2 พงศาวดาร 19
ส่วนราชาเยโฮชาฟัทแห่งยูดาห์เสด็จกลับไปถึงนครเยรูซาเล็มอย่างปลอดภัย… ระหว่างทางพระองค์ทรงขอบคุณพระเจ้าที่ทรงไว้ชีวิตพระองค์ ขอบคุณที่ทรงปกป้องให้พ้นจากการรบที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระองค์
แต่ ยังมีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
ทำให้เยฮู ผู้ทำนายคนหนึ่งต้องขอเข้าเฝ้าด่วน…
“ท่านมีอะไรจะบอกเราหรือ ท่านรู้แล้วนี่นาว่า พระเจ้าทรงปกป้องเราจากกษัตริย์ซีเรีย”
“พะยะค่ะ … แต่ทรงรู้ไหมว่า พระเจ้าทรงพิโรธพระองค์ พระองค์ไปช่วยคนอธรรม ไปรักคนที่เกลียดชังองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างราชาอาหับได้อย่างไร? มันสมควรแล้วหรือพะยะค่ะ”
ราชาเยโฮชาฟัททรงนิ่ง…. จริงซินะ ท่านเยฮูพูดถูก เราไปทำอย่างนั้นไม่สมควรเลย
“เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงโกรธ”
“เราเข้าใจแล้ว ท่านเยฮู แล้วนี่จะทำอย่างไรดีที่จะแก้ความผิดของข้าได้”
“แต่พระเจ้ายังทรงเห็นว่า พระองค์ทรงมีความดีในการที่ทรงทำลายเทวรูปต่าง ๆ ออกจากแผ่นดิน และพระทัยของพระองค์ก็มุ่งแสวงหา อยากพบพระเจ้าอย่างแท้จริง”
การสนทนากับเยฮูในวันนั้น ทำให้พระราชาทรงทราบว่า พระองค์ควรจะปฏิบัติอย่างไร
แล้วพระราชาก็ทำสิ่งที่จะช่วยให้ประเทศชาติรอดพ้นภัย
ด้วยการตั้งผู้วินิจฉัย(ทำหน้าที่เหมือนผู้พิพากษา) และคนเลวีให้ออกไปสอนคนให้รู้จักพระเจ้า ให้นำคนตั้งแต่แถบเบเออร์เชบา ไปจนเทือกเขาเอฟราอิมกลับมาหาพระเจ้า สอนละเอียดเลยว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นอย่างไร
พระองค์ทรงส่งพวกเขาไปยังหัวเมืองป้อม ทรงกำชับว่า “ท่านต้องระวังตัวให้ดี ท่านไม่ได้พิพากษาคดีความเพื่อมนุษย์ แต่ท่านทำเพื่อพระเจ้า ขอพระเจ้าสถิตกับพวกท่านในการตัดสินคดีต่าง ๆ และให้ท่านทุกคนยำเกรงพระเจ้า ระวังตัวเสมอ พระเจ้าของเราทรงไม่เห็นแก่หน้าใคร ไม่รับสินบนจากไคร ไม่มีความชั่วในพระองค์ “
ทุกคนน้อมรับคำบัญชาของราชาเยโฮชาฟัท “พะยะค่ะ พวกเราจะทำตามนั้น”
ยังมีคนที่พระราชาแต่งตั้งให้ทำงานในเมืองหลวงด้วย สำหรับคนในเมืองหลวงนี้ พระราชาก็ทรงกำชับให้ทำงานด้วยความสัตย์ซื่อ ด้วยสิ้นสุดใจ ด้วยความยำเกรงพระเจ้า และให้ตักเตือนประชาชนระวังที่จะไม่ละเมิดกฎของพระเจ้า … เพื่อว่าพระเจ้าจะไม่ทรงโกรธ
เราแต่งตั้งให้อามาริยาห์เป็นปุโรหิตใหญ่คอยดูแลสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เศบาดิยาห์ดูแลสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ เลวี ก็จะปรนนิบัติ
ขอให้ทุกคนทำงานอย่างกล้าหาญ และขอพระเจ้าสถิตกับทุกคน”