พระเจ้าทรงทำได้ทุกอย่าง

22 พฤษภาคม 2021

ผู้ที่อาศัยในโลกนั้น นับเหมือนศูนยภาพ
และพระเจ้าทรงทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์
ทั้งต่อผู้มีชีวิตในฟ้าสวรรค์ และต่อผู้ที่อาศัยในโลก
ไม่มีใครจะหยุดพระหัตถ์ของพระองค์
หรือกล่าวกับพระองค์ว่า
“พระองค์ทรงทำอะไรกัน?”
ถอดความจาก ดาเนียล 4:35

เยเรมีย์ 52-2 เผาพระวิหาร!

เยเรมีย์ 52:12-16

เดือนที่ 5 วันที่ 10 ซึ่งเป็นปีที่ 19  แห่งการครองราชย์ของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน
ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ คือ เนบูซาระดาน ผู้รับใช้ของเนบูคัดเนสซาร์ ได้เข้าไปในนครเยรูซาเล็ม
templemai

สิ่งที่เขาทำก็คือ เผาพระวิหารของพระเจ้า  ราชวัง และบ้านเรือนในนครนั้น
บ้านทุกหลังถูกเผาไม่เหลือ
แล้วกองทัพเคลเดียที่อยู่กับผู้บัญชาการนั้น ก็ได้พังกำแพงนครเยรูซาเล็ม
เนบูซาระดาน ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ก็ได้กวาดเหล่าคนยากจนมาก
พร้อมกับคนที่เคยถูกทิ้งเอาไว้ รวมทั้งคนที่เคยหลบหนีไปเข้าข้างกษัตริย์แห่งบาบิโลน
พร้อมกับช่างฝีมือ  ทั้งหมดนี้ เขาเอาไปเป็นเชลย

แต่เนบูซาระดาน ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้ทิ้งคนที่ยากจนที่สุด

เอาไว้เป็นคนทำสวนองุ่น และทำไร่ ทำนา

เยเรมีย์ 39-2 รางวัลแห่งสงคราม

เยเรมีย์ 39:11-18

เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลน ได้บัญชาเนบู-ซาระดานซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์
เรื่องเยเรมีย์ว่า “เอาตัวเขาไป และดูแลเขาให้ดี อย่าทำร้ายเขา
แต่ให้ปฏิบัติต่อเขาตามที่เขาบอก”
ดังนั้น เนบู-ซาระดาน ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์
เนบู-ชัสบานแม่ทัพ
เนอร์กัลซาเรเซอร์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ๋ และข้าราชการของกษัตริ์แห่งบาบิโลน
จึงให้คนนำตัวเยเรมีย์ออกมาจากลานทหารรักษาพระองค์
พวกเขาให้เกดาลิยาห์ลูกชายอาหิคัมซึ่งเป็นลูกชายชาฟาน นำเยเรมีย์ไปที่บ้านje
ดังนั้นเยเรมีย์จึงได้อาศัยอยู่กับประชากรของเขา

 มีพระดำรัสของพระเจ้ามายังเยเรมีย์ตอนที่เขายังอยู่ในลานทหารรักษาพระองค์
“จงไปบอกเอเบด-เมเลคชาวเอธิโอเปียว่า ..

องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า
“เรากำลังจะทำตามคำของเราที่ได้กล่าวต่อสู้เมืองนี้ไว้ เป็นหายนะ ไม่ใช่สวัสดิภาพ
และมันจะสำเร็จต่อหน้าต่อตาเจ้าในวันนั้น
แต่เราจะช่วยเจ้าในวันนั้น … องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศ
และเจ้าจะไม่ถูกมอบไว้่ในมือของคนที่เจ้ากลัว
เพราะเราจะช่วยเจ้าแน่นอน เจ้าจะไม่ตายด้วยดาบ
แต่เจ้าจะมีชีิวิตอยู่  เป็นรางวัลแห่งสงคราม เพราะว่า เจ้าได้วางใจในเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศ”

  declares the Lord, and you shall not be given into the hand of the men oof whom you are afraid. 18 For I will surely save you, and you shall not fall by the sword, but you shall have your plife as a prize of war, qbecause you have put your trust in me, declares the Lord.’”

ฮาบากุก 1-1

ฮาบากุก 1:1-11

ภาระหนักที่ฮาบากุกได้เห็น….

ฮาบากุกร้องทูล

ข้าแต่พระเจ้า  ข้าพเจ้าจะต้องร้องขอความช่วยเหลือนานเท่าไร?  ข้าพเจ้าจะกล่าวคำว่า “ความรุนแรง!”นานเท่าไร และพระองค์ก็ไม่ทรงช่วย.?
เหตุใดพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเห็นความอยุติธรรม และเหตุใดพระองค์ทรงมองความผิดเฉย ๆ?

สิ่งที่ฮาบากุกไม่เข้าใจเลยคือ  ทำไมพระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐาน   เขาขอให้พระเจ้าทรงจัดการกับคนที่ผิด  แต่ดูเหมือนพระองค์ทรงเฉยเมย   ไม่น่าเชื่อ พระองค์ทรงทำอย่างนี้ได้อย่างไร… ตอบข้าพเจ้าหน่อย ฮาบากุกเรียกร้อง

ความพินาศและความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า  การต่อสู้ การแก่งแย่งก็เกิดขึ้นเต็มไปหมด
ดังนั้นกฏหมายจึงไร้อำนาจ และความยุติธรรมก็ไม่เกิดขึ้น
เพราะคนชั่วร้ายรุมล้อมคนชอบธรรม  ดังนั้น ความยุติธรรมจึงถูกบิดเบือน ออกนอกลู่นอกทางไป  เราคงเห็นแล้วว่า ในสังคมเมื่อความชั่วร้ายเกิดขึ้น ขาวกลายเป็นดำ  คนถูกกลายเป็นคนผิด  คนผิดกลายเป็นคนถูกต้อง  ฮาบากุกทนไม่ได้แล้ว  แต่ในที่สุด พระเจ้าทรงให้คำตอบที่ฮาบากุกไม่ชอบใจ

พระเจ้าทรงตอบ
ให้เจ้ามองไปตามประชาชาติต่าง ๆ  และเห็นการอัศจรรย์  ให้เจ้าประหลาดใจได้เลย  เพราะว่า เรากำลังทำราชกิจของเราในวันเวลาที่เจ้ามีชีวิตอยู่   หากเจ้าแค่ได้ยินเรื่องนี้เจ้าจะไม่เชื่อ

ในสมัยของฮาบากุกนั้น  การเมืองต่างประเทศกำลังวุ่นวายไปหมด  อัสซีเรีย (นีนะเวห์)   กำลังจะหมดอำนาจ  ผู้ที่เริ่มมีกำลังมากขึ้นคือเคลเดียซึ่งก็คือบาบิโลนนั่นเอง ผู้นำของบาบิโลนตอนนั้นคือ เนโบโพลัสซาร์   ปี 626 ก่อนคริสตศักราช บาบิโลนเป็นอิสระจากอัสซีเรีย  และค่อย ๆ มีอำนาจมากขึ้นจนกระทั่งสามารถโจมตีอัสซีเรียจนพ่ายราบคาบในปี  605  ก่อนคริสตศักราช    (ทั้งสองอาณาจักรนี้ อยู่ทางตะวันออกของอิสราเอล)

เพราะดูเถิด  เราจะยกคนเคลเดียขึ้น พวกเขาเป็นชาติที่ขมขื่นและเดือดเลือดพล่าน ชาติที่เข้าประจัญบานทะลุผ่านแผ่นดินในโลกเพื่อจับกุมคนที่ไม่ใช่เป็นชนชาติของตน     พวกเขาน่าสะพรึงกลัว และน่าหวาดหวั่น   เขาถือว่า ตัวเขาเองนี่แหละเป็นผู้ให้ความยุติธรรม   พวกเขาแสวงหาเกียรติให้ตนเอง

เนบูคัดเนสซาร์ คือผู้นำกองทัพที่จะมาโจมตียูดาห์ เป็นกษัตริย์ที่เชี่ยวชาญ รวดเร็วในการทำสงคราม

ภาพวาดโดย ชาร์ลส์  เฮนรี่ แกรงเกอร์  (1812-1893)

ม้าศึกของพวกเขานั้นวิ่งเร็วกว่าเสือดาว  ดุร้ายกว่าสุนัขป่ายามค่ำ พลม้าก็ควบมันไปอย่างโอหัง   พลม้านั้นมาจากที่ไกล ราวกับอินทรีบินมาโฉบเหยื่อ
พวกเขาตั้งหน้ามาเพื่อทำการรุนแรง   และโกยกอบเชลยไปเหมือนกอบทราย     พวกเขาเยาะกษัตริย์ทั้งหลาย  และเย้ยเหล่าผู้นำ    พวกเขาหัวเราะให้กับป้อมปราการ  เพราะพวกเขาเพียงก่อดินทรายขึ้นมา แล้วก็ยึดป้อมเหล่านั้นได้   จากนั้นก็กวาดไปเหมือนลมกวาดแล้วก้าวต่อไป  เหล่าคนผิด เขาถือว่า กำลังของเขาคือพระเจ้า

พระเจ้าทรงตอบว่า พระองค์จะทรงยกคนเคลเดียขึ้น!   พวกเขาจะมาทำการรุนแรงกับพวกเรา  .  พระเจ้าทรงใช้คนที่น่ากลัว มีพลังมากอย่างเช่นราชาเนบูคัดเนสซาร์ซึ่งครองเมื่อปี  605 ปีก่อนคริสตศักราช    อาณาจักรที่เนบูคัดเนสซาร์ครองนั้นรุ่งเรืองมาก  จนกระทั่งปี  539 ก่อนคริสตศักราชจึงถูกอาณาจักรเปอร์เซียโจมตี

คนเคลเดียนี้ ไม่สนใจกฎหมายของใครทั้งสิ้น  เขาถือว่า อำนาจสูงสุดอยู่ที่พวกเขาเอง  เป็นพวกที่โจมตีอย่างรวดเร็วทันควัน ไม่รอช้า  พวกเขารวดเร็วเหมือนเสือดาว  ดุเหมือนสุนัขป่า และยังกระหายชัยชนะดั่งอินทรีอีกด้วย

พวกเขาใช้วิธีการโจมตีด้วยม้า และด้วยการสร้างหอคอยเคลื่อนที่ขึ้นมาเพื่อประชิดกำแพงเมืองที่พวกเขาจะเข้าไปโจมตี    และพวกเขาก็ทำสำเร็จเสมอมา   นี่เองทำให้พวกเขาคิดว่า กำลังของเขานี่แหละ คือพระเจ้าของเขา

 

กรุงแตกสมบูรณ์แบบ ๓๖-๓

2 พงศาวดาร 36:15-23

แม้ว่าพระเจ้าจะทรงส่งคนของพระองค์มาเตือนพระราชา และเจ้านายแห่งแผ่นดินยูดาห์ครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านอาโมส  ท่านเยเรมีห์ และอีกหลาย ๆ ท่าน แต่… ไม่มีใครฟัง

พระเจ้าทรงสงสารประชาชนที่กำลังจะต้องกลายเป็นทาสในเมืองไกล พระองค์ปรารถนาจะให้พวกเขากลับใจเสียก่อนที่สิ่งร้าย ๆ จะเกิดขึ้น แต่ผู้คนกลับเยาะเย้ยคนของพระเจ้า

“พวกท่านมาพูดอะไรให้เรา  อย่างไรเราก็อยู่สบายแล้ว ถึงจะเป็นเมืองขึ้น ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก   อย่ามาทำให้เราต้องกลับจงกลับใจเสียให้ยาก”

“พวกท่านเอาบอกว่า กล่าวคำของพระเจ้า  ท่านนะ โง่จริง”  พวกเขาดูหมิ่นคนของพระเจ้า  เท่ากับดูหมิ่นพระองค์ผู้ทรงส่งคนเหล่านั้นมา

พระเจ้าทรงโกรธพวกเขา ที่โง่เขลาแต่ยังอวดฉลาด  พระองค์ทรงโกรธจนไม่อาจยับยั้งความโกรธนั้นได้

น่ากลัวจริง ๆ

เรากลัวไหม?   แต่พวกเขาไม่กลัวกันเลย  คิดว่าจะอยู่กันอย่างสบายใจอย่างนี้ตลอดไป

ในที่สุด พระเจ้าทรงใช้เนบูคัดเนสซาร์มาจัดการกับเขาอีกเป็นครั้งที่สอง!

 

เนบูคัดเนสซาร์สังหารผู้ชายจำนวนมากมายที่อยู่ในสถานนมัสการ   พวกเขาถูกแทง ฟันอย่างโหดเหี้ยม และคนที่เหลือคือเด็ก ผู้หญิงและคนชรา  รวมไปถึงข้าราชการทั้งหลาย คนเก่ง ๆ ต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยในนครบาบิโลน

ราชาแห่งบาบิโลนได้ปล้นเอาเครื่องใช้ทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่อีกไปหมด ไม่ว่าจะจากในพระวิหารหรือราชวัง

ในที่สุด ก็จุดไฟเผานครเยรูซาเล็ม ทำลายทุกสิ่งที่มีค่าซึ่งเอาไปไม่ได้  คนทั้งหลายต้องไปอยู่ในบาบิโลนนานถึง 70 ปี ตามที่พระเจ้าตรัสผ่านท่านเยเรมีห์  ….

ภาพจาก http://www.preteristarchive.com

แต่…สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ

เกิดอะไรขึ้นบ้างในยุคสมัยก่อนที่พวกเขาจะถูกทำลายจริง ๆ

เราได้ยินถึงข่าวพระราชาองค์นั้นดี องค์นี้ชั่ว

ต่อไปเราจะมาดูว่า พระเจ้าทรงห่วงใยคนที่ดื้อดึงเหล่านี้มากเพียงไร พระองค์ทรงทำอย่างไรบ้างกับพวกเขา  และเหตุการณ์ทั้งหมด มันเป็นเรื่องราวที่จะเป็นตัวอย่างให้เรารู้ว่า  เราจะเดินไปกับพระเจ้าผู้ทรงรักเรา ให้เป็นที่พอน้ำพระทัยที่สุดได้อย่างไร

 

 

 

หลานกับลุงขี้แพ้ ๓๖-๒

2 พงศาวดาร 36:6-14

ในช่วงเวลาที่ราชาเยโฮยาคิมครองอยู่นั้นเอง  เนบูคัดเนสซาร์ ราชาแห่งบาบิโลนก็ยกกองทัพมาโจมตีนครเยรูซาเล็ม  ทรงขนเอาทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ในพระวิหารของพระเจ้าไปเก็บไว้ในวิหารนครบาบิโลน

นี่ไง ทรัพย์สินที่ราชาเฮเซคียาห์เคยอวดราชทูตจากบาบิโลน บัดนี้ มันกลายเป็นของคนชาวบาบิโลนไปเสียแล้ว !   เนบูคัดเนสซาร์ทรงสั่งนำเอาราชาเยโฮยาคิม ซึ่งอยู่ในปีที่ 11 ของการครองราชย์ไปเป็นเชลยในนครบาบิโลน

จะมีโอกาสที่นครเยรูซาเล็มจะฟื้นตัวหรือเปล่า?  กลายเป็นว่าตอนนี้ เยโฮยาคีนซึ่งเป็นโอรสอายุ 18 ปีขึ้นครองแทน
อายุ 18 ปี… ต้องขึ้นครองในขณะที่ต้องกลายเป็นเมืองขึ้น กำลังถูกทั้งอียิปต์ทางตะวันตก และบาบิโลนทางตะวันออกบุกรุกอย่างเอาเป็นเอาตาย  จะสามารถพาประเทศไปสู่อิสระได้ไหม?

ยังไม่ทันไร  ราชาเยโฮยาคีนก็เริ่มต้นด้วยการทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า…. สิ้นปีนั้นเอง ราชาเนบูคัดเนสซาร์จึงทรงจับราชาเยโฮยาคีนไปเป็นเชลยอีก ได้ครองเพียง 3 เดือนเท่านั้น  และตั้งลุงที่ยังหนุ่มแน่นของเยโฮยาคีนคือ เศเดคียาห์ให้เป็นกษัตริย์แทน   ตอนนั้นเศเดคียาห์ทรงมีอายุ 21 ปีเท่านั้นเอง!

เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พระเจ้าทรงใช้เยเรมีห์มาชักชวนให้ประชาชนหันกลับไปหาพระเจ้า  ชวนพระราชาให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง

แต่ราชาเศเดคียาห์กลับกลายเป็นคนชั่วร้ายเช่นกัน ! เป็นราชาที่เย่อหยิ่งทั้ง ๆ ที่ปกครองในฐานะเจ้าเมืองขึ้นเท่านั้น  ไม่ยอมฟังสิ่งที่เยเรมีห์เตือนแม้แต่น้อย  ทำแข็งขืนต่อทั้งพระเจ้าและราชาเนบูคัดเนสซาร์

ไม่เพียงพระราชาหลงทาง  บรรดาปุโรหิต เลวี และผู้ใหญ่จำนวนมากมายก็หลงผิดตามไปด้วย  พระวิหารไม่เหลืออะไร และพวกเขาก็ทำให้พระวิหารยิ่งสกปรกไปอีกด้วยการนำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเข้ามาในพระวิหารของพระเจ้าอีก

พระเจ้าจะทรงทำอย่างไรกับพวกเขา?