โยนาห์ 1-3

โยนาห์ 1:7-10

แล้วพวกเขาก็พูดกันว่า  “เอาอย่างนี้  เรามาจับฉลากกัน  เราจะได้รู้ว่าเหตุการณ์ร้ายครั้งนี้  ใครเป็นต้นเหตุ”  ดังนั้นพวกเขาจึงจับฉลากกัน  และปรากฏว่า โยนาห์ได้ฉลากนั้น

“เจ้าบอกเรามาซิว่า ใครเป็นต้นเหตุให้ความชั่วร้ายครั้งนี้ตกมาที่พวกเรา ? ฮึ  เจ้ามีอาชีพอะไร?  เจ้ามาจากไหน? เจ้าเป็นคนชาติไหน?  เชื้อชาติอะไร?”    โยนาห์ตอบเขาว่า “ข้าเป็นคนเชื้อชาติฮิบรู   เป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้า  พระเจ้าแห่งสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดิน”

“ฮ้า!!”  พวกเขาตกใจกลัวกันมาก โยนาห์ได้เล่าให้พวกเขาฟังว่า เขาได้พยายามหนีจากพระเจ้ามา   “แล้วนี่เจ้าทำอะไรลงไป?!!”

ภาพได้รับความเอื้อเฟื่อจาก dsmedia.org

ลองคิดถึงเรือที่กำลังโคลงเคลงโยนตัวขึ้นไปบนยอดคลื่น  แล้วก็หล่นลงมา  มีคลื่นอีกลูกซัดน้ำเข้ามาเต็มลำเรือ  …  … พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เพราะว่า ทำอย่างไร ร้องขอพระของตัวเองเท่าไร  คลื่นก็ไม่สงบ  และไม่มีท่าทีว่าจะสงบด้วย

คนในสมัยนั้น เมื่อต้องการคำตอบของพระที่เขาเชื่อ  ก็จะใช้วิธีทอยสลากกัน  มันเป็นวิธีง่าย  ตัดสินได้เลย  แต่ครั้งนี้ พระเจ้าทรงตอบพวกเขา  พระเจ้าทรงให้โยนาห์รู้ว่า ทรงเอาจริงแน่คราวนี้

คำถามที่โยนาห์ต้องตอบนั้น มากมายเป็นชุด

แค่บอกว่าเป็นฮิบรู พวกเขาก็รู้ว่า โยนาห์ไม่ได้เชื่อเทวรูปเหมือนอย่างพวกเขา แถมโยนาห์ยังบอกด้วยว่า พระเจ้าของเขาคือพระผู้สร้างทะเลและแผ่นดิน  โอโฮ…  ขณะที่พายุกำลังพัดกล้านี่นะ  โยนาห์ยังบอกว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือทะเลนี้

โยนาห์หนีพระเจ้าด้วยความเข้าใจว่า เขาอาจจะหนีพระองค์ได้  แต่จากคำพูดของเขา ทำให้เราเห็นแล้วว่า โยนาห์รู้ว่า พระเจ้ากำลังทรงจัดการกับเขาตรงไปตรงมา

เมื่อพวกเขารู้ว่า หน้าที่ของโยนาห์คือการกล่าวคำของพระเจ้า เป็นคนเกรงกลัวพระเจ้า  แต่กลายเป็นผู้นำภัยพิบัติมาให้พวกเขา     พวกเขากลัวมาก  กลัวจริง ๆ  ทั้งกลัวตาย  และกลัวพระเจ้า …..พระองค์ผู้ทรงกำลังตามติดโยนาห์มา

 

โยนาห์ 1-2

โยนาห์ 1:4-6

แต่พระเจ้าบันดาลให้เกิดลมพัดแรงในทะเล  และมันกลายเป็นพายุปั่นป่วนท้องทะเล ทำให้เรือเกือบจะแตกอยู่แล้ว   เหล่าลูกเรือต่างตกใจกลัว  ทุกคนเรียกร้องพระเจ้าของตน   พวกเขาช่วยกันเอาข้าวของ สินค้าโยนลงไปในทะเลเพื่อจะทำให้เรือเบาขึ้น

แต่โยนานั้น ได้เข้าไปในเรือ นอนหลับไป

กัปตันเรือได้เข้ามาหาและกล่าวกับเขาว่า “ผู้โดยสารขี้เซา  นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ลุกขึ้น เร็ว ทูลขอพระเจ้าของท่านให้ช่วยพวกเรา  บางทีพระองค์จะทรงคิดถึงเราบ้าง เราจะได้ไม่ต้องพินาศ”

ครั้งนี้ พระเจ้าทรงเป็นผู้ส่งพายุมาให้โยนาห์โดยเฉพาะ  เขาคิดว่าจะหนีพระองค์ไปได้  ขนาดมีพายุยังอุตส่าห์ลงไปนอนเสียอีก  เขาปิดหูปิดตากับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่า พระเจ้าทรงเตือนเขาแล้ว

พายุครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดาเหมือนลมพายุที่มักจะเกิดขึ้นในทะเล  เพราะว่า เหล่ากลาสีเรือนั้น ไม่คาดคิดว่าจะมีลมแรงขนาดนี้  และพวกเขาก็กลัวกันมากด้วย

แต่ความแรงของพายุ

เสียงร้องทูลต่อพระเจ้าของเหล่ากลาสี !

เสียงโวยวาย เร่งช่วยกันเอาของโยนลงทะเล….

ไม่ได้ทำให้โยนาห์สนใจอะไรได้เลย…. เขาหลับสนิท….

อี๋ย… เราเคยเป็นอย่างโยนาห์ไหมนี่… มีอะไรเกิดขึ้นเตือนเราตั้งมากมาย  แต่เรายังไม่สนใจ ไม่คิดว่า พระเจ้าทรงเตือน กลับอยู่เฉย ไม่ใส่ใจ  สิ่งที่ใครพูด ก็ไม่สน  รอบตัวเป็นอย่างไรก็ช่าง ฉันจะเป็นของฉันอย่างนี้…..

แล้วดูซิ  กัปตันเรือ ซึ่งน่าจะเป็นเรือของชาวฟินิเชียซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการเดินเรือในทะเลเมดิเตอเรเนียน  ได้บอกให้โยนาห์อธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอล …. เขารู้ว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์ ถ้าพระองค์ทรงฟัง พระองค์ก็จะทรงช่วยพวกเขาได้

คนที่ไม่ได้เชื่อในพระองค์ยังรู้เลยว่า พระองค์ทรงฤทธิ์มากยิ่ง

แล้วยังไงกันนี่  โยนาห์อุตส่าห์หนีพระเจ้ามา  แล้วตอนนี้มีคนมาบังคับให้อธิษฐานต่อพระองค์ที่เขาพยายามหนี…. เป็นอย่างไรล่ะ ท่านโยนาห์