจะเห็นว่า พระเจ้าจะประทานพระพรเป็นสองเท่าของที่ได้รับโทษไปด้วย …

desert

มีเสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางของพระเจ้าในถิ่นกันดาร  จงทำทางหลวงเส้นตรงในทะเลทรายถวายองค์พระเจ้า   หุบเขาจะถูกถม  และภูเขา-เนินเขาจะถูกทำให้ราบลง  พื้นที่ซึ่งเป็นหลุมขรุขระจะทำให้ราบเรียบ

พระสิริอันตระการของพระเจ้าจะปรากฏ  และทุกชีวิตจะมองเห็นพร้อม ๆ กัน  พระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว”

 

ดูเหมือนท่านอิสยาห์จะเน้นพระบิดา พระเจ้าผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงยิ่งใหญ่จากบทนี้ไปจนถึง 48  จากนั้นกล่าวถึงพระบุตรจนถึงบทที่ 57  และองค์พระวิญญาณจาก 58-66 

ให้เพื่อน ๆ อ่านกันต่อไปนะครับ 

อิสยาห์ 39-2

อิสยาห์ 39:3-8

เมื่อได้ข่าวนั้น อิสยาห์จึงเข้ามาเฝ้าราชาเฮเซคียาห์ด้วยความหนักใจ ทูลว่า “คนเหล่านี้พูดอะไรบ้าง?  และพวกเขามาจากไหนกันพะยะค่ะ?”

Is39Hezekiah-Babylonians

พระราชาตรัสตอบว่า “โอ.. พวกเขามาเยี่ยมเราไง  มาจากเมืองบาบิโลนซึ่งอยู่ไกลมาก “

“แล้วพวกเขาเห็นอะไรในราชวังของพระองค์บ้าง?”

“โอย… พวกเขาเห็นทุกอย่างนั่นแหละ  ไม่มีอะไรสักอย่างที่ข้าไม่ได้ให้พวกเขาชม”  พระราชาทรงตอบอย่างภูมิใจ… พระองค์ทรงมีมากมายที่จะอวดได้นี่นา

แล้วอิสยาห์จึงทูลพระองค์ว่า “ขอพระราชาทรงฟังพระดำรัสของพระเจ้า  ดูเถอะ     วันหนึ่ง ทรัพย์สมบัติทุกอย่างในพระคลัง และทุกอย่างที่บรรพบุรุษได้เก็บสะสมไว้จะถูกกวาดไปบาบิโลนจนหมดสิ้น  ไม่มีอะไรเหลือเลย… พระเจ้าตรัสไว้ดังนี้

และโอรสในใส้ของพระองค์หลายคนจะถูกจับไป  และกลายเป็นขันทีในวังของกษัตริย์แห่งบาบิโลน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฮเซคียาห์จึงตรัสแก่อิสยาห์ว่า  “พระดำรัสของพระเจ้าที่ท่านอิสยาห์ว่ามานั้น ก็ดีนะ”

เพราะพระราชาทรงคิดว่า…. อย่างน้อยก็มีสันติสุขและความปลอดภัยในรัชกาลของข้า!

ราชาเฮเซคียาห์ไม่ได้คิดถึงลูกหลานเลย… ขอให้ตัวเองสบายและปลอดภัยเป็นพอ…ยังไงกันนี่?

29 มีนาคม 13 ความเป็นมาพระคัมภีร์

สิ่งที่เจ้าได้เห็นนั้น  จงเขียนไว้ในหนังสือม้วน

และส่งไปให้คริสตจักรทั้งเจ็ด

ถอดความจาก วิวรณ์ 1:11

Daily2013_3_29

ยอห์น เป็นสาวกที่สนิทกับพระเยซูมาก  เมื่อพระองค์เสด็จสู่สวรรค์แล้ว

เขายังคงประกาศเรื่องของพระองค์ให้คนทั้งหลายได้กลับมาหาพระเจ้า

จึงถูกจับตัว เนรเทศไปอยู่เกาะปัทมอส

แต่ถึงจะเป็นที่นั่น  พระเจ้าก็ยังทรงใช้เขา

พระองค์ทรงให้เขาเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

และทรงให้เขาบันทึกสิ่งที่เห็น ส่งไปให้เพื่อนคริสเตียนด้วยกันอ่าน

ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่

ไม่ว่ายอห์นจะไปอยู่ที่ไหน พระเจ้าก็ยังตรัสกับเขาได้ ใช้เขาได้

และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เราเห็นว่า พระเจ้าทรงใช้คนของพระองค์

บันทึกสิ่งที่พระองค์ปรารถนาจะตรัสกับเรา

อิสยาห์ 39-1

อิสยาห์ 39:1-2

ในเวลานั้น เมโรดัค-บาลาดัน โอรสของบาลาดันซึ่งเป็นราชาแห่งบาบิโนทรงส่งราชทูตมาพร้อมกับคำอวยพรและของขวัญมาถวายแด่ราชาเฮเซคียาห์

พระองค์ทรงได้ข่าวว่า ราชาเฮเซคียาห์ทรงล้มป่วยและบัดนี้หายดีแล้ว  การมาของราชทูตครั้งนี้ทำให้ราชาเฮเซคียาห์ทรงรู้สึกดีมาก ๆ

คงเป็นความรู้สึกแปลกมากทีเดียว  หัวหน้าของประเทศที่เป็นศัตรูกลับส่งสารมาอวยพร และยังมีของขวัญมาถวายอีก  ราชาเฮเซคียาห์ทรงรู้สึกอย่างไร  ลองคิดซิ….

ต่อมา พระองค์ได้ทรงนำราชทูตทั้งคณะไปชมท้องพระคลังในราชวัง และท้องพระคลังหลวง  ให้พวกเขาชมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง เครื่องเทศ น้ำมันมีค่า และอาวุธ …

Is39hezekiah_babylon

และแน่นอนในเวลานั้น เพื่อน ๆ ลองคิดดูว่า ราชทูตจะต้องพูดคำที่ยกยอราชาเฮเซคียาห์อย่างล้น ๆ เกิน ๆ  พระราชาเองก็หลงคำเหล่านั้นไปด้วยปรากฏว่า ไม่มีของใดที่หลุดหูหลุดตาเหล่าราชทูตนี้ไปเลย พระองค์ไม่เก็บความลับไว้สักนิด

เหมาะหรือเปล่าที่พระราชาจะทำสิ่งนี้?

เหตุใดพระองค์จึงทรงให้พวกเขาดูท้องพระคลัง? ลองจินตนาการวันนั้นที่ทั้งสองฝ่ายพบกัน… แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี่?

เวลาที่มีคนชม เวลาที่ถูกชื่นชมมากเกินไป  จะเกิดอะไรในใจของเรา ??

28 มีนาคม 13 ความเป็นมาพระคัมภีร์

จงเขียนศุภนิมิตของเจ้า 

เขียนให้ชัดเจนบนแผ่นจารึก 

เพื่อว่าคนที่ได้อ่านนั้น จะเข้าใจทันที

ถอดความจาก ฮาบากุก 2:2

Daily2013_3_28

 

ฮาบากุก เป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้า

เขาสงสัยจริงว่า

ทำไมพระเจ้าจึงทรงให้คนชั่วร้ายมาจัดการกับคนของพระองค์ที่ทำบาป

เขารอคอยพระองค์ เป็นนานสองนาน

แล้วเมื่อพระองค์ตรัสตอบเขา เขาก็สบายใจ

และพระองค์ยังทรงให้เขาบันทึกสิ่งที่เขาสนทนากับพระองค์

วันนี้เราจึงได้อ่านคำสนทนานั้นอย่างจุใจ

อ่านเรื่องของฮาบากุกได้ ที่นี่ครับ