โยเอล ๒-๔ ขอพระเจ้าเวทนา

โยเอล 2:15-19

 

ท่านโยเอลผู้นี้ ไม่ได้แค่มาบอกคนยูดาห์ว่า  จะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา  แต่ท่านได้บอกหนทางแก้ไขด้วย  ทุกคนควรมารวมตัวกันเพื่อที่จะกลับใจพร้อม ๆ กัน  แม้เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงาน ก็ต้องออกมาจัดการกับบาปของตน  เรื่องนี้ สำคัญยิ่งยวด

และคนที่จะเป็นผู้นำในการกลับใจก็คือเหล่าคนที่เป็นผู้สอน หัวหน้า  …. พวกเขาต้องกลับใจเองด้วย ไม่ใช่ให้คนอื่นกลับใจแต่ตัวเองยังเหมือนเดิม    เขาควรอธิษฐานว่า ขอพระเจ้าทรงเมตตาไม่ให้ใครมาเยาะเย้ยคนของพระองค์   ขอทรงเวทนาพวกเขา  อย่าให้ใครมาตั้งคำถามว่า พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน

โยเอลบอกว่า ถ้าเขากลับใจ.. พระเจ้าจะทรงหันมาหาเขา  มาสงสารเขา และช่วยเหลือ

แต่….ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่า คนที่ฟังท่านนั้น จะเอาใจใส่ และทำตามที่ท่านแนะนำหรือเปล่า

เมื่อต้องเป็นเชลย ๖-๕

2 พงศาวดาร 6:34-39

“ยังมีอีกเรื่องที่ข้าทาสของพระองค์จะทูลขอ

อาจมีสักวันหนึ่งที่คนอิสราเอลต้องออกไปทำสงครามในที่ไกล ๆ  พระองค์เจ้าข้า  เมื่อพวกเขาอธิษฐานต่อพระองค์หันหน้ามาทางเมืองเยรูซาเล็มที่พระองค์ทรงเลือกไว้นี้  เมื่อพวกเขาหันตรงมาที่พระวิหารแห่งพระนามของพระองค์   ขอพระองค์ทรงเมตตา

ขอทรงสดับฟังเขาจากฟ้าสวรรค์  และขอให้สิทธิแห่งความเป็นประชากรของพระองค์นั้น คงอยู่

เมื่อพวกเขาต้องไปเป็นเชลย  ถูกปฏิบัติราวสัตว์ใช้งาน……

พระองค์เจ้าข้า มนุษย์ทำบาปเสมอ  ดังนั้น  หากเขาได้ทำบาปต่อพระองค์  และพระองค์ทรงกริ้ว   พระองค์ทรงมอบเขาไว้ในมือของศัตรูกลายเป็นเชลย… ในแผ่นดินของศัตรู

ขอพระเจ้าทรงเมตตา  หากเขาสำนึกผิดจากแผ่นดินไกล และกลับใจ

เมื่อพวกเขาสำนึกผิดและวิงวอนต่อพระองค์  จากแผ่นดินที่เขาเป็นเชลยนั้น

เมื่อพวกเขาทูลอ้อนวอนต่อพระองค์ว่า  … ข้าทาสทั้งหลายได้ทำบาป ทำชั่วร้าย ทำการอธรรมต่อพระองค์….

เมื่อพวกเขากลับมาหาพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิต สิ้นสุดใจ

และอธิษฐานตรงมาที่แผ่นดินนี้  ตรงมาที่พระวิหารนี้

พระเจ้าข้า   ขอทรงโปรดสดับคำอธิษฐานของพวกเขา จากสรวงสวรรค์ จากที่ประทับของพระองค์

ขอพระองค์โปรดให้สิทธิแห่งความเป็นประชากรของพระองค์นั้น ยังคงอยู่

ขอพระองค์เมตตา  ประทานอภัยให้พวกเขา”

 

เมื่อราชาซาโลมอนอธิษฐานเผื่อประชากรของพระองค์แล้ว

พระองค์ทรงหันพระทัยมุ่งมายังที่ ๆ  พระองค์ทรงอยู่พร้อมกับประชากรอีกเป็นจำนวนมาก

“ข้าแต่พระเจ้า

ขอพระเนตรทรงดู  ขอพระกรรณทรงยินคำอธิษฐานแห่งพระวิหารนี้

ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงลุกขึ้นเสด็จไปยังที่ประทับของพระองค์

ทั้งพระองค์  และหีบแห่งอำนาจสูงสุด

ขอให้ปุโรหิตสวมใส่ความรอด

ให้คนของพระองค์  ยินดีในความดีของพระองค์

พระเจ้าข้า   ขออย่าทรงหันใบหน้าของผู้ทรงเจิมไปเสีย

ขอทรงระลึกถึงความรักมั่นคงที่ทรงมีต่อดาวิด  ผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด!”

 

ราชาซาโลมอนได้อธิษฐานเพื่อประชากรของพระองค์   คนต่างด้าว  และที่สุด พระองค์ทรงเชิญพระเจ้าเสด็จเข้ามาประทับในพระวิหาร   คำอธิษฐานที่ได้บันทึกไว้นี้  ทำให้เรารู้ว่า  เราควรอธิษฐานเผื่อคนอื่น  และห่วงใยผู้อื่นอย่างไร

ราชาซาโลมอนผู้ได้เขียนสุภาษิต  และปัญญาจารย์   ผู้ทรงสติปัญญา ไม่ได้อธิษฐานขอความมั่งคั่งเลย

พระองค์ทรงขอเพื่อคนทั้งหลายจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องกับพระเจ้า   และยังอธิษฐานขอทางแก้ไขเมื่อพวกเขาทำผิดต่อพระองค์

 

คำอธิษฐานนี้….. ดีจริง ๆ

 


 

คำทูลเพื่อคนต่างด้าว ๖-๔

2 พงศาวดาร 6:32-33

ยังมีอีกเรื่องที่ราชาซาโลมอนทรงคิดถึง  และทรงอธิษฐานต่อพระเจ้า

นั่นคือ เรื่องของคนต่างด้าว  คนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล  ซาโลมอนจะใช้ให้พวกเขาทำงานสร้างพระวิหาร เป็นคนสกัดหิน เป็นคนขนไม้ ทำงานหนักต่าง ๆ    พวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พระวิหารสำเร็จ   ตลอดเวลาที่ทำงานกับพวกเขา กว่า 7 ปี   ราชาซาโลมอนเองทรงสัมผัสชีวิตของพวกเขา  ทรงเห็นความตั้งใจของพวกเขาในการทำงาน       ราชาซาโลมอนก็ทรงทราบดีว่า พระเจ้าทรงสร้างพวกเขามาเช่นกัน

จากคำอธิษฐานนี้ จะเห็นว่า ราชาซาโลมอนทรงคิดอย่างไรกับพวกเขา  ไม่ได้ทรงเหยียดหยามพวกเขาดั่งทาส   ไม่ได้ทรงคิดกับพวกเขาเหมือนเป็นมนุษย์อีกชนชั้น   แต่กลับขอพระเจ้าทรงเมตตาพวกเขา

 

 

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  ยังมีคนต่างด้าวซึ่งไม่ใช่คนอิสราเอล ประชากรของพระองค์อีก

พวกเขามาจากที่ ๆ ไกล

พระองค์เจ้าข้า  … เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

เพื่อเห็นแก่พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
เพื่อเห็นแก่พระกรที่พระองค์ทรงยื่นออกมา

ขอทรงโปรดสดับฟังจากฟ้าสวรรค์    เมื่อพวกเขามาอธิษฐาน ณ พระวิหารนี้

ขอทรงตอบตามที่พวกเขาทูลขอ

เพื่อว่า ชนชาติต่าง ๆ ในแผ่นดินโลกนี้ จะได้รู้จักพระนาม  และยำเกรงพระนามของพระองค์เหมือนอย่างที่คนอิสราเอลยำเกรงพระองค์

เพื่อเขาจะได้ทราบว่า พระวิหารนี้ เรียกกันด้วยพระนามของพระองค์…”

คำอธิษฐานนี้ น่าสนใจจริง

ราชาซาโลมอนปรารถนาให้คนต่างด้าวได้รู้จักและนับถือองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนคนอิสราเอล !!

 

ยาเบสอธิษฐาน ๔

1 พงศาวดาร 4:5-9

มีชายคนหนึ่ง ในตระกูลยูดาห์   เป็นคนที่เข้มแข็งมาก ใคร ๆ ก็นับถือเขา   แต่… สำหรับแม่ของเขาแล้ว  ตั้งชื่อเขาว่า ยาเบส

“ทำไมล่ะ?  ทำไมเธอตั้งชื่อลูกว่ายาเบส  ไม่ค่อยดีเลยนะ”

“ก็ตอนที่ฉันคลอดลูกคนนี้   มันเจ็บมากเลย “

“แต่ชื่อนี้แปลว่า ความเจ็บปวด ความเสียใจ เธอจะเปลี่ยนชื่อลูกไหม?”

“ไม่หรอก  ยังไงก็ชื่อนี้…”

ดังนั้น ทุกครั้งที่แม่เรียกชื่อของยาเบส  ทำให้ยาเบสระลึกเสมอว่า เขาทำให้แม่เจ็บปวดมากเพียงไร  มันเป็นแผลในใจของเขา

แต่เขาไม่ปล่อยให้แผลนั้นทำลายตัวเขาเอง

เขาหันมาหาพระเจ้า และทูลอธิษฐานเสมอว่า

“ข้าแต่พระเจ้า  ขอพระองค์ทรงอวยพระพรแก่ข้าพเจ้า….
ขอพระองค์ทรงขยายเขตแดนที่ข้าพเจ้าอาศัย ….
ขอพระเจ้าโปรดทรงอยู่ด้วยกับข้าพเจ้า
พระเจ้าข้า  ขอทางช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย
เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าเจ็บปวดทั้งกายและใจ …. “

ยาเบสอธิษฐานอย่างจริงใจ  และเขาเชื่อว่า พระเจ้าจะประทานให้เขา

เขาอธิษฐานเพื่อไม่ให้เขาเจ็บปวดทั้งกายและใจ

และพระเจ้าก็ประทานให้ตามที่เขาทูลขอ…

พระเจ้าไม่ได้ทรงตอบคำอธิษฐานของยาเบสคนเดียว

แต่ทุกคนที่วางใจในพระองค์ และเชื่อ นับถือ ยอมรับพระนามพระเยซู

พระเจ้าจะทรงตอบคำอธิษฐานของเขาเช่นกัน