
มนัสเสห์
มั่นใจในพระสัญญา ๓๓-๔
2 พงศาวดาร 33:13-20
ราชามนัสเสห์ ผู้ไม่เคยมีพระเจ้าในสายตา… มาบัดนี้ ยามที่อยู่เป็นเชลยในบาบิโลน กลับทรงอธิษฐานสุดหัวใจ ขอพระเจ้าทรงยกโทษให้ …
และพระเจ้าทรงเห็น ทรงได้ยิน พระทัยของพระองค์ทรงสงสารราชามนัสเสห์ผู้ที่หัวใจแตกร้าว และสำนึกผิดอย่างแท้จริง
พระเจ้าจึงทรงนำให้ราชามนัสเสห์ได้มีโอกาสกลับมายังนครเยรูซาเล็มอีกครั้ง!
ไม่น่าเชื่อ!!
ราชามนัสเสห์เองทรงเห็นว่า พระองค์น่าจะสิ้นพระชนม์ในบาบิโลน แค่พระเจ้าทรงยกโทษให้ก็ดีที่สุดแล้ว
แต่พระเจ้าทรงปราณียิ่งกว่านั้น มากกว่าที่คิดหวัง
พระเจ้าทรงคืนบัลลังก์ให้แก่พระองค์
“พระเจ้าทรงมีอยู่จริง พระเจ้าเที่ยงแท้แน่นอน” ราชามนัสเสห์ยอมรับ “พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์”
แล้วต่อมา พระองค์จึงทรงสร้างกำแพงเมืองเพิ่มขึ้น พระองค์ทรงแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารในหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วยูดาห์
สิ่งที่สำคัญคือ พระองค์ทรงสั่งรื้อเอาเทวรูปต่าง ๆ รูปเคารพสารพัดอย่างที่มีในพระวิหารนั้นออกไป ทรงสั่งให้เอาออกไปจากที่สูงซึ่งพระองค์เคยทรงสร้างเอาไว้ ทรงทำลายแท่นบูชาสำหรับพระอื่นในพระวิหารและในนครเยรูซาเล็ม เอาออกไปทิ้งนอกนครเยรูซาเล็มทั้งหมด
“พระราชามีคำบัญชาให้รื้อฟื้นแท่นบูชาของพระเจ้า และทรงถวายเครื่องศานติบูชา และเครื่องบูชาโมทนาพระคุณพระเจ้า”
ผู้คนต่างพูดกันทั่วนครเยรูซาเล็ม “และทรงสั่งให้พวกเรานมัสการปรนนิบัติพระเจ้าแห่งอิสราเอล”
ขอบคุณพระเจ้าที่ราชามนัสเสห์ได้ทรงสำนึกผิดและกลับพระทัย ไม่ทำตามทางเดิมที่เคยทำต่อไป
การที่ราชามนัสเสห์ได้ขออภัยโทษบาปต่อพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่ความผิดต่อพระเจ้านั้นมากมาย เป็นเครื่องเตือนใจเราจริง ๆ ว่า เรามั่นใจในพระสัญญาของพระเจ้าได้เสมอ…. พระเจ้าทรงไม่เคยดูหมิ่นใจที่ชอกช้ำ…
พระเจ้าทรงชำระราชามนัสเสห์ … พระองค์ทรงให้ราชามนัสเสห์มีโอกาสที่จะกลับมาแก้ตัวใหม่ในสิ่งที่พลาดไปแล้ว
ขอบคุณพระเจ้า
ที่พระเจ้าไม่ทรงเหวี่ยงราชามนัสเสห์ออกไปในขณะที่ทรงทูลขอความกรุณาจากพระเจ้า แต่กลับทรงรับคำอธิษฐานจากใจที่แตกร้าว จากร่างกายที่ทุกข์ทรมานสาหัส…..
ราชามนัสเสห์ทรงครองยูดาห์รวม 55 ปีจึงสิ้นพระชนม์….
คำอธิษฐานของราชาร้าย ๓๓-๓
2 พงศาวดาร 33:10-13
จากการที่ราชามนัสเสห์ได้ทำสิ่งที่ดูหมิ่นต่อพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการเอาเทวรูปเข้าไปในพระวิหาร หรือการฆ่าลูกของพระองค์เองเพื่อบูชายัญ เหล่านี้ พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัย และพระองค์ก็ทรงใช้คนของพระองค์ มาเตือนพวกเขา แต่… ถึงเตือนเท่าไร พวกเขาก็ไม่ฟัง
สิ่งที่พระเจ้าทรงทำคือ พระองค์ทรงให้กองทัพอัสซีเรียเข้ามาบุกนครเยรูซาเล็ม !
และราชามนัสเสห์ก็ถูกจับตัวมัดด้วยโซ่ทองเหลืองและลากไปด้วยขอเหล็ก พวกเขาลากพระองค์ไปอย่างนั้นจนถึงบาบิโลน
ระยะทางระหว่างเยรูซาเล็มไปจนถึงบาบิโลนนั้น ใช้เวลานานมาก
มันเป็นเวลานานพอที่จะทรมานราชามนัสเสห์อย่างช้า ๆ และเจ็บปวด ทั้งจิตใจและร่างกาย พระองค์ถูกคนทั้งหลาย ถูกทหารชั้นผู้น้อยมองตามอย่างเหยียดหยาม
“พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ทำผิดต่อพระองค์ ผิดต่อพระองค์อย่างยิ่ง ข้าพระองค์ทำเหมือนกับว่า พระองค์ไม่มีในโลกนี้ ข้าพระองค์เป็นราชาแห่งยูดาห์ แต่บัดนี้ต้องมาเป็นเชลยที่ต่ำต้อย”
“ขอพระเจ้าทรงโปรดอภัยบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ไม่สมควรที่จะได้รับพระเมตตาของพระองค์เลย…”
ราชามนัสเสห์ที่เคยเย่อหยิ่ง จองหองต่อพระเจ้า กลับกลายมาเป็นอีกคน!
บางครั้ง ความทุกข์ยากมันก็ดีสำหรับชีวิต เพราะทำให้ตระหนักว่า ตัวจริงของเรานั้น ไม่สำคัญอะไรเลย เราต้องการพระเจ้าเสมอ พระองค์เท่านั้น ที่จะทรงทำให้เราพ้นความยากลำบากไปได้
พระเจ้าจะทรงฟังคำอธิษฐานของคนที่สำนึกผิด ที่ทำความผิดบาปอย่างร้ายแรงยิ่งไหม?
พระเจ้าจะทรงตอบราชามนัสเสห์ไหม?
ถ้าเราทำบาปร้าย และสำนึกผิด เราใจแตกสลาย… พระเจ้าจะทรงฟังเราหรือเปล่า?
เริ่มต้นก็ร้ายแล้ว ๓๓-๒
2 พงศาวดาร 33:5-9
ยิ่งไปกว่าการสร้างแท่นเผาบูชาตามที่สูงต่าง ๆ ในเมือง ราชามนัสเสห์ยังได้สร้างเทวรูปใส่ไว้ในพระวิหารของพระเจ้าด้วย! มีแท่นบูชาสำหรับเทววัตถุแห่งท้องฟ้า ในลานพระวิหาร
ที่ร้ายสุดนั่นก็คือ
เอาโอรสของพระองค์เองมาเป็นเครื่องเผาบูชา!
มันเกินความคิดของผู้คน เราไม่เข้าใจถึงความคิดของราชามนัสเสห์ พระองค์ทรงประสงค์อะไรจึงต้องทำเช่นนั้น ? พระองค์เชื่อว่าจะทำให้เจ้าพ่อ เจ้าแม่เหล่านั้นพอใจ หรือว่ากลัวเจ้าเหล่านั้นโกรธเอา ….
ภาพจาก newworldencyclopedia.org
พอจะคิดออกไหม??… เพราะราชามนัสเสห์ยังใช้พวกโหรเพื่อบอกอนาคต และไสยศาสตร์เวทมนต์ต่าง ๆ มากมาย แถมยังเลี้ยงเหล่าคนทรงแบบต่าง ๆ ไว้ด้วย คนเหล่านี้ คงพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้มนัสเสห์ทำสิ่งที่ร้ายแรงถึงกับเอาโอรสที่จะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป หรือที่จะเป็นเจ้าครองนครเมื่อโตขึ้นฆ่าบูชาเสีย
การเข้าไปเกี่ยวข้องกับหมอดู ไสยศาสตร์ มนต์ดำต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง มันทำเหมือนกับว่าจะช่วยให้ดีขึ้น แต่ความจริงแล้วมันทำให้เราเป็นทาสของมัน ต้องรู้อนาคต ต้องไปดูดวง ต้องไปทำของ…..
ราชามนัสเสห์ทำเช่นนี้ทำให้พระเจ้าพิโรธยิ่งนัก พระวิหาร เป็นที่ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับราชาดาวิดและราชาซาโลมอน เป็นที่ประจักษ์ของทั้งข้าราชการ ประชาชนว่า “เราจะใส่นามของเราในวิหารแห่งนี้ และในนครเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกออกมาจาก 12 เผ่าแห่งอิสราเอลตลอดไปเป็นนิตย์ และเราจะไม่ให้เท้าของคนอิสราเอลออกจากแผ่นดินที่เราได้ให้กับบรรพบุรุษของเจ้า ขอเพียงให้เจ้าระมัดระวังที่จะทำตามสิ่งที่เราสั่งเจ้าไว้ ทั้งตามกฏหมาย บัญญัติ และกฎที่เราได้ให้เจ้าทางโมเสส “
แต่แล้ว มาถึงวันนี้ ราชามนัสเสห์กลับนำให้ชนเผ่ายูดาห์และชาวเมืองเยรูซาเล็มต้องหลงไปจากทางของพระเจ้า ลงมือทำสิ่งที่ชั่วร้ายไปกว่าเหล่าชนชาติที่พระเจ้าได้ทรงทำลายต่อหน้าคนอิสราเอลเสียอีก
มนัสเสห์… ราชาองค์ใหม่ ๓๓-๑
2 พงศาวดาร 36:1-4
เมื่อราชบิดาคือเฮเซคียาห์สิ้นพระชนม์นั้น เจ้าชายมนัสเสห์ทรงอายุเพียง 12 ปี เจ้าชายองค์นี้ทรงเติบโตมาท่ามกลางผู้ใหญ่ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบ้านการเมือง
ลองคิดดูว่า หากเราต้องมีหน้าที่ทำงานขณะที่ยังเล็กอยู่นั้น เป็นสภาพกดดันเพียงใด เจ้าชายน้อยต้องเรียนรู้กิจการบ้านเมือง เล่นไม่ได้เหมือนเด็กอื่น ๆ
เมื่อทรงเติบโตเป็นชายหนุ่ม ราชามนัสเสห์กลายเป็นราชาแสนร้ายแห่งราชวงศ์ยูดาห์! คนร้ายที่สุดกลายเป็นราชาแห่งยูดาห์แล้วใครจะทำอะไรได้? ราชามนัสเสห์ทรงทำทุกอย่างตามแบบของชนชาติรอบข้าง ไม่นมัสการพระเจ้าต่อไป แต่หันไปสร้างที่สูงเพื่อสร้างแท่นบูชาเทวรูปต่าง ๆ เหมือนกับชนชาติที่พระเจ้าทรงไล่ออกไปจากแผ่นดิน
ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้? บางรัชสมัยก็มีพระราชาที่ช่วยให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ด้วยการติดตามพระเจ้า และตั้งใจทำงานเหมือนกับสมัยของราชาอาสา เฮเซคียาห์ แต่แล้ว บางสมัยประชาชนก็ต้องเจอผู้นำที่พาเขาออกห่างจากพระเจ้าอีก วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อะไรที่พระราชบิดาทรงทำลายไป โอรสก็สร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแท่นบูชาจ้าวบาอัล เจ้าแม่อัชเชราห์ และดวงดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้า
ที่ร้ายไปกว่านั้น ราชามนัสเสห์ได้สร้างแท่นบูชาในพระวิหารของพระเจ้า! ช่างท้าทายพระเจ้าเหลือเกิน พระเจ้าเคยตรัสว่า “พระนามของเราจะอยู่ในวิหารนั้นตลอดไป” แต่มนัสเสห์กำลังพยายามให้พระนามของพระเจ้าออกไปจากพระวิหาร กลายเป็นชื่อพระอื่นแทน
ราชามนัสเสห์ทำทุกอย่างเหล่านี้ทำไม?
ราชบิดาไม่เคยสอนพระองค์เลยหรือว่า อะไรควร และอะไรไม่ควร? ช่วงที่ราชามนัสเสห์เกิดมานั้น เป็นช่วงเวลาของความรุ่งเรืองในอิสราเอล เป็น 15 ปีสุดท้ายของราชาเฮเซคียาห์
เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้นที่ทำให้ราชามนัสเสห์ไม่ได้รู้จักพระเจ้าเลย?