เศฟันยาห์ 2-2

เศฟันยาห์ 2:8-15

“เราได้ยินคำสบประมาทจากชาวโมอับ   และการเยาะหยันเสียดสีของชาวอัมโมน  เรารู้ว่าพวกเขาสบประมาทคนของเราอย่างไร   เราได้ยินคำโอ้อวดคุยทับเรื่องเขตแดน

ดังนั้น… เพราะเรามีชีวิตอยู่ ”  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัส “โมอับจะกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดม และอัมโมนจะเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์  แผ่นดินจะเต็มด้วยต้นตำแย  และหลุมเกลือ และจะกลายเป็นพื้นที่เสียเปล่าตลอดไป  คนที่เหลืออยู่ในแผ่นดินของเราจะเข้าไปปล้น  และคนที่มีชีวิตเหลืออยู่ของเราจะครอบครองมัน”

พระเจ้าตรัสถึงคนชาวฟิลิสเตีย ซึ่งอยู่ทางตะวันตก ริมฝั่งทะเล   และคราวนี้ พระองค์ตรัสถึงคนที่อยู่ทางตะวันออกซึ่งคอยสบประมาทคนของพระองค์ไม่ว่างเว่้้น

แม้ว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาลงโทษยูดาห์ แต่ขอให้สังเกตว่า ยังมีบางคนที่หลงเหลืออยู่ พระเจ้าจะทรงให้คนที่หลงเหลืออยู่นั้น ได้แผ่นดิน ของศัตรู  และอาศัยในแผ่นดินนั้น

นี่คือผลตอบแทนของการที่พวกเขายะโส  เพราะเขาได้สบประมาทและอวดโอ้หยามเหยียดคนของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ

สำหรับพวกเขาแล้ว  พระเจ้าจะเป็นพระองค์ผู้น่าสะพรึงกลัว

เพราะพระองค์จะทรงทำให้พวกเขาขาดแคลนเหล่าพระทั้งหลายของพวกเขานั้น    พวกเขาจะต้องกราบลงต่อพระองค์   กราบต่อพระองค์จากที่ ๆ มันตั้งอยู่  ตามแผ่นดิน……….

คนคูชเอ๋ย  เจ้าก็เช่นกัน  เจ้าจะถูกสังหารด้วยดาบของเรา

คนคูชคือชาวเอธิโอเปียทางใต้

และพระองค์จะยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ต่อสู้กับชนชาติทางเหนือ  พระองค์จะทรงทำลายอัสซีเรีย   และจะทรงทำให้นีนะเวห์ร้างเปล่า   กลายเป็นที่ร้างกลางทะเลทราย

คราวนี้พระเจ้าตรัสถึงคนทางเหนืออีก   และในเวลาต่อมา เหตุการณ์เหล่านั้นก็เกิดขึ้นกับนีนะเวห์จริง ๆ  ปี 612 ก่อนคริสตศักราช  บาบิโลเนียได้เข้ามาตี และทำลายนีนะเวห์จนกลายเป็นเมืองร้างเปล่า


เหล่าฝูงสัตว์จะนอนลงในเมืองนั้น    สัตว์ป่าทุกชนิด  ไม่เว้นแม้กระทั่งนกเค้า และเม่นจะอาศัยในเมืองใหญ่นั้น  เสียงร้องครางจากหน้าต่าง  ความรกร้างเกิดขึ้นที่ธรณีประตู   งานไม้เสดาร์จะถูกกองทิ้งเอาไว้

นี่คือเมืองที่เคยร่าเริงสนุกสนาน   เคยอยู่อย่างปลอดภัยมั่นคง  เมืองที่กล่าวในใจของตนว่า  “เรานี่แหละ  ไม่มีใครอีกแล้ว”

แล้วดูซิ  กลับกลายมาเป็นเมืองร้างเปล่าเช่นนี้  เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่า   คนที่เดินผ่านเมืองนี้ก็จะส่งเสียงไม่พอใจและชูกำปั้นของเขา

 

 

นาฮูม 3-1

วิบัติของนีนะเวห์

นาฮูม 3:1-10

วิบัติแก่เมืองที่โชกเลือด  มีแต่การมุสาและการปล้น   จับคนมาเป็นเหยื่ออย่างไม่สิ้นสุด

สำหรับประเทศ และเมืองที่ผู้นำมุสา และปล้นจากประชาชน มันไม่น่าจะมีอะไรเหลืออยู่แล้ว…. ประชาชนกลายเป็นเหยื่อของผู้นำ  ..ดูเหมือนว่า สมัยก่อน สมัยนี้ ไม่ได้มีอะไรต่างกันสักเท่าไร

เสียงแส้  และเสียงล้อรถหมุนดังสนั่น  เสียงม้าควบและรถรบ

พลม้าออกคำสั่ง  ดาบสะท้อนแสง   หอกเปล่งประกาย   นักฆ่ามากันเป็นกองทัพ   ศพกองพะเนิน  ซากศพมากมายสุดสายตา  พวกเขาวิ่งสะดุดร่างเหล่านั้น

นาูฮูมได้ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับนีนะเวห์  พวกเขาจะพังพินาศเพราะข้าศึกบุกเข้ามาอย่างไร

และยังมีกิจกรรมของคนขายตัวอีกไม่หมดสิ้น   เดินเฉิดฉายไปมาอย่าง และดููสวยพริ้งจนตะลึง  พวกเธอทรยศต่อชาติด้วยการขายตัว  เธอทรยศประชาชนด้วยเสน่ห์ของเธอ

ดูเถิด  เราเป็นศัตรูกับเจ้า  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงประกาศ

เราจะเปิดกระโปรงของเจ้าคลุมหน้าเจ้าเสีย  เพื่อว่า ชนชาติทั้งหลายจะได้เห็นความเปลือยเปล่าของเจ้า  และอาณาจักรทั้งหลายจะเห็นความน่าละอายของเจ้า    เราจะเขวี้ยงสิ่งสกปรกใส่เจ้า  และทำกับเจ้าด้วยความรู้สึกขยะแขยง   เราจะทำให้ใคร ๆ ก็เห็นเจ้า

พระเจ้าตรัสประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นศัตรูกับเขา  และความพินาศที่พระองค์จะทรงนำมานั้น ใคร ๆ ก็จะรู้ จะเห็นกันไปทั่ว

และทุกคนที่มองมายังเจ้าจะหลีกหนีเจ้า และกล่าวว่า
“นีนะเวห์เสียหายย่อยยับไปหมดแล้ว  ใครจะมาโศกเศร้ากับเธอเล่า?  ฉันจะไปหาคนปลอบใจเจ้าจากที่ไหน?

ไม่มีใครจะมาสงสารนีนะเวห์เลย  ต่างก็สมน้ำหน้า ใคร ๆ จะหนีเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนีนะเวห์

เจ้าดีกว่าเเธเบสที่นั่งอยู่ริมน้ำไนล์ มีน้ำอยู่รอบข้าง  มีทะเลเป็นป้อมปราการ และมีน้ำเป็นกำแพงอย่างนั้นหรือ?
คูชเป็นกำลังของเธอ  รวมทั้งอียิปต์ด้วย ทั้งสองเป็นกำลังไม่จำกัดของเธอ  ส่วนพุท และลิบยา ก็เป็นผู้ช่วยเธอ

แต่เธอกลับต้องถูกเนรเทศ  ไปเป็นเชลย  ลูกน้อยก็ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ตามหัวถนนทุกแห่ง   ผู้ชายที่มีเกียรติของเธอถูกโยนทิ้ง และวีรบุรุษต่างถูกล่ามโซ่

ในขณะที่เธเบส ในอีิยิปต์  มีแม่น้ำไนล์เป็นเหมือนกำแพงปกป้องเมืองไว้  และยังมีพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยเหลือ  แต่ถึงกระนั้น ในประวัติศาสตร์  เธเบสถูกโจมตีโดยอัสซีเรีย   ถูกปล้นและทำลายจนย่อยยับ  และทหารอัสซีเรียจับฉลากกันว่า ใครจะได้คนที่เก่ง มีความสามารถไปเป็นทาสของตน

 

โยนาห์ 1-1

โยนาห์ 1:1-3

คำของพระเจ้ามายังโยนาห์ ลูกชายอามิททัย

“เจ้าจงลุกขึ้น เดินทางไปยังเมืองนีนะเวห์ เมืองใหญ่  และร้องตักเตือนพวกเขา  เพราะว่า ความชั่วช้าของพวกเขานั้นมาถึงเรา”

แต่เมื่อโยนาห์ได้ยินดังนั้น เขากลับลุกขึ้นเพื่อจะหนีไปยังเมืองทารชิช  คิดว่าจะหนีไปให้พ้นพระพักตร์ของพระเจ้า  เขาเดินทางไปยังเมืองยัฟฟา และที่นั่นก็พบเรือโดยสารที่จะไปยังทารชิช เมืองเป้าหมายปลายทางของเขา

ภาพเอื้อเฟื้อจาก http://www.dsmedia.org

เขาไปที่ท่าเรือและจ่ายค่าโดยสาร  เมื่อลงเรือก็พร้อมที่จะหนีไปจากพระพักตร์ของพระเจ้า

โยนาห์เป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าในอิสราเอล  และทั้ง ๆ ที่นีนะเวห์ เป็นเมืองของอัสซีเรีย ซึ่งเป็นศัตรูของอิสราเอล  พระเจ้ากลับทรงให้โยนาห์ไปช่วยให้ศัตรูกลับใจ  นี่มันยังไงกัน… โยนาห์รับความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เลย  เขาเองเป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าคอยตักเตือนคนอิสราเอลที่ทำบาป ให้มาหาพระเจ้า  เขาไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ

แต่ที่พระเจ้าทรงใช้เขาอย่างนี้  ไม่สมเหตุสมผลเลย…

หนีดีกว่า

โยนาห์เข้าใจผิดไปอีกอย่าง  เขาคิดว่า เขาจะหนีให้พ้นสายพระเนตรของพระเจ้าได้ด้วย

เอ ยังไงกัน

ก็พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าทรงฤทธิ์  ทรงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลก  ทำไม โยนาห์จึงสามารถคิดอย่างนั้นได้.