คำเตือนจากราชา ๑๓-๒

2  พงศาวดาร 13:8-12

ขณะที่กองทัพทั้งสองฝ่ายจะเริ่มรบกัน  ราชาอาบียาห์ก็ทรงตะโกนท่ามกลางทหารจำนวนมากมาย  ทรงกล่าวว่า เยโรโบอัมเป็นคนที่กบฎต่อราชาซาโลมอน

ทรงกล่าวต่อไปว่า

“แล้วตอนนี้ ท่านคิดต่อต้านอาณาจักรของพระเจ้าที่ ลูกหลานของราชาดาวิดปกครอง

พวกท่านเชื่อว่า พวกท่านมีทหารมากมาย และยังมีวัวทองคำเป็นพระ

ท่านขับไล่ปุโรหิตและเลวีออกไป  แล้วยังแต่งตั้งปุโรหิตของตนเองขึ้นมา

คนไหนเอาโคหนุ่มและแกะผู้ 7 ตัวมาชำระตัวก็กลายเป็นปุโรหิตไปได้  แต่… พวกนี้ไม่ได้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าองค์เที่ยงแท้”

คำที่ราชาอาบียาห์ตรัสนั้น…. ทหารทุกคนได้ยิน

ภาพวาดโดย Jean-Honore Fragonard

ราชาอาบียาห์ทรงกล่าวถึงการที่ราชาเรโหโบอัมละทิ้งพระเจ้า และไปกราบไหว้รูปเคารพ

 

“สำหรับพวกเราชาวยูดาห์ทางใต้นี้

เราไม่ได้ละทิ้งพระเจ้าอย่างท่าน

ปุโรหิตของเราก็เป็นลูกหลานของท่านอาโรน   มีเลวีทำหน้าที่ของพวกเขาในพระวิหารอย่างถูกต้อง

คนเหล่านี้ถวายเครื่องเผาบูชาทุกเช้า ทุกเย็น และถวายเครื่องหอม ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างตามที่พระเจ้าทรงสั่งไว้

พวกเรารักษาพระบัญญัติของพระเจ้า

ท่านได้ยินไหม?

แต่พวกท่านกลับละทิ้งพระองค์”

ทำไมราชาอาบียาห์จึงเน้นย้ำสิ่งเหล่านี้นัก?   ทำไมราชาอาบียาห์จึงไม่ทำสงครามทันทีเลย

เพราะราชาอาบียาห์ทรงต้องการที่จะเตือนสติราชาเยโรโบอัมเสียก่อน

“ขอให้ท่านรู้ว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา  และพระองค์ทรงนำหน้าเรา

ปุโรหิตของพระเจ้าพร้อมที่จะเป่าแตรศึกเพื่อทำสงครามกับพวกท่าน

อย่าต่อสู้กับพระเจ้าเลย

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกท่าน

ท่านรู้ไหมว่า ท่านสู้พระองค์ไม่ชนะหรอก”

 

ศึกอาบียาห์-เยโรโบอัม ๑๓-๑

2  พงศาวดาร 13:1-7

18  ปีแล้ว ที่ราชาเยโรโบอัมครองอิสราเอล 10  เผ่าทางเหนือ

ส่วนทางใต้ มีกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นมา คือ ราชาอาบียาห์   ซึ่งบางท่านที่บันทึกประวัติศาสตร์ก็เรียก  อาบียัม ด้วย

กษัตริย์องค์นี้ ครองเพียง 3 ปี   แต่ได้ทำสงคราม กับอาณาจักรเหนือ

อ้างอิงเวลาจาก http://www.kchanson.com/chron/isrkings.html

คือราชาอาบียาห์ออกทำสงครามโดยเกณฑ์คนมา 400,000 คน  ส่วนเยโรโบอัมทางเหนือ เกณฑ์ทหารมาถึง 800,000 คน!

ทหารทั้งสองฝ่ายถูกคัดเลือกแล้วเป็นอย่างดี

แต่… ใต้มีทหารน้อยกว่าเหนือตั้ง 400,000 คน

ช่างมีทรัพยากรมากมายที่จะเลี้ยงทหารเหล่านี้จริงนะ   แค่ครอบครัวเดียว หรือหมู่บ้านเดียวยังยาก  แต่นี่กองทหารใหญ่โต ผู้ชายก็กินเก่งอีกด้วย  …..

อาบียาห์ไม่ได้สั่งทหารโจมตีทันที

แต่พระองค์ขึ้นไปที่ภูเขาเศมาราอิม  เทือกเขาเอฟราอิมที่ทหารทั้งสองฝ่ายตั้งค่ายกันอยู่

เสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นเพื่อเรียกความสนใจของทุกคน

อู   อู่   อู………………….

พระองค์ตรัสเสียงก้องเทือกเขาแถบนั้น ……

“ข้าแต่ราชาเยโรโบอัมและประชาชนอิสราเอลทั้งหลาย  ขอโปรดฟังข้าฯ…”

แค่เสียงของพระราชา ก็พอที่จะทำให้ทุกคนต่างเงี่ยหูฟังให้ชัด

“ท่านทั้งหลายควรจะรู้ว่า  พระเจ้าแห่งอิสราเอล ได้ประทานตำแหน่งกษัตริย์เหนืออิสราเอลตลอดไปแก่ราชาดาวิด…”  ราชาอาบียาห์ทรงรู้ประวัติศาสตร์เป็นอย่างดี

“พระองค์ทรงทำพันธสัญญาเกลือกับวงศ์วานของพระราชา”

“แต่ถึงอย่างนั้น ท่านเยโรโบอัมข้าราชการของราชาซาโลมอนได้กบฏต่อพระราชา  และได้สู้กับราชาเรโหโบอัมขณะที่ยังทรงเป็นเด็กอยู่ และสู้ไม่ไหว”

ราชาอาบียาห์ทรงอ้างถึง  ราชาดาวิด  ราชาซาโลมอน  ราชาเรโหโบอัม ก่อนที่จะสู้กับ ราชาเยโรโบอัม  …..

พระองค์ทรงอ้างสิทธิแห่งการเป็นราชาเหนือประเทศนี้

แต่…. ใครจะฟังเล่า?

 

พันธสัญญาเกลือนั้น เป็นสัญญาที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับคำสัญญาที่ให้ต่อกัน