อิสยาห์ 14-5

อิยาห์ 14:24-27

คำกล่าวถึงอัสซีเรีย

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพได้ทรงปฏิญาณไว้ “สิ่งที่เราวางแผนไว้ จะสำเร็จผล  และสิ่งที่เรามุ่งหวัง จะยืนมั่นคง เราจะทำลายคนอัสซีเรียในแผ่นดินของเรา  และบนภูเขาของเรา เราจะย่ำพวกเขาให้อยู่ใต้เท้าของเรา

แอกของเขาออกจะไปจากเขา  ภาระของเขาจะไปจากบ่าของเขา

นี่เป็นความมุ่งหมาย ซึ่งเป็นความมุ่งหมายสำหรับคนทั่วโลก

และนี่เป็นพระหัตถ์ที่ยื่นออกมาเหนือประชาชาติทั้งปวง

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ ทรงประสงค์ ใครจะมาทำลายได้ล่ะ?

อาณาจักรอัสซีเรีย ปีที่ 900-600 ก่อนคริสตศักราชภาพจากbible-history.com
อาณาจักรอัสซีเรีย ปีที่ 900-600 ก่อนคริสตศักราช
ภาพจากbible-history.com

พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงเหยียดออกมา  ผู้ใดจะหันกลับได้?

พระคัมภีร์ตอนนี้ ทำให้เราได้เห็นว่า พระเจ้าทรงอยู่เหนือความต้องการของกษัตริย์ และผู้ปกครองใด ๆ   พระองค์ทรงมีแผนอย่างไร ก็จะทรงทำเช่นนั้น   

ก่อนหน้าที่จะกล่าวถึงอัสซีเรีย  พระเจ้าทรงกล่าวถึงราชาแห่งบาบิโลนที่จะตกต่ำลง ซึ่งมีความหมายถึงลูซิเฟอร์  ผู้ที่เคยมีอำนาจสูงนัก แต่แล้วในอนาคต เขาจะต้องตกลงไปสู่เบื้องล่่าง 

พอย้อนกลับมาอัสซีเรีย   อิสยาห์ได้ย้ำถึงการที่อัสซีเรียเองจะถูกพระเจ้าพิพากษาลงโทษ  และเมื่อพระเจ้าทรงตั้งพระทัยจะทำสิ่งนี้ ก็ไม่มีใครห้ามพระองค์ได้ 

 

 

 

อิสยาห์ 14-4

อิสยาห์ 14:18-23

เหล่ากษัตริย์แห่งบรรดาประชาชาติได้นอนลงด้วยศักดิ์ศรีในหลุมศพของแต่ละท่าน    แต่เจ้ากลับถูกไล่ไป  ไกลจากที่ฝังศพของเจ้า เหมือนกับกิ่งที่ใคร ๆ เกลียดชังยิ่ง   เจ้าสวมเสื้อของ่่่่ดดศพซึ่งถูกแทงด้วยดาบ  คนที่ลงไปยังหินของบึงลึกนั้น  เหมือนกับร่างที่ตายแล้วถูกเหยียบย่ำ

ในขณะที่กษัตริย์องค์อื่น ๆ สิ้นชีวิตไปอย่างสงบ   แต่กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้นี้ กลับไม่สามารถนอนในหลุมศพได้!!  จำได้ไหม สองสามวันก่อนเราบอกว่า เขาจะเจอหนอนใต้เตียง และแมลงจะเป็นผ้าห่มของเขา 

ภาพวาดโดยกุสตาฟ ดอเร่
ภาพวาดโดยกุสตาฟ ดอเร่

เจ้าจะไม่ได้เข้าไปสมทบกับพวกเขาในพิธีฝังศพ  เพราะเจ้าได้ทำลายแผ่นดินของตัวเอง เจ้าได้ฆ่าคนของเจ้า…   ขอให้ลูกหลานของคนที่ทำชั่ว  ไม่มีใครเอ่ยชื่อเขาอีกต่อไป !   แม้กระทั่งคนธรรมดา ยังต้องมีพิธีศพ  แต่กษัตริย์องค์นี้หาได้มีพิธีฝังศพอันมีเกียรติไม่ 

เตรียมการสังหารบรรดาลูกชายเพราะบาปของพวกพ่อ มิฉะนั้นพวกเขาจะลุกขึ้นมาครอบครองโลก และสร้างเมืองเต็มไปหมด”

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพประกาศว่า “เราจะลุกขึ้นต่อสู้พวกเขา และจะตัดชื่อของบาบิโลน รวมทั้งคนที่เหลือ ลูกหลาน และพงศ์พันธุ์ของเขาออกไป”

และเราจะให้แผ่นดินนั้นเป็นที่อยู่ของเม่น  กลายเป็นบ่อน้ำ และเราจะกวาดมันออกไปด้วยไม้กวาดแห่งการทำลาย “พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงประกาศดังนี้

อิสยาห์ 14-3

อิสยาห์ 14:12-17

เจ้าตกลงมาจากสวรรค์  โอ ดวงดาวแห่งกลางวัน (ลูซิเฟอร์)  บุตรชายแห่งรุ่งอรุณ  ท่านถูกตัดร่วงลงมาอยู่บนพื้นดินได้อย่างไร  เจ้าผู้ทำให้ประชาชาติทั้งหลายตกต่ำ  บัดนี้ กษัตริย์แห่งบาบิโลนของโลกฝ่ายวิญญาณ ดาวกลางวันหรือลูซิเฟอร์   กำลังร่วงหล่นลงมาแล้ว ท่านอิสยาห์ได้พยากรณ์ว่า ในอนาคตผู้นี้จะร่วงหล่นลงมาให้ทุกคนได้เห็น เขาเคยรุ่งโรจน์ แต่จะมีวันที่เขาตกลงมา

เจ้าพูดในใจของตนเองว่า “เราจะขึ้นไปบนสวรรค์  เหนือบรรดาดวงดาวของพระเจ้า เราจะตั้งบัลลังก์ของเราไว้ให้สูง  และเราจะนั่งบนภูเขา อยู่กลางที่ประชุมในทางเหนือไกลโพ้น    เราจะขึ้นไปเหนือเมฆ   เราจะทำตัวเทียบเทียมองค์ผู้สูงสุด”  ไม่ได้พูดให้ใครได้ยิน เพียงพูดในใจ  แสดงว่า เขามีความตั้งใจจะทำสิ่งนั้นอย่างแน่นอน  เพื่อน ๆ ลองนับดูซิว่า เขาพูดว่า เราจะ….. กี่ครั้ง  อะไรบ้าง

แต่เจ้านะ ถูกนำลงมาต่ำถึงแดนผู้ตาย  ถึงก้นบึ้งลึกยิ่งของแดนนั้น เขาผู้นี้จะตกลงไปในนรกนั่นเอง 

ภาพโดยกุสตาฟ ดอเร่
ภาพโดยกุสตาฟ ดอเร่

คนที่เห็นเจ้าจะจ้องดูเจ้าและคิดเรื่องของเจ้า   “นี่เป็นคนที่ทำให้โลกหวั่นไหวหรือ   คนที่ทำให้อาณาจักรต่าง ๆ สะเทือน  คนที่ทำให้โลกกลายเป็นเหมือนทะเลทราย  และได้ล้มล้างอำนาจของเจ้าเมืองทั้งหลาย  คนที่ไม่ยอมปล่่อยเชลยกลับบ้านไป ?

คนทั้งหลายจะมองดูการล้มลงของลูซิเฟอร์ผู้นี้  และตระหนักว่า มันไม่มีอำนาจเหลืออยู่เลย…..

 

อิสยาห์ 14-2

อิสยาห์ 14:7-11
มารู้จักกับกษัตริย์แห่งบาบิโลนทางฝ่ายวิญญาณกันบ้าง ในสมัยโบราณนั้น มีกษัตริย์แห่งบาบิโลนที่เป็นมนุษย์ แต่ยังมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น เพราะกษัตริย์แห่งบาบิโลนฝ่ายวิญญาณก็คือ ซาตานซึ่งเป็นศัตรูของพระเจ้านั่นเอง
คราวนี้ ท่านอิสยาห์ได้กล่าวถึงใครคนหนึ่งที่อ่านแล้วอาจจะงง แต่อ่านไป ๆ จะรู้ว่าเขาคือใคร

ทั้งโลกจะพักผ่อน สงบเงียบ เขาออกมาร้องเพลง ต้นไซเปรสก็ยินดีเพราะเจ้า ต้นเสดาร์แห่งเลบานอนกล่าวว่า ตั้งแต่เจ้าถูกทำให้ต่ำลง ก็ไม่มีคนตัดไม้เข้ามาต่อสู้กับเรา”
เมื่อกษัตริย์แห่งบาบิโลนถูกทำลายไป โลกก็สงบ และก็ร้องเพลงด้วยความยินดี ดูซิ แม้ต้นไม้ก็ยังร่าเริง

ดินแดนแห่งความตายข้างใต้นั้นก็ดีใจ เพื่อออกมาพบเจ้าเมื่อเจ้ามา
นี่บอกให้เรารู้ว่า เมื่อเราตายไป มีดินแดนแห่งความตายรอเราอยู่ ในพระคัมภีร์เรียกแดนนี้ว่า แดนคนตาย เชโอล หรือ เฮเดส…. เวลาเราตายไปแล้ว เราจึงไม่ได้ไปเกิดใหม่ วิญญาณไม่ได้มาวนเวียน ในโลกนี้ แต่วิญญาณของเราจะไปรอวันสุดท้ายที่พระเจ้าจะทรงพิพากษามนุษย์ น่ากลัวใช่ไหม…. ยังมีเรื่องราวที่ลึกลับเกี่ยวกับแดนคนตายนี้ที่เราไม่รู้ พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เรารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มันกระตุ้นเงาของมันให้ทักทายเจ้า มันยกกษัตริย์ทั้งหลายขึ้นจากบัลลังก์ของพวกเขา
ทั้งหมดเหล่านั้นจะตอบ และกล่าวแก่เจ้าว่า “ท่านก็เช่นกัน ท่านกลายเป็นคนอ่อนแอเหมือนกับเรา ท่านกลายเป็นเหมือนเราแล้ว”
ความโอ่อ่าของเจ้าและเสียงพิณที่เจ้าเล่นถูกดึงลงมาถึงแดนผู้ตาย

hnon
ตัวแมลงถูกวางเอาไว้ใต้เตียงนอนของเจ้า และหนอนกลายเป็นผ้าห่มคลุมเจ้า

อิสยาห์ 14-1

อิสยาห์ 14:1-6
การคืนสู่สภาพเดิมของยาโคบ
เพราะว่าพระเจ้าจะทรงมีน้ำพระทัยสงสารยาโคบ และจะทรงเลือกอิสราเอลอีกครั้ง พระองค์จะทรงจัดให้เขาอยู่ในแผ่นดินของตน คนที่เร่ร่อนไปก็จะเข้ามาสมทบ และจะผูกพันตัวเองกับวงศ์วานของยาโคบ
และคนทั้งหลายจะนำเขา และพาเขามาสู่ที่ทางของเขา วงศ์วานแห่งอิสราเอลจะครอบครองเขาในแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้าในฐานะทาสชายและหญิง และเขาจะทำให้คนที่เคยจับเขาเป็นเชลยกลับกลายเป็นเชลย พวกเขาจะได้ปกครองเหนือคนที่เคยกดขี่พวกเขา
พระเจ้าจะประทานพระคุณแรกเริ่มนั้นแก่ชนอิสราเอลอีกครั้ง คนเหล่านี้จะเพิ่มจำนวนขึ้นเพราะมีคนที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาสมทบด้วย

Klubma

กลับทาง….
เมื่อพระเจ้าได้ทรงให้เจ้าพันห่างจากความเจ็บปวด ความสับสนและการที่ต้องรับใช้อย่างยากเข็ญ เจ้าก็จะเย้ยหยันกษัตริย์แห่งบาบิโลนดังนี้
“ดูซิ คนที่กดขี่ผู้อื่นต้องหยุดแล้ว ความโกรธเกรี้ยวอันโอหังก็หมดไป
พระเจ้าได้ทรงทำลายไม้เท้าของคนชั่วและคธาของเหล่าผู้ปกครองซึ่งพวกเขาได้ใช้มันตีคนอย่างไม่หยุดยั้งด้วยความโกรธ
พวกเขาได้ปกครองประชาชาติด้วยความชิงชัง ไม่ยอมหยุดที่จะกดขี่ประชาชน….
การที่อิสราเอลถูกกระทำอย่างไร้ความปราณีจะสิ้นสุดลง และเหตุการณ์จะผันแปรหน้ามือเป็นหลังมือ เกิดขึ้นเพราะว่า พระเจ้าทรงประสงค์เช่นนั้น
พระเจ้าทรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่งที่คนเราจะกดขี่กันเช่นนี้ ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นราวกับสัตว์ จะจิกหัวใช้อย่างไรก็ได้ …. แม้จะมีทาส แต่พระเจ้าทรงสอนให้นายเมตตาต่อทาส และปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยเสมอ

อิสยาห์ 13-3

อิสยาห์ 13:17-22
ดูเถิด เรากำลังเร้าให้ชาวมีเดียนมาสู้กับเขา ชาวมีเดียนที่ไม่สนใจเงินหรือไม่ได้พอใจกับทอง
ธนูของพวกเขาจะสังหารคนหนุ่ม และพวกเขาจะไม่ปราณีต่อทารกในครรภ์มารดา ตาของพวกเขาไม่มีความสงสารเด็ก ๆ เลย

ชาวมีเดียนโบราณนี้เป็นบรรพบุรุษของชาวเคิร์ดซึ่งอาศัยอยู่ในแนวรอยต่อของอิรัก ตุรกี อิหร่าน ในปัจจุบัน เรื่องที่อิสยาห์กล่าวถึงนั้นได้เกิดขึ้นในเวลาต่อมา คือ บาบิโลนโค่นอำนาจของอัสซีเรียซึ่งเป็นประเทศที่เข้ามาบุกอิสราเอลและยูดาห์ และต่อมามีเดียนก็ได้โค่นอำนาจของบาบิโลน อิสยาห์ได้ทำนายทุกสิ่งตรงตามที่เกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น สิ่งที่อิสยาห์พูดซึ่งยังไม่เกิดขึ้น เราจะได้เห็นสักวันหนึ่งแน่นอน

และบาบิโลน อาณาจักรที่โอ่อ่าตระการ อันเป็นความงดงามและสูงส่งของชาวเคลเดีย
จะกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดมและโกโมราห์ในวันที่พระเจ้าทรงเขวี้ยงพวกเขาออกไป
พูดถึงเมืองโสโดม โกโมราห์เมื่อไร ให้คิดไว้เลยว่า พระเจ้ากำลังทรงหมายถึงความเสื่อมศีลธรรมทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเพศ

นิมิตที่อิสยาห์เห็นอนาคตของบาบิโลน  ภาพเขียนโดยกุสตาฟ ดอเร่
นิมิตที่อิสยาห์เห็นอนาคตของบาบิโลน ภาพเขียนโดยกุสตาฟ ดอเร่

จะไม่มีใครพักหรืออาศัยอยู่ในเมืองนี้ตลอดชั่วชาติพันธุ์
บาบิโลนถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่ปี 518 ก่อนคริสตศักราช และหลายร้อยปีต่อมา เมืองนี้ก็ค่อย ๆ พังไปตามกาลเวลา เมื่อไม่นานมานี้ ซัดดัมฮุสเซน พยายามที่จะรื้อฟื้นเมืองนี้ขึ้นมาใหม่ เขาอ้างว่า เขานี่แหละคือนาบูคัดเนสซาร์ของโลกปัจจุบัน

ชาวอาหรับจะไม่ปักเต้นท์ที่นี่ ไม่มีผู้เลี้ยงแกะให้ฝูงสัตว์ของเขานอนพักที่นั่น
บ้านร้างของพวกเขาจะเต็มด้วยนกฮูกที่ร้องคราง นกกระจอกเทศจะทำรังที่นั่น
แพะป่าจะโลดเต้นในแผ่นดินนั้น หมาป่าฮยีนาจะร้องอยู่ในป้อมสูง และหมาไนจะร้องโหยหวนในวังของพวกเขา

เวลากำลังใกล้เข้ามา และวันเวลาจะไม่ถูกยืดให้ยาวออกไป

อิสยาห์ 13-2

อิสยาห์ 13:10-16

เพราะว่าดวงดาวแห่งสวรรค์ และหมู่ดาวที่โคจรอยู่ จะไม่ส่องแสง

ภาพจาก องค์การนาซา  ภายใต้ creative  commons
ภาพจาก องค์การนาซา ภายใต้ creative commons

แม้ดวงอาทิตย์ก็จะดำมืดยามอรุณรุ่ง ดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงอีก ถ้าไม่มีอะไรส่องแสงมาจากเอกภพ โลกจะอยู่ได้อย่างไรกัน พระเจ้ามิได้ทรงแค่ครอบครองโลกนี้เท่านั้น แต่พระองค์ทรงครอบครองทั้งจักรวาลด้วย ความมืด เป็นสัญลักษณ์ของการพิพากษาลงโทษของพระเจ้า

เราจะลงโทษโลกนี้เพราะความชั่วช้าของมัน และจะลงโทษความผิดของคนชั่วร้าย เราจะจบฉากขี้โอ่ของคนที่เย่อหยิ่ง เราจะลากความโอ่อ่าของคนชั่วร้ายไร้ความปราณีให้ตกต่ำลง ดูซิ พระเจ้าทรงย้ำเน้นว่า คนที่ขี้โอ่ โอ้อวดนี่จะโดนหนัก!
เราจะทำให้มนุษย์เป็นสิ่งหายากยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์ และมนุษยชาติหายากกว่าทองแห่งโอฟีร์ นี่ยังกะภาพยนต์ที่เล่าเรื่องวันสิ้นโลก….

ดังนั้น เราจะทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน และแผ่นดินไหวแยกออกจากที่ทางของมัน เนื่องมาจากพระพิโรธของพระเจ้าในวันแห่งความกริ้วของพระองค์
ผู้คนจะหันกลับมาหาคนชาติเดียวกันตน และจะหนีกลับไปยังดินแดนของตนเหมือนกับละมั่งที่ถูกล่า เหมือนกับแกะที่ไม่มีใครคอยต้อนให้อยู่รวมกัน
ใครถูกพบก็จะถูกแทงทะลุ ใครถูกจับจะต้องตายเพราะดาบ ลูกของพวกเขาจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าต่อตา บ้านจะถูกปล้น และภรรยาจะถูกช่วงชิงไป

อิสยาห์ 13-1

อิสยาห์ 13:1-9

คำนี้ คือสิ่งที่อิสยาห์บุตรชายอามอสเห็นเกี่ยวข้องกับบาบิโลน อิสยาห์ได้กล่าวถึงประเทศต่าง ๆ ด้วยอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่อิสราเอลประเทศเดียวเท่านั้น จะเห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ครอบครองสูงสุด มิใช่ผู้นำในประเทศนั้น
ให้ยกสัญญาณขึ้นมาบนเขาหัวโล้น และร้องเสียงดัง โบกมือให้พวกเขาเข้ามาที่ประตูของผู้มีเกียรติ

ข้าเองได้สั่งให้เหล่าคนที่ชำระตัวแล้ว และได้เรียกผู้กล้ามาเพื่อช่วยจัดการตามความโกรธของเรา คนที่เราภาคภูมิใจ
เสียงดังอื้ออึงอยู่บนภูเขา เหมือนกับเสียงของมวลชนมากมาย
เสียงโกลาหลวุ่นวายของอาณาจักรทั้งหลาย เสียงของประชาชาติที่กำลังรวบรวมพลเข้าด้วยกัน
isa13fallbabylon

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพกำลังระดมพลเพื่อทำสงคราม พวกเขามาจากแผ่นดินไกลโพ้น มาจากสุดปลายสวรรค์ พระเจ้าและอาวุธแห่งพระพิโรธของพระองค์ เพื่อที่จะทำลายแผ่นดินทั้งสิ้น
จงร้องคร่ำครวญเพราะวันของพระเจ้ามาใกล้ ความหายนะจากพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์มาถึงแน่นอน ดังนั้น ทุกมือจะอ่อนเปลี้ยลงไป และใจของมนุษย์จะละลาย
พวกเขาจะขวัญหนีดีฝ่อ ความเจ็บปวดปลาบแปลบและความทรมานจะครอบงำเขา เหมือนความปวดร้าวของหญิงที่กำลังคลอดบุตร
พวกเขาจะมองหน้ากันด้วยความสะพรึงกลัว เพราะใบหน้าต่างฝ่ายต่างลุกไหม้
ดูเถิด วันของพระเจ้ากำลังมา ดุเดือด เต็มด้วยความโกรธเกรี้ยวที่รุนแรง เพื่อจะทำให้แผ่นดินร้างเปล่า และจะทำลายคนบาปทุกคนบนแผ่นดินนั้น

อิสยาห์ 12

อิสยาห์ 12
ท่านจะกล่าวในวันนั้นว่า
“ข้าพระองค์จะถวายคำขอบคุณแด่พระเจ้า เพราะถึงแม้ว่า พระองค์จะทรงโกรธข้าพระองค์ ความโกรธนั้นก็หันออกไปแล้ว เพื่อว่าพระองค์จะได้ปลอบใจข้าพระองค์
ดูเถิด พระเจ้าทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะวางใจและไม่กลัว เพราะว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังและเป็นบทเพลงของข้าพระองค์ และพระองค์ได้มาเป็นความรอดพ้นของข้าพระองค์ “

Is12

ท่านจะโพงน้ำขึ้นมาจากบ่อแห่งความรอดด้วยความยินดี และท่านจะกล่าวในวันนั้นว่า
“ขอบพระคุณพระเจ้า เรียกร้องหาพระนามของพระองค์ และประกาศให้คนทั้งหลายได้รู้ถึงราชกิจของพระองค์ ประกาศก้องว่า พระนามของพระองค์เป็นที่ยกย่อง

“ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้ากันเถิด เพราะว่า พระองค์ทรงทำการที่รุ่งโรจน์ตระการยิ่งนัก ให้โลกนี้ได้รู้ถึงราชกิจของพระองค์กันทั่วถ้วนหน้า
เหล่าผู้ที่อาศัยในศิโยน ให้ท่านตะโกนและร้องเพลงด้วยความยินดี เพราะว่าผู้ที่อยู่ท่ามกลางท่านนั้นยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล”

อิสยาห์ 11-3

อิสยาห์ 11:10-16

ในวันนั้น รากแห่งเจสซี ผู้ที่จะยืนเป็นเครื่องหมายให้กับประชาชน  ประชาชาติจะถามหา ตามหาพระองค์  และที่พักของพระองค์นั้นก็ยิ่งใหญ่ตระการ อิสยาห์กำลังบอกเราว่า คนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอล จะตามหารากแห่งเจสซีผู้นี้   ที่พำนักของพระองค์เป็นที่พักพิงของพวกเขาด้วย  และรากแห่งเจสซีผู้นี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากองค์พระเยซูคริสต์  พระองค์จะทรงทำให้ประชาชนทั้งหลายเข้ามาหาพระองค์ 

การที่พระเจ้าจะทรงครอบครองมนุษย์นั้น พระองค์ไม่ใช่ทรงแค่ครอบครองอิสราเอลเท่านั้น  แต่ทุกคนจากทุกประเทศที่เข้ามาหา นบนอบ เชื่อฟังพระองค์ 

ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์มาเป็นครั้งที่สอง เพื่อจะนำคนที่ยังหลงเหลืออยู่คืนมาจากอัสซีเรีย  จากอียิปต์ จากปัทโรส จากคูช จากเอลาม จากชินาร์ จากฮามัท และจากแผ่นดินที่อยู่ริมฝั่งทะเล  พระองค์จะทรงยกสัญญาณให้กับประเทศทั้งหลาย และจะรวบรวมคนอิสราเอลที่ถูกขับออกไป และจะรวบรวมคนยูดาห์ที่กระจัดกระจายไปจากมุมโลกทั้งสี่   ครั้งแรก พระเจ้าทรงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์   ครั้งที่สอง พระเจ้าจะทรงนำเขาออกมาจากทุกที่ ทุกแห่งที่เขากระจัดกระจายไป   

ดูกันคร่าว ๆ นะครับ
ดูกันคร่าว ๆ นะครับ

พระเจ้าเองทรงเป็นผู้นำประชาชนของพระองค์กลับมายังแผ่นดินของเขาอีกครั้ง  และใครจะห้ามไม่ได้…

การอิจฉาริษยาของเอฟราอิมจะหมดไป และคนที่รังควาญยูดาห์ก็จะถูกต้ดออกไป   เอฟราอิมจะไม่ริษยายูดาห์ และยูดาห์จะไม่รังควาญเอฟราอิม  แต่พวกเขาจะโฉบลงบนไหล่ของชาวฟิลิสเตียทางตะวันตก พวกเขาจะร่วมมือกันปล้นผู้คนทางตะวันออก   พวกเขาจะต่อสู้กับเอโดม และโมอับ และอัมโมนจะต้องเชื่อฟังเขา  และพระเจ้าจะทรงทำลายอ่าวของทะเลอียิปต์จนหมดสิ้น

แทนที่พวกเขาจะสู้กันเอง คราวนี้จะร่วมมือกันเพื่อต่อต้านศัตรู

และพระองค์จะทรงโบกพระหัตถ์เหนือแม่น้ำนั้นด้วยลมปราณที่ร้อนแรงของพระองค์  และตีมันจนกลายเป็นน้ำ 7 สาย  และพระองค์จะทรงนำประชาชนข้ามไปทั้งรองเท้า   และจะมีทางหลวงจากอัสซีเรียเพื่อให้คนที่หลงเหลืออยู่จากประชาชนของพระองค์  เหมือนกับตอนที่พระองค์ทรงนำอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

แม่น้ำที่ว่านี้ คือ แม่น้ำยูเฟรติส…. พวกเขาจะข้ามแม่น้ำนั้นกลับมาอย่างง่ายดาย  

อิสยาห์ 11-2

อิสยาห์ 11:6-9

เมื่อสันติสุขแท้จริงเกิดขึ้น  ความเป็นศัตรูกันนั้นจะหายไป…  ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กับสัตว์  หรือคนกับสัตว์   คำบรรยายข้างล่างที่มาจากท่านอิสยาห์นั้น 

บอกเล่าถึงวันที่เจ้าชายแห่งสันติ คือพระเยซูคริสต์จะทรงครอบครองสูงสุด  

 

หมาป่าจะอยู่กับลูกแกะ   และเสือดาวจะนอนลงข้าง ๆ ลูกแพะหนุ่ม

ลูกวัวและสิงโต กับลูกวัวอ้วนจะอยู่ด้วยกัน

และเด็ก ๆ จะนำพวกมันไป

วัวและหมีจะกินหญ้าไปด้วยกัน

ลูกอ่อนของมันก็นอนเล่นข้าง ๆ กัน

Isaiah-11

และสิงโตจะกินหญ้าแห้งเหมือนกับวัวผู้

เด็กเล็ก ๆ จะเล่นปากรูงูจงอาง และเด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางบนถ้ำของงูพิษ

มันจะไม่ทำร้ายหรือทำลายสิ่งใด ๆ ในภูเขาบริสุทธิ์ของเรา  เพราะโลกนี้จะเต็มด้วยความรู้ของพระเจ้าดั่งน้ำคลุมทะเล   นี่ไง… ทุกคนจะรู้จักพระเจ้า…ไม่มีใครเลยที่ไม่รู้จักพระองค์

 

coversea

 

อิสยาห์ 11-1

อิสยาห์ 11:1-9

พระเจ้าทรงทำลายคนระดับผู้นำที่ทำผิด…. แล้วพระองค์ก็ทรงมองมาหาตอที่เหลืออยู่  พระองค์ทรงให้มีหน่องอกขึ้นมา  … มีกิ่งออกมาด้วย   มันมีความหมายว่าจะมีทายาทในสายของท่านเจสซี  บิดาของราชาดาวิด เกิดขึ้นมา 

และจะมีหน่อต้นหนึ่งเกิดขึ้นมาจากตอของเจสซี  มีกิ่งจากรากของเขาซึ่งจะให้ผลออกมา
แทนที่จะกล่าวว่า ตอของราชาดาวิด  กลับกล่าวว่า ตอของเจสซี   พระองค์ผู้ทรงจะมานั้น ทรงถ่อมพระทัย ไม่ได้โอ้อวดแต่ประการใด 

และพระวิญญาณของพระเจ้าจะพักอยู่บนหน่อนั้น  พระวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ รวมถึงพระวิญญาณที่ให้คำปรึกษาและฤทธิ์เดช  พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า

ภาพจาก http://livingthelectionary.blogspot.com
ภาพจาก http://livingthelectionary.blogspot.com

เขาจะชื่นชมในความยำเกรงพระเจ้า   เขาจะไม่พิพากษาจากที่ตาเห็น หรือจากที่หูได้ยิน  แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความเที่ยงธรรม และตัดสินผู้ที่ถ่อมตนในแผ่นดินอย่างเที่ยงธรรม  และเขาจะจัดการกับโลกด้วยไม้พลองจากปากของเขา  และจะสังหารคนชั่วร้ายด้วยลมจากริมฝีปาก
ความชอบธรรมเป็นเข็มขัดที่เอวของเขา และความซื่อตรงเป็นเข็มขัดที่สะโพก

อิสยาห์ได้กล่าวถึงผู้ที่จะมาครอบครองทั้งอิสราเอลและชาวโลก  ลักษณะของเขานั้นชัดเจนมาก   

เป็นเชื่้อสายของดาวิด   และเป็นผู้ที่เที่ยงธรรมอย่างยิ่ง 

อิสยาห์ 10-6

อิสยาห์ 10:28-34

assyarmy

เขาได้มาถึงอัยยาท

เขาได้ผ่านมิโกรน

ที่มิคมาช เขาเก็บสัมภาระของเขาไว้

และพวกเขาได้ผ่านช่องเขามาแล้ว   ถึงเกบาพวกเขาก็พักหนึ่งคืน

รามาห์ตัวสั่นด้วยความกลัว

กิเบอาห์ของราชาซาอูลก็หนีไป

ร้องเสียงดัง ๆซิ    ลูกสาวของกัลลิม!

ตั้งใจดูให้ดี ไลชาห์!

โธ่!  อานาโธทที่น่าสงสาร

มัดเมนาห์ก็กำลังหนีออกไป

บรรดาคนที่อาศัยในเมืองเกบิมก็กำลังหนีหาที่หลบภัย

วันนี้แหละ ที่เขาจะหยุดที่เมืองโนบ เขาจะยกกำปั้นขึ้นที่ภูเขาของธิดาแห่งศิโยน

เมื่อเราอ่านจากต้นลงมาจนถึงตรงนี้   อิสยาห์กำลังเล่าถึงการเคลื่อนทัพของอัสซีเรีย จากทางเหนือลงมาใต้  และก็มาประชิดนครเยรูซาเล็ม       ชาวเมืองนี้อาจคิดว่า พวกเขาจะพ้นภัยได้….

ภาพจาก habeeb.com
ภาพจาก habeeb.com

ดูเถิด พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงตัดกิ่งด้วยพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัว

ที่อยู่อย่างสูงส่งจะถูกโค่นลงมา   ส่วนที่สูงไปกว่านั้นก็จะถูกนำลงมาเช่นกัน

พระเจ้าจะทรงเอาขวานตัดต้นไม้ในป่าทึบ  และเลบานอนจะล้มลงเพราะองค์พระผู้ทรงยิ่งใหญ่

และในเวลานั้น พระเจ้าจะทรงเอาคนที่ยิ่งใหญ่   สูงส่งในสังคมของนครเยรูซาเล็ม และเมืองอื่น ๆ ประเทศอื่น ๆ  โค่นลงมาให้หมด     ที่กล่าวถึงเลบานอนเพราะในเลบานอนมีต้นซีดาร์ที่สูงดูตระหง่านยิ่งนัก 

อิสยาห์ 10-5

อิสยาห์ 10:20-27 คนที่รอดชีวิตเหลืออยู่จะกลับมา 

คนที่เหลืออยู่ของอิสราเอลจะกลับมา

ในวันนั้น คนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน และคนที่รอดตายจากครอบครัวยาโคบจะไม่พึ่งพิงคนที่ทำร้ายพวกเขาอีกต่อไป  แต่ในความจริง พวกเขาจะพึ่งพิงในพระเจ้าองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

คนที่เหลืออยู่จะกลับมา คนที่เหลืออยู่ของวงศ์ยาโคบจะกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
แม้ว่าชนอิสราเอลจะมากมายเหมือนทรายในทะเล แต่คนที่รอดชีวิตเท่านั้นจะกลับมา    ความหายนะนั้น พระเจ้าทรงบัญชาไว้แล้ว โดยท่วมท้นไปด้วยความชอบธรรม

remnant

 

เพราะว่าพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงบัญชาจะให้ถึงจุดจบตามที่กำหนดไว้ท่ามกลางแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า “โอคนของเราเอ๋ย คนที่อาศัยในศิโยน อย่ากลัวชนอัสซีเรีย ยามที่พวกเขาตีเจ้าด้วยไม้พลองและไม้เท้า เหมือนอย่างที่คนอียิปต์เคยทำ

เพราะอีกไม่นาน ความโกรธของเราจะถึงวันสิ้นสุด และความกริ้วของเราจะทำให้พวกเขาต้องถูกทำลาย   และพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงใช้แส้โบยเขา เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงจัดการกับชาวมีเดียที่ศิลาแห่งโอเรบ  และไม้เท้าของพระองค์จะถูกยกขึ้นเหมือนทะเล พระองค์จะทรงยกมันขึ้นเหมือนอย่างที่เคยทำในอียิปต์ เพื่อน ๆ  กลับไปอ่านชัยชนะของกิเดโอนได้ครับ     และเรื่องของโมเสสกับไม้เท้า  

และในวันนั้น ภาระของเขาจะออกไปจากบ่าของเจ้า และแอกของเขาจะถูกทำลายจากคอของเจ้า  และแอกนั้นจะถูกทำลายเพราะน้ำมันสำหรับเจิม  แม้ว่าอัสซีเรียจะทำร้ายพวกเขา  แต่จะไม่ตลอดไป  จะมีวันที่สิ้นสุด   และพระเจ้าทรงทำอะไรกับราชาอัสซีเรีย  อ่านดูที่นี่  น่าสนใจจริง ๆ

อิสยาห์ 10-4

อิสยาห์ 10:15-19
ขวานจะโม้โอ้อวดทับผู้ที่ใช้มันฟันสิ่งโน้นสิ่งนี้ ได้หรือ
เลื่อยจะข่มผู้ที่ใช้มันตัดสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นชิ้น ได้หรือ
ราวกับไม้พลองจะยกคนที่จับมันใช้
ราวกับไม้เท้าจะยกมนุษย์ที่ไม่ใช่ไม้

พระเจ้าทรงเปรียบอัสซีเรียเป็นเหมือนเครื่องมือเท่านั้น   อัสซีเรียไม่ใช่ผู้ที่กำหนดว่า จะเอาอะไร อย่างไร แต่เขากลับเข้าใจผิดไปว่า ผู้ที่ครอบครองสูงสุด  ผู้ที่มีชัยชนะคือตัวเขา      ไม่มีทางที่ขวาน เลื่อย ไม้พลองหรือไม้เท้าจะใหญ่กว่าผู้ที่ใช้มัน   มันไม่สามารถทำอะไรได้ จนกว่ามนุษย์จะมาหยิบจับใช้มัน

เช่นกัน  อัสซีเรียทำอะไรไม่ได้หากพระเจ้าไม่ทรงใช้พวกเขา    ไม่่ว่าสิ่งที่พระองค์ใช้ให้ทำจะใหญ่ หรือเล็กน้อย
พอบู้บี้เห็นพระคัมภีร์ข้อนี้  ตัวก็เล็กลงไปเลย   ไม่มีความสำเร็จของเราที่จะเอามาอวดได้  พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ประทานความสำเร็จ  เราเป็นเพียงเครื่องมือที่จะทำโน่่น ทำนี่อย่างที่พระองค์ทรงวางแผนไว้  

sargonsen

ภาพจากhttp://sargonsennacherib-amaic.blogspot.com/

 

ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะส่งโรคอ่อนแรงมายังเหล่านักรบตัวล่ำ ข้างใต้เกียรติยศของพวกเขา จะมีไฟไหม้ขึ้นมา
แสงสว่างแห่งอิสราเอลจะกล่าวเป็นไฟ และองค์บริสุทธิ์ของท่านจะกลายเป็นเปลวเพลิง มันจะเผาไหม้ และจัดการกับหนามเล็กใหญ่ภายในวันเดียว

พระเจ้าจะทรงทำลายศักดิ์ศรีของป่าดง และผลผลิตที่มากมายจากแผ่นดินของเขา ทำลายทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย
มันจะเป็นเหมือนเวลาที่คนป่วยกำลังผอมแห้งรอความตาย ต้นไม้ที่เหลืออยู่จากป่าอันอุดมจะมีไม่กี่ต้น น้อยจนกระทั่งเด็ก ๆ นับและเขียนลงไปได้

พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่า ที่เคยอ้วน แข็งแรง ดูดี จะกลับกลายเป็นขี้โรค อ่อนระโหยโรยแรง   ความมั่งคั่งโอ่อ่าตระการของอัสซีเรียจะหายไป อาจจะมีหลงเหลือให้นักโบราณคดีได้ขุดค้น ได้เห็นเงาว่า พวกเขาเคยยิ่งใหญ่เพียงไหน

 

อิสยาห์ 10-3

อิสยาห์ 10:12-15
เมื่อพระเจ้าทรงทำราชกิจของพระองค์บนภูเขาศิโยนและในนครเยรูซาเล็มเสร็จสิ้นแล้ว

พระองค์จะทรงลงโทษคำกล่าวอันโอหัง และดวงตาอันยะโสของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย
ความเย่อหยิ่งของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียนั้น แสดงออกมาด้วยคำพูดและดวงตา  พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง และประทานคุณแก่คนที่ถ่อมใจลง  ดังนั้นเราคงพอเดากันได้ว่า กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจะเจออะไร  

เพราะกษัตริย์ตรัสว่า “ข้าได้ทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จด้วยกำลังของข้า ด้วยสติปัญญาอันปราชญ์เปรื่องของข้าเอง
ข้าได้ย้ายอาณาเขตของพวกเขา และปล้นทรัพย์สินของพวกเขาทั้งหมด
ข้าได้เสยคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ลงมาเหมือนอย่างวัวตัวผู้
มือของข้าได้กว้านเอาทรัพย์สมบัติของชาติทั้งหลาย เหมือนกับฉวยรังนก
เหมือนกับคนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ในรัง
ข้าได้รวบรวมทั้งโลกมาอย่างนี้ และไม่มีใครบังอาจขยับปีก หรือเปิดปาก หรือส่งเสียงร้องสักนิด”

KING-SARGON

กษัตริย์ซาร์กอนที่สอง กับเจ้านายองค์หนึ่ง

เมื่อได้ฟังคำของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย   พวกเขาไม่สงสัยสักนิดว่า กษัตริย์องค์นี้คิดอย่างไรกับตัวพระองค์เอง   กษัตริย์ทรงมองว่า ไม่มีใครเป็นยอดคนเก่งไปกว่าพระองค์เองอีกแล้วในโลก  และสามารถสยบได้ทุกชาติเสียด้วย

อิสยาห์ 10-2

อิสยาห์ 10:5-11

อา… อัสซีเรีย วิบัติแก่เจ้าซึ่งเป็นไม้พลองแห่งความกริ้วของเรา  ไม้เท้าที่อยู่ในมือเจ้านั้นคือความโกรธเกรี้ยวของเรา
เราได้ใช้อัสซีเรียไปต่อสู้กับประเทศที่ไร้พระเจ้า  ไปต่อสู้กับคนที่เราโกรธ เพื่อที่จะไปริบเอาทรัพย์สิน และปล้นเอามา  และเพื่อจะย่ำคนเหล่านั้นดั่งเหยียบโคลนเลนที่อยู่บนถนน
พระเจ้าทรงใช้อัสซีเรียเป็นเหมือนไม้พลองและไม้เท้าของพระองค์ ไปจัดการคนที่ไม่เชื่อฟังพระองค์   ในความเป็นจริงแล้ว  อัสซีเรียก็เป็นชนชาติที่โหดเหี้ยมไม่น้อยทีเดียว    และพระเจ้าก็ทรงใช้เขาตามที่พระองค์ทรงประสงค์
พระเจ้าทรงประกาศวิบัติให้กับประเทศที่พระองค์ทรงใช้!!

เพื่อน ๆ ทราบไหมครับว่า พระเจ้าทรงใช้บาบิโลนมาจัดการกับยูดาห์ในปี 605-686 ก่อนคริสตศักราช  แล้วพระเจ้าก็พิพากษาโทษบาบิโลนในเวลาต่อมาด้วย 

ที่จริงแล้ว(อัสซีเรีย)ไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้คิดเลยว่าจะทำลาย  ไม่ได้คิดว่าจะทำให้หลายประเทศล้มหายตายจากไป  เพราะพวกเขากล่าวว่า “ผู้บัญชาการกองทหารของเรา ก็เป็นทหารไปหมดแล้วมิใช่หรือ?”
เมืองคาโน(ในบาบิโลน) ก็ราบคาบเหมือนเมืองคารเคมิช(ที่แม่น้ำยูเฟรติส)มิใช่หรือ?
เมืองฮามัท(ทางเหนือของซีเรีย) ก็เป็นเหมือนเมืองอารปัด(ซึ่งเป็นเมืองเพื่อนบ้าน) มิใช่หรือ?
เมืองสะมาเรีย(ในอิสราเอล) ก็เป็นเหมือนเมืองดามัสกัส(ในซีเรีย)มิใช่ไรหรือ?

แม้ว่าอัสซีเรียจะไปทำศึกกับประเทศต่าง ๆ   พวกเขาไม่รู้ว่า ตนเองกำลังทำการที่พระเจ้าใช้…. ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังมีความผิดอยู่นั่นเอง

assyriatobattle

มือของเราไปแตะต้องอาณาจักรแห่งรูปเคารพ  ในที่ ๆ รูปเคารพเหล่านั้นยิ่งใหญ่กว่ารูปเคารพในเยรูซาเล็มและสะมาเรีย (ประเทศเหล่านี้ไม่อาจจะสู้อัสซีเรียได้เลยสักประเทศเดียว!)

แล้วเราจะไม่สามารถที่จะจัดการกับนครเยรูซาเล็มกับรูปเคารพในนั้น เหมือนกับที่เราทำกับเมืองสะมาเรียและรูปเคารพหรอกหรือ?

อัสซีเรียกำลังโอ้อวดว่า เขาใหญ่กว่าใคร ๆ   แม่ทัพของเขากลายเป็นกษัตริย์ในเมืองโน้นเมืองนี้   พวกเขาเก่งกว่าประเทศไหน  ๆ   และพวกเขาคิดว่า พระเจ้าแห่งอิสราเอลเป็นเหมือนกับรูปเคารพนิ่ง ๆ เหล่านั้น 

อิสยาห์ 10-1

อิสยาห์ 10:1-4

วิบัติแก่คนที่ตรากฏหมายชั่วร้าย
วิบัติแก่คนที่เขียนแต่การกดขี่ไม่หยุดหย่อน
เพื่อที่จะทำให้คนขัดสนไม่ได้รับความยุติธรรม และที่จะปล้นสิทธิไปจากคนยากจน
เพื่อที่จะทำให้หญิงม่ายกลายเป็นสิ่งที่เขาริบมา
และเพื่อทำให้คนที่กำพร้าพ่อกลายเป็นเหยื่อของพวกเขา

นี่เป็นสิ่งที่เหล่าผู้นำแห่งอิสราเอลและยูดาห์ได้ทำกับประชาชนทั้งหลาย  พระเจ้าทรงแจ้งให้เขารู้ชัดเจนว่า ความผิดของพวกเขาคืออะไร  พวกเขาไม่ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความยุติธรรม  นี่คือความอยุติธรรมทางสังคมที่เกิดขึ้น

พวกเจ้าจะทำอย่างไรในวันแห่งการลงโทษ  ในความหายนะซึ่งมาจากที่ไกลแสนไกล  เจ้าจะหันไปขอความช่วยเหลือจากใคร?

ดูซิ  เมื่อมีการโกงและการกดขี่ การเอาเปรียบผู้อื่น  สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ไม่มีใครช่วยได้      ความหายนะที่มาจากที่ไกลนั้นก็คือ ชาวอัสซีเรียจะเป็นผู้นำมาส่งให้กับคนของพระเจ้าที่ไม่เชื่อฟังพระองค์    และหากไม่เคยช่วยใคร มีแต่การเอาเปรียบผู้อื่น  พวกเขาจะไม่มีใครมาช่วยเลยเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

assyarmy

ไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะไปคุดคู้อยู่กับเหล่านักโทษ  ล้มลงท่ามกลางคนที่ถูกสังหาร

กษัตริย์ชัลมาเนเซอร์ที่สามแห่งอัสซีเรีย  ได้บันทึกไว้ว่า  มีการกองซากศพของศัตรู  มีการกองหัวกระโหลกเอาไว้เป็นพะเนิน
เวลากองทัพอัสซีเรียได้โจมตีประเทศใด ๆ สำเร็จ  พวกเขาไม่ใช่แค่จับคนมาเป็นเชลย  แต่จะมีการเยาะเย้ย ถากถาง และดูหมิ่นคนของประเทศที่พ่ายแพ้   พวกเขาจะทำทุกอย่างที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม อับอายและอดสูเป็นที่สุด

ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

เหตุใดอิสยาห์จึงกล่าวคำนี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก   เขากำลังพยายามบอกว่า การลงโทษของพระเจ้านั้นยังไม่หยุด จะดำเนินต่อไป

 

อิสยาห์ 9-3

อิสยาห์ 9:17-21

เรื่องราวต่อจากเมื่อวาน  พระเจ้าทรงจัดการกับทั้งหัวและหางของอิสราเอล ….

แต่แม้กระทั่งคนหนุ่ม คนกำพร้าพ่อหรือหญิงม่าย ก็ยังไม่เป็นที่พอพระทัยด้วย  เพราะว่า พวกเขากลายเป็นคนไม่มีพระเจ้า  และทำความชั่วกันต่อ ๆไป    ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากก็เป็นคำที่โง่เง่า

เหล่าผู้นำทำให้ประชาชนกลายเป็นคนเขลาไปหมด  ไม่มีใครหันกลับมาหาพระเจ้าเลย

ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

ความชั่วร้ายของผู้คนนั้นเป็นเหมือนไฟที่ไหม้ต้นหนามเล็กและหนามใหญ่    ไฟลุกในป่าทึบ  มีควันม้วนลอยขึ้นมาจากป่านั้น

fire

ไฟเผาแผ่นดิน เพราะความกริ้วของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ

และคนก็เป็นเหมือนเชื้อไฟ ไม่มีใครเลยที่จะไว้ชีวิตพี่น้องของตนเอง

เขาหั่นเนื้อทางขวามือ  แต่ยังหิวอยู่   เขาสวาปามทางซ้ายมือ แต่ก็ไม่อิ่มสักที  แต่ละคนกินเนื้อแขนของตนเอง
มนัสเสห์เขมือบเอฟราอิม   และเอฟราอิมก็ขย้ำมนัสเสห์  ทั้งสองรวมหัวกันต่อต้านยูดาห์

ไป ๆ มา ๆ ทั้งประเทศเข่นฆ่ากันเอง ไม่มีความรักต่อพี่น้องร่วมชาติเลยแม้แต่น้อย 

 ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

อิสยาห์ 9-2

อิสยาห์ 9:8-16

คำพิพากษาแก่คนเย่อหยิ่งและคนที่ถูกกดขี่

นี่เป็นคำกล่าวโทษสะมาเรียซึ่งอยู่ทางเหนือ …  พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา และทรงเป็นผู้ลงโทษด้วย
พระเจ้าได้ทรงส่งพระคำมาต่อสู้กับยาโคบ  และมันจะตกลงมาบนอิสราเอล
คนทุกคนจะได้รับรู้  เอฟราอิมและคนที่อาศัยในสะมาเรีย คนที่กล่าวคำอย่างเย่อหยิ่งและใจจองหอง
ว่า… “ก้อนอิฐพังลงมาแล้ว  แต่เราจะสร้างใหม่ด้วยหินที่ตกแต่งสวยงาม ต้นมะเดื่อถูกตัดลงมา แต่เราจะปลูกต้นซีดาร์ขึ้นมาแทน”
พวกเขาคิดว่า ถึงพระเจ้าจะทำลาย เขาจะสร้างมันขึ้นใหม่ให้งดงามกว่าเดิมอีก  ลืมคิดไปว่า พวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลยต่างหาก

 

ภาพจาก http://factsanddetails.com
ภาพจาก http://factsanddetails.com นักแม่นธนูของอัสซีเรีย

แต่พระเจ้าได้ทรงนำศัตรูของเรซีนมาสู้กับเขา และทรงกระตุ้นศัตรูทั้งหลายของเขา ศัตรูเหล่านี้คือเหล่าคนอัสซีเรีย  พระเจ้าจะทรงใช้พวกเขามาจัดการกับอิสราเอลอย่างแน่นอน
ชนซีเรียทางตะวันออก และฟิลิสเตียทางตะวันตกจะอ้าปากกว้างเขมือบอิสราเอล
ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมาประชาชนไม่ได้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงลงโทษเฆี่ยนตีเขา  ไม่ได้ทูลถามพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ
ดังนั้นพระเจ้าทรงตัดอิสราเอลออกทั้งหัวและหาง  ทั้งใบปาล์มและใบอ้อในวันเดียว
ผู้ใหญ่ และคนที่มีเกียรติเป็นหัว  ส่วนผู้กล่าวคำเท็จคือหาง
สำหรับคนที่นำประชาชน ได้นำให้ประชาชนหลงทาง และคนที่ถูกนำก็ถูกกลืนกินเสีย

หัวและหาง เป็นคำที่หมายถึงผู้นำด้านต่าง ๆ ของประเทศ