พระคำของพระเจ้า เป็นโคมส่องสำหรับเท้าของฉัน
เป็นความสว่างให้กับทางของฉัน
ถอดความจาก สดุดี 119:105
ถอดความจาก สดุดี 119:105
อิสยาห์ 55:1-5
มาซิ ทุกคนที่กระหาย มาที่น้ำ และคนที่ไม่มีเงิน มาซื้อและกินเสีย
มาซื้อน้ำองุ่นและน้ำนม โดยไม่ต้องเสียเงิน ไม่มีราคาที่ต้องจ่าย
เราจะต้องฟังเสียงของพระเจ้า เชิญชวนให้มารับความรอดจากพระองค์ โดยไม่ต้องเสียค่า ทำไม?
หาคำตอบได้ง่าย ๆ อย่างหนึ่งคือ เพราะไม่มีอะไรที่เราจะเอาไปซื้อได้ ไม่ว่าเราจะรวยแค่ไหน เก่งแค่ไหน ดีแค่ไหน ก็ซื้อสิ่งที่พระเจ้าจะประทานให้เปล่า ๆ ไม่ได้
พระเจ้าทรงสงสารเรา
พระองค์ทรงรู้ว่า มนุษย์เราที่เป็นคนบาป ไม่อาจได้รับชีวิตจากพระองค์ได้ ถ้าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นผู้ยื่นให้เอง
เหตุใดเจ้าจึงใช้เงินไปซื้อสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร?
และลงแรงในสิ่งที่ไม่ทำให้พึงพอใจ
จงฟังเราดี ๆ และกินสิ่งที่ดี ชื่นชมกับอาหารอันโอชะ
เอียงหูมา ฟังเรา และมาหาเรา
ตั้งใจฟังเพื่อว่าวิญญาณของเจ้าจะมีชีวิต
และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า
เคยมีพันธสัญญาที่พระเจ้าประทานให้กับอับราฮัม โมเสส ดาวิด แต่ครั้งนี้พันธสัญญาคือความรอดที่พระเยซูจะทรงเป็นตัวกลางระหว่างพระเจ้ากับเรา
ความรักอันมั่นคงถาวรของเราที่มีต่อดาวิด
ดูเถิด เราทำให้เขาเป็นพยานต่อประชาชน
เป็นผู้นำ ผู้บัญชาการประชาชน
ดูเถิด เราจะเรียกชาติที่เจ้าไม่รู้จัก
และชาติที่ไม่รู้จักจะวิ่งมาหาเจ้า
เพราะพระเจ้าของเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล เพราะพระองค์ทรงให้เกียรติเจ้า
คนทั้งหลายในโลกจะวิ่งมาหา…เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดึงดูดเขามา พระเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล!
ถอดความจาก มัทธิว 5:19
พระคำตอนนี้ ลึกซึ้ง เราจะไม่แปลความไปเอง
แต่จะพูดกันตรง ๆ ตามที่เห็นตรงหน้านี้
ก่อนจะไปถึงสวรรค์ได้
ต้องเป็นผู้ที่เชื่อพระเยซูจริง ๆ
ต้องวางใจพระเยซูจึงมีชีวิตนิรันดร์
แต่จากข้อพระคำตอนนี้ เรารู้ว่า เราทุกคนทำผิด
ผู้เชื่อที่สอนคนอื่นให้ทำผิดตามตนเองนั้น
จะได้เป็นคนเล็กน้อยในแผ่นดินสวรรค์
ถ้าอยากเป็นใหญ่ พระเยซูก็ทรงให้เคล็ดลับอยู่แล้ว
อิสยาห์ 54:11-17
ก่อนหน้านี้ท่านอิสยาห์ กล่าวเปรียบอิสราเอลเหมือนกับภรรยาที่ถูกทิ้ง
แต่มาคราวนี้ ท่านกล่าวถึงเมืองที่ต้องถูกสร้างใหม่ และเป็นเมืองที่สวยงามยิ่งหนัก แม้เคยถูกทิ้งร้างเปล่ามาก่อน
โอเจ้าคนที่ถูกข่มเหงใจ คนที่ถูกพายุพัดไปมา และไม่ได้รับคำปลอบใจ
ดูเถิด เราจะสร้างเจ้าขึ้นใหม่ด้วยแร่พลวง และจะวางรากฐานด้วยพลอยไพลิน
เราจะทำหอเมืองของเจ้าด้วยหินโมรา
เราจะสร้างประตูเมืองด้วยพลอยแดง
และกำแพงเมืองของเจ้าจะเต็มด้วยอัญมณีอันมีค่า
พระเจ้าทรงสัญญาเมืองใหม่ที่งดงามยิ่งนัก เรื่องนี้มีปรากฏในพระธรรมวิวรณ์ 21:18-21 ด้วย แต่… ที่เลิศไปกว่านั้นก็
คำสอนจากพระเจ้าโดยตรง สันติสุข ความชอบธรรม
ลูกหลานของเจ้าจะได้รับคำสอนจากพระเจ้า พวกเขาจะมีสันติสุขยิ่งใหญ่นัก
เจ้าจะได้รับการแต่งตั้งไว้ในความชอบธรรม และจะไม่ต้องพบกับการกดขี่
เจ้าจะไม่ต้องกลัว เจ้าจะอยู่ห่างความรุนแรง มันจะไม่มาใกล้เจ้า
หากใครสักคนก่อกวนให้เกิดการต่อสู้แย่งชิง มันไม่ได้มาจากเรา
คนที่ก่อกวนให้เกิดความรุนแรงจะล้มลงเพราะเจ้า
ที่พระเจ้าตรัสผ่านอิสยาห์ดังนี้ พระองค์ทรงหมายถึงในเวลาที่พระองค์จะทรงครอบครอง 1000 ปี ซึ่งปรากฏรายละเอียดในวิวรณ์เช่นกัน พระธรรมวิวรณ์ 20:7-9
ดูเถิด เราได้สร้างช่างที่เป่าไฟถ่านหิน และผลิตอาวุธตามที่ประสงค์
เรายังได้สร้างคนที่ทำลายเพื่อทำลายล้าง
ไม่มีอาวุธใดที่สร้างขึ้นมาต่อต้านเจ้าจะสำเร็จได้
และเจ้าจะปิดปากทุกเสียงที่เป็นพยานต่อต้านเจ้า
นี่เป็นมรดกของเหล่าคนที่รับใช้ของพระเจ้า
และการแก้ต่างของเขามาจากเรา พระเจ้าทรงประกาศ
ถอดความจากมัทธิว 5: 19
ถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านหนังสืออิสยาห์ต่อ ๆ กันมาหลายวัน
จะเห็นว่า อิสยาห์ซึ่งเป็นพระคัมภีร์เดิม ได้กล่าวถึงพระเยซูไว้มากมาย
เป็นการกล่าวล่วงหน้าก่อนสิ่งต่าง ๆ จะเกิดขึ้นหลายร้อยปี
เราไม่ควรมองว่า พระคัมภีร์ใหม่มาลบล้างพระคัมภีร์เดิม
แต่จริง ๆ แล้ว ได้ช่วยบอกเราว่า สิ่งที่ผู้รับใช่โบราณกล่าวนั้น สำเร็จอย่างไรบ้าง
และพระเยซูเอง ทรงมาเป็นผู้ทำให้คำกล่าวของพระเจ้าในสมัยโบราณนั้น
สำเร็จทุกประการ!
อิสยาห์ 54:6-10
เพราะว่าพระเจ้าทรงเรียกเจ้า เหมือนกับเรียกภรรยาที่ถูกทอดทิ้งที่มีความทุกข์โศกเป็นอย่างยิ่ง
เหมือนกับเรียกภรรยาที่ถูกทิ้งตั้งแต่ยังสาว” พระเจ้าตรัสดังนี้
“เพราะว่า เราได้ทิ้งเจ้าเพียงชั่วเดี๋ยวเดียว แต่เราจะรวบรวมเจ้ากลับมาด้วยความสงสารเป็นอย่างยิ่ง
ชั่วครู่หนึ่งที่เราเมินหน้าของเราไปจากเจ้าเพราะเราโกรธมาก
แต่เรายังสงสารเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ของเรา “
พระเจ้าผู้ไถ่ของเจ้าตรัสด้งนี้
การที่อิสราเอลตกเป็นของบาบิโลน ก็เหมือนภรรยาที่ถูกสามีปฏิเสธ แต่มันก็จะเป็นเพียงระยะสั้น ๆ เพราะว่า พระเจ้าจะทรงหันกลับมาช่วยพวกเขา
เรื่องนี้ ก็เหมือนสมัยของโนอาห์
เราได้ปฏิญาณไว้ว่าน้ำที่ท่วมโลกสมัยของเขา จะไม่ท่วมโลกอีกเลยอย่างไร
เราก็ปฏิญาณว่า เราจะไม่โกรธเจ้าและทำโทษเจ้าอีกต่อไปเช่นนั้น
พระเจ้าทรงสัญญากับอิสราเอลอีก ….
เพราะถึงแม้ว่าภูเขาจะเขยื้อนจากไป
และเนินเขาก็เคลื่อนออกจากกัน แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่พรากไปจากเจ้า
และพันธสัญญาแห่งสันตินั้นก็จะไม่ถูกย้ายออกไป”
พระเจ้าผู้ทรงสงสารเจ้าตรัสดังนี้
ถอดความจากเอสเธอร์ 10:3
เมื่อกลับถึงบ้าน หลังจากต้องร้องชมเชยโมรเดคัยทั้งวัน ทั้งเมือง
“ไม่ไหวแล้ว ข้าทนไม่ได้ ทำไมพระราชาต้องให้ข้าแห่โมรเดคัยรอบเมือง”
ฮามานถึงกับร้องไห้ คร่ำครวญ
“เสียศักดิ์ศรีจริง ๆ เราจะยอมมันอย่างนี้หรือท่านฮามาน” ภรรยาของฮามานเดือดร้อนแทน
“วันก่อน เราอุตส่าห์ทำตะแลงแกงที่แขวนคอโมรเดคัยเตรียมไว้ เราอุตส่าห์รอวันที่จะทูลให้พระราชาสั่งแขวนคอมัน!”
“แล้วท่านกลับต้องให้เกียรติมัน โอ ….นี่มันอะไรกัน?? ” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ทำไมแผนของข้าจึงล้มเหลว?”
“ถ้าท่านเริ่มต้นล้มลงต่อหน้าเขาอย่างนี้ ท่านไม่มีวันชนะเขาแน่” เพื่อนอีกคนกล่าว
จริงอย่างคำของเพื่อน วันต่อมา ในงานเลี้ยงของพระราชินี
พระนางได้ทูลพระราชาถึงแผนการชั่วของฮามานที่ต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยิว
พระราชาทรงโกรธจัด ถึงกับทรงลุกขึ้นจากงานเลี้ยงเมื่อทรงรู้ว่า ฮามาน คือคนที่ตั้งใจทำลายคนไม่พอ
ทำให้พระองค์ทรงเสียพระเกียรติอีกด้วย
คืนนั้นเอง … ฮามานจึงถูกแขวนคอด้วยตะแลงแกงที่เขาเตรียมให้โมรเดคัย
สมดังคำพูดของเพื่อนที่บอกไว้ล่วงหน้า
เรื่องราวของเอสเธอร์ เราไม่ทราบว่าผู้ใดเขียน ตรง ๆ แต่…
น่าจะเป็นท่านโมรเดคัย…
เพราะท่านได้บันทึกเรื่องและส่งไปให้ไปยังยิวทั้งปวง
เราจึงได้รับรู้เรื่องราวที่พระเจ้าทรงช่วยให้คนอิสราเอลพ้นภัยร้ายในครั้งนี้ด้วยความโล่งใจ
อิสยาห์ 54:1-5
“โอ หญิงที่เป็นหมัน คนที่ไม่ได้มีบุตร จงร้องเพลงออกมาและร้องเสียงดัง
คนที่ไม่เคยคลอดลูก
เพราะว่า ลูกๆ ของผู้หญิงที่ไม่มีครอบครัวจะมีจำนวนมากกว่าลูก ๆ ของหญิงที่แต่งงาน”
พระเจ้าตรัสเช่นนี้
คำว่าหญิงที่เป็นหมัน คืออิสราเอลในยามที่ถูกจับไปเป็นเชลย เวลาที่พวกเขาต้องถูกเหยี่ยดหยาม ย่ำยี ก็เป็นเหมือนคนที่ไร้บุตร
จงขยายกระโจมของเจ้า ขยายมันออกมา
และให้ม่านขึงกระโจมนั้นขึงกางออกไปมากขึ้น
อย่าเก็บมันเอาไว้ ขยายเส้นเชือก และทำให้หมุดปักแข็งแรงขึ้นอีก
เพราะว่าเจ้าจะขยายออกไปข้าง ๆ ทั้งทางขวาและทางซ้าย
และลูกหลานของเจ้าจะครอบครองประชาชาติ ในเมืองร้างก็จะมีคนอยู่
แต่พระเจ้ากลับทรงสัญญาว่า พวกเขาจะได้รับการรื้อฟื้นใหม่ ให้ร้องเพลงออกมาเสียงดังได้เลย ในอนาคตพวกเขาต้องการที่กว้างขึ้นเพราะลูกหลานจะมากขึ้น
เมื่อพระเจ้าทรงครอบครองในอนาคต เป็นการครอบครองทั้งโลก ไม่ใช่เจาะอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แม้วันนี้ ก็มีคนเชื่อวางใจในพระเจ้าทั้งโลก อยู่ทุกมุมโลกแม้ยังมีบางส่วนที่อาจจะยังไม่ได้ยินเรื่องของพระองค์ แต่ผู้ที่เชื่อพระเจ้าก็ยังคงแน่วแน่ที่จะให้คนทั้งโลกได้รู้จักพระเจ้า
อย่ากลัว เพราะเจ้าจะไม่ต้องอาย อย่ารู้สึกสับสน
เพราะเจ้าจะไม่ต้องถูกเหยียดหยาม
เจ้าจะลืมความอายในวัยรุ่น และการที่ถูกคนตำหนิที่เจ้าเป็นม่าย
เพราะว่า องค์พระผู้สร้างทรงเป็นสามีของเจ้า
พระนามของพระองค์คือ พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ
และองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลทรงเป็นผู้ไถ่ของเจ้า
พวกเขาเคยเป็นทั้งทาสในอียิปต์ และเชลยในบาบิโลน แต่…เมื่อพระเจ้าทรงมีความสัมพันธ์กับเขา ในฐานะสามี ผู้บัญชาการกองทัพ และพระผู้ไถ่ ความอับอายเหล่านั้นก็จะหมดไป
ถอดความจาก เอสเธอร์ 5:3
สามวันต่อมา พระนางเอสเธอร์ทรงฉลองพระองค์งดงามมาก ทรงไปยืนในโถงที่พระราชาจะเสด็จผ่านมา
และเมื่อพระราชาเห็นพระนาง ก็ปลาบปลื้มเพราะความงาม และทรงยื่นคทาให้พระนางแตะ
ทรงยิ้ม และ ทรงถามไถ่ว่าพระนางประสงค์สิ่งใด ทรงยินดีให้ถึงครึ่งอาณาจักร!
แล้วพระองค์ก็ต้องประหลาดใจเพราะพระนางเพียงขอเชิญพระราชาและฮามานไปในงานเลี้ยงของพระนาง
การขอเช่นนี้ ทำให้พระราชาทรงยินดีอย่างยิ่ง
ทั้งสิริโฉมงดงาม ทั้งมีน้ำใจดี …… พระองค์ไม่ทรงทราบเลยว่า พระราชินีทรงมีแผนการอะไร
เขาได้รับเชิญไปในงานเลี้ยงส่วนพระองค์ เขารู้สึกว่า ตนเองนั้นยอดมาก
พระราชินีทรงเชิญเขาอีกครั้ง ทำให้ยิ่งปลาบปลื้มเข้าไปอีก
มีเรื่องเดียวที่ขัดใจฮามานที่สุดคือ โมรเดคัยผู้ไม่ยอมก้มหัวให้
แถมคืนก่อนที่จะไปงานเลี้ยงอีกครั้งนั้น พระราชาเกิดบรรทมไม่หลับ
อ่านบันทึกต่าง ๆ แล้วพบว่า โมรเดคัยเคยช่วยชีวิตพระองค์ไว้
เช้ามาจึงทรงสั่งให้ฮามานนำโมรเดคัยแห่รอบเมือง
โห… ยิ่งโกรธเข้าไปอีก แม้ไปในงานเลี้ยงวันที่สองนั้นก็ยิ่งขุ่นมัว
อิสยาห์ 53:6-12
เราทุกคนเป็นเหมือนแกะที่หลงทางกระเจิดกระเจิงไป เรา เราทุกคนต่างหันไปตามทางของตัวเอง และพระเจ้าได้วางความผิด การล่วงละเมิดของเราทุกคนไว้บนตัวเขา
เขาถูกกดดัน ถูกทรมาน แต่เขาก็ไม่ปริปากสักนิด ราวกับลูกแกะที่ถูกพาไปฆ่า นิ่งเงียบเหมือนกับแกะที่อยู่ต่อหน้าคนตัดขนแกะ เขาไม่ปริปากของเขาเลย
เขาถูกนำไปโดยการกดขี่และพิพากษาลงโทษ และสำหรับเชื้อสายของเขา ใครจะคิดว่า เขาถูกตัดออกจากดินแดนของคนที่มีชีวิตอยู่ ต้องถูกลงโทษหนักเพราะการล่วงละเมิดของประชากรของเรา?
มีการจัดถ้ำเก็บศพของเขาพร้อมไปกับคนชั่ว และคนมั่งคั่ง แม้ว่าเขาไม่ได้ทำสิ่งที่รุนแรง ไม่มีคำหลอกลวงออกจากปากของเขา
แต่ก็เป็นพระทัยของพระเจ้าที่จะบดขยี้เขา และทำให้เขาต้องเศร้าโศกยิ่ง เมื่อวิญญาณของเขากลายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป เขาก็จะเห็นพงศ์พันธุ์ของเขา เขาจะยืดวันเวลาของเขาออกไป และน้ำพระทัยของพระเจ้าจะรุ่งเรืองในมือของเขา เขาจะเห็นผลจากความเจ็บปวดรวดร้าว วิญญาณของเขา และเขาจะพอใจ
ผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่สมควรจะต้องตาย แต่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เขาต้องตาย เขาเป็นลูกแกะของพระเจ้าที่ถูกนำไปฆ่าเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
และเครื่องบูชาที่มีชีวิตนี้ เป็นเครื่องบูชาที่ถวายเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเป็นพอ ไม่ต้องถูกฆ่าแล้วฆ่าอีก
เขาผู้ชอบธรรมคนนี้ ผู้รับใช้ของเราคนนี้ ด้วยความรู้ของเขา จะทำให้คนอื่นอีกมากมายได้ถูกนับว่าเป็นคนชอบธรรม และเขาจะรับแบกบาปของคนเหล่านั้น และเขาจะแบ่งสิ่งที่ริบมาได้ในหมู่คนเข้มแข็ง
ผู้รับใช้ของพระเจ้ารู้ว่า จะต้องทำอะไรเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องบาปของมนุษยชาติ
เพราะว่า เขาได้เทวิญญาณของเขาลงจนถึงแก่ความตาย และถูกนับรวมเข้ากับคนทรยศ
ถึงกระนั้น เขาได้แบกบาปของคนมากมายและอธิษฐานวิงวอนเพื่อคนที่ล่วงละเมิด
แม้ทุกวันนี้ เขายังคงอธิษฐานเผื่อผู้ที่เป็นคนบาป….
ถอดความจากเอสเธอร์ 4:16
พระราชินีเอสเธอร์ส่งขันทีของพระนางไปถามไถ่เรื่องราว
จึงทราบมาว่า ฮามานต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวทั้งหมด
พระนางตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะมีคนทำเช่นนั้น
แต่มีหลักฐานมาจากโมรเดคัยด้วย นั่นก็คือสำเนากฤษฎีกาที่สั่งให้ทำลายยิว
ท่านยังบอกจำนวนเงินที่ฮามานถวายพระราชาอีก
“ท่านช่วยทูลพระนางให้เข้าเฝ้าพระราชาด่วน เพื่อจะช่วยให้ชนชาติของเรารอด”
โมรเดคัยกำชับขันที
เมื่อทรงทราบเรื่องราวทั้งหมด พระนางส่งข่าวไปอีกว่า
หากใครเข้าเฝ้าพระราชาโดยไม่ได้ทรงเรียก จะมีโทษถึงตาย
สิ่งที่โมรเดคัยตอบมาก็คือ “อย่าคิดว่า พระนางจะรอด เพราะพระนางก็เป็นยิว
ถ้าพระนางไม่ทำ ความช่วยเหลือจะมาจากที่อื่น
แต่ที่พระนางได้มาเป็นพระราชินี ทั้ง ๆ ที่เป็นยิว
ใครจะรู้…. อาจเป็นเพราะพระเจ้าทรงเตรียมเธอไว้ ”
ได้ยินดังนั้น ราชินีเอสเธอร์จึงตระหนักว่า ที่เธอได้เป็นราชินีเพราะว่า พระเจ้าทรงส่งมา
“ถ้าอย่างนั้น ให้ยิวทุกคนอธิษฐานอดอาหารสามวันเพื่อฉัน
ฉันจะอดอาหารด้วย … แล้วฉันจะเข้าเฝ้าพระราชา
แม้ว่าจะเป็นการทำผิดกฎหมายของพระราชา
ถ้าฉันจะต้องตาย ก็ขอให้ฉันตาย”
อิสยาห์ 53:1-5
แม้คำที่จะอ่านต่อไปนี้ อิสยาห์กำลังกล่าวกับคนยูดาห์…
แต่ก็เหมือนท่านกล่าวกับเราด้วย เป็นพระคำที่ถือได้ว่า สุดยอด ในอิสยาห์ทั้งหมด
และเป็นพระคำที่พันธสัญญาใหม่กล่าวถึงมากที่สุด
น่าแปลกที่เมื่อพระเจ้าเปิดเผยแขนคู่นั้น
เป็นแขนธรรมดาของชายผู้หนึ่งที่เป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ในคนเดียวกัน เขาเป็นคนที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน
เมื่อเขายังเล็ก เติบโตขึ้นมา ก็เป็นภาพที่ธรรมดา เช่นกัน พระเจ้าไม่ได้ใช้ผู้ที่ดูแข็งแรง กำยำ ล่ำสัน สิ่งที่อิสยาห์พูดทำให้เรารู้ว่า ผู้รับใช้ของพระเจ้าท่านนี้ เกิดมาอยู่ท่ามกลางผู้คนที่สภาพฝ่ายวิญญาณกำลังแห้งผากเหมือนดินแห้ง
ผู้ที่น่าจะมาเป็นคนช่วยให้มนุษย์พ้นจากบาป น่าจะดูแกร่งเหมือนซุปเปอร์แมน แต่พระเจ้าไม่ได้ส่งผู้ช่วยแบบนั้นมา ที่เขาถูกดูหมิ่นนั้น เพราะคนมองว่า เขาไร้ค่า! และก็แปลกจริง ที่พระนามของพระเยซูเป็นพระนามที่ชาวยิวมากมายเกลียดชัง ตั้งแต่พระองค์ปรากฏ จนกระทั่งทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก
ภาพจากhttp://www.photoinpixel.com/picture/1024×768/jesus-christ-cross-wallpaper-16517.html
นี่เป็นความคิดของคนทั่ว ๆ ไปใช่ไหม ที่ใครคนหนึ่งเป็นทุกข์ ต้องทรมาน ก็เป็นเพราะเขาทำตัวเอง แต่ในกรณีของพระเยซูกลับไม่ใช่ …. พระองค์มาเอาความบาป ชั่ว ความผิดของเราไปและรับโทษทัณฑ์แทนเราทั้งหมด
เขาถูกบดขยี้เพราะความชั่วร้ายบาปผิดของเราการลงโทษไปตกอยู่ที่เขา
แทง… บดขยี้ ไม่ใช่คำที่ฟังแล้วสบาย แต่เจ็บปวด เป็นการที่ฝ่ายหนึ่งถูกอีกฝ่ายกระทำทารุณกรรม … พวกเราลองไตร่ตรองและคิดถึงข้อนี้นาน ๆ อย่าเพิ่งรีบไป …….
พระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลังการที่พระบุตรของพระองค์ถูกโบย
พระเจ้าทรงยอมให้เกิดขึ้นกับพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
ทรงรู้ ทรงเห็นทั้งสิ้น…. พระเจ้าข้า…ขอบคุณที่พระองค์ทรงยอมทำกับพระบุตรที่รักเยี่ยงนี้ เพื่อให้พวกเราได้พ้นบาป
ถอดความจาก เอสเธอร์ 3:6
ในสมัยที่ราชาเซอร์เซสปกครองในเปอร์เซียที่เมืองป้อมสุสาอยู่นั้น
มีข้าราชการคนหนึ่ง ชื่อฮามาน เป็นคนโอหังมาก
มีชาวยิวชื่อโมรเดคัย เป็นยามนั่งเฝ้าประตูราชวัง
ไม่เคยก้มหัว ทำความเคารพเขาสักนิด ทำให้เขาโกรธจัด
ดังนั้น จึงหาทางกำจัดโมรเดคัยอย่างแนบเนียน
ไปทูลขอให้พระราชา สั่งสังหารชาวยิวทุกคนในเปอร์เซีย
ถึงกับถวายสินบนให้กับพระราชาหน้าตาเฉย
ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระราชา
ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างเขาเสีย
ข้าบาทจะถวายเงินอีก 10000 ตะลันต์ให้กับข้าราชการผู้ดุแล
เพื่อเขาจะได้ใส่ในคลังของพระองค์
ซึ่งหมายถึงว่า โมรเดคัยก็จะไม่พ้นการล้างฆ่าเผ่าพันธุ์ครั้งนี้
เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวเมืองร้อนใจไปตาม ๆ กัน
วันนัดหมายที่จะฆ่าคนยิวนั้นคือวันที่ 13 เดือน 12
เขาสั่งทำลายสังหารทั้งเด็กผู้ใหญ่ ผู้หญิงในวันเดียวกันให้หมด!!
โมรเดคัยเองตกใจมากกับเหตุการณ์นี้ เขาฉีกเสื้อตัวเอง สวมผ้ากระสอบ
โรยขี้เถ้าใส่หัวตัวเอง ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังกลางเมือง
ไม่ว่ากฤษฎีกาฉบับนี้ไปถึงเมืองไหน
ชาวยิวในเมืองนั้นก็จะอดอาหาร ฉีกเสื้อ สวมผ้ากระสอบร้องไห้เช่นกัน
ความนี้ รู้ไปถึงพระราชินีเอสเธอร์……..
อิสยาห์ 52:13-15
สิ่งที่อิสยาห์กล่าวต่อไปนี้ กล่าวล่วงหน้าก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงหลายร้อยปี
พระองค์ทรงถูกแทงเพราะบาปของเรา
ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะทรงปัญญา และเขาจะไปในที่สูง ถูกยกเทิดทูนขึ้น จะได้รับการยกย่องอย่างสูง
อิสยาห์กล่าวถึงผู้รับใช้ของพระเจ้าท่านนี้ เหมือนว่า พระองค์จะถูกตรึง เป็นขึ้นมา และกลับไปยังสวรรค์ที่ประทับของพระเจ้า…… ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากองค์ผู้รับใช้ที่ทรงปัญญาล้ำเลิศ พระองค์ทรงทำทุกอย่างด้วยความสุขุมพร้อมปัญญา แม้ยามที่ทรงถูกจับไปตรึงบนไม้กางเขน
แต่จะมีหลายคนประหลาดใจเพราะเขา…
รูปร่างของเขานั้นเสียรูปไปแล้ว ไม่เหมือนมนุษย์
รูปร่างเสียทรงจนแทบไม่เหมือนลูกหลานของมนุษย์
ผู้รับใช้ท่านนี้ จะต้องเผชิญกับความอับอายเป็นที่สุด แทนที่จะดูว่าเป็นคนที่แข็งแรง เอาชนะได้ทุกอย่าง กลับกลายเป็นผู้ที่ดูเหมือนเป็นผู้แพ้ พระองค์ทรงผ่านการโบย การตี การทำทารุณหลายประการ จนรูปร่างของพระองค์แทบไม่เป็นผู้เป็นคน อิสยาห์กำลังบอกล่วงหน้าว่า การทนทุกข์ทรมานของพระองค์นั้น เหลือที่จะทนทาน
เหล่าประชาชาติทั้งหลายจะตกตะลึง (หรือประพรม) ผงะไป
เหล่ากษัตริย์ทั้งหลายจะต้องนิ่งเพราะเขา
เพราะได้เห็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยเล่าขานให้ฟัง
และสิ่งที่เขาไม่ได้ยินนั้น เขาก็เข้าใจ
บนไม้กางเขน ผู้รับใช้ของพระเจ้ายังคงทำหน้าที่เป็นปุโรหิต ที่เอาเลือดประพรมคนทั้งหลาย ด้วยเลือดและน้ำ เพื่อให้พวกเขาได้สะอาดจากบาป แต่ในเวลานั้น บาปของคนทั้งโลกก็มาท่วมโถมอยู่ที่พระองค์
ถอดความจาก สดุดี 38:21
อิสยาห์ 52:7-12
ดูซิบนภูเขาต่าง ๆ นั้น เท้าของคนที่นำข่าวดีมาก็งามจริง ๆ เขาเป็นคนประกาศสันติสุข นำข่าวดีแห่งความสุข ข่าวดีเรื่องความรอด เขากล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของเจ้าทรงครอบครอง”
ที่อิสยาห์ชมว่า เท้าของผู้สื่อข่าวดีนั้นงามนัก เป็นเพราะเขามาบอกข่าวชั้นยอด คือสันติสุข ความสุข ความรอด ซึ่งถ้าเราหันมามองในปัจจุบัน เราไม่ค่อยจะเจอข่าวดีเท่าไรเลย …. ข่าวดีนี้ เป็นข่าวดีที่สุดในโลก ที่สุดของทุกยุคสมัย
ภาพถ่ายโดย mcandrea มารีย์ แคล์ร แอนเดรีย
www.marieclaireandrea.com
ได้ยินเสียงของคนยาม พวกเขาร้องออกมา และเขาร้องเพลงแห่งความยินดีพร้อม ๆ กัน เพราะเขาได้เห็นกับตาของตัวเองว่า พระเจ้าทรงกลับมายังศิโยน
มาร้องเพลงกัน เจ้าที่รกร้างแห่งเยรูซาเล็ม
มาเถอะเพราะว่า พระเจ้าได้ทรงปลอบใจคนของพระองค์ พระองค์ทรงไถ่นครเยรูซาเล็ม
ตอนนี้ พวกเขาพากันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยกัน เพราะว่า แทนที่จะเป็นเชลยต่อไป บัดนี้พวกเขาจะได้เป็นอิสระแล้ว
พระเจ้าทรงพับแขนเสื้อของพระองค์ ต่อหน้าต่อตาเหล่าประชาชาติ พวกเขาเห็นพระกรอันบริสุทธิ์ของพระองค์ และคนที่อยู่ไกลไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก ก็ได้เห็นความรอดของพระเจ้า
ทั้งโลกจะได้เห็นความรอดของพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงพับแขนเสื้อ พวกเขาจะได้เห็นอำนาจอันสูงสุดที่พระองค์ทรงทำได้ทุกอย่าง
ออกไป ออกไปจากที่นั่น อย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด
ออกมาจากท่ามกลางพวกเขา และชำระตัวให้สะอาด เจ้าผู้ถือภาชนะอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า
เพราะว่า เจ้าจะไม่ต้องออกไปอย่างรีบเร่ง
เจ้าจะไม่ต้องหนีออกไป เพราะว่า พระเจ้าจะทรงนำหน้าเจ้าไป และพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะระวังหลังให้เจ้าด้วย!
เขาจะตอบรับความรอดของพระเจ้าด้วยการมีชีวิตที่บริสุทธิ์ สะอาดไม่แตะต้องสิ่งสกปรกในชีวิตต่อไป
ถอดความจากมัทธิว 5:17
มีพวกฟาริสี ธรรมาจารย์ มองว่า พระเยซูทรงต่อต้านธรรมบัญญัติของพระเจ้า
พวกเขามักแปลพระธรรมของพระเจ้าเบี่ยงเบน เอาประโยชน์เข้าตัวเอง
พวกเขาทำให้คนที่ยากจน ขัดสน แม่ม่าย ลูกกำพร้าถูกกดขี่มากขึ้นไปอีก
เมื่อพระเยซูมา พระองค์ทรงทำให้พระคำของพระเจ้าชัดเจน
เป็นพระธรรมที่ยุติธรรม ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด
ฟาริสี ธรรมาจารย์จึงไม่ชอบพระเยซู และพูดให้คนเข้าใจพระองค์ไปผิด ๆ
อีกอย่าง พระคำของพระเจ้าจากพระคัมภีร์เดิมมีมากมายที่ต้องมาสำเร็จด้วยพระเยซู
อิสยาห์ 52:1-6
โอ ศิโยนเอ๋ย จงตื่นเถิด ตื่นขึ้นเถอะนะ จงรวบรวมกำลัง
โอ เยรูซาเล็ม นครที่บริสุทธิ์ จงสวมเสื้อผ้าอันงดงามของเจ้า
เพราะว่า ผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัต และผู้ที่ไม่สะอาด จะไม่มาหาเจ้าอีกต่อไป
พระเจ้าทรงเรียกคนของพระองค์ออกจากอาการเมา ให้สวมเสื้อแ่ห่งศักดิ์ศรี เพราะว่า คนที่เป็นศัตรูจะไม่มาทำลายพวกเขาได้อีกต่อไป
โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงสลัดฝุ่นผงออกจากตัวเจ้า ลุกขึ้น และก็นั่งลง
โอ ลูกสาวของศิโยนที่เป็นเชลย จงแกะตัวเจ้าออกจากปลอกคอของเจ้า
เพราะพระเจ้าตรัสว่า “เจ้าถูกขายโดยไม่ได้อะไรเลย และเจ้าจะได้รับการไถ่โดยไม่ต้องใช้เงิน”
คนอิสราเอลกลายไปเป็นทาสในต่างประเทศ ทำงานโดยไม่ได้อะไรตอบแทน
เพราะพระเจ้าตรัสด้งนี้ว่า ” ตอนแรก คนของเราได้ลงไปในอียิปต์เพื่อพักอาศัยอยู่ที่นั่น และอัสซีเรียก็ได้กดขี่เขาเปล่า ๆ
“ดังนั้น บัดนี้ สิ่งที่เรามีตรงนี้ ” พระเจ้าทรงประกาศ ” เห็นแล้วว่า คนของเราถูกจับไปเป็นเชลยเปล่า ๆ ผู้ที่ปกครองพวกเขาก็ร้องโหยหวน”
“และพวกเขาหยามเหยียดนามของเราทั้งวันไม่หยุดหย่อน ดังนั้น คนของเราจะรู้จักชื่อของเรา
ดังนั้นในวันนั้น พวกเขาจะรู้ว่า เราเป็นผู้ตรัส และเราก็อยู่ตรงนี้!”
ตราบใดที่อิสราเอลเป็นเชลย คนที่ปกครองพวกเขาก็จะดูหมิ่นเหยียดหยามพวกเขา และพระเจ้าของพวกเขาไม่ล้มเลิก พระเจ้าจึงทรงไถ่พวกเขาเพื่อเห็นแก่พระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ เพื่อพิสูจน์ว่า พระองค์นั้น ทรงเป็นจริง ทรงซื่อตรงต่อพวกเขา ทรงฤทธิ์อำนาจสูงสุด
ในวันของพระเจ้า เขาจะรู้ว่า พระองค์นี่แหละที่ตรัสว่า เราเป็นซึ่งเราเป็น
ถอดความจาก มัทธิว 5:16
ความสว่างนั้น มีหลายระดับ … สว่างที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่ เจิดจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด
แต่พระเจ้าทรงให้เราเป็นแสงสว่างด้วย
สว่างนั้น ต้องมีต้นตอมาจากพระองค์ จึงจะเป็นความสว่างสมบูรณ์แบบ
ไม่มีวันหมด … และประโยชน์ก็มากมายเกินคนเดียวจะเล่าได้
ความดีนั้น ต้องมีต้นตอมาจากพระเยซูคริสต์ จึงจะเป็นความดีสมบูรณ์แบบเช่นกัน
อิสยาห์ 51:17-22
โอเยรูซาเล็ม ตื่นขึ้น ปลุกตัวเอง ยืนขึ้นเถิด เจ้าเมาไปแล้วเพราะสิ่งที่พระเจ้าทรงยื่นให้ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์
เจ้าได้ดื่มจนหยดสุดท้าย เจ้าเดินโซไปเซมา สะเปะสะปะ
ไม่มีใครเลยที่จะพาเจ้าไป แม้จากคนที่เป็นเพื่อน และลูก ๆ ที่เจ้าเกิดพวกเขามา ไม่มีลูกชายคนไหนที่เธอเลี้ยงดู มาจูงมือเธอเลย
อิสราเอลต้องเจอกับพระพิโรธของพระเจ้า พวกเขาต้องตกไปเป็นเชลยโดยไม่มีใครช่่วย แต่พระเจ้าทรงบอกว่า มันจะมีวันจบลง
มีสองอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้า แล้วใครจะปลอบใจเจ้า?
เจ้าถูกทำลายล้าง พินาศ มีทั้งการกันดารอาหาร และดาบสังหาร ใครจะเป็นคนที่ปลอบโยนเจ้า?
สองอย่างคือ พวกเขาถูกทำลายทรัพย์สิน บ้านเรือน เมือง และยังสูญเสียชีวิตคนด้วย
ลูกชายของเจ้าสลบเหมือน พวกเขาล้มลงอยู่หัวถนน
ราวกับละมั่งติดกับตาข่าย
ดื่มความโกรธของพระเจ้าจนล้มลง
ผู้คนไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต่างหมดแรง ล้มลง ไม่อาจสู้กับศัตรูได้
ฉะนั้น จงฟัง เจ้าคนที่กำลังทรมาน เจ้าเมา แต่ไม่ใช่เพราะเหล้าองุ่น ดังนั้น พระเจ้าของเจ้า องค์พระเจ้า พระเจ้าผู้ปกป้องคนของพระองค์ ตรัสว่า
“ดูเถอะ เราได้เอาถ้วยที่ทำให้เจ้าเดินสะเปะสะปะออกไปจากมือของเจ้า เจ้าจะไม่ต้องดื่มจากถ้วยของความโกรธของเราอีกต่อไป และเราจะเอาถ้วยนั้นใส่ในมือของคนที่กดขี่ทรมานเจ้า คนที่ให้เจ้านอนลงติดดิน เพื่อจะได้เดินย่ำบนตัวเจ้าเหมือนเดินบนถนน”
คำสุดท้ายของพระเจ้านี่น่าสนใจจริง ๆ ….. ความรักของพระเจ้าดำรงเป็นนิตย์….