2 พงศาวดาร 18:18-27
“ขอพระราชาทั้งสองโปรดสดับฟังพระวจนะจากพระเจ้า พะยะค่ะ” มีคายาห์น้อมตัวลง
“ข้าพระบาทเห็นพระเจ้าประทับบนพระที่นั่งของพระองค์
และเห็นทูต ….เออ…เห็นบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ ยืนข้าง ๆ พระบัลลังก์ ทั้งซ้ายและขวา” สิ่งที่มีคายาห์กล่าว ทำให้ราชาอาหับอึ้ง พระองค์ไม่เคยทรงได้ยินอะไรเช่นนี้มาก่อน… อะไรกัน มีคายาห์เห็นสวรรค์เลยหรือนี่ !!
ส่วนราชาเยโฮชาฟัทยิ่งทรงสนใจมากขึ้น มันมีอะไรเกิดขึ้นในสวรรค์นะ? มันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในโลกด้วยหรือ?
“พระเจ้าตรัสกับพวกเขาเหล่านั้นว่า… ใครจะไปล่อใจให้ราชาอาหับแห่งอิสราเอล ยกทัพไปโจมตีราโมท-กิเลอาด เพื่อว่าเขาจะล้มลงที่นั่น?”
น่าสนใจ นี่มันอะไรกัน?… ราชาเยโฮชาฟัททรงตื่นเต้น
“มีบางตนก็ทูลพระเจ้าอย่างนี้ บางตนก็ทูลอย่างนั้น แต่แล้วก็มีวิญญาณดวงหนึ่งมาเฝ้าต่อพระพักตร์พระเจ้า ทูลว่า … ข้าทาสจะไปเกลี้ยกล่อม ล่อใจพระราชาเอง…. เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ พระเจ้าตรัสถาม ”
เอ. … นี่แสดงว่า มันมีการทำงานระหว่างโลกและสวรรค์ ราชาเยโฮชาฟัททรงเริ่มเห็นภาพใหญ่..
“วิญญาณนั้น ทูลพระเจ้าว่า ข้าทาสจะออกไป และเป็นวิญญาณโกหกมุสาในปากผู้กล่าวคำของพระเจ้าทุกคน”
….อา… เข้าใจแล้ว ที่เราไม่สบายใจและคิดว่า มันแปลก ๆ ก็อย่างนี้นี่เอง ถ้ามีคายาห์ไม่มาบอก เราคงไม่เข้าใจอะไรเลย ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเปิดเผยให้ทราบ….. ราชาเยโฮชาฟัททรงพยักหน้า…
“แล้วพระเจ้าตรัสว่าอย่างไร?”
มีคายาห์ทูลตอบ ..”พระเจ้าตรัสว่า จงไปทำอย่างนั้นเถอะ เจ้าจะทำสำเร็จ ดูซิ ขอพระราชาโปรดพิจารณา พระองค์ทรงอนุญาตวิญญาณมุสาเข้ามาในคนของฝ่าพระบาท พระเจ้าได้ทรงบอกให้รู้ถึงหายนะของพระองค์”
อึ้ง….
ฉาด!…. เศเดคียาห์เดินเข้ามาตบหน้ามีคายาห์ต่อหน้าพระราชา
“พระวิญญาณของพระเจ้าไปจากข้า และพูดกับเจ้าทางใดกัน?” เศเดคียาห์โกรธจัด ยั้งความโกรธไม่อยู่
“นี่แนะ” มีคายาห์ไม่ได้ตบหน้าตอบ “เจ้าจะรู้ในวันนั้นที่เจ้าเข้าไปซ่อนตัวในห้องชั้นใด” มีคายาห์กลับทำนายเหตุการณ์ในอนาคตให้เศเดคียาห์อีก
ราชาอาหับจึงทรงสั่งให้คนเอามีคายาห์ไปขัง
“เอาเจ้านี่ไปจำคุก จำกัดน้ำ อาหาร เพียงให้มันอยู่รอด จนกว่าเราจะกลับมาอย่างปลอดภัย” พระองค์ทรงโกรธไม่แพ้เศเดคียาห์
“ถ้าฝ่าพระบาทเสด็จกลับมาอย่างปลอดภัยจริง ๆ เท่ากับพระเจ้าไม่ได้ตรัสผ่านข้าพระบาท” มีคายาห์กล่าวขึ้นมาทันที
“ขอประชาชนฟังเอาไว้แล้วกัน” ราชาอาหับทรงสรุปห้วน ๆ