เยเรมีย์ 15-1 สี่ผู้ทำลาย

เยเรมีย์ 15:1-5

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า “แม้ว่าโมเสส และซามูเอลจะยืนต่อหน้าเรา
แต่ใจของเราจะไม่หันไปหาคนเหล่านี้
เอาพวกเขาไปให้พ้นหน้าเรา  ให้พวกเขาออกไป!

และเมื่อเขาถามเจ้าว่า ‘เราจะไปไหนล่ะ?’
เจ้าจงตอบว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ …
‘คนที่ถูกกำหนดให้ไปเผชิญกับโรคระบาด ก็ไปหาโรคระบาด
คนที่ถูกกำหนดไว้ให้คมดาบ ก็ไปหาคมดาบ
คนที่ถูกกำหนดไว้ให้อดหยาก ก็จะไปเจอการกันดารอาหาร
คนที่ถูกกำหนดไว้ให้เป็นเชลย ก็ไปเป็นเชลย‘

Wild wolf

เราจะให้มีผู้ทำลายสี่แบบ  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
ดาบสังหาร
สุนัขเพื่อฉีกเนื้อ
นกในอากาศ
และสัตว์ป่าบนแผนดินเพื่อกัดกินและทำลาย

และเราจะทำให้พวกเขาเป็นที่น่ากลัวของอาณาจักรต่าง ๆ ในโลก
เป็นเพราะสิ่งที่มนัสเสห์ บุตรชายของเฮเซคียาห์ ราชาแห่งยูดาห์
ได้ลงมือกระทำในนครเยรูซาเล็ม

เยเรมีย์ 14-4 พระผู้ประทานฝน

เยเรมีย์ 14:19-22

พระองค์ทรงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยต่อยูดาห์แล้วหรือ?
พระทัยของพระองค์ชังศิโยนแล้วหรือ?
เหตุใดพระองค์จึงทรงตีเขาจนล้มลง จนไม่มีอะไรจะรักษาให้หายได้?
เราตามหาสันติสุข  แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
เราตามหาการบำบัดรักษา  กลับมีแต่ความสยดสยอง

เรายอมรับว่า เราชั่วช้า เหี้ยมโหด
โอ.. องค์พระผู้เป็นเจ้า  เรายอมรับว่า บรรพบุรุษของเราล่วงละเมิดพระองค์
พวกเราได้กระทำบาปต่อพระองค์
ขออย่าทรงปฏิเสธเราเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์
ขออย่างทรงให้พระบัลลังก์อันตระการของพระองค์เสื่อมเกียรติ
ขอทรงระลึกถึงเรา
ขออย่าทรงหักพันธสัญญาที่ทรงมีต่อเหล่าข้าทั้งหลาย

มีพระปลอมองค์ไหนที่สามารถเทฝนลงมาได้บ้าง?

ภาพของคุณmindfulness http://www.flickr.com/photos/mindfulness/with/35421738/
ภาพของคุณmindfulness http://www.flickr.com/photos/mindfulness/with/35421738/

หรือท้องฟ้าจะเทฝนลงมาได้เองหรือ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์เองทรงเป็นพระเจ้าของเรามิใช่หรือ?
เราหวังใจในพระองค์
เพราะพระองค์ทรงทำราชกิจทั้งสิ้น

เยเรมีย์ 14-3 สำหรับคนโกหก

29 สค. 2013

เยเรมีย์ 14: 13-18

แล้วข้ากล่าวว่า “อา..องค์พระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด เหล่าผู้กล่าวคำต่างพูดกับพวกเขาว่า
“เจ้าจะไม่เจอดาบ จะไม่มีการอดหยาก ขอให้เจ้ามั่นใจได้ว่าจะมีสันติสุขในที่นี้”
และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า
“พวกผู้กล่าวพระวจนะนั้นได้มุสาทำนายในนามของเรา
เราไม่ได้ส่งเข้าไป ไม่ได้บัญชาให้เขาพูดกับประชาชนเช่นนั้น
พวกเขากำลังกล่าวนิมิตที่มุสา  เป็นคำทำนายที่ไร้ค่า
เป็นคำหลอกลวงจากใจของพวกเขา

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัส  “เหล่าผู้กล่าวคำในนามของเรา แม้ว่าเราไม่ได้ส่งเขาไป
และผู้ที่กล่าวว่าจะไม่มีดาบสังหารในแผ่นดิน
เอาล่ะ … ตัวเขาเองจะถูกทำลายด้วยดาบและความอดหยาก
และประชาชนที่ฟังพวกเขาทำนาย ก็จะถูกโยนไปตามถนนในเยรูซาเล็ม
จะกลายเป็นเหยื่อของความอดหยาก และดาบ
ไม่มีใครจะฝังศพของพวกเขา  ภรรยา ลูกชาย ลูกสาวของเขา
เพราะเราจะเทความชั่วของเขาลงบนตัวเขาโดยตรง

mailfung

แล้วเจ้าจะกล่าวคำต่อไปนี้กับพวกเขา
“ขอให้ตาของเรามีน้ำตาทั้งคืน ทั้งวัน ไม่หยุดไหลเลย
เพราะลูกสาวพรหมจารีของคนของเรานั้นมีบาดแผลเหวอะหวะเพราะถูกเฆี่ยนอย่างแรง
หากเราเดินไปยังท้องทุ่ง
ดูเถิด เราเจอคนที่ถูกแทงด้วยดาบ
หากเราเดินเข้าไปในเมือง
ก็เจอแต่โรคระบาดและความอดหยากปากแห้ง
เพราะทั้งเหล่าผู้กล่าวคำของพระเจ้าและปุโรหิตต่างก็หลอกลวงประชาชน
พวกเขาเองไม่รู้จักพระเจ้าเลย

เยเรมีย์ 14-2 แขกแปลกหน้า

เยเรมีย์ 14:8-12

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเป็นความหวังของอิสราเอล
ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในยามลำบาก
แต่เหตุใดพระองค์จึงทรงเป็นเหมือนแขกแปลกหน้าในแผ่นดิน
เป็นเหมือนคนเดินทางที่เข้ามาอาศัยนอนในเมืองคืนเดียว?

เหตุใดพระองค์จึงทรงเป็นเหมือนบุรุษผู้สับสน
เหมือนกับนักรบผู้กล้าซึ่งไม่อาจช่วยเราได้?

แต่กระนั้น ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางเรา
และเราถูกเรียกโดยพระนามของพระองค์
ขออย่างทรงจากเราไปเลย

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสเรื่องประชากรของพระองค์ว่า
“พวกเขาจะเร่ร่อนไป ไม่เคยยับยั้งเท้าของตนเลย
ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ยอมรับเขา

sunset on the ground dried by dryness

 

บัดนี้ พระองค์ทรงระลึกถึงการล่วงละเมิดของเขา
และจะทรงลงโทษบาปของเขา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกัข้าว่า
“อย่าอธิษฐานเพื่อสวัสดิภาพของคนเหล่านี้
เพราะแม้ว่าเขาจะอดอาหาร เราก็จะไม่ฟังเสียงของเขา
และแม้พวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาและธัญบูชาเราก็จะไม่รับ
แต่เราจะผลาญเขาด้วยดาบ ความอดหยากและโรคระบาด!

เยเรมีย์ 14-1 แล้งจริง ๆ

เยเรมีย์ 14:1-7

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงเยเรมีย์ เกี่ยวกับความแห้งแล้ง
ยูดาห์ก็โศกเศร้า ประตูเมืองทั้งหลายอ่อนกำลังไป
ประชาชนคร่ำครวญอยู่ตามพื้นดิน และเสียงร้องของเยรูซาเล็มก็ดังขึ้น

เหล่าชนชั้นสูงส่งคนรับใช้ไปเที่ยวหาน้ำ พวกเขามายังบ่อเก็บน้ำ
แต่ก็ไม่พบน้ำเลย พวกเขากลับไปพร้อมกับภาชนะที่ว่างเปล่า
ทั้งอับอายและขายหน้า จึงต้องเอาผ้ามาคลุมศีรษะ

เพราะแผ่นดินแตกระแหง เนื่องจากไม่มีฝน
เหล่าเกษตรกรก็อับอาย  พวกเขาจึงคลุมศีรษะเสีย

Jer14

แม้กวางตัวเมียในทุ่งก็ยังทิ้งลูกน้อยที่เพิ่งจะเกิดมา เพราะที่นั่นไม่มีหญ้า!
ลาป่ายืนอยู่บนที่สูงโล่ง  พวกมันหอบหาอากาศเหมือนหมาป่า
ตาของมันก็มัวลงเพราะว่า ไม่มีผักหญ้าเลย

แม้ความบาปของเราจะเป็นพยานปรักปรำเรา
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงทำอะไรสักอย่างเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์เถิด..
เพราะเราได้ทรยศพระองค์นับครั้งไม่ถ้วน   เราได้ทำบาปต่อพระองค์

เยเรมีย์ 13-4 หันกลับมาทำดีไม่ได้

เยเรมีย์ 13:21-27
เจ้าจะพูดอย่างไร เมื่อเขาตั้งคนที่เจ้าคิดว่าจะเป็นเพื่อน
ให้เป็นหัวหน้าของเจ้า
แล้วเจ้าจะไม่เจ็บปวดเหมือนหญิงมีครรภ์หรอกหรือ?

และหากเจ้าพูดในใจของเจ้าว่า
‘เหตุใดสิ่งเหล่านี้จึงเกิดขึ้นกับข้า?’
บอกให้ก็ได้  เป็นเพราะความผิดของเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก
เจ้าจึงถูกถลกเสื้อขึ้นมา!  เจ้าจึงต้องเจอกับความรุนแรง!

ชาวเอธิโอเปียจะเปลี่ยนสีผิวของเขาได้หรือ?
เสือดาวจะเปลี่ยนจุดบนผิวหนังของมันได้หรือ?

ภาพโดย Peet van Schalkwyk / Creative Commons License
ภาพโดย Peet van Schalkwyk / Creative Commons License

ถ้าทำได้ พวกเจ้าที่เคยชินกับการทำชั่วจึงจะหันมาทำสิ่งดี ๆ ได้

เราจะทำให้เจ้ากระจัดกระจายออกไปเหมือนแกลบที่ลมทะเลทรายพัดออกไป
นี่เป็นส่วนของเจ้า
ส่วนที่เราตวงให้”
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เพราะพวกเจ้าเราและหันไปเชื่อคำมุสา

เราเอลจะถลกเสื้อคลุมของเจ้าขึ้นมาปิดหน้าเจ้าไว้
และคนทั้งหลายจะเห็นความน่าละอายของเจ้า
เราได้เห็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังของเจ้า
การล่วงประเวณี ราคะ  การเล่นชู้ตามทุ่ง ตามภูเขา
วิบัติแก่เจ้า  เยรูซาเล็ม!

เมื่อไรหนอที่เจ้าจะยอมให้ตัวเองรับการชำระให้สะอาด?”

เยเรมีย์ 13-3 จะต้องไปเป็นเชลย!

เยเรมีย์ 13:15-20
คำเตือนว่าจะต้องไปเป็นเชลย
จงฟัง ตั้งใจดี ๆ อย่าทำอวดดีไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแล้ว
จงถวายพระสิริแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า
ก่อนที่พระองค์จะทรงนำความมืดมา
ก่อนที่เท้าเจ้าจะสะดุด
บนภูเขาที่แสงรำไร
และเมื่อพวกเจ้ามองหาแสงสว่าง
พระองค์กลับทรงทำให้มืดขมุกขมัว และในที่สุดก็มืดสนิท!

rumrai

และหากเจ้าไม่ฟัง จิตวิญญาณของข้าจะร้องไห้เงียบ ๆ
เพราะความเย่อหยิ่งของเจ้า
น้ำตาของข้าจะไหลอย่างขมขื่น ใบหน้านองด้วยน้ำตา
เพราะฝูงสัตว์ของพระเจ้าถูกนำไปเป็นเชลย

จงกล่าวแก่พระราชาและพระมารดาว่า
“จงไปนั่งในที่ต่ำ เพราะบัดนี้ มงกุฎงดงามของเจ้าหลุดจากหัวของเจ้าแล้ว”

เมืองต่าง ๆ ในเนเกบก็ปิดหมด ไม่มีใครเปิดมันได้
ยูดาห์ทั้งสิ้นถูกนำไปเป็นเชลย
ถูกนำไปเป็นเชลจนหมด
“จงเงยหน้าดู  ดูเหล่าคนที่มาจากทางเหนือ
แล้วฝูงสัตว์ดี ๆ ที่มอบไว้ให้แก่เจ้านั้น อยู่ที่ไหน?

เยเรมีย์ 13-2 เหล้าองุ่นเต็มไห

เยเรมีย์ 13:12-14

ดังนั้นเจ้าจงกล่าวคำเหล่านี้แก่พวกเขา

“องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า  .. มีเหล้าองุ่นเต็มอยู่ในไหทุกใบ..

และพวกเขาจะพูดกับเจ้าว่า ..อ๊ะ! พวกเราไม่รู้หรือว่า มีเหล้าองุ่นเต็มไหทุกใบ?..
แล้วเจ้าจะพูดกับเขาว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ..ดูเถอะ เราจะทำให้ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินเมามาย…drunkkon

เหล่าราชาที่ประทับบนบัลลังก์ของดาวิด
เหล่าปุโรหิต
ผู้กล่าวคำของเรา
และพลเมืองที่อาศัยในเยรูซาเล็ม
และเราจะจับให้พวกเขาตีกันเอง ..พ่อกับลูก”   องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“และเราจะไม่สงสาร ไม่ไว้ชีวิต ไม่เมตตา จนเราเปลี่ยนใจไม่ทำลายเขา”

เยเรมีย์ 13-1 ผ้าป่านรุ่งริ่ง

เยเรมีย์ 13:1-11

 

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าดังนี้
“ไป ไปซื้อผ้าป่านคาดเอวมาผื่นหนึ่ง  และคาดเอวเจ้าไว้ อย่าเอาผ้าจุ่มน้ำเด็ดขาด”
ข้าจึงไปซื้อผ้าคาดเอวมาตามพระบัญชาของพระองค์ แล้วคาดเอวไว้

ไม่ทราบผู้วาด... เยเรมีย์เอาผ้ามาคาดเอวและนำไปซ่อนไว้ใต้หินริมน้ำ
ไม่ทราบผู้วาด… เยเรมีย์เอาผ้ามาคาดเอวและนำไปซ่อนไว้ใต้หินริมน้ำ

ต่อมาพระเจ้าตรัสครั้งที่สองว่า “ลุกขึ้น  ผ้าคาดเอวที่เจ้าซื้อมานั้นนะ จงเอาไปซ่อนมันไว้ใต้ซอกหินแห่งหนึ่งริมน้ำยูเฟรตีส”  ดังนั้น ข้าจึงไปยังแม่น้ำยูเฟรตีสและซ่อนมันไว้ตามที่พระเจ้าทรงบัญชา
หลายวันผ่านไป  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า   “ลุกขึ้น!  ไป  เดินทางไปที่แม่น้ำยูเฟรตีนอีก และนำผ้าคาดเอาที่เจ้าซ่อนไว้นั้นกลับมา”

ข้าจึงไปตามนั้น และขุดผ้าคาดเอวนั้นขึ้นมาจากที่ซ่อน  ดูเถอะ ผ้าขาดรุ่งริ่ง และใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย!

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาหาข้าอีก “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า  .. เราจะทำลายความเย่อหยิ่งทะนงตนอันมากล้นของยูดาห์และเยรูซาเล็ม
คนชั่วที่ปฏิเสธไม่ยอมฟังคำของเรานั้น ดื้อดึง ทำตามใจตนเอง และหันไปหาพระอื่น
ไปปรนนิบัติ นมัสการพระเหล่านั้น  พวกเขาจะเป็นเหมือนผ้าคาดเอาผืนนี้ เป็นผ้าที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
ในเมื่อผ้าคาดเอวนั้น เอาไว้เพื่อคาดเอวคนติดตัวเอวไว้  รู้ไหม.. เราก็ได้สร้างให้วงศ์วานยูดาห์และวงศ์วานอิสราเอลติดพันอยู่กับเราเช่นกัน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “เพื่อว่าเขาจะได้เป็นคนของเรา เป็นชื่อเสียง เป็นที่สรรเสริญ และเป็นศักดิ์ศรี … แต่พวกเขากลับไม่ฟัง!”

 

เยเรมีย์ 12-3 จะให้สงสารไหม?

เยเรมีย์ 12:10-16

ผู้เลี้ยงแกะหลายคนได้ทำลายสวนองุ่นของเรา 
พวกเขาเหยียบย่ำสวนของเรายับเยิน
ทำให้ส่วนที่เราพอใจนั้นกลายเป็นถิ่นกันดารรกร้าง

พวกเขาทำให้มันร้างเปล่า  และที่รกร้างนั้นได้ร้องคร่ำครวญต่อเรา
ทั้งแผ่นดินถูกปล่้นสะดมจนไม่เหลืออะไร  เพราะไม่มีใครสนใจ

ผู้ทำลายบุกเข้ามา  บนที่สูงโล่งในทะเลทราย
เพราะพระแสงดาบของพระเจ้าจะกวาดจากสุดแดนข้างหนึ่งไปยังอีกข้าง
จะไม่มีใครมีสันติสุขเลย!

พวกเขาหว่านข้าวสาลี  แต่เก็บเกี่ยวหนาม
พวกเขาทำงานหนักเหน็ดเหนื่อย แต่ไม่ได้อะไร
kaosia
พวกเขาต้องอายจากผลที่ได้รับ  นั่นเป็นเพราะพระเจ้าทรงพิโรธยิ่งนัก

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัส “เพื่อนบ้านชั่วร่้าย
ผู้ไปแตะต้องมรดกที่เราเตรียมให้อิสราเอลคนของเรา
ดูเถิด เราจะถอนพวกเขาออกไป
และเราจะถอดพงศ์พันธุ์ยูดาห์ออกจากพวกเขา

หลังจากที่เราถอนรอกถอนโคนพวกเขาไปแล้ว
เราจะสงสารพวกเขา
และนำพวกเขาแต่ละคนกลับมายังมรดกของเขา
กลับมาของแผ่นดินของเขา

และหากพวกเขาตั้งใจ ขยันขันแข็งที่จะเรียนรู้ทางของคนของเรา
ที่จะปฏิญาณในนามของเรา ..ตราบเท่าที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่..
เหมือนอย่างที่พวกเขาสอนคนของเราให้บฏิญาณตนในนามเจ้าบาอัล
เมื่อนั้น เขาจึงจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ท่ามกลางคนของเรา

แต่หากพวกเขาไม่เชื่อฟัง เราจะถอนรากถอนโคนพวกเขาและทำลายเขาเสีย”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

 

 

เยเรมีย์ 12-2 แข่งไหวหรือ?

เยเรมีย์ 12:5-9

พระเจ้าทรงตอบเยเรมีย์

หากเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์ แล้วเขายังทำให้เจ้าเหนื่อยแรง
เจ้าจะไปวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร?
และหากในแผ่นดินที่เจ้าไว้วางใจ ยังทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อย
เจ้าจะทำอย่างไรกับที่ลุ่มในแม่น้ำจอร์แดน?

mawing

เพราะแม้แต่พี่น้องของเจ้า คนในครอบครัวของพ่อเจ้า
พวกเขาเองก็ได้ทรยศเจ้า ร้องเสียงดังให้ร้ายเจ้า
อย่าเชื่อใจเขาแม้เขาจะพูดจาอ่อนโยนกับเจ้า

“เราได้ละทิ้งบ้านของเรา  ละทิ้งมรดกของเรา
เราได้มอบคนที่เรารักยิ่งไว้ในมือของศัตรู
มรดกของเรากลับกลายเป็นสิงห์ในป่า เขาคำรามใส่เรา
ดังนั้นเราจึงชังเขา
มรดกของเรากลับกลายเป็นเหมือนนกเหยี่ยวสีจุด
และเหยี่ยวตัวรอบ ๆ ก็คอยไล่จิกมัน
มาเถอะ  รวบรวมสัตว์ป่าทั้งสิ้น
ให้มันมาเขมือบพวกมัน

พระเจ้าทรงถามเยเรมีย์ว่า แค่แข่งกับมนุษย์ แค่ล้มในประเทศของตนเอง  แล้วจะไปสู่อะไรกับเรื่องใหญ่ ๆ ที่กำลังตามมา 

เยเรมีย์ 12-1 คิดว่าพระเจ้าไม่เห็น

เยเรมีย์ 12:1-4

คำถามของเยเรมีย์ : 

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระองค์ทรงชอบธรรม
เมื่อข้าทาสร้องทูลต่อพระองค์

แต่กระนั้นขอให้ข้าทาสได้สนทนากับพระองค์เรื่องการพิพากษาของพระองค์..พระเจ้าข้า

เหตุใดคนชั่วร้ายจึงรุ่งเรือง?
เหตุใดคนที่ทรยศจึงมีความสุข?

พระองค์ทรงปลูกพวกเขา.. ใช่ซิ   พวกเขาหยั่งรากลง
พวกเขาเติบโตและออกผล

ปากของเขาเหมือนมีพระองค์อยู่ใกล้แสนใกล้
แต่ใจของเขานั้น ห่างจากพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระองค์ทรงรู้จักข้าทาสคนนี้
ทรงเห็นข้า และทรงทดสอบใจของเข้า
ขอพระองค์ทรงโปรดลากพวกเขาออกไป เหมือนแกะที่ถูกนำไปฆ่า
ขอทรงเตรียมพวกเขาไว้สำหรับวันสังหาร!

นานเท่าไรที่แผ่นดินต้องคร่ำครวญ
และพืชพันธุ์ตามไร่นาต้องเหี่ยวแห้ง
สัตว์ป่าและนกทั้งหลายก็ถูกผลาญไปสิ้น

crisis

นี่เป็นเพราะคนที่อาศัยในแผ่นดินชั่วร้ายนัก
พวกเขากล่าวกันว่า

“พระเจ้าไม่ทรงเห็นหรอกว่า พวกเราจะจบกันอย่างไร”

เยเรมีย์ต้องการทูลต่อพระเจ้า…
และขอร้องให้พระองค์ทรงจัดการกับศัตรูเหมือนกับที่เขารู้สึก…
คือแกะที่ถูกนำไปฆ่า
เขาคิดเสมอว่า เมื่อไร?  เมื่อไร? พระเจ้าจึงจะทรงจัดการ 

เยเรมีย์ 11-3 ผู้ทดสอบใจและความคิด

เยเรมีย์ 11:18-23

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกข้า และข้าก็รู้
พระองค์ทรงเปิดเผยการกระทำของพวกเขา
แต่ข้าเป็นเหมือนลูกแกะเชีื่องที่ถูกนำไปฆ่า
ข้าหารู้ไม่ว่า พวกเขาวางแผนต่อสู้้ข้า  พวกเขากล่าวว่า
“ให้เราทำลายต้นและผลของมัน
ให้เราโค่นมันจากแผ่นดินของคนเป็น
เพื่อว่าชื่อของเขาจะไม่เป็นที่จดจำอีกต่อไป”

แต่ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม
พระองค์ทรงทดสอบจิตใจและความคิด
ขอให้ข้าได้เห็นการแก้แค้นของพระองค์เถิด
เพราะข้าได้มอบเรื่องของข้าไว้กับพระองค์แล้ว

พระเจ้าทรงอยู่เหนือจิตใจและความคิดของเรา ทรงรู้ทุกอย่างที่ลึกลับในความคิดนั้น
พระเจ้าทรงอยู่เหนือจิตใจและความคิดของเรา ทรงรู้ทุกอย่างที่ลึกลับในความคิดนั้น

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับคนจากตำบลอานาโธท ผู้จะเอาชีวิตของเจ้า
ผู้กล่าวแก่เจ้าว่า “อย่าเผยคำของพระเจ้าในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
มิฉะนั้นแล้ว เจ้าจะต้องตายด้วยมือของเราเอง”

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“นี่แนะ เราจะลงโทษพวกเขา  คนหนุ่ม จะตายด้วยดาบ
ลูกชายลูกสาวของเขาจะตายเพราะขาดอาหาร
จะไม่มีใครเหลืออยู่สักคน เพราะเราจะนำหายนะมาสู่คนตำบลอานาโธท
คือปีแห่งการลงโทษเขา!”

เยเรมีย์ 11-2 เจ้าไม่ต้องอธิษฐาน

เยเรมีย์ 11:9-17

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าอีกครั้งว่า
“มีการสมคบคิดในหมู่คนยูดาห์ และคนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม
พวกเขาหันกลับไปทำความชั่วร้ายเหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเขา
ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ยอมฟังคำของเรา
พวกเขาได้ติดตามไปปรนนิบัติพระอื่น ๆ

ทั้งวงศ์วานอิสราเอลและยูดาห์ ต่างหักพันธสัญญาที่เราทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ดังนั้น ดูเถิด เราจะนำหายนะมาสู่เขา
เป็นหายนะที่พวกเขาหนีไม่พ้น
แม้เขาจะร้องทูลต่อเรา เราก็จะไม่ฟังเขา

แล้วหัวเมืองต่าง ๆ ของยูดา กับเหล่าคนที่อยู่ในนครเยรูซาเล็ม จะออกไป
และร้องขอความช่วยเหลือจากพระที่พวกเขาถวายเครื่องบูชา
แต่พระเหล่านั้นก็ไม่อาจช่วยพวกเขาในเวลาลำบากได้
เพราะเจ้าทั้งหลายมีพระมากมายเหมือนกับจำนวนของเมือง
ยูดาห์เอ๋ย เจ้ายังตั้งแท่นบูชาบาอัลที่ทำให้เจ้าต้องอับอาย ตามถนนต่างๆ ของนครเยรูซาเล็ม

ภาพวาดโดยไมเคิล แอนเจลโล
ภาพวาดโดยไมเคิล แอนเจลโล

ดังนั้น เยเรมีย์ เจ้าไม่ต้องอธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้
ไม่ต้องร้องขอเราเพื่อพวกเขา
เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อพวกเขาร้องทูลต่อเราในยามยากลำบาก
“คนที่เรารักมีสิทธิ์มาทำอะไรในวิหารของเรา ในเมื่อเขาทำสิ่งชั่วหลายอย่าง
การถวายเครื่องบูชาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้หรือ?
เจ้าจะพ้นโทษได้หรือ?

ครั้งหนึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเคยเรียกเจ้าว่า .. ต้นมะกอกเขียวสด สวยงามมีผลเต็มต้น..
แต่พระองค์จะทรงเผามันพร้อมด้วยเสียงดังสนั่นแห่งพิโรธ    กิ่งก้านของมันจะถูกเผา

องค์พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ ทรงปลูกเจ้าขึ้นมา และบัดนี้พระองค์ประกาศหายนะของเจ้า
เพราะความชั่วที่วงศ์วานยูดาห์และวงศ์วานอิสราเอลได้กระทำ
พวกเขายั่วพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการเผาเครื่องหอมแก่เจ้าบาอัล!

เยเรมีย์ 11-1 บอกแล้วบอกอีก

เยเรมีย์ 11:1-8

คำขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์
“จงฟังคำแห่งพันธสัญญานี้ และกล่าวกับคนในยูดาห์ รวมทั้งคนที่อาศัยในเยรูซาเล็ม
เจ้าจะพูดกับพวกเขาว่า .. องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้
คำสาปแช่งมีแก่คนที่ไม่ฟังคำแห่งพันธสัญญาซึ๋งเป็นพันธสัญญาที่เราได้บัญชา
แก่บรรพบุรุษของเจ้า ครั้งที่เรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
ออกจากเตาเผาเหล็ก
พระเจ้าตรัสว่า .. จงฟังเสียงของเรา และทำทุกอย่างที่เราบัญชาเจ้า
เพื่อว่า เจ้าจะได้เป็นคนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า..

เพื่อเราจะได้ย้ำคำปฏิญาณที่เราได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า คือ
ที่เราจะให้แผ่นดินอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เหมือนอย่างที่เจ้ามีอยู่ในวันนี้”

แล้วข้าทูลตอบว่า “ขอให้เป็นไปอย่างนั้นเถิดพระเจ้าข้า”

ironf

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า
“เจ้าจงประกาศคำเหล่านี้ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ และในถนนแห่งเยรูซาเล็ม:

..เจ้าทั้งหลายจงฟังคำแห่งพันธสัญญานี้ และกระทำตาม
เพราะเราย้ำนักย้ำหนาตอนที่เรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์  ย้ำแล้วย้ำอีกจนทุกวันนี้ว่า
จะต้องเชื่อฟังเสียงของเรา
แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เอียงหูฟัง
กลับเดินตามใจชั่วและดื้อดึงของตนเอง
ดังนั้นเมื่อไม่เชื่อฟัง    เราก็จะให้สิ่งที่เราบอกไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น  เกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน”
 

เยเรมีย์ 10-3 สงครามจากทางเหนือ

เยเรมีย์ 10:17-25

เหล่าคนที่ถูกล้อมเอาไว้เอ๋ย  พวกเจ้าจงรวบรวมข้าวของขึ้นมาจากพื้นดิน

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้  “ดูเถิด เวลานี้เราจะเหวี่ยงผู้คนที่อาศัยในแผ่นดิน
เราจะนำความทุกข์ยากมาให้
พวกเขาจะรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน”

วิบัติแก่ข้า เพราะความเจ็บปวดของข้า  แผลนั้นสาหัส
แต่ข้ากล่าวว่า “จริงซิ นี่เป็นความทุกข์ใจที่ข้าต้องทนให้ได้”

กระโจมของข้าถูกทำลาย เชือกก็ขาดหมด ลูก ๆ ก็ไปจากข้า
ไม่มีใครอยู่เลย..
ไม่มีใครจะช่วยกางกระโจมออกมาอีก ไม่มีใครช่วยติดม่านให้

เพราะเหล่าผู้เลี้ยงก็โง่บัดซับ  และไม่ทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เจริญรุ่งเรือง
และเหล่าฝูงสัตว์ก็กระจัดกระจายไป

มีเสียงหนึ่ง… ข่าวลือ!!  ดูเถิด มันมาแล้ว !
เป็นเสียงอึกทึกสนั่นลั่นมาจากทางเหนือ
มันมาเพื่อทำให้หัวเมืองยูดาห์ร้างเปล่า
ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหมาป่า

รถม้าศึกแบบนี้ของอัสซีเรียยกมานับไม่ถ้วน ถล่มทลาย ภาพจากwww.militar.org.ua
รถม้าศึกแบบนี้ของอัสซีเรียยกมานับไม่ถ้วน ถล่มทลาย ภาพจากwww.militar.org.ua

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้ารู้ว่า
หนทางของมนุษย์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาเอง
ไม่ใช่ตัวเขา ที่จะนำหนทางชีวิตของตนเอง

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงแก้ไข ตีสอนข้าทาสด้วยความยุติธรรม
ไม่ใช่ด้วยพระพิโรธของพระองค์
มิฉะนั้นแล้วชีวิตของข้าจะสูญเปล่าไป

ขอทรงเทพระพิโรธไปยังประชาชาติที่ไม่รู้จักพระองค์
เทลงบนประชาชาติที่ไม่ได้ออกพระนามของพระองค์
เพราะพวกเขาได้เขมือบยาโคบ   เขาเผาผลาญยาโคบ
ทำให้ที่อาศัยของยาโคบร้างเปล่า…..

 

เยเรมีย์ 10-2 ผู้ทรงเป็นจอมทัพ

เยเรมีย์ 10:8-16

พวกเขาทั้งโง่และเง่า  การตีสอนของรูปปั้นนั้นก็คือไม้เท่านั้นเอง
เครื่องเงินที่ตีแล้วถูกนำมาจากทารซิช
ทองถูกนำมาจากเมืองอุฟาส  มันเป็นผลงานจากน้ำมือของช่างฝีมือและช่างทอง
เสื้อผ้าของรูปปั้นนั้นเป็นสีครามและสีม่วง
เป็นผลงานของคนที่เชี่ยวชาญทั้งสิ้น

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และเป็นองค์ราชานิรันดร์
โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเมื่อพระองค์ทรงกริ้ว
และประชาชาติทั้งหลายก็ไม่อาจต้านทานพระพิโรธของพระองค์ได้

 

ดังนั้น เจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า
“เหล่าพระที่มิได้เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน
จะพินาศไปจากโลก จากใต้ฟ้าสวรรค์!”

 

Galax

ภาพถ่ายของคุณ Rogelio  Bernal Andreo  เป็นดาราจักรที่กำลังหมุน และทางช้างเผือกเหนือ อุทยานแห่งชาติโยซีไมท์  http://noticias.uol.com.br

พระองค์คือผู้ทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์

ทรงสถาปนาโลกนี้ด้วยพระปัญญา
ทรงขึงท้องฟ้าออกด้วยความเข้าใจ

เมื่อพระองค์เปล่งพระสุรเสียง  ก็มีเสียงน้ำพลุ่งพล่านบนท้องฟ้า
พระองค์ทรงทำให้ม่านหมอกเกิดขึ้นจากปลายแผ่นดินโลก
ทรงทำให้ฟ้าแลบแปลบปลาบเพื่อให้เกิดฝน
และทรงนำลมออกมาจากพระคลังของพระองค์

มนุษย์ทุกคนโง่เขลา ไร้ความรู้
ช่างทองทุกคนจะต้องละอายเพราะรูปเคารพของเขา
เพราะรูปเหล่านั้นเป็นสิ่งเท็จ ไม่มีความคิดในรูปนั้น
มันเป็นสิ่งไร้ค่า เป็นผลงานที่ให้ความเชื่อผิด
มันจะพินาศย่อยยับเมื่อถึงเวลาแห่งการลงโทษ

แต่พระองค์ผู้ทรงเป็นส่วนของยาโคบไม่เป็นเช่นสิ่งเหล่านี้
พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นมา
และอิสราเอลเป็นเผ่าพันธุ์ที่จะได้รับมรดกของพระองค์
พระนามของพระองค์คือ  องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เยเรมีย์ 10-1 พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่

เยเรมีย์ 10:1-7

จงฟังคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับเจ้า โอ … วงศ์วานอิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
“อย่าทำตามอย่างชนชาติอื่น ๆ
อย่าสับสน หวาดกลัวหมายสำคัญจากท้องฟัา
เพราะว่าประชาชาติทั้งหลายกลัวสิ่งเหล่านี้
ประเพณีของพวกเขานั้นเป็นอนิจจัง

เขาตัดต้นไม้ต้นหนึ่งจากป่า และช่างก็ใช้ขวานอย่างเชี่ยวชาญ
จากนั้นก็ประดับมันด้วยเงินและทอง
ตอก รัดแน่นด้วยค้อนและตะปู  เพื่อว่ามันจะไม่เขยื้อนไปไหน
รูปของเขาเป็นเหมือนหุ่นไล่กาในทุ่งแตงกวา
มันพูดไม่ได้  และจะต้องขนมันไปมา
อย่าไปกลัวมันเลย…เพราะมันทำชั่วไม่ได้  และทำดีก็ไม่ได้…

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์ 
พระนามของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ 
พระนามของพระองค์ทรงพลานุภาพ

Je10-11

มีผู้ใดบ้างที่จะไม่ยำเกรงพระองค์  โอพระมหาราชาแห่งประชาชาติทั้งหลาย
เพราะนี่คือพระองค์
ท่ามกลางนักปราชญ์ของชนชาติทั้งหลาย
ในอาณาจักรทั้งปวง

ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์!

เยเรมีย์ 9-4 สิ่งที่น่าอวด

เยเรมีย์ 9:20-25

หญิงทั้งหลายเอ๋ย  จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้หูของเจ้าน้อมรับพระคำจากพระโอษฐ์ของพระองค์
สอนลูกสาวของเจ้าให้รู้จักคร่ำครวญ  และสอนเพลงศพให้กับเพื่อนบ้านด้วย

เพราะว่า ความตายคืบคลานมาที่หน้าต่าง
มันเข้ามาในวังของเรา ทำให้ไม่มีเด็กในถนนหนทาง
ไม่มีชายหนุ่มที่ลานเมือง!

จงพูดว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
“ศพของคนตายจะถูกทิ้งไว้เหมือนมูลสัตว์ตามทุ่งโล่ง
เหมือนฟ่อนข้าวที่ล้มตามที่เก็บเกี่ยว
และจะไม่มีใครไปเก็บศพเหล่านั้น”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“อย่าให้คนฉลาด อวดสติปัญญาของตน
อย่าให้คนเข้มแข็งอวดพลังของตน
อย่าให้คนรวยอวดความมั่งคั่งของตน
แต่คนที่จะอวด  ให้เขาอวดว่า
เขาเข้าใจ และรู้จักเราว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงรักอย่างมั่นคง  ทำการยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก
เพราะว่า เราพอใจในสิ่งที่กล่าวมา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ
Is9-4

“ดูเถิด  วันนั้นจะมาถึง”  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“คือเราจะลงโทษคนที่เข้าสุหนัตพอเป็นพิธี
อียิปต์ ยูดาห์ เอโดม  ลูกชายของอัมโมน โมอับและเหล่าคนที่อาศัยในทะเลทราย
ผู้ที่โกนจอนหู  เหล่าคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
รวมไปถึงเหล่าอิสราเอลที่มิได้เข้าสุหนัตทางใจ!

 

 

เยเรมีย์ 9-3 เสียงคร่ำครวญจากศิโยน

เยเรมีย์ 9:13-19

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ..
เพราะพวกเขาได้ละทิ้งธรรมบัญญัติที่เราได้วางไว้ต่อหน้าพวกเขา
และมิได้เชื่อฟังเสียงของเรา ไม่ได้เดินตามคำของเรา

แต่กลับดื้อดึง  เดินตามใจตนเอง  วิ่งไล่ตามบาอัลอย่างที่พ่อเขาสอน

ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสว่า
“ดูเถอะ เราจะเลี้ยงคนเหล่านี้ด้วยบอระเพ็ด และจะให้เขาดื่มน้ำพิษ!

เราจะส่งเขาให้กระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ ที่บรรพบุรุษของเขาไม่เคยรู้จัก
เราจะส่งดาบตามเข้าไปจนกระทั่งเราผลาญเขาเสียสิ้น”
พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส

ดังนั้น  จงไตร่ตรอง และเรียกหญิงผู้ทำหน้าที่ไว้ทุกข์ ร้องไห้คร่ำครวญสำหรับงานศพมา
ไปตามหญิงที่เชียวชาญเหล่านั้นมา

mourner

ให้พวกเธอส่งเสียงร้องไห้ คร่ำครวญ โหยหวน
เพื่อว่าน้ำตาจะหลั่งออกมาจากตาของเรา และหนังตาของเราจะท่วมท้นด้วยน้ำตา

เพราะว่า คนได้ยินเสียงคร่ำครวญออกจากศิโยน
เราย่อยยับกันขนาดไหนนี่?  เราอับอายเป็นที่สุด
เพราะเราต้องทิ้งแผ่นดินของเรา
เพราะพวกเขาได้พังทำลายที่อาศัยของเรา