11 ตุลาคม 2013 ถุงใหม่ ถุงเก่า

 ไม่มีใครเอาน้ำองุ่นหมักใหม่ ๆ มาใส่ถุงหนังเก่า
หากทำอย่างนั้น ถุงหนังเก่าจะขาดไป…

ถอดความจากลูกา 5:37

Daily2013_10_11-1

เผื่อว่าธรรมาจารย์จะยังไม่เข้าใจเรื่องการอดอาหารนี้
พระเยซูทรงเล่าคำอุปมาสั้น ๆ ให้เขาฟังว่า
“ไม่มีใครที่จะเอาผ้าใหม่จากเสื้อใหม่มาปะเสื้อผ้าเก่า..
ทำอย่างนั้น เสื้อเก่าจะยิ่งขาด ทำให้เสียเสื้อทั้งสองตัว
ผ้าชิ้นที่ใหม่กว่าก็ไม่เหมาะกับเสื้อเก่า”

ไม่มีใครเอาน้ำองุ่นหมักใหม่ ๆ มาใส่ถุงหนังเก่า
หากทำอย่างนั้น ถุงหนังเก่าจะขาดไป…
น้ำองุ่นจะรั่วออกมา เสียน้ำองุ่นไป
ส่วนถุงหนังก็พังไปด้วย
น้ำองุ่นใหม่ก็ต้องใส่ถุงหนังใหม่

Daily2013_10_11-2
ใครก็ตามที่ดื่มเหล้าเก่าก็ไม่อยากจะได้น้ำองุ่นหมักใหม่
เพราะว่า “ของเก่านั้นดีอยู่แล้ว”

โห… หมายความว่าอย่างไรหรือ?…
พระเยซูมิได้ต้องการให้เขาเอาบัญญัติเดิม ที่เน้นการทำตามกฎของพวกเขามาเป็นแนวทาง
แต่พระเยซูจะประทานบัญญัติใหม่ เป็นเรื่องของความรัก
ถ้าธรรมาจารย์ถือกฎแห่งความรัก   พวกเขาจะไม่โวยวายว่าใครจะทำผิดบัญญัติข้อโน้นข้อนี้
ความคิดเก่าของธรรมาจารย์เอามาปรับใหม่ไม่ได้
ต้องใช้ของใหม่ของพระเยซูไปเลย!
เวลาเรามาพบพระเจ้าแล้ว เราต้องทิ้งสิ่งเก่า ๆ ในชีวิตไป
ให้กลายเป็นของใหม่ในพระเยซูคริสต์เท่านั้นจึงจะเดินไปได้อย่างสวยงาม

10 ตุลาคม 2013 ปัญหาอดอาหาร

จะให้เพื่อนของเจ้าบ่าวอดอาหาร ตอนที่เจ้าบ่าวยังอยู่ด้วยหรือ?

ถอดความจาก ลูกา 5:34

Daily2013_10_10-1

เรื่องของการไปกินเลี้ยงในบ้านเลวียังไม่ทันสร่างซา
พวกธรรมาจารย์ทั้งหลายก็มีเรื่องไม่พอใจพระเยซูอีก
พวกนี้ก็แปลก คอยจับผิดไม่เลิกรา
“ดูซิ  ศิษย์ของท่านยอห์นถืออดอาหารบ่อย ๆ
ศิษย์ของฟาริสี ก็ทำเหมือนกัน
แต่ทำไมศิษย์ของท่านนี่
กิน ดื่มตามสบาย ไม่มีการทำตัวให้เคร่งครัดเลย?”
พวกเขาถามพระเยซู

อืม… น่าคิดนะ …อย่างนี้แสดงว่า ศิษย์ของพระเยซูนะไม่ได้ความ
พวกเขาอยากจะบอกพระองค์ว่า ทำตัวให้ดูน่าเคารพกว่านี้หน่อย..
Daily2013_10_10-2

พระเยซูทรงตอบเขาว่า
“ท่านจะให้เพื่อน ๆของเจ้าบ่าวอดอาหารตอนที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขาหรือ?”
แล้วใครเป็นเจ้าบ่าวล่ะนี่ ทำไมพระเยซูตรัสเช่นนี้??
“แต่วันหนึ่งในอนาคต  เจ้าบ่าวก็จะต้องจากเพื่อน ๆ ไป
วันเหล่านั้นแหละพวกเขาจะถืออดอาหาร”
พระเยซูทรงบอกเขาว่า
พระองค์เปรียบเหมือนเจ้าบ่าว ที่ยังอยู่ในงานเลี้ยงแต่งงาน
ถ้าเพื่อน ๆ ไปอดอาหารในเวลานั้น มันไม่เหมาะสมแน่
แต่วันหนึ่ง พระองค์จะไม่อยู่ …
วันนั้นเพื่อน ๆ ของพระองค์จะอดอาหารอย่างแน่นอน
อย่า… อย่ามาบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องทำ…
ถึงเวลาทุกอย่างจะมาอย่างเหมาะสมนะ ท่านธรรมาจารย์

9 ตุลาคม 2013 งานเลี้ยงของเลวี

เราไม่ได้มาเรียกคนที่เห็นว่าตัวเองดี
แต่มาเรียกคนที่ท่านคิดว่านอกลู่นอกทางให้กลับใจใหม่

ถอดความจาก ลูกา 5:32

Daily2013_10_9-1

ความที่เลวีดีใจมาก เขาจึงจัดงานเลี้ยง
เลี้ยงที่บ้านอันหรูหราของเขา
แหม.. เป็นคนเก็บภาษี ก็ต้องมีเพื่อนเป็นคนเก็บภาษี
มีเพื่อนเป็นชนชั้นสูง  มีพ่อค้า  และคนรวย ๆ มากมาย
แต่คนเหล่านั้น เป็นคนที่รวยจริงแต่ไม่มีใครรัก
เป็นคนรวยที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้
อาชีพคนเก็บภาษีเป็นอาชีพที่สังคมรังเกียจ
ถือว่าเป็นคนทรยศ เพราะมาเก็บภาษีส่งโรมซึ่งครองแผ่นดินอยู่

ดังนั้น ฟาริสีและธรรมาจารย์จึงกระแนะกระแหนพระเยซูกับผู้ที่ติดตามพระองค์
“โห… ทำไมอาจารย์ของพวกเจ้าจึงมากินดื่มกับคนเก็บภาษีที่น่าชัง ทั้งกับคนบาปอย่างนี้?”

Daily2013_10_9-2

แต่พวกเขาไม่ได้พูดกระซิบ… เขาพูดดัง ๆ เพื่อหลายคนจะได้ยิน และเห็นด้วยกับพวกเขา

พระเยซูทรงได้ยิน
หันมา ตรัสกับพวกเขาว่า
“ท่านก็รู้ว่า คนเจ็บเท่านั้นต้องการหมอ  แต่คนที่ปกติ สุขภาพดีก็ไม่ต้องการหมอ”
พวกเขาสงสัย…. นี่ท่านเยซูจะบอกอะไรอีก?
“เราไม่ได้มาเรียกคนที่เห็นว่าตัวเองดี
แต่มาเรียกคนที่ท่านคิดว่านอกลู่นอกทางให้กลับใจใหม่”

รู้ไว้ซะ…ท่านธรรมาจารย์!

8 ตุลาคม 2013 ตามเรามาเถิด

“เจ้าจงตามเรามาเถิด”

ถอดความจาก ลูกา 5:27

Daily2013_10_8-1

 

หลังจากการรักษาชายอัมพาตไม่นาน
พระเยซูเสด็จออกไปในเมือง
มีคนเก็บภาษีคนหนึ่งกำลังง่วนทำงานของเขา
คอยเก็บภาษีจากประชาชนที่ยืนเข้าแถวรออยู่
พระเยซูเห็นเขา
ทรงรู้ว่า เขาคนนี้แหละที่จะทรงเลือกให้เป็นผู้ติดตามใกล้ชิด
ดังนั้น พระองค์ทรงเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขาตรัสว่า
“เจ้าจงตามเรามาเถิด”

 Daily2013_10_8-2

เลวีได้ยินดังนั้น ก็แปลกใจไม่ใช่น้อย
อะไรกัน เขาก็เป็นคนเก็บภาษี มีหน้าที่การงานดี ๆ อยู่แล้ว
ทำไม ท่านเยซูผู้นี้ จึงมาชวนเราให้ติดตามพระองค์ไป?
แต่ก็ดีเหมือนกันนะ..
พระองค์ทรงเป็นผู้ทำการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่
เราเองก็เคยเห็นพระองค์รักษาโรค
เราเองก็เคยได้ยินพระองค์สอน
แต่เราไม่คิดจะตามพระองค์
วันนี้ พระองค์กลับทรงชวนเรา
ไปดีกว่า … ไปกับพระองค์ น่าจะดีกว่าอาชีพนี้
แล้วเลวีก็ตัดสินใจทันทีว่า เขาจะตามพระองค์ไป

7 ตุลาคม 2013 อำนาจของพระเยซู

เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้น
แบกที่นอนของเจ้าไป และกลับบ้านเถิด

ถอดความจากลูกา 5:24

Daily2013_10_7-1

พระเยซูทรงหันมาหาฟาริสีและธรรมาจารย์
ทรงมองหน้าเขาตรัสว่า
“เหตุใดท่านจึงคิดในใจอย่างนั้น?”
พวกเขาตกใจ… ท่านเยซูรู้หรือว่าเราคิดอะไรอยู่?
พระองค์ตรัสต่อไปว่า
“ที่จะบอกว่า เราอภัยบาปให้ กับจะบอกว่า ให้ลุกขึ้นเดินไป
พวกท่านคิดว่า อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน?…”
พวกเขามองพระเยซู งุนงง ไม่รู้จะตอบอย่างไร

Daily2013_10_7-2

“แต่..” พระเยซูตรัสต่อไป
“เพื่อให้พวกท่านรู้ว่า เรา..มีสิทธิอำนาจที่จะอภัยบาปได้”
พระเยซูทรงหันไปหาชายอัมพาต
“เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้น แบกที่นอนของเจ้าไป และกลับบ้านเถิด”
พอเขาได้ยินดังนั้น เขาก็ลุกขึ้นทันที
“อู.. ขอบคุณพระเจ้า” เขามองขาตัวเอง
ไม่มีร่องรอยของการโขยกเขยกขา … แถมยังยกที่นอน
เขาขอทาง…”ขอทางหน่อยขอรับ ข้าจะกลับบ้านแล้ว”
“ฮาเลลูยา ข้าหายโรคแล้ว พระเจ้าทรงดีกับข้าเหลือเกิน”
เขาพูดเสียงดัง

ทุกคนในบ้าน หันมองหน้ากัน…
“วันนี้ พวกเราได้เห็นการอัศจรรย์ที่เหลือเชื่อ”

4 ตุลาคม 2013 รู้นะ..ว่าคิดอะไร

พระเยซูทรงทราบว่า พวกเขาคิดอะไรอยู่

ถอดความจากลูกา 5:22

Daily2013_10_4-1

ใคร ๆ ก็อยากหายโรค และคน ๆ นี้มีเพื่อนดี มีความตั้งใจจริงที่จะพบพระเยซูให้ได้ พวกเขาและคนป่วยเองเชื่อว่า

พระเยซูทรงรักษาโรคของเขาให้หายได้แน่นอน

พระเยซูทรงมองเขาด้วยเมตตา สงสาร ตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย  เรายกบาปของเจ้าแล้ว !”

Daily2013_10_3-2 Daily2013_10_4-2

“ฮ้า!!”  พวกฟาริสีและธรรมาจารย์ตาโต ต่างคิดในใจพร้อมกันอย่างไม่นัดหมายว่า “พูดอย่างนี้ได้อย่างไร  ท่านเยซูสอนพระคำของพระเจ้าก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะยกโทษบาปให้ใครได้ พระเจ้าเท่านั้นที่ยกโทษให้มนุษย์ได้ พูดอย่างนี้เท่ากับหมิ่นประมาทพระเจ้านี่นา”

พวกเขาไม่รู้ว่า พระองค์คือพระบุตรของพระเจ้าที่มาในโลกนี้ แม้คิดในใจ ไม่ได้พูดออกมา แต่พระเยซูทรงรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่!!

3 ตุลาคม 2013 หย่อนลงตรงเป้าหมาย

พวกเขาหาทางที่จะหย่อนคนง่อยมาวางตรงพระพักตร์พระเยซู

ถอดความจากลูกา 5:18Daily2013_10_3-1

ชายคนนี้เป็นอัมพาต เดินไม่ได้
เขามีเพื่อนช่วยหามเขามาจากบ้าน
พอมาถึงบ้านที่พระเยซูทรงยืนสอนอยู่
พวกเขาก็ตกใจ เพราะคนแน่นบ้าน
ไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าประตูไปหาพระเยซูได้เลย

แต่เพื่อนทั้งสี่ไม่ได้ท้อใจ
เขาหามเพื่อนขึ้นไปบนหลังคา
และค่อย ๆ รื้อหลังคาออกเดี๋ยวนั้น!

Daily2013_10_3-2

คนในบ้านตกใจ  .. เอ๊ะ มีฝุ่นตกลงมาจากเพดาน
พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นชาย 4 คนกำลังรื้อหลังคา

“เจ้าทำอะไรกันนะ?”  คนหนึ่งตะโกน
แต่พวกเขาบอกว่า
“เดี๋ยวกระผมจะเรียงหลังคากลับอย่างเดิมนะขอรับ
เมื่อได้ความกว้างที่ต้องการ

บ้านก็สว่าง

เขาก็หย่อนเพื่อนลงมา ตรงหน้าพระเยซูพอดี!

2 ตุลาคม 2013 ฤทธิ์แห่งการรักษา

ฤทธิ์อำนาจแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับพระเยซู เพื่อรักษาคนป่วย

ถอดความจาก ลูกา 5:19

Daily2013_10_2-1 (1)

วันหนึ่ง เหล่าฟาริสีและธรรมาจารย์ที่มาจากหมู่บ้านรอบ ๆ แคว้นกาลิลี แคว้นยูเดีย
รวมทั้งจากนครเยรูซาเล็ม
รวมตัวกันมาฟังพระเยซูสอนในบ้านแห่งหนึ่ง
พระเยซูทรงมีฤทธิ์อำนาจจากพระเจ้า
จึงทรงรักษาคนป่วยหลาย ๆ คนที่มาขอให้พระองค์รักษา

บ้านนั้นเต็มด้วยผู้คน แน่นจนล้นออกมา
แต่ผู้คนก็ไม่ได้ย่อท้อ
เขารู้ว่า ถ้าได้พบพระเยซู ต้องหายโรคแน่…
และมีชายคนหนึ่งมาหาพระองค์ด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใคร

Daily2013_10_2-2 (1)
เขาไม่ได้เบียดคนเข้ามา
เขาไม่ตะโกน
ไม่เรียกร้อง
เขาเดินไม่ได้เสียด้วย
เขามาอย่างไรนะ?

1 ตุลาคม 2013 อธิษฐานในที่สงบ

แต่พระเยซูมักจะทรงออกไปอยู่ที่สงบ
เพื่อจะอธิษฐาน 

ถอดความจากลูกา 15:16

Daily2013_10_1-1

ชายโรคเรื้อน ดีใจที่สุดในโลก
เขาใจกล้ามาขอพระเยซูช่วย และพระองค์ก็ทรงให้ตามที่เขาขอ

มหัศจรรย์!!  ยอดเยี่ยม!!

แต่พระเยซูตรัสกับเขาว่า
“เจ้าไม่ต้องเที่ยวไปบอกใคร ๆ ว่าเจ้าหายโรค”
“ทำไมล่ะขอรับ  นี่เป็นสิ่งดีที่สุดในชีวิตของกระผม?”

“เจ้าต้องไปหาปุโรหิต เพื่อไปแสดงตัวกับปุโรหิต ให้ตรวจเจ้า
ทำตามที่ท่านโมเสสสั่งเอาไว้
แล้วก็ถวายเครื่องบูชา เพราะเจ้าได้รับการชำระ …
คราวนี้ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าหายโรคแล้ว ”
“ขอรับ”  เสียงของเขาอ่อยลง
เขาดีใจมาก อยากบอกให้โลกรู้ แต่พระเยซูกลับทรงห้าม

Daily2013_10_1-2ต่..กลับกลายเป็นว่า
ข่าวการหายจากโรคเรื้อนนั้น แพร่กระจายไปทั่วเมือง
คนมากมายตามหาพระเยซู อยากทั้งฟังคำสอน
ทั้งจะได้รับการรักษาโรค..

แต่

พระเยวูมักจะทรงออกไปอยู่ในที่สงบ เพื่ออธิษฐาน……

31 พฤษภาคม 2013

ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า พระเจ้าทรงกระทำทุกสิ่งใด 
ไม่มีอะไรมาขัดขวางแผนการของพระองค์ได้ …

ถอดความจากโยบ 42:2

Daily2013_5_31-1โยบต้องทนทรมานกับความเจ็บปวดนานพอควร

แถมภรรยา  เพื่อนทั้งสามก็ยังเข้ามาตำหนิติเตียน แสดงความเห็นของตัวเอง

พวกเขาคิดว่า เขามีคำตอบสำหรับความทุกข์ยากของโยบ

แต่แล้วตัวโยบเองกลับพบว่า

เขาไม่จำเป็นต้องไปต่อล้อต่อเถียงพระเจ้าเลย

เพราะพระองค์จะทรงทำอย่างไรกับเขาก็ได้…..

เขายอมรับพระองค์  น้อมรับทุกอย่างที่พระเจ้าจะให้เกิดกับเขา

Daily2013_5_31-2

พระเจ้าทรงให้โยบกลับคืนสู่สภาพดี

ทรงสั่งให้เขาอธิษฐานเผื่อเพื่อน  ๆ  ที่ทำร้ายจิตใจ   เพื่อพระองค์จะทรงเมตตาพวกเขา

เมื่อเขาอธิษฐานเพื่อเพื่อน ๆ  พระเจ้าก็ทรงให้เขาเจริญขึ้นอีกครั้ง

ปลายชีวิตของโยบนั้น มีอะไร ๆ มากกว่าที่เคย

มีลูกชาย ลูกสาวยั้วเยี้ยอีก  … เขาได้มีชีวิตจนเห็นหลานเหลนถึง 4 รุ่น

และเขาสิ้นชีวิตตอนที่ชรามากทีเดียว….

 

30 พฤษภาคม 2013

เมื่อพวกเขาเห็นโยบแต่ไกล ก็จำโยบไม่ได้  จึงร้องไห้โฮ

และฉีกเสื้อคลุม ซัดผงคลีดินเหนือศีรษะ

ถอดความจาก โยบ 2:12

Daily2013_5_30-1

 อย่างที่เล่ามาเมื่อวาน  ภรรยาของโยบประชดโยบด้วยการบอกให้เขาแช่งพระเจ้า
แต่เขากลับตอบว่า เขายินดีได้รับสิ่งดีจากพระเจ้า และก็ต้องรับสิ่งไม่ดีได้ด้วย
โยบ ไม่ได้ทำตามอย่างที่ซาตานคิดว่าเขาจะทำ
มันประเมินโยบผิดไป…..

Daily2013_5_30-2

 

เพื่อนของโยบสามคนได้ข่าว จึงเดินทางมาเยี่ยม

“เรานัดกันไปเจอท่านโยบกันเถอะ เพราะทุกข์ของท่านน่าจะหนักหนานัก”

เมื่อเห็นโยบก็ตกใจเพราะนึกไม่ถึงว่าสภาพจะย่ำแย่ขนาดนั้น

พวกเขาร้องไห้โฮ  นั่งอยู่กับโยบนานเจ็ดวันโดยไม่พูดอะไร

แต่แล้ว …. เขาก็ได้คุยกันไปมา นานมาก

ทุกคนคิดว่า โยบทำผิดต่อพระเจ้าจึงเจอสภาพเช่นนี้

แต่โยบยืนกรานว่า เขาไม่ได้ทำผิดต่อพระองค์….

29 พฤษภาคม 2013

เขายังมั่นคงและสัตย์ซื่อ แม้เจ้าชวนให้เราต่อสู้เขา
เพื่อทำลายเขาโดยไม่มีเหตุ

ถอดความจาก โยบ 2:3


Daily2013_5_29-1

 

เมื่อเจ้าซาตานมันให้เหตุผลว่า ที่โยบเป็นคนดี ก็เพราะพระเจ้าทรงช่วย

พระองค์ทรงปกป้องและอวยพรเขา   ดังนั้นหากไม่มีพระพรเหลืออยู่ โยบก็คงทิ้งพระเจ้า

พระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้มันทำอะไรโยบก็ได้  แต่ห้ามแตะต้องตัวโยบ

มันจึงทำลายลูกสาวลูกชายทั้งหมด…. ฝูงสัตว์ถูกทำลาย

แม้ว่าโยบทุกข์ใจยิ่งนัก  แต่เขากล่าวว่า

“ข้าเกิดมาตัวเปล่า ก็จะกลับไปตัวเปล่า

พระเจ้าประทานและพระองค์ทรงเอาไปเสีย… สาธุการแด่พระนามของพระเจ้า”

Daily2013_5_29-2

 

มารยังไม่ยอมแพ้ ทูลพระเจ้าว่า “หากพระองค์ทำลายตัวเขา แตะต้องกระดูกและเนื้อของเขา

เขาจะแช่งสาปพระองค์อย่างแน่นอน”

พระเจ้าทรงอนุญาตให้มันทำอะไรก็ได้  แต่ห้ามเอาชีวิตเขาไป

มันจึงทำให้เขาเป็นฝีร้าย ตั้งแต่ฝ่าเท้าถึงศีรษะ!

แม้ภรรยาของโยบชวนให้เขาแช่งพระเจ้า และไปตายเสีย เขากลับกล่าวว่า

“เราจะรับแต่สิ่งดีจากพระเจ้า โดยไม่ยอมรับวิบัติหรือ…”

โห…ท่านโยบนี่ยอดจริง ๆ  สมกับที่พระเจ้าทรงชม!

24 พฤษภาคม 2013 นักเขียนนิรนาม 4

เพราะว่า โมรเดคัยคนยิว ได้ตำแหน่งรองพระราชา
และเป็นใหญ่ท่ามกลางพวยิว  

เป็นที่ชอบพอของพี่น้อง ญาติมิตรของท่าน 
เพราะท่านแสวงหาความสุขสงบให้กับชนชาติของท่านเอง

ถอดความจากเอสเธอร์ 10:3

Daily2013_5_24-1

เมื่อกลับถึงบ้าน หลังจากต้องร้องชมเชยโมรเดคัยทั้งวัน ทั้งเมือง

“ไม่ไหวแล้ว  ข้าทนไม่ได้  ทำไมพระราชาต้องให้ข้าแห่โมรเดคัยรอบเมือง”

ฮามานถึงกับร้องไห้ คร่ำครวญ

“เสียศักดิ์ศรีจริง ๆ   เราจะยอมมันอย่างนี้หรือท่านฮามาน” ภรรยาของฮามานเดือดร้อนแทน

“วันก่อน เราอุตส่าห์ทำตะแลงแกงที่แขวนคอโมรเดคัยเตรียมไว้  เราอุตส่าห์รอวันที่จะทูลให้พระราชาสั่งแขวนคอมัน!”

“แล้วท่านกลับต้องให้เกียรติมัน   โอ ….นี่มันอะไรกัน?? ”  เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“ทำไมแผนของข้าจึงล้มเหลว?”

“ถ้าท่านเริ่มต้นล้มลงต่อหน้าเขาอย่างนี้ ท่านไม่มีวันชนะเขาแน่”  เพื่อนอีกคนกล่าว

 

Daily2013_5_24-2

 

จริงอย่างคำของเพื่อน  วันต่อมา ในงานเลี้ยงของพระราชินี

พระนางได้ทูลพระราชาถึงแผนการชั่วของฮามานที่ต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยิว

พระราชาทรงโกรธจัด ถึงกับทรงลุกขึ้นจากงานเลี้ยงเมื่อทรงรู้ว่า ฮามาน คือคนที่ตั้งใจทำลายคนไม่พอ

ทำให้พระองค์ทรงเสียพระเกียรติอีกด้วย

คืนนั้นเอง … ฮามานจึงถูกแขวนคอด้วยตะแลงแกงที่เขาเตรียมให้โมรเดคัย

สมดังคำพูดของเพื่อนที่บอกไว้ล่วงหน้า

เรื่องราวของเอสเธอร์ เราไม่ทราบว่าผู้ใดเขียน ตรง ๆ  แต่…

น่าจะเป็นท่านโมรเดคัย…

เพราะท่านได้บันทึกเรื่องและส่งไปให้ไปยังยิวทั้งปวง 

เราจึงได้รับรู้เรื่องราวที่พระเจ้าทรงช่วยให้คนอิสราเอลพ้นภัยร้ายในครั้งนี้ด้วยความโล่งใจ

23 พฤษภาคม 2013 นักเขียนนิรนาม 3

“ราชินีเอสเธอร์ของข้า  พระนางปรารถนาอะไร  

เราจะให้พระนางถึงครึ่งหนึ่งของอาณาจักรข้า”

ถอดความจาก เอสเธอร์ 5:3

Daily2013_5_23-1สามวันต่อมา  พระนางเอสเธอร์ทรงฉลองพระองค์งดงามมาก  ทรงไปยืนในโถงที่พระราชาจะเสด็จผ่านมา
และเมื่อพระราชาเห็นพระนาง   ก็ปลาบปลื้มเพราะความงาม และทรงยื่นคทาให้พระนางแตะ
ทรงยิ้ม และ ทรงถามไถ่ว่าพระนางประสงค์สิ่งใด ทรงยินดีให้ถึงครึ่งอาณาจักร!
แล้วพระองค์ก็ต้องประหลาดใจเพราะพระนางเพียงขอเชิญพระราชาและฮามานไปในงานเลี้ยงของพระนาง
การขอเช่นนี้ ทำให้พระราชาทรงยินดีอย่างยิ่ง
ทั้งสิริโฉมงดงาม  ทั้งมีน้ำใจดี  …… พระองค์ไม่ทรงทราบเลยว่า พระราชินีทรงมีแผนการอะไร

Daily2013_5_23-2คนที่ปลื้มใจมากที่สุดคือฮามาน

เขาได้รับเชิญไปในงานเลี้ยงส่วนพระองค์   เขารู้สึกว่า ตนเองนั้นยอดมาก

พระราชินีทรงเชิญเขาอีกครั้ง   ทำให้ยิ่งปลาบปลื้มเข้าไปอีก

มีเรื่องเดียวที่ขัดใจฮามานที่สุดคือ โมรเดคัยผู้ไม่ยอมก้มหัวให้

แถมคืนก่อนที่จะไปงานเลี้ยงอีกครั้งนั้น พระราชาเกิดบรรทมไม่หลับ

อ่านบันทึกต่าง ๆ แล้วพบว่า โมรเดคัยเคยช่วยชีวิตพระองค์ไว้

เช้ามาจึงทรงสั่งให้ฮามานนำโมรเดคัยแห่รอบเมือง

โห… ยิ่งโกรธเข้าไปอีก  แม้ไปในงานเลี้ยงวันที่สองนั้นก็ยิ่งขุ่นมัว

 

 

22 พฤษภาคม 2013 นักเขียนนิรนาม 2

ฉันจะอดอาหารด้วย … แล้วฉันจะเข้าเฝ้าพระราชา
แม้ว่าจะเป็นการทำผิดกฎหมายของพระราชา 
ถ้าฉันจะต้องตาย  ก็ขอให้ฉันตาย”

ถอดความจากเอสเธอร์ 4:16

Daily2013_5_22-1

พระราชินีเอสเธอร์ส่งขันทีของพระนางไปถามไถ่เรื่องราว
จึงทราบมาว่า ฮามานต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวทั้งหมด
พระนางตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะมีคนทำเช่นนั้น
แต่มีหลักฐานมาจากโมรเดคัยด้วย นั่นก็คือสำเนากฤษฎีกาที่สั่งให้ทำลายยิว
ท่านยังบอกจำนวนเงินที่ฮามานถวายพระราชาอีก

“ท่านช่วยทูลพระนางให้เข้าเฝ้าพระราชาด่วน เพื่อจะช่วยให้ชนชาติของเรารอด”
โมรเดคัยกำชับขันที

Daily2013_5_22-2

เมื่อทรงทราบเรื่องราวทั้งหมด  พระนางส่งข่าวไปอีกว่า
หากใครเข้าเฝ้าพระราชาโดยไม่ได้ทรงเรียก จะมีโทษถึงตาย

สิ่งที่โมรเดคัยตอบมาก็คือ “อย่าคิดว่า พระนางจะรอด เพราะพระนางก็เป็นยิว
ถ้าพระนางไม่ทำ ความช่วยเหลือจะมาจากที่อื่น
แต่ที่พระนางได้มาเป็นพระราชินี ทั้ง ๆ ที่เป็นยิว
ใครจะรู้…. อาจเป็นเพราะพระเจ้าทรงเตรียมเธอไว้ ”
ได้ยินดังนั้น ราชินีเอสเธอร์จึงตระหนักว่า ที่เธอได้เป็นราชินีเพราะว่า พระเจ้าทรงส่งมา
“ถ้าอย่างนั้น ให้ยิวทุกคนอธิษฐานอดอาหารสามวันเพื่อฉัน
ฉันจะอดอาหารด้วย … แล้วฉันจะเข้าเฝ้าพระราชา
แม้ว่าจะเป็นการทำผิดกฎหมายของพระราชา
ถ้าฉันจะต้องตาย  ก็ขอให้ฉันตาย”

21 พฤษภาคม 2013 นักเขียนนิรนาม 1

 แต่ฮามานคิดว่า เป็นการเสียหน้า
ที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว
จึงหาช่องทางที่จะทำลายคนยิวทั้งหมด
ทั่วราชอาณาจักรของพระราชา!

ถอดความจาก เอสเธอร์ 3:6

Daily2013_5_21-1

ในสมัยที่ราชาเซอร์เซสปกครองในเปอร์เซียที่เมืองป้อมสุสาอยู่นั้น
มีข้าราชการคนหนึ่ง ชื่อฮามาน  เป็นคนโอหังมาก
มีชาวยิวชื่อโมรเดคัย เป็นยามนั่งเฝ้าประตูราชวัง
ไม่เคยก้มหัว ทำความเคารพเขาสักนิด  ทำให้เขาโกรธจัด
ดังนั้น จึงหาทางกำจัดโมรเดคัยอย่างแนบเนียน
ไปทูลขอให้พระราชา สั่งสังหารชาวยิวทุกคนในเปอร์เซีย
ถึงกับถวายสินบนให้กับพระราชาหน้าตาเฉย

ถ้าเป็นที่พอพระทัยพระราชา
ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างเขาเสีย
ข้าบาทจะถวายเงินอีก 10000 ตะลันต์ให้กับข้าราชการผู้ดุแล
เพื่อเขาจะได้ใส่ในคลังของพระองค์ 

ซึ่งหมายถึงว่า โมรเดคัยก็จะไม่พ้นการล้างฆ่าเผ่าพันธุ์ครั้งนี้

Daily2013_5_21-2

เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวเมืองร้อนใจไปตาม ๆ กัน
วันนัดหมายที่จะฆ่าคนยิวนั้นคือวันที่ 13 เดือน 12
เขาสั่งทำลายสังหารทั้งเด็กผู้ใหญ่  ผู้หญิงในวันเดียวกันให้หมด!!

โมรเดคัยเองตกใจมากกับเหตุการณ์นี้  เขาฉีกเสื้อตัวเอง สวมผ้ากระสอบ
โรยขี้เถ้าใส่หัวตัวเอง  ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังกลางเมือง
ไม่ว่ากฤษฎีกาฉบับนี้ไปถึงเมืองไหน
ชาวยิวในเมืองนั้นก็จะอดอาหาร ฉีกเสื้อ สวมผ้ากระสอบร้องไห้เช่นกัน
ความนี้ รู้ไปถึงพระราชินีเอสเธอร์……..

17 พฤษภาคม 2013 ข้าราชการนักเขียน 2

ให้พวกเรามาช่วยกันสร้างกำแพงเยรูซาเล็มใหม่เถอะ
เราจะไม่ต้องอับอายขายหน้าใคร ๆ อีกต่อไป

ถอดความจากเนหะมีย์ 2:17

Daily2013_5_17-1

เนหะมีห์เดินทางจากบาบิโลน กลับมาทางตะวันตกจนถึงนครเยรูซาเล็ม

มันไม่ได้เป็นนครที่มีคนมากมาย มีตลาดร้านค้า มีพระวิหาร มีราชวังอีกต่อไป

แต่กลายเป็นที่มีแต่ซากปรักหักพัง

ไม่มีกำแพงเมืองเหลืออยู่  ไม่มีความรุ่งเรืองให้เห็นสักนิด

เนหะมีห์เห็นเช่นนั้น  เขายิ่งเสียใจ  แต่เขาตั้งใจว่า จะไม่ให้เมืองเป็นที่ครหา น่าอับอายอีกต่อไป

เขาขอให้พระเจ้าทำงานสำเร็จ

Daily2013_5_17-2

แล้วเขาก็สำรวจทุกอย่างกลางคืน   เขารู้ว่า มีศัตรูไม่ต้องการให้เขาทำกำแพงสำเร็จ

คืนแรก ๆ ที่มาถึง อยู่กับการสำรวจและวางแผนว่าจะทำอย่างไร

ในที่สุดก็จัดคน  จัดหน้าที่อย่างเรียบร้อย

ทุกคนเริ่มต้นทำงาน  น้ำหนึ่งใจเดียวกัน

มุ่งมั่นให้งานสำเร็จ  มีคนทำงาน คนเฝ้ายาม คนทำอาหาร ทุกคนร่วมมือกันอย่างเต็มใจ

เนหะมีห์ก็ได้บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เราได้อ่าน

เป็นตัวอย่างของเหล่าคนที่มุ่งมั่นไม่ปล่อย…วางใจพระเจ้าจนสุดใจ

 

15 พฤษภาคม 2013 ปุโรหิตนักเขียน2

เจ้าจงพูดกับเขาว่า .. พระเจ้าตรัสดังนี้.. เขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ตาม

เขาจะได้รับรู้ว่า มีผู้กล่าวคำของพระเจ้าในหมู่พวกเขาแล้ว 

ถอดความจาก เอเสเคียล 2:5

Daily2013_5_15-1

พระเจ้าทรงตักเตือนคนอิสราเอลผ่านปากของเอเสเคียล

เขาต้องพูดกับคนที่พระเจ้าตรัสว่า เป็นคนมักกบฏ และดื้อด้าน

การไปพูดให้คนที่ไม่อยากเชื่อฟังนั้น มันเหมือนเป็นการกระทำที่แพ้กับแพ้

แต่เมื่อพระเจ้าบัญชา  เอเสเคียลก็ไม่ขัดขืน
Daily2013_5_15-2

พระเจ้าตรัสกับเราผ่านพระคัมภีร์   ผ่านคนที่พระองค์ทรงใช้

บางครั้งผ่านคุณพ่อ คุณแม่ หรือพี่น้อง

เราฟังเสียงของพระองค์   หรือว่าดื้อดึงต่อคำของพระองค์

ลองสังเกตตัวเองดู

14 พฤษภาคม 2013 ปุโรหิตนักเขียน

พระดำรัสของพระเจ้ามายังเอเสเคียล ปุโรหิต
บุตรบุซี ในแผ่นดินเคลเดีย  ริมแม่น้ำเคบาร์
ณ ที่นั่น พระหัตถ์ของพระเจ้ามาอยู่เหนือท่าน

ถอดความจากเอเสเคียล 1:3

 

Daily2013_5_14-1
เมื่อชาวยูดาห์ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในบาบิโลน
เอเสเคียลก็อยู่ในคนกลุ่มนั้นด้วย  ดานิเอล และเพื่อน ๆ ก็เช่นกัน
เอเสเคียลเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้ารุ่นเดียวกับเยเรมีห์ และดาเนียล

ถึงแม้พวกเขาไปอยู่ต่างแดน แต่พระเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งคนของพระองค์เลย
พระองค์ยังทรงใช้บางคนให้กล่าวคำของพระองค์เพื่อให้กำลังใจเชลยเหล่านั้น

 

Daily2013_5_14-2

 

วันที่พระเจ้าทรงเรียกเอเสเคียลให้รับใช้พระองค์นั้น  เขาอยู่ริมแม่น้ำ

มีพายุมาจากทางเหนือ  มีเมฆก้อนใหญ่ที่สว่าง มีไฟลุกวาบขึ้นมาด้วย  ….

เอเสเคียลได้เห็นสัตว์ประหลาดที่น่าตาแปลกมาก

มันเหาะได้  และ… วันนั้นเขาก็เห็นพระสิริของพระเจ้า

พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงยืนขึ้น เราจะพูดกับเจ้า”

และวันนั้นเองพระองค์ก็ทรงส่งให้เขาไปตักเตือนพวกเขา

ไม่ว่าจะฟังหรือไม่  เอเสเคียลก็ต้องพูดเตือนสติไม่หยุด

10 พฤษภาคม 2013 ธรรมาจารย์นักเขียน

เอสราผู้นี้มาจากบาบิโลน  เป็นธรรมาจารย์เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติของโมเสส
…. พระราชาประทานทุกอย่างที่ท่านทูลขอ 

เพราะว่า พระหัตถ์ของพระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน

ถอดความจาก เอสรา 7:6

Daily2013_5_10-1

อีกท่านหนึ่งที่เขียนพระธรรมเอสรา คือ ท่านเอสรา

เป็นธรรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญพิเศษ   พระสติปัญญาของพระเจ้าอยู่กับท่าน

และคอยสอนให้ประชาชนรู้จักพระวจนะของพระเจ้า

Daily2013_5_10-2

ยิ่งกว่านั้นท่านเอสรายังเตรียมของสำหรับการสร้างพระวิหาร

และช่วยดูแลการสร้างพระวิหารหลังจากที่อิสราเอลกลับมาจากการเป็นเชลยในบาบิโลนด้วย

พระราชาอารทาเซอร์ซีสทรงหนุนหลังเขาอย่างเต็มที่

พระองค์ตรัสว่า “สิ่งใดที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทรงบัญชา

ก็ให้ทำอย่างเต็มขนาดสำหรับพระวิหารของพระองค์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ….