คำชมของราชินี ๙-๒

2 พงศาวดาร 9:5-12

หลังจากที่ทรงเห็นความอลังการของเมืองเยรูซาเล็ม พระวิหาร พระราชวังของราชาซาโลมอน  รวมทั้งได้สนทนาสารพัดเรื่องกับราชาซาโลมอนแล้ว   ราชินีแห่งเชบาทูลว่า

“ที่หม่อมฉันเคยได้ยินเรื่องราวของพระองค์  จากคนในประเทศของหม่อมฉัน  พวกเขาเล่าถึงความสำเร็จ  พระปรีชาญาณของพระองค์  หม่อมฉันไม่ได้เชื่อเลย  แต่ตอนนี้  หม่อมฉันได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า เป็นจริงสมกับที่พวกเขาพูด   และที่เขาเล่ามา ก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่เห็นวันนี้    ฝ่าพระบาททรงยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขากล่าวกันมากมายนัก”

พระนางทูลต่อไปว่า

“ประชาชนของพระองค์ต้องมีความสุข ความสงบ รู้สึกปลอดภัยมาก   ข้าราชการของหม่อมฉันก็จะมีความสุขมากถ้าพวกเขาได้มีโอกาสเข้าเฝ้า  และฟังพระสติปัญญาของพระองค์อยู่เสมอ”   พระนางไม่ได้ทรงคิดถึงพระองค์เองเท่านั้น  แต่ทรงเห็นว่า ข้าราชการของราชาซาโลมอนนั้นได้เปรียบกว่าข้าราชการในที่อื่น ๆ  แม้ในประเทศของพระนางเอง….เพราะได้รับใช้พระราชาที่ทรงปัญญา

ราชินีแห่งเชบาเข้าเฝ้าราชาซาโลมอน  Sir Edward John Poynter  (1839-1919)

“สรรเสริญพระเจ้าของฝ่าพระบาท   สรรเสริญพระองค์ที่ทรงตั้งฝ่าพระบาทเป็นกษัตริย์ครองบัลลังก์แห่งอิสราเอล และได้ปกครองนี้ในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระราชาเพคะ    พระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์ยิ่งนัก   และทรงตั้งพระทัยที่จะเชิดชูอิสราเอลไว้ตลอดไป   พระองค์จึงทรงตั้งฝ่าพระบาทให้รักษาความชอบธรรมและความยุติธรรม”

ราชินีแห่งชีบาทรงเห็นทะลุปรุโปร่งว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ และทรงเป็นผู้ตั้งซาโลมอนให้ปกครองประเทศ  พระนางรับว่า พระเจ้าทรงใช้ซาโลมอนเพื่อรักษาความเที่ยงธรรมให้กับประชาชน

จริง ๆ  ราชินีองค์นี้ทรงยิ่งใหญ่ไม่น้อย  เพราะพระนางเป็นราชินีที่เต็มด้วยสติปัญญา   มองทุกสิ่งอย่างลึกซึ้งและละเอียดละออ  ทรงเข้าใจถึงพระทัยของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลอย่างน่าแปลกใจ

ไม่น่าเชื่อ

ที่ราชินีต่างชาติจะทรงเข้าใจอะไรได้มากมายเช่นนี้

พระนางได้ทรงถวายทองคำหนัก 4 ตัน อัญมณีเหลือล้น   และเครื่องเทศมากมาย   ทรงถวายมากอย่างที่ไม่มีใครเคยถวายมาก่อน

และราชาซาโลมอนทรงมอบทุกสิ่งที่ราชินีทูลขอ  ทรงให้พระนางมากยิ่งกว่าที่พระนางเอามาถวาย

จากนั้น พระนางก็ทูลลา และเดินทางกลับประเทศอย่างปลอดภัย

 

ราชินีผู้มาเยือน ๙-๑

2 พงศาวดาร 9:1-4

ราชินีแห่งเชบา  เป็นราชินีผู้ปกครองประเทศทางใต้ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ได้ชี้ว่า น่าจะเป็นประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน

พระนางเดินทางพร้อมกับกองคาราวานขนาดมหึมา มุ่งหน้ามายังเยรูซาเล็ม   กองคาราวานนี้ มีอูฐบรรทุกเครื่องเทศ  ทองคำและอัญมณีมากมาย

พระนางต้องผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุในเวลากลางวัน  หนาวเย็นเยือกในเวลากลางคืนเป็นเวลาหลายเดือน   แต่ในพระทัยของพระนางนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะทรงพบชายผู้ฉลาดที่สุดในโลกให้ได้

ทรงขอเข้าเฝ้าราชาซาโลมอนอย่างนอบน้อม      ซึ่งพระองค์ทรงยินดีที่มีแขกสตรีมาเยือนเช่นนี้

ภาพวาดโดย เอ็ดมุน ดูลัค 1882-1953

ราชินีองค์นี้ ทรงฉลาดล้ำ  พระนางถึงทรงใคร่รู้ว่า ราชาซาโลมอนที่ทรงขึ้นชื่อว่า เป็นกษัตริย์ที่ทรงปัญญาที่สุดนั้น  เก่งจริงสมคำเล่าลือหรือไม่  ทรงต้องมาดูด้วยพระองค์เอง   พระนางไม่อาจจะแค่คอยฟังคนนั้น คนนี้พูดได้อีกต่อไป

เมื่อพระนางทรงเข้าเฝ้าราชาซาโลมอน   พระนางก็ไม่ได้รอช้า ทรงสนทนาเรื่องที่ทรงสงสัยอยู่  และราชาซาโลมอนก็ทรงตอบพระนางได้ทุกอย่าง  ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินกว่าที่พระราชาจะทรงตอบได้

ลองคิดดูซิว่า  ราชาและราชินีผู้ปกครองประเทศที่ต่างกัน จะทรงสนทนากันเรื่องอะไรบ้าง

มันต้องมีเรื่องมากมายให้คุย  ตั้งแต่การปกครอง การบริหารประเทศ  ปัญหาของประชาชน และเรื่องอื่น ๆ อีกที่ยังเป็นปัญหาซึ่งพระราชินีเองก็ทรงต้องการแก้ไข

อาจจะมีเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ  เรื่องของพระเจ้า พระวิหาร การนมัสการพระองค์    ราชาซาโลมอนทรงรู้จักพระเจ้าอย่างไรบ้าง

ราชินรแห่งเชบา  ทรงประหลาดพระทัยกับคำตอบของราชาซาโลมอน  และทรงยอมรับว่า ราชาซาโลมอนนั้นทรงด้วยสติปัญญาอันสูงส่ง    ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ ดูเหมือนว่า ทุกสิ่งอยู่ในความคิดของพระองค์ทั้งหมด  ทรงเป็นราชาที่รอบรู้จริง ๆ

ยิ่งเมื่อพระนางทอดพระเนตรการถวายเครื่องบูชาอันมากมาย   พนักงาน ข้าราชการของราชาซาโลมอน  รวมไปถึงอาหาร  เครื่องใช้บนโต๊ะเสวย  พระนางทรงตะลึงกับทุกสิ่งที่ได้พบ