อิสยาห์ 19-3

อิสยาห์ 19:18-25

ในวันนั้นจะมีเมือง 5 เมืองในอียิปต์ที่พูดภาษาของคนคานาอัน  และสาบานว่าจะเป็นพันธมิตรกับพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  หนึ่งในเมืองนี้ มีชื่อว่า เมืองแห่งการทำลายล้าง

ในวันนั้นจะมีแท่นบูชาสำหรับพระเจ้าในแผ่นดินอียิปต์ และเสาเพื่อพระเจ้าณ เขตแดน  มันจะเป็นสัญลักษณ์และพยานถึงพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพในแผ่นดินอียิปต์  เมื่อพวกเขาร้องต่อพระเจ้า เนื่องจากมีคนมาเคี่ยวเข็ญ พระเจ้าจะทรงส่งผู้ช่วยและผู้ปกป้องมา และช่วยเหลือพวกเขาให้รอดพ้น

และพระเจ้าจะทรงให้ชาวอียิปต์ได้รู้จักพระองค์   และชาวอียิปต์จะรู้จักพระองค์ และนมัสการด้วยเครื่องบูชา และเครื่องถวายบูชา  และพวกเขาจะปฏิญาณตนต่อพระเจ้า และกระทำตามนั้น

และพระเจ้าจะทรงตีอียิปต์  ตีแล้วรักษาไป  และพวกเขาจะหันกลับมาหาพระเจ้า และพระองค์จะทรงฟังคำขอเมตตาจากพวกเขา และพระองค์จะทรงรักษาเขาให้หาย

ภาพจาก tikkunministries.org
ภาพจาก tikkunministries.org

ในวันนั้น จะมีถนนหลวงสายตรงจากอียิปต์สู่อัสซีเรีย  และอัสซีเรียจะเข้ามายังอียิปต์  อียิปต์ก็เดินทางไปอัสซีเรีย   ชาวอียิปต์และชาวอัสซีเรียจะนมัสการพระเจ้าด้วยกัน

ในวันนั้น อิสราเอลจะมาเป็นที่สามกับอียิปต์และอัสซีเรีย  เป็นพระพรท่ามกลางประชาชาติในโลกนี้   คนที่พระเจ้าทรงอวยพระพร กล่าวว่า ความสุขจงมีแก่ชาวอียิปต์ คนของเรา   ชาวอัสซีเรียกิจแห่งมือเรา และอิสราเอลมรดกของเรา

โฮเชยา 2-1

แล้วพระเจ้าทรงเตือนสติให้อิสราเอล  ด้วยการกล่าวถึงนางโกเมอร์…. ซึ่ง ณ เวลานี้มีความหมายถึงอิสราเอลนั่นเอง  เพราะว่า การทำบาปต่อพระเจ้านั้น เปรียบได้กับภรรยาที่ไม่สัตย์ซื่อต่อสามี    และ สิ่งที่โฮเชยากล่าว ก็เป็นการ เปรียบเทียบทำนองนี้เป็นเรื่องเด่น….

เวลานั้นเอง ประชาชนอิสราเอลถูกทำร้ายจากกษัตริย์และชนชั้นสูง  คนยากจนถูกกดขี่ และคนมั่งคั่งก็ทำทุกอย่างตามใจของตนเอง.

 

อาโมส 2-3

อาโมส 2:10-16

เมื่อวานเราได้เห็นแล้วว่า บาปที่พระเจ้าทรงชี้แจงให้เขาเห็นนั้น เป็นอะไรบ้าง   และที่แย่สุดต่อมาก็คือ  พระเจ้าได้ตั้งคนบางคนเรียกว่า นาศีร์  หรือผู้ที่แยกตัวออกมาเพื่อเขาจะบริสุทธิ์  และกล่าวคำของพระเจ้าให้กับประชาชน  เขาเป็นตัวแทนของพระเจ้า….  คนเหล่านี้ไม่เหมือนปุโรหิตที่อยู่ในพระวิหาร  พวกเขาอยู่ท่ามกลางประชาชน  แต่เขาจะไม่ตัดผม  ไว้ผมยาว  และไม่ดื่มเหล้าองุ่นเลย …. คนที่เป็นนาศีร์ก็อย่างเช่น แซมสัน เป็นต้น

คนอิสราเอลกลับปิดปาก  ห้ามพวกเขาไม่ให้กล่าวคำของพระเจ้า  แถมยังบังคับให้เขาดื่มเหล้าเพื่อให้เมา  พูดไม่รู้เรื่องเสียอีก

นี่เป็นการสบประมาทพระเจ้าอย่างรุนแรง!

ผลที่จะเกิดขึ้นคือ  ไม่มีใครในพวกเขาจะหนีพ้นการลงโทษของพระเจ้าเลย

อาโมส 2-2

อาโมส 2:6-9

 

ความบาปของคนอิสราเอลทางเหนือ   ที่พระเจ้าทรงแจกแจงออกมาผ่านอาโมสนั้น    ไม่ได้ทำให้แปลกใจว่า  ทำไมพวกเขาก็ต้องถูกลงโทษเช่นคนอื่น ๆ       พรุ่งนี้เราจะเห็นต่อไปว่า  พวกเขายังมีบาปอะไรที่น่าเกลียดน่าชังที่พระเจ้าจะทรงกำจัดอีก

 

ส่วนคนอาโมไรต์ เป็นชนชาติที่เคยอยู่ในคานาอันมาก่อน   พวกเขาเป็นชนชาติที่เก่งกล้า

แต่พระเจ้าทรงถอนรากถอนโคนพวกเขา เพื่อให้ชนอิสราเอลที่พระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ได้เข้าไปอาศัย   ตอนที่โมเสสนำคนอิสราเอลออกมานั้น (เพื่อน ๆ หาอ่านได้ใน หนังสืออพยพ)   พระเจ้าทรงสั่งให้เขารุกเข้าไปในเทือกเขาที่ชาวอาโมไรต์อาศัยอยู่ (เฉลยธรรมบัญญัติ 1:7)

 

ผลของการทำชั่ว ๒๘-๒

 

ราชาอาหัส โดย  Guillaume Rouille (1518?-1589)

2  พงศาวดาร 28:5-7

ในเมื่ออาหัสไม่ยอมติดตามพระเจ้า แต่กลับไปถวายลูกชายเป็นเครื่องบูชาเทวรูปต่าง ๆ  พระเจ้าจึงทรงมอบราชาอาหัสไว้ให้ตกอยู่ใต้ราชาแห่งซีเรีย และราชาแห่งอิสราเอลที่ชื่อเปคาห์ บุตรเรามาลิยาห์

ไม่ไหวแล้ว  ประชาชนแตกตื่น และกลัวลานกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา

“ข้าว่าเราต้องอพยพไปแล้ว  อยู่ไม่ได้”

“ท่านไปได้เพราะท่านมีเงิน  แต่ข้าเป็นคนจน ยังไงก็ต้องเจอกับสิ่งร้าย ๆ เหมือนกับคนอื่น”

 

ช่วงเวลานั้น  ไม่มีความปลอดภัยในอิสราเอลเลย

ราชาเปคาห์แห่งอิสราเอลเข้ามาโจมตี และฆ่าทหารยูดาห์เก่ง ๆ  ตายไปถึง 120,000  คน  ภายในวันเดียว!!

วันเดียวเท่านั้น คนตายเป็นแสน

นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร  แล้วราชาอาหัสทรงคิดบ้างไหมว่า…. ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ เป็นเพราะพระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดขึ้น??

ยิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้  ประชาชนต่างขวัญหนีดีฝ่อไปตาม ๆ กัน   คนที่หนีได้ก็อพยพไป   ส่วนคนที่ยากจนก็หนีไม่พ้น

พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

“ที่เกิดเหตุเช่นนี้ เป็นเพราะเขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย”

คราวนี้ ยูดาห์ซึ่งเคยเก่งกล้า ใคร ๆ ก็ยำเกรงสมัยราชาโยธาม กลับกลายเป็นยูดาห์ที่ใคร ๆ หัวเราะเยาะ

พวกเขาไม่ได้ทำตัวให้ถูกต้อง  ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า อะไรดีไม่ดี….

พรุ่งนี้เราจะมาดูว่า พวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง

จะเลือกโทษแบบใด ๒๑-๒

1 พงศาวดาร 21:7-13

การที่ราชาดาวิดได้สั่งให้สำรวจประชากรนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระองค์ทรงรู้สึกภูมิใจว่า  ความรุ่งเรืองของอิสราเอลนั้น เป็นผลงานของพระองค์  ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพระองค์ทรงประสงค์ที่จะขยายอาณาเขตออกไปก็เป็นได้

แต่โยอาบไม่ได้บอกจำนวนของคนเลวี และคนเผ่าเบนยาบิน

เขามีเหตุผลส่วนตัว…. เขาไม่ต้องการให้คนเผ่าเบนยามิน ซึ่งเคยถูกลงโทษมามากมายแล้ว ต้องมารับเคราะห์กรรมที่อาจเกิดขึ้น

แม่ทัพโยอาบเป็นคนมองการณ์ไกล   เขาพอจะรู้ว่า พระเจ้าทรงรู้สึกอย่างไร และเขาก็เห็นว่า ราชาดาวิดจะตกอยู่ในความลำบากโดยไม่จำเป็น

อะไรหรือ?

ก็นี่ไง…. พระเจ้าทรงโกรธที่ราชาดาวิดทำเช่นนั้น   พระองค์จะทรงลงโทษทั้งอิสราเอล ไม่เฉพาะราชาดาวิดเท่านั้น

ภาพโดย Julia Margaret Cameron (1818-1879)

และราชาดาวิดก็สำนึกทันทีว่า  ทรงทำผิดไปแล้ว

“ข้าทาสของพระองค์ได้ทำความผิดใหญ่มาก…”  ราชาดาวิดอธิษฐาน  “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ขอพระองค์ทรงอภัยบาปชั่วร้ายของข้าทาสด้วยเถิด  ข้าทาสทำสิ่งที่โง่เง่ามาก”

พระเจ้าได้ตรัสผ่านผู้เผยคำกล่าวชื่อ กาด…

“พระเจ้าตรัสว่า  เราเสนอให้เจ้าเลือกสามอย่าง   เจ้าจะให้เราลงโทษเจ้าอย่างไร

การกันดารอาหาร 3 ปี    หรือการโจมตีจากศัตรูนั่นหมายถึงสงคราม  3 เดือน หรือว่าจะเอาการมีโรคระบาดในแผ่นดิน 3 วันโดยทูตของพระเจ้าจะไปทำลายคนทั่วอิสราเอล  ขอให้พระราชาทรงตอบมา”

พระเจ้าทรงให้ราชาดาวิดเลือกการลงโทษเอง!

พระเจ้ายังทรงเมตตาต่อราชาดาวิดมาก  ที่จริงพระองค์จะทรงทำแบบใดก็ได้ หรือทั้งสามแบบก็ได้

ราชาดาวิดทรงคิดแล้วคิดอีก   พระองค์ทรงกังวลพระทัยมาก

พระองค์จะทรงเลือกอย่างใดนะ?