2 พงศาวดาร 18:12-18
คนสื่อสารที่ไปตามมีคายาห์ ไม่ได้ไปตามเปล่า แต่นำความเห็นของเศเดคียาห์ไปด้วย
หมายความว่าอย่างไรกันล่ะ?
พอเขาพบมีคายาห์ เขาก็เริ่มหว่านล้อมทันที
“ท่านมีคายาห์ ท่านทราบไหมว่า คำจากผู้กล่าวคำเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคำพูดดี ๆ ทำให้พระราชาเกิดความกล้าหาญที่จะไปตีเมืองราโมท-กิเลอาด พวกเขาพูดอย่างไร ขอให้ท่านพูดเหมือนกันกับพวกเขา มันจะได้เป็นพรสำหรับพระราชา”
ผู้สื่อสารคนนี้ไม่รู้จักมีคายาห์….
“พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ข้าจะพูดอย่างที่พระเจ้าตรัสให้ข้าพูด” มีคายาห์ตอบอย่างไม่กลัวเกรง
ผู้สื่อสารจึงนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ จะมามัวต่อล้อต่อเถียง หรือให้สินบนก็ไม่ได้ มีคายาห์ท่านนี้ แม้จะดูเป็นคนธรรมดาที่มีหน้าที่กล่าวคำของรพะเจ้า แต่ก็มีบารมีของพระเจ้าในตัวจริง ๆ เขาจึงพามีคายาห์มาพบพระราชาทั้งสอง
เมื่อมาถึง ราชาอาหับทรงถามเขาว่า
“มีคายาห์ บอกเรามาซิว่า เราควรไปโจมตีเมืองราโมท-กิเลอาด หรือว่าไม่ควรไป”
มีคายาห์ทูลตอบว่า…
“ขอเชิญเสด็จไปพะยะค่ะ พระองค์จะทรงได้ชัยชนะ พวกเขาจะถูกมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”
คำตอบของมีคายาห์ทำให้ทุกคนที่กล่าวคำก่อนหน้านี้ โล่งใจ พวกเขาหันหนัามามองกัน โธ่เอ๋ย ไม่เห็นจะมีน้ำยาก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ ไม่น่าเรียกมาถามเลย
แต่… น้ำเสียงของมีคายาห์ทำให้ราชาอาหับทรงรู้ดีว่า มีคายาห์กำลังประชดพระองค์อยู่
“ก็เราบอกให้เจ้าปฏิญาณไม่ใช่หรือว่า เจ้าจะพูดความจริงในพระนามของพระเจ้า” พระองค์ตรัสกับเขา สุรเสียงกร้าว
“อย่างนั้นก็ได้พะยะค่ะ” มีคายาห์ตอบ
“คือว่า ข้าพระบาทเห็นคนอิสราเอลกระจัดกระจายบนภูเขา พวกเขาเป็นเหมือนแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง”
พอได้ยินเช่นนั้น ราชาอาหับทรงหันมาที่ราชาเยโฮชาฟัท ตรัสขึ้นมาทันทีว่า
“ข้าพเจ้าบอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่า เขาจะไม่เคยพูดถึงข้าพเจ้าดี ๆ เลย มีแต่เรื่องเสียหายทั้งนั้น”
คราวนี้ รู้สึกกริ้วมาก มีคายาห์ตอนต้นพูดเหมือนว่าจะใช้ได้แล้ว แต่ในที่สุด ก็เป็นเหมือนเดิม ราชาอาหับทรงไม่พอใจกับมีคายาห์อย่างยิ่ง
แต่…มีคายาห์ยังมีสิ่งที่จะบอกเล่าอีก “ขอสดับพระวจนะของพระเจ้า เป็นเรื่องที่แปลก”
ราชาเยโฮยาฟัททรงสนใจที่จะฟัง ทรงยิ้มและกล่าวกับมีคายาห์ว่า
“ขอท่านมีคายาห์บอกพวกเรามาเถิดว่า ท่านเห็นอะไร”
มีคายาห์รู้เห็นอะไรมานะ??